งูแสงอาทิตย์ เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่
กาลครั้งหนึ่ง..นานมาแล้ว มีชาวนาเพื่อนคู่หูอยู่ 2 คนไปงานวัดที่หมู่บ้านใกล้เคียง แล้วตอนดึกชาวนาทั้งสองเกิดไปมีเรื่องกับจิ๊กโก๋เจ้าถิ่นเลยต้องวิ่งหนี กระเซอะกระเซิงตามคันนาภายใต้แสงจันทร์เดือนเพ็ญจนกระทั่งเกือบมาถึงหมู่ บ้านของตน ชาวนาคนนึงก็รู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มที่ข้อเท้า(ที่จริงเป็นกิ่งไผ่สีสุกที่ มันเองเอามาโยนทิ้งไว้ตอนไปงานวัด)แล้วก็ล้มลงไปข้างคันนาเพื่อนอีกคนรีบ ปรี่มาช่วยพลันสายตาก็เหลือบเห็นวัตถุยาวๆสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายรุ้ง ระยับ
“งูแสงอาทิตย์! กรูโดนงูแสงอาทิตย์กัด”
หลังจากเพื่อนตะโกนออกมาดังนั้นชาวนาคนที่ล้มซึ่งมีอาการของโรคหัวใจเป็นทุนเดิมก็ตกใจหน้าซีด
(ที่จริงซีดตั้งแต่โดนไล่กระทืบแล้ว)หมดสติไปในที่สุดงูแสงอาทิตย์โชคร้าย นั้นก็โดนตีตายและถูกเก็บเป็นหลักฐานว่าทำให้เพื่อนต้องเกิดเหตุร้ายเช่น นี้ พอหิ้วปีกเพื่อนมาถึงบ้านก็ตะโกนเรียกคนในบ้านให้มาช่วยแล้วเล่าเหตุการณ์ ที่เกิดให้ทุกคนฟังตามที่ตนเข้าใจพร้อมแสดงหลักฐาน
คืนนั้นชาวนาผู้โชคร้ายมีไข้สูงพร้อมกับเพ้อ ใจสั่น แล้วชีพจรก็อ่อนลงๆครั้นพอแสงอาทิตย์ทอแสงผ่านช่องหน้าต่างบ้านมาโดนผู้ป่วย ทุกคนในที่นั้นก็พบว่าชาวนาคนนั้นสิ้นใจแล้ว นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็เป็นที่โจษขานกันปากต่อปากว่า
“หากใครถูกงูแสงอาทิตย์กัดแล้วเมื่อต้องแสงอาทิตย์ แล้วจักต้องตายในทันใด”
ข้างบนนี้เป็นเรื่องที่ผมแต่งจากข้อสันนิษฐานความเชื่อของคนที่มีต่องูแสง อาทิตย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นผมก็ไม่อาจทราบได้รู้แต่ว่าผมได้ยินเรื่องนี้ จากคนหลายๆรุ่น หลายๆวัยที่ผมรู้จักไม่ว่าในเมืองหรือชนบทก็ตาม แต่ด้วยความดื้อของผม ก็เลยไม่ยอมเชื่อก็ได้แต่เออออห่อหมกไปตามนั้นก่อน(กลัวโดนตื้บ)จนกระทั่งผม ได้เรียนรู้เข้าใจความจริงที่แท้จริงของมันว่าอะไรเป็นอะไรมันต้องกลายเป็น แพะ(ทั้ง ๆ ที่เป็นงู)เป็นนักโทษประหารโดยไม่มีความผิดใดๆทั้งสิ้น...
งูแสงอาทิตย์จัดเป็นงูโบราณจากลักษณะที่ยังคงปอดทั้งสองข้างเอาไว้ซึ่งงู ทั่วไปจะเหลือปอดซ้ายเพียงข้างเดียวเพื่อความสะดวกในการเก็บปอดภายในลำตัว แคบๆยาวๆ ด้วยสีตัวดำๆขัดกับชื่อแสงอาทิตย์ที่น่าจะมีสีแดงสดใสจนหลายคนข้องใจแต่ เมื่อตัวดำๆนี้ต้องแสงสว่างอย่างแสงอาทิตย์มันกลับส่งแสงทะท้อนออกมาเป็นสี รุ้งคนก็ดันเข้าใจว่าเป็นพญานาคไปเสียอีกอย่างที่ลงเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ อยู่บ่อยๆแต่นั่นแหละ สิ่งนั้นเป็นที่มาของชื่อแสงอาทิตย์นั่นเอง
งูแสงอาทิตย์เป็นงูไม่มีพิษ หัวมีลักษณะแบน ตามีขนาดเล็ก เกล็ดแข็งแรงเป็นมันลื่นลำตัวตั้งแต่คอจรดโคนหางเป็นทรงกระบอกเสมอกันเป็น สิ่งที่บ่งบอกให้เราทราบว่ามัน เป็นงูที่ขุดอาศัยใต้ดินได้เป็นอย่างดีหากดินนั้นร่วนไม่เหนียวหรือแข็งแต่ บ่อยครั้งที่มันใช้บริการของหนูเข้าไปอยู่ในรูแล้วก็รวมร่างกับเจ้าของรู เป็นหนึ่งเดียวกัน สีที่ดำสนิทของมันก็บอกว่ามันเป็นงูที่ออกหากินเวลากลางคืนเป็นหลักเพื่อให้ ตัวมันกลืนไปกับความมืดส่วนท้องสีขาวนั้นผมก็ไม่ทราบเหตุผล แต่ที่รู้ๆคือมันใช้ชีวิตใต้ดินกับผิวดินดังนั้นมันเลยไม่จำเป็นต้องพลางตัว จากด้านท้องอ้อ..แต่เมื่อยามน้ำท่วมนี่มันก็สามารถขึ้นไปหลบภัยบนต้นไม้ได้ เช่นกันหากใครบอกว่างูแสงอาทิตย์ขึ้นต้นไม้ไม่เป็นนี่อย่าไปเชื่อนะ จะบอกให้ ต่อๆๆๆๆงูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ไม่มีพิษแต่มันมีความสามารถในการกินสูงมากๆ กินได้สารพัดจะกินทั้งนก หนู กบ เขียด ลูกไก่ หรือแม้กระทั่งงูเห่าที่มีขนาดเล็กกว่าโดยใช้การซุ่มรอแล้วกัดหรือไล่กัดเอา ดื้อๆก็ได้ทั้งนั้นแล้วค่อยโอบรัดจนเหยื่อหมดแรงหรือตายแล้วค่อยกลืนกิน อย่างเอร็ดอร่อย ออกลูกโดยการวางไข่แล้วทิ้งไข่ไว้ตามใต้เศษใบไม้แห้งที่ชื้นๆเพื่ออาศัยความ ร้อนจากขบวนการย่อยสลายซากใบไม้เหล่านั้นในการบ่มฟักไข่ระยะเวลาเกือบสาม เดือนนั้นนานพอที่จะให้พัฒนาการของตัวอ่อนในไข่
เป็นตัวงูโดยสมบูรณ์เมื่อมันฟักออกมามันมีลักษณะแทบทุกอย่างเหมือนพ่อแม่ของ มันเว้นเพียงแต่ลูกงูนั้นจะมีลายขวั้นที่คอสีขาวๆแล้วค่อยจางลงไปเมื่อมันโต ขึ้น
งูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ไม่มีความดุร้ายเลยปฏิกิริยาตอบโต้ของมันเมื่อต้อง เผชิญหน้ากับคน มันเลือกการอยู่เฉยเลื้อยหนีหรืออาจมีการขู่ด้วยเสียงคล้ายงูเห่าแล้วทำตัว แบนๆแนบไปกับพื้นโดยไม่มีการกัดเลยไม่ว่ากรณีใดๆต่อให้เอานิ้วแหย่ไปที่ปาก มันก็ไม่กัด ด้วยคุณลักษณะเหล่านี้งูแสงอาทิตย์จึงควรเป็นทางเลือกที่สำคัญในการจัดการ ประชากรหนูเพราะไม่มีกับดักหรือสัตว์ชนิดใดที่มีประสิทธิภาพเท่าโดยไม่ก่อ ให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อระบบนิเวศอย่างแมวนั้นไม่สามารถจับหนูในรูได้ แต่งูแสงอาทิตย์ทำได้ งูเหลือมกับงูเห่าก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนได้แต่งูแสงอาทิตย์นั้นไม่ งูสิงกับงูทางมะพร้าวแม้จะกินหนูนอกรูได้เก่งกว่างูแสงอาทิตย์แต่หลังจาก ปล่อยเพื่อให้มันกินหนูแล้วก็มักเป็นที่หมายปองของนักเปิบทั้งหลายจนจำนวนงู ร่อยหรอลงอย่างน่าใจหายก่อนหนูจะลดลง
เห็นหรือยังว่างูแสงอาทิตย์มีความสำคัญขนาดไหนแล้วเราจะให้ความสำคัญกับมัน ได้หรือยังที่นอกเหนือไปจากเอามันใส่ในบัญชีรายชื่อสัตว์คุ้มครองของไทยที่ เป็นเพียงตัวอักษรบนกระดาษเท่านั้นและให้มันหลุดจากบัญชีรายชื่อแพะที่สำคัญ ในความเชื่อที่มีกันมายาวนานจนฝังรากในสังคมไทย
มนตรี สุมณฑา
1 พ.ย. 2548
Comments
ความคิดเห็น
ความเห็นที่ 1
ความเห็นที่ 2
สีมันสวยมากเลยเพ่
ส่วนมากพบบริเวณพื้นที่ไหนคับ
อยู่ภาคไหนอ่ะคับเพ่
ความเห็นที่ 3
แปลกดี^^
ความเห็นที่ 4
สีสวยเเต่น่ากลัวมากๆเลยค่ะ
ความเห็นที่ 5
ความเห็นที่ 6