เที่ยวเชียงใหม่ด้วยหัวใจสีเขียว
เขียนโดย seoul_med_cmu Authenticated user เมื่อ 30 ธันวาคม 2554
เรื่องและภาพ: อภิชาติ ส่องแสงจันทร์
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2554 ถือเป็นมหาวันศุกร์แห่งชาติของใครหลายๆคนเลยทีเดียว ตอนนี้หลายคนคงอยู่ยนท้องถนน บ้างก็เดินทางกลับบ้าน บ้างก็เดินทางท่องเที่ยว ผมเองพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามดอยต่างๆวันนี้เลยขอมานั่งเขียนบทความเรื่อง ''เที่ยวเชียงใหม่ด้วยหัวใจสีเขียว'' เสียหน่อย เพราะเท่าที่ผมสังเกตดูนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่มาเที่ยวเชียงใหม่เพียงเพื่อมาสัมผัสอากาศหนาวตามยอดดอยต่างๆ โดยที่ไม่ได้สนใจถึงความรู้เล็กๆน้อยๆหรือแม้กระทั่งที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆที่ได้เห็นในสถานที่นั้นๆเลย น่าเสียดายนะครับ ผมคิดว่าบางทีถ้าเราได้รู้ถึงข้อมูลของสิ่งที่เราได้พบได้เห็นนั้นมันจะทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งนั้นๆได้มากทีเดียว...ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเชียงใหม่เพียงบางแห่งที่ผมเคยไปและคิดว่าถ้าผู้อ่านได้มาเที่ยวเชียงใหม่ก็ควรหาเวลาไปเยือนยังสถานที่ต่างๆเหล่านี้ให้ได้สักครั้งนะครับ...
แหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่ง:ขุนช้างเคี่ยนและขุนแม่ยะ
สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช้างเคี่ยน คณะเกษตรศาสตร์ มช หรือที่นักท่องเที่ยวจะรู้จักกันในนาม''ขุนช้างเคี่ยน''นั้นเป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์กาแฟและไม้ผลเมืองหนาว เช่น ท้อ บ้วย พลับ เป็นต้น แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยได้รู้จักสถานีฯแห่งนี้เนื่องมาจากที่นี่เป็นแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่ง (Prunus cerasoides) ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่รองจากขุนแม่ยะ ผมเชื่อเลยว่านักท่องเที่ยวหลายคนที่ตั้งใจมาดูดอกนางพญาเสือโคร่งนี้ไม่รู้จักชื่อจริงๆของมันรู้จักแต่ต้นซากุระ อันที่จริงแล้วไม่ใช่ต้นซากุระพันธุ์เดียวกับญึ่ปุ่นนะครับแต่เป็นต้นนางพญาเสือโคร่งหรือที่เราเรียกกันว่าซากุระดอย ซากุระของญี่ปุ่นนั้นก็มีอยู่หลายสปีชีส์ เช่น Prunus jamasakura, P. serrulata และ P. x yedoensis เป็นต้น ส่วนของไทยเรานั้นเป็น P. cerasoides ซึ่งเป็นคนละสปีชีส์กัน โดยปกติแล้วดอกนางพญาเสือโคร่งมักจะบานช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมแต่ช่วง3ปีที่ผ่านมานี้ผมสังเกตว่านางพญาเสือโคร่งที่ขุนช้างเคี่ยนจะบานไม่พร้อมกันหรือบางต้นก็ไม่บานเลยก็มี อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ผมแนะนำว่าก่อนที่จะขึ้นไปชมควรโทรไปสอบถามเจ้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยหรือเจ้าหน้าที่สถานีฯก่อนจะได้ไม่เสียเวลา นอกจากจะได้ชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งแล้วที่นี่ยังมีร้านกาแฟให้เราได้ลิ้มลองรสชาติกันด้วย การเดินทางก็ค่อนข้างสบายครับแต่ทางจะอคบๆไปหน่อยก็ขับระวังๆครับ แนะนำให้ใช้รถมอเตอร์ไซต์ครับ เจ๋งสุด!!...
ส่วนหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะหรือเรียกสั้นว่าขุนแม่ยะนั้นเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ถือเป็นแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่สวยที่สุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้เพราะเมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งบานพร้อมกันแล้วดอยทั้งดอยก็จะกลายเป็นสีชมพูเลยทีเดียว การเดินทางเข้าไปในขุนแม่ยะนั้นค่อนข้างลำบากหน่อยนะครับเพราะเป็นทางดิน โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถรับจ้างปากทางเข้าหน่วยได้ครับ
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
อ่างกา ยอดดอยอินทนนท์
ยอดดอยอินทนน์ถือเป็นจุดสูงสุดของประเทศไทย มึความสูงประมาณ 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่ยอดดอยอิทนนท์จะมีอ่างกาซึ่งถือว่ามีความสำคัญทางนิเวศวิทยามากเนื่องจากมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำซับกลางป่าดิบเขาเขตอบอุ่น มีการทับถมกันของเศษกิ่งไม้ใบไม้ มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาศัยของพืชและสัตว์หายากหลายชนิด เช่น กุหลาบพันปี มอสข้าวตอกฤาษี เฟิร์นชนิดต่างๆ และนกกินปลีหางยาวเขียวเป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินศึกษาระบบนิเวศบริเวณอ่างกาได้โดยเดินบนสะพานไม้
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ช่วงแรกของเส้นทางจะเดินผ่านป่าดิบชื้นที่มีมอสและเฟิร์นขึ้นอยู่หนาแน่น เดินเข้าไปไม่ไกลนักท่องเที่ยวจะพบกับน้ำตกกิ่วแม่ปาน เมื่อเดินผ่านป่าดิบชื้นออกมาจะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ โดยทุ่งหญ้านี้ฤดูฝนจะมีสีเขียวขจีและจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง-น้ำตาลในช่วงฤดูแล้ง เมื่อเดินผ่านทุ่งหญ้าออกมาจะเจอกับต้นกุหลาบพันปี (ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhododendron moulmainense Hook.) ที่ขึ้นเรียงรายอยู่ตามหน้าผา ที่บริเวณหน้าผาจะมีก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ 2 ก้อนซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์เด่นของกิ่วแม่ปานก็ว่าได้ และถ้าโชคดีนักท่องเที่ยวจะได้เห็นกวางผา (ชื่อวิทยาศาสตร์ Naemorhedus goral) สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ที่พบได้ที่ดอยอินทนน์แห่งนี้
นอกจากนี้หากมาเที่ยวดอยอินทนน์ในช่วงฤดูหนาว อาจจะได้เห็นน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบ (ภาษาเหนือ) อีกด้วย ทางอีสานจะเรียกว่าแม่คะนิ้ง ซึ่งสาเหตุการเกิดน้ำค้างแข็งมีอยู่ 2 สาเหตุคือ 1. เมื่ออุณหภูมิบริเวณผิวโลกลดต่ำลงกว่าจุดเยือกแข็งจะทำให้ไอน้ำกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งและตกลงมาเกาะใบหญ้าบริเวณพื้นดิน 2. เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงและมีความชื้นสัมพัทธ์สูง จะทำให้ไอน้ำกลั่นตัวลงมาเกาะใบหญ้าที่ผิวดิน จากนั้นเมื่ออุณหภูมิของผิวดินลดต่ำเท่ากับจุดเยือกแข็งไอน้ำเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุยถือเป็นผืนป่าที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุดหรือติดกับเมืองเลยก็ว่าได้ สภาพแวดล้อมบนยอดดอยปุยถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นแหล่งดูนกที่สำคัญและยังมีสถานที่สำคัญตั้งอยู่บนดอยแห่งนี้ด้วย เช่น พระตำหนักภูพิงค์ วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดอยสุเทพไม่เคยเงียบเหงาจากนักท่องเที่ยวเลยในแต่ละวัน เมื่อนักท่องเที่ยวเยอะขยะก็เยอะตามไปด้วยไม่เชื่อลองสังเกตสองข้างทางดูสิ แม้แต่เส้นทางเดินป่าก็ตาม คนเราก็นะมีปัญญาเอาเข้าไปแต่ไม่มีปัญญาเอาออก นักท่องเที่ยวสามารถชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินได้ นอกจากนี้หากนักท่องเที่ยวได้เดินป่าโชคดีอาจจะเจอกับพืชและสัตว์หายากอย่างเช่น กระท่างหรือซาลาแมนเดอร์ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Tylototriton verrucosus หรือกระโถนพระฤาษี ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Sapria himalayana Griff. อีกด้วย
ขอให้ทุกๆท่านเดินทางท่องเที่ยวปีใหม่สนุกสนานและปลอดภัยนะครับ สวัสดีปีใหม่คร้าบบผม!!
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2554 ถือเป็นมหาวันศุกร์แห่งชาติของใครหลายๆคนเลยทีเดียว ตอนนี้หลายคนคงอยู่ยนท้องถนน บ้างก็เดินทางกลับบ้าน บ้างก็เดินทางท่องเที่ยว ผมเองพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามดอยต่างๆวันนี้เลยขอมานั่งเขียนบทความเรื่อง ''เที่ยวเชียงใหม่ด้วยหัวใจสีเขียว'' เสียหน่อย เพราะเท่าที่ผมสังเกตดูนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่มาเที่ยวเชียงใหม่เพียงเพื่อมาสัมผัสอากาศหนาวตามยอดดอยต่างๆ โดยที่ไม่ได้สนใจถึงความรู้เล็กๆน้อยๆหรือแม้กระทั่งที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆที่ได้เห็นในสถานที่นั้นๆเลย น่าเสียดายนะครับ ผมคิดว่าบางทีถ้าเราได้รู้ถึงข้อมูลของสิ่งที่เราได้พบได้เห็นนั้นมันจะทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งนั้นๆได้มากทีเดียว...ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเชียงใหม่เพียงบางแห่งที่ผมเคยไปและคิดว่าถ้าผู้อ่านได้มาเที่ยวเชียงใหม่ก็ควรหาเวลาไปเยือนยังสถานที่ต่างๆเหล่านี้ให้ได้สักครั้งนะครับ...
แหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่ง:ขุนช้างเคี่ยนและขุนแม่ยะ
สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช้างเคี่ยน คณะเกษตรศาสตร์ มช หรือที่นักท่องเที่ยวจะรู้จักกันในนาม''ขุนช้างเคี่ยน''นั้นเป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์กาแฟและไม้ผลเมืองหนาว เช่น ท้อ บ้วย พลับ เป็นต้น แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยได้รู้จักสถานีฯแห่งนี้เนื่องมาจากที่นี่เป็นแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่ง (Prunus cerasoides) ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่รองจากขุนแม่ยะ ผมเชื่อเลยว่านักท่องเที่ยวหลายคนที่ตั้งใจมาดูดอกนางพญาเสือโคร่งนี้ไม่รู้จักชื่อจริงๆของมันรู้จักแต่ต้นซากุระ อันที่จริงแล้วไม่ใช่ต้นซากุระพันธุ์เดียวกับญึ่ปุ่นนะครับแต่เป็นต้นนางพญาเสือโคร่งหรือที่เราเรียกกันว่าซากุระดอย ซากุระของญี่ปุ่นนั้นก็มีอยู่หลายสปีชีส์ เช่น Prunus jamasakura, P. serrulata และ P. x yedoensis เป็นต้น ส่วนของไทยเรานั้นเป็น P. cerasoides ซึ่งเป็นคนละสปีชีส์กัน โดยปกติแล้วดอกนางพญาเสือโคร่งมักจะบานช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมแต่ช่วง3ปีที่ผ่านมานี้ผมสังเกตว่านางพญาเสือโคร่งที่ขุนช้างเคี่ยนจะบานไม่พร้อมกันหรือบางต้นก็ไม่บานเลยก็มี อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ผมแนะนำว่าก่อนที่จะขึ้นไปชมควรโทรไปสอบถามเจ้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยหรือเจ้าหน้าที่สถานีฯก่อนจะได้ไม่เสียเวลา นอกจากจะได้ชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งแล้วที่นี่ยังมีร้านกาแฟให้เราได้ลิ้มลองรสชาติกันด้วย การเดินทางก็ค่อนข้างสบายครับแต่ทางจะอคบๆไปหน่อยก็ขับระวังๆครับ แนะนำให้ใช้รถมอเตอร์ไซต์ครับ เจ๋งสุด!!...
ส่วนหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะหรือเรียกสั้นว่าขุนแม่ยะนั้นเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ถือเป็นแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่สวยที่สุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้เพราะเมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งบานพร้อมกันแล้วดอยทั้งดอยก็จะกลายเป็นสีชมพูเลยทีเดียว การเดินทางเข้าไปในขุนแม่ยะนั้นค่อนข้างลำบากหน่อยนะครับเพราะเป็นทางดิน โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถรับจ้างปากทางเข้าหน่วยได้ครับ
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
อ่างกา ยอดดอยอินทนนท์
ยอดดอยอินทนน์ถือเป็นจุดสูงสุดของประเทศไทย มึความสูงประมาณ 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่ยอดดอยอิทนนท์จะมีอ่างกาซึ่งถือว่ามีความสำคัญทางนิเวศวิทยามากเนื่องจากมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำซับกลางป่าดิบเขาเขตอบอุ่น มีการทับถมกันของเศษกิ่งไม้ใบไม้ มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาศัยของพืชและสัตว์หายากหลายชนิด เช่น กุหลาบพันปี มอสข้าวตอกฤาษี เฟิร์นชนิดต่างๆ และนกกินปลีหางยาวเขียวเป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินศึกษาระบบนิเวศบริเวณอ่างกาได้โดยเดินบนสะพานไม้
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ช่วงแรกของเส้นทางจะเดินผ่านป่าดิบชื้นที่มีมอสและเฟิร์นขึ้นอยู่หนาแน่น เดินเข้าไปไม่ไกลนักท่องเที่ยวจะพบกับน้ำตกกิ่วแม่ปาน เมื่อเดินผ่านป่าดิบชื้นออกมาจะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ โดยทุ่งหญ้านี้ฤดูฝนจะมีสีเขียวขจีและจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง-น้ำตาลในช่วงฤดูแล้ง เมื่อเดินผ่านทุ่งหญ้าออกมาจะเจอกับต้นกุหลาบพันปี (ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhododendron moulmainense Hook.) ที่ขึ้นเรียงรายอยู่ตามหน้าผา ที่บริเวณหน้าผาจะมีก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ 2 ก้อนซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์เด่นของกิ่วแม่ปานก็ว่าได้ และถ้าโชคดีนักท่องเที่ยวจะได้เห็นกวางผา (ชื่อวิทยาศาสตร์ Naemorhedus goral) สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ที่พบได้ที่ดอยอินทนน์แห่งนี้
นอกจากนี้หากมาเที่ยวดอยอินทนน์ในช่วงฤดูหนาว อาจจะได้เห็นน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบ (ภาษาเหนือ) อีกด้วย ทางอีสานจะเรียกว่าแม่คะนิ้ง ซึ่งสาเหตุการเกิดน้ำค้างแข็งมีอยู่ 2 สาเหตุคือ 1. เมื่ออุณหภูมิบริเวณผิวโลกลดต่ำลงกว่าจุดเยือกแข็งจะทำให้ไอน้ำกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งและตกลงมาเกาะใบหญ้าบริเวณพื้นดิน 2. เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงและมีความชื้นสัมพัทธ์สูง จะทำให้ไอน้ำกลั่นตัวลงมาเกาะใบหญ้าที่ผิวดิน จากนั้นเมื่ออุณหภูมิของผิวดินลดต่ำเท่ากับจุดเยือกแข็งไอน้ำเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุยถือเป็นผืนป่าที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุดหรือติดกับเมืองเลยก็ว่าได้ สภาพแวดล้อมบนยอดดอยปุยถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นแหล่งดูนกที่สำคัญและยังมีสถานที่สำคัญตั้งอยู่บนดอยแห่งนี้ด้วย เช่น พระตำหนักภูพิงค์ วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดอยสุเทพไม่เคยเงียบเหงาจากนักท่องเที่ยวเลยในแต่ละวัน เมื่อนักท่องเที่ยวเยอะขยะก็เยอะตามไปด้วยไม่เชื่อลองสังเกตสองข้างทางดูสิ แม้แต่เส้นทางเดินป่าก็ตาม คนเราก็นะมีปัญญาเอาเข้าไปแต่ไม่มีปัญญาเอาออก นักท่องเที่ยวสามารถชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินได้ นอกจากนี้หากนักท่องเที่ยวได้เดินป่าโชคดีอาจจะเจอกับพืชและสัตว์หายากอย่างเช่น กระท่างหรือซาลาแมนเดอร์ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Tylototriton verrucosus หรือกระโถนพระฤาษี ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Sapria himalayana Griff. อีกด้วย
ขอให้ทุกๆท่านเดินทางท่องเที่ยวปีใหม่สนุกสนานและปลอดภัยนะครับ สวัสดีปีใหม่คร้าบบผม!!
Comments
ความคิดเห็น
ความเห็นที่ 1
ความเห็นที่ 1.1
@ aqueous_andaman ขนาดผมไม่ใช่คนเชียงใหม่ ยังรักเชียงใหม่สุดหัวใจเลยครับ อิอิ
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 2.1
ความเห็นที่ 3
สวยมากค่ะ...^_^
ความเห็นที่ 4