จดหมายเหตุ: ปรากฏการณ์หาดทรายใต้น้ำตก ณ เทือกเขาบรรทัด
เขียนโดย นณณ์ Authenticated user เมื่อ 9 เมษายน 2556
เรียน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด และ ประชาชนทุกท่าน
ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว/ทำธุระที่จังหวัดพัทลุง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (วันที่ 7 เมษายน 2556) หลังจากทำธุระเสร็จ เพื่อนผมซึ่งชอบปลาเหมือนกัน บอกว่าจะพาไปเที่ยวน้ำตกแห่งหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบอกว่าเป็นจุดที่มีปลาลำธารสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งที่เค้าเคยเห็นมา
จุดที่เราจะไปเป็นน้ำตกไพรวัลย์ อยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา เป็นส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ก่อนถึงทางเข้าน้ำตก เราชะลอรถดูลำธารสายที่ไหลออกมาจากน้ำตก ปรากฏว่าน้ำขุ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับช่วงฤดูแล้ง เพราะลำธารแห่งอื่นที่ไปมาในช่วงนี้น้ำใสปิ๋งกันทั้งนั้น
วันนั้นเป็นวันหยุดยาว (มีชดเชยวันจักรี) แน่นอนว่าคนเยอะ เราทำใจไว้แล้วบางส่วน แต่ไม่นึกว่าจะเยอะขนาดนั้น เห็นจำนวนรถที่จอดอยู่ที่ลาน ก็มั่นใจว่าที่จะมาดำน้ำดูปลาคงจะได้ดูตีนเสียมากกว่า เราเลยจอดรถอยู่ด้านหน้า ผมบอกเพื่อนว่ามาถึงแล้วก็ขอเข้าไปดูเสียหน่อยก็แล้วกัน ว่าแล้วสองคนก็เลยเดินเข้าไปที่น้ำตกซึ่งไม่ไกลเท่าไหร่ เมื่อไปถึงน้ำตกเราเจอกับสิ่งที่คิดว่าไม่ควรจะเกิดขึ้นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดังนี้
1. ทันที ที่เดินไปถึงลำธาร ซึ่งคนเยอะมาก (เรื่องทำไมคนเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้เยอะแยะ ทั้งๆที่หลายๆแห่งต้องขออนุญาตกันเป็นเรื่องเป็นราวคงไม่ขอพูดถึง) เราได้กลิ่นแชมพูและสบู่ฟุ้งไปทั่ว ไปเล่นน้ำที่น้ำตก ทำไมต้องถูสบู่ สระผม ผมไม่เข้าใจ พวกนี้เป็นสารเคมี มีสารลดแรงตึงผิว ซึ่งเป็นพิษกับปลา ไม่ควรอนุญาตให้เอาลงไปใช้ในลำธารในเขตอนุรักษ์เลย
2. พื้นที่ตีนน้ำตกซึ่งน้ำไหลแรง ปรกติจะมีพื้นเป็นหินก้อนใหญ่ๆและมีซอกหลืบมาก ซึ่งจะเป็นที่อยู่ที่ดีของปลาและสัตว์น้ำต่างๆ วันนี้ปรากฏว่ามันกลายเป็นหาดทราย ซอกหลืบหินถูกทรายถมหมด ผมกับเพื่อนงงมากว่าทรายมันมาจากไหนมากมาย เราหันไปเห็นป้าย “โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์...โดยเขตรักษาพันธุ์สัตว์....” ก็เริ่มเอะใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น มองไปไกลทางซ้ายจึงเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังใช้ปั๊มดูดทรายขึ้นมากองอยู่บนลานริมลำธาร (ทำให้น้ำขุ่นไปไกลตามที่เราเห็น) เราเดินไปคุยจึงได้ทราบว่า ทรายที่เห็นเป็นหาดอยู่ที่น้ำตก เป็นทรายที่ถูกนำมาถมจากที่อื่นเพื่อสร้างเป็นหาดให้นักท่องเที่ยวได้เล่น!!! และทรายที่พวกเขากำลังดูดออกจากลำธาร เป็นทรายที่ถมลงไปเยอะเกินก็เลยกำลังดูดขึ้นมาถมที่ลานกางเตนท์ข้างๆ
ผมงง เสียใจ และ โกรธมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเปิดเข้าไปดูในเว็บไซท์ของกรมอุทยานฯ ไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่าพันธกิจของ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” คือการปรับปรุงสถานที่ให้นักท่องเที่ยว ผมเข้าใจมาตลอดว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีไว้เพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่า แน่นอนว่าจะอนุรักษ์ไว้ทำไมถ้าไม่มีการใช้ประโยชน์ จะปล่อยให้เข้าไปเที่ยวบ้างก็ไม่ว่ากัน (ผมก็อยากไป) แต่ไม่ใช่มีการพัฒนาพื้นที่แบบไม่เข้าใจธรรมชาติเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวแบบโครงการนี้ ซึ่งผมมองว่าไม่สมควร
1. ด้วยความเคารพหัวหน้าเขตฯ ผมมั่นใจว่าท่านมีความรู้ความสามารถทางด้านการจัดการป่าไม้และสัตว์ป่าเป็นอย่างดีและคงหวังดีอยากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว แต่การนำทรายไปถมพื้นที่ตีนน้ำตกเป็นการทำลายแหล่งอาศัยของปลาลำธารซึ่งต้องการแหล่งอาศัยเฉพาะ และลำธารในส่วนที่น้ำไหลแรงในเขตภาคใต้ก็มีไม่มากนักเนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเป็นลำธารสายสั้นและพื้นที่ราบ พอตกลงมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ไหลเป็นลำธารที่ราบแล้ว จะไม่ค่อยมีแก่งให้กลุ่มปลาน้ำไหลอาศัยอยู่ การถมทรายคือการถมบ้านของปลากลุ่มนี้ ซึ่งจากเพื่อนผมที่เคยมาระบุว่าพบปลาบางสกุลถึง 3 ชนิดบางชนิดเป็นปลาที่พบเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งถือว่าเป็นความหลากหลายทางชีวภาพที่ควรอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง
2. การนำทรายมาถม ไม่มีทางอยู่ได้อย่างถาวรเนื่องจากพอฤดูน้ำหลากทรายก็จะถูกพัดไหลออกไป เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณและทำให้ลำธารด้านล่างต้องรับทรายเพิ่มเติม ก่อให้เกิดการตื้นเขิน ทำให้น้ำไหลไม่สะดวกอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมต่อไปได้
3. ผมเชื่อว่าแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งควรจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป และการไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ควรได้สัมผัสกับ “ธรรมชาติ” อย่างแท้จริง มิใช่เล่นหาดทรายที่น้ำตก
ข้าพเจ้ามั่นใจว่าโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความหวังดี แต่เนื่องจากเหตุผลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ข้าพเจ้าจึงขอความกรุณาให้ท่านทบทวนนโยบายการจัดการพื้นที่และคืนบ้านให้กับปลาลำธารในบริเวณดังกล่าวต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
ประชาชน
ร่วมลงชื่อได้ทั้งใน ความคิดเห็นด้านล่างและที่ Change.org
ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว/ทำธุระที่จังหวัดพัทลุง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (วันที่ 7 เมษายน 2556) หลังจากทำธุระเสร็จ เพื่อนผมซึ่งชอบปลาเหมือนกัน บอกว่าจะพาไปเที่ยวน้ำตกแห่งหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบอกว่าเป็นจุดที่มีปลาลำธารสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งที่เค้าเคยเห็นมา
จุดที่เราจะไปเป็นน้ำตกไพรวัลย์ อยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา เป็นส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ก่อนถึงทางเข้าน้ำตก เราชะลอรถดูลำธารสายที่ไหลออกมาจากน้ำตก ปรากฏว่าน้ำขุ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับช่วงฤดูแล้ง เพราะลำธารแห่งอื่นที่ไปมาในช่วงนี้น้ำใสปิ๋งกันทั้งนั้น
วันนั้นเป็นวันหยุดยาว (มีชดเชยวันจักรี) แน่นอนว่าคนเยอะ เราทำใจไว้แล้วบางส่วน แต่ไม่นึกว่าจะเยอะขนาดนั้น เห็นจำนวนรถที่จอดอยู่ที่ลาน ก็มั่นใจว่าที่จะมาดำน้ำดูปลาคงจะได้ดูตีนเสียมากกว่า เราเลยจอดรถอยู่ด้านหน้า ผมบอกเพื่อนว่ามาถึงแล้วก็ขอเข้าไปดูเสียหน่อยก็แล้วกัน ว่าแล้วสองคนก็เลยเดินเข้าไปที่น้ำตกซึ่งไม่ไกลเท่าไหร่ เมื่อไปถึงน้ำตกเราเจอกับสิ่งที่คิดว่าไม่ควรจะเกิดขึ้นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดังนี้
1. ทันที ที่เดินไปถึงลำธาร ซึ่งคนเยอะมาก (เรื่องทำไมคนเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้เยอะแยะ ทั้งๆที่หลายๆแห่งต้องขออนุญาตกันเป็นเรื่องเป็นราวคงไม่ขอพูดถึง) เราได้กลิ่นแชมพูและสบู่ฟุ้งไปทั่ว ไปเล่นน้ำที่น้ำตก ทำไมต้องถูสบู่ สระผม ผมไม่เข้าใจ พวกนี้เป็นสารเคมี มีสารลดแรงตึงผิว ซึ่งเป็นพิษกับปลา ไม่ควรอนุญาตให้เอาลงไปใช้ในลำธารในเขตอนุรักษ์เลย
2. พื้นที่ตีนน้ำตกซึ่งน้ำไหลแรง ปรกติจะมีพื้นเป็นหินก้อนใหญ่ๆและมีซอกหลืบมาก ซึ่งจะเป็นที่อยู่ที่ดีของปลาและสัตว์น้ำต่างๆ วันนี้ปรากฏว่ามันกลายเป็นหาดทราย ซอกหลืบหินถูกทรายถมหมด ผมกับเพื่อนงงมากว่าทรายมันมาจากไหนมากมาย เราหันไปเห็นป้าย “โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์...โดยเขตรักษาพันธุ์สัตว์....” ก็เริ่มเอะใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น มองไปไกลทางซ้ายจึงเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังใช้ปั๊มดูดทรายขึ้นมากองอยู่บนลานริมลำธาร (ทำให้น้ำขุ่นไปไกลตามที่เราเห็น) เราเดินไปคุยจึงได้ทราบว่า ทรายที่เห็นเป็นหาดอยู่ที่น้ำตก เป็นทรายที่ถูกนำมาถมจากที่อื่นเพื่อสร้างเป็นหาดให้นักท่องเที่ยวได้เล่น!!! และทรายที่พวกเขากำลังดูดออกจากลำธาร เป็นทรายที่ถมลงไปเยอะเกินก็เลยกำลังดูดขึ้นมาถมที่ลานกางเตนท์ข้างๆ
ผมงง เสียใจ และ โกรธมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเปิดเข้าไปดูในเว็บไซท์ของกรมอุทยานฯ ไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่าพันธกิจของ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” คือการปรับปรุงสถานที่ให้นักท่องเที่ยว ผมเข้าใจมาตลอดว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีไว้เพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่า แน่นอนว่าจะอนุรักษ์ไว้ทำไมถ้าไม่มีการใช้ประโยชน์ จะปล่อยให้เข้าไปเที่ยวบ้างก็ไม่ว่ากัน (ผมก็อยากไป) แต่ไม่ใช่มีการพัฒนาพื้นที่แบบไม่เข้าใจธรรมชาติเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวแบบโครงการนี้ ซึ่งผมมองว่าไม่สมควร
1. ด้วยความเคารพหัวหน้าเขตฯ ผมมั่นใจว่าท่านมีความรู้ความสามารถทางด้านการจัดการป่าไม้และสัตว์ป่าเป็นอย่างดีและคงหวังดีอยากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว แต่การนำทรายไปถมพื้นที่ตีนน้ำตกเป็นการทำลายแหล่งอาศัยของปลาลำธารซึ่งต้องการแหล่งอาศัยเฉพาะ และลำธารในส่วนที่น้ำไหลแรงในเขตภาคใต้ก็มีไม่มากนักเนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเป็นลำธารสายสั้นและพื้นที่ราบ พอตกลงมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ไหลเป็นลำธารที่ราบแล้ว จะไม่ค่อยมีแก่งให้กลุ่มปลาน้ำไหลอาศัยอยู่ การถมทรายคือการถมบ้านของปลากลุ่มนี้ ซึ่งจากเพื่อนผมที่เคยมาระบุว่าพบปลาบางสกุลถึง 3 ชนิดบางชนิดเป็นปลาที่พบเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งถือว่าเป็นความหลากหลายทางชีวภาพที่ควรอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง
2. การนำทรายมาถม ไม่มีทางอยู่ได้อย่างถาวรเนื่องจากพอฤดูน้ำหลากทรายก็จะถูกพัดไหลออกไป เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณและทำให้ลำธารด้านล่างต้องรับทรายเพิ่มเติม ก่อให้เกิดการตื้นเขิน ทำให้น้ำไหลไม่สะดวกอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมต่อไปได้
3. ผมเชื่อว่าแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งควรจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป และการไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ควรได้สัมผัสกับ “ธรรมชาติ” อย่างแท้จริง มิใช่เล่นหาดทรายที่น้ำตก
ข้าพเจ้ามั่นใจว่าโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความหวังดี แต่เนื่องจากเหตุผลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ข้าพเจ้าจึงขอความกรุณาให้ท่านทบทวนนโยบายการจัดการพื้นที่และคืนบ้านให้กับปลาลำธารในบริเวณดังกล่าวต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
ประชาชน
ร่วมลงชื่อได้ทั้งใน ความคิดเห็นด้านล่างและที่ Change.org
Comments
ความคิดเห็น
ความเห็นที่ 1
ขอแบ่งเป็นประเด็น
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ก็ควรไว้รักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไม่เน้นเรื่องท่องเที่ยว (ข้อนี้สำคัญที่สุด)
- ผู้เข้าท่องเที่ยวในเขตธรรมชาติ ควรปรับตัวให้ไม่รวบกวนธรรมชาติ (ไม่ควรใช้สบู่ ยาสระผมในลำธาร)
- สิ่งที่ผู้เข้าท่องเที่ยวในพื้นที่ธรรมชาติควรได้สัมผัสควรได้เห็น ควรเป็น "ธรรมชาติ" อย่างที่มันเป็น มิใช่การปรับเปลี่ยนมัน
ผมเชื่อว่าผู้ดำเนินการทำด้วยความหวังดี แต่ในแง่การอนุรักษ์มันผิดพลาดครับ
เห็นแล้วน้ำตาซึมครับ
ด้วยความเป็นห่วง
ดร.ศีลาวุธ ดำรงศิริ
ประชาชน
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 3
นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่ดูแล้วไม่เหมาะสม ขอให้ทางหน่วยฯ พิจารณาด้วยครับ
ลงชื่อเห็นด้วยทุกประการกับจดหมายเหตุข้างต้นครับ
บัลลังค์ ศิริพิพัฒน์
ความเห็นที่ 4
รับไม่ได้ ร้องเรียนไปทางช่อง3 แล้ว ไม่รู้ได้ผลหรือเปล่า แต่รับไม่ได้จริงๆ
ความเห็นที่ 5
อุทยานแห่งชาติ คือ พื้นที่ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศวิทยา ซึ่งมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นทัศนียภาพอันงดงาม น้ำตก ถ้ำ และภูเขา หรือดอกไม้ และสัตว์นานาชนิด ที่มีความสำคัญยิ่ง
ร่วมลงชื่อด้วยคนครับ
นายวุฒิกร งอกเข้านก
ประชาชน
ความเห็นที่ 6
คิดว่าอะไร ๆ คงแก้ไขทัน นายศิริวัฒน์ แดงศรี ร่วมเสนอให้แก้ไขครับ
ความเห็นที่ 7
การจัดการมนุษย์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาจเป็นทางออกที่ดีกว่า โดยอาศัยการใช้อำนาจทางกฏหมาย
การสนับสนุนให้มนุษย์ใกล้ชิดกับธรรมชาติคือสิ่งดี แต่ต้องแนะนำให้เขาเคารพธรรมชาติด้วยขอรับ
นิรุทธ์ ชมงาม
ความเห็นที่ 8
ขอร่วมลงชื่อด้วยครับ
นพดล สุขเกษม
ความเห็นที่ 9
ไม่นานคงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
เข้าใจ ว่ากำลังเจ้าหน้าที่มีอยู่น้อยคน
การบังคับใช้กฎระเบียบต่างๆ จึงอาจดูแลไม่ทั่วถึง
ทำอย่างไรคนไทยจึงจะมีสำนึกรับผิดชอบมากกว่านี้?
เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมาได้พาลูกสาวไปเที่ยวน้ำตกวชิรภูมิ
นักท่องเที่ยวได้นำอาหารเครื่องดื่มไปรับประทานบริเวณน้ำตก
ซึ่งมีป้ายชัดเจนว่าห้ามน้ำอาหารเครื่องดื่มผ่านเกินจุดนี้เข้าไป
ก็พอเข้าใจ และรับได้ที่คนส่วนใหญ่รับประทานเสร็จแล้วก็รวบรวมขยะไปทิ้งในถังที่จัดไว้ให้
แต่ก็ยังมีอีกหลายคน ทานเสร็จก็เหวี่ยงลงน้ำไปเลย
มันน่าจับตีมือให้หัก
ร่วมลงชื่อครับ
ดวงเดช ใจตุ้ย
ความเห็นที่ 10
นายวิทยา มะสะ
ความเห็นที่ 11
ความเห็นที่ 11.1
สมัครเป็นสมาชิกเลยครับ แล้วก็เอาปัญหามาถามกันที่นี่แหละ แล้วจะมีข้อคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิกครับ มีผู้ให้คำแนะนำแน่นอนครับ