ตอบดร.โสภณ (รอบที่สอง) กรณีที่ท่านย้ำว่าแม่วงก์ไม่มีเสือ
เขียนโดย นณณ์ Authenticated user เมื่อ 8 ตุลาคม 2556
โดย: ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
บทความอ้างอิง: AREA แถลง ฉบับที่ 137/2556: 8 ตุลาคม 2556 ย้ำไม่มีเสือในพื้นที่สร้างเขื่อนแม่วงก์
http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement577.htm
เรื่องป่าบริเวณนี้ไม่สำคัญ
จริงๆเรื่องความสำคัญของป่าบริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ได้มีผู้เขียนถึงไปเยอะมากว่าทำไมเราถึงต้องรักษาไว้ แต่ในเมื่อท่านยังไม่ได้อ่าน ก็จะเขียนให้ฟังอีกครั้งว่าทำไมเราถึงคิดว่าป่าบริเวณนี้มีความสำคัญ
1. บริเวณนี้เป็นป่าที่ราบริมน้ำครับ ท่านทำอสังหาริมทรัพย์น่าจะทราบดีว่า พื้นที่ราบริมน้ำเป็นพื้นที่ๆราคาแพง ใครๆก็อยากอยู่ เพราะมันอยู่ง่ายเดินง่าย มีน้ำใช้ตลอดปี สัตว์ป่าก็เช่นเดียวกันครับ พื้นที่ป่าตะวันตกที่เหลือส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีพื้นที่ราบจริงๆ ก็แค่บริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ราบแถวห้วยขาแข้ง และริมลำน้ำแม่วงก์แถวนี้ครับ เราจึงอยากรักษาป่าตรงนี้ไว้ให้สัตว์
2. ตามภาพ จะเห็นว่าริมลำน้ำจะมีป่าหญ้าอยู่ ป่าหญ้าพวกนี้ส่วนหนึ่งจะตายลงในฤดูน้ำหลาก และจะขึ้นมาใหม่เมื่อน้ำลดลง ซึ่งจะเป็นอาหารที่ดีมากของสัตว์กินพืชครับ ลองนึกภาพสัตว์เป็นคนก็ได้ครับ มีบ้านอยู่เป็นป่า มีแหล่งอาหารขึ้นอยู่ชายป่า ถัดไปเป็นแหล่งน้ำ มันเป็นทำเลทองจริงๆครับ ในหลักการการบริหารประชากรสัตว์ป่าให้เพิ่มจำนวนการเพิ่ม Edge ซึ่งเป็นรอยต่อของป่ากับระบบนิเวศเปิดโล่งเช่นทุ่งหญ้า ทุ่งหญ้าริมลำน้ำ เป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ ขอยกตัวอย่างให้เห็นที่เขาใหญ่ที่มีการถ่างป่าออกบางส่วนและบริหารให้เป็นทุ่งหญ้า จะมีสัตว์กินพืชออกมาใช้พื้นที่เป็นจำนวนมากครับ ไม่ว่่าเสือจะเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้หรือไม่ก็ตาม การที่ประชากรอาหารของเสือในพื้นที่นี้มีมากและเพิ่มขึ้น ในที่สุดแล้วสัตว์เหล่านี้ก็ต้องกระจายตัวออกไปนอกพื้นที่ให้เสือกินอยู่ดีครับ
3. มีสัตว์บางชนิดต้องการพื้นที่เฉพาะลักษณะแบบนี้เพื่อการดำรงชีวิต เช่น นกยูง ซึ่งชอบอาศัยอยู่ในป่าริมน้ำที่มีหาดหิน หาดทราย ปลาตะพากส้ม ซึ่งอาศัยอยู่เฉพาะในลำน้ำที่ราบที่น้ำไหล เป็นต้น
ภาพจาก hugaz.com
เรื่องป่าตรงนั้นไม่มีเสือ
เรื่องเสือจะมีหรือไม่ในป่าบริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน จริงๆแล้วผมคิดว่าทางผู้วิจัยคือ WWF และกรมอุทยานฯ น่าจะตอบได้ดีกว่าผม(และท่านดร.) แต่ก็ไม่มั่นใจว่าท่านจะมีเวลามาตอบหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วผมเคยพบแต่รอยเท้าเสือขนาดเล็ก(น่าจะเป็นเสือไฟ) อยู่ในบริเวณพื้นที่เขื่อน นอกจากนั้นยังพบรอยเท้าของสัตว์กินพืชที่เป็นอาหารของเสือโคร่งเยอะมาก (เห็นเก้งกับตาหนึ่งครั้ง) คือมีป่า มีน้ำ มีอาหาร เสือมีตีน ทำไมเสือมันถึงจะไม่ลงมาครับ? แต่ถ้าท่านยังยืนยันว่าต้องการหลักฐาน ในกรณีของเสือโคร่ง ครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยกับนักวิจัยผมเข้าใจว่าสามารถดักถ่ายภาพเสือจากพื้นที่สร้างเขื่อนได้แล้ว และเมื่อปีที่แล้วก็ได้ยินว่าดักถ่ายได้ห่างจากจุดที่น้ำจะท่วมถึงเพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้ไกลเลยสำหรับสัตว์ที่มีพื้นที่หากินกว้างอย่างเสือ ผมว่าท่านเลิกยกประเด็นเรื่องป่าตรงนี้ไม่มีเสือเถิดครับ อีกสักพักคงจะมีข้อมูล หลักฐานทางวิชาการออกมายืนยันได้เยอะมากครับ
(ส่วนต่อจากนี้เติมวันที่ 10 ตค 2556) ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/photo.php?v=197548157094477
นอกจากนั้นยังพบว่ามีเสือออกจากป่าแม่วงก์มาหากินในพื้นที่ชาวบ้าน เมื่อปี 2554 ด้วยนะครับ
http://www.thairath.co.th/content/region/187527
เรื่องป่าบริเวณนี้ถูกล้อมรอบด้วยชาวบ้านและชุมชน
อีกข้อที่ท่านให้ข้อมูลไม่ตรงนักและเน้นย้ำอยู่ในทั้งสองบทความ คือการใช้คำว่า ป่าตรงที่จะมีการสร้างเขื่อน “ล้อมรอบไปด้วยบ้านชาวบ้านและชุมชนมากมาย” ทำให้คนอ่านคิดไปได้ว่าป่าตรงนี้เป็นเกาะ มีคนอาศัยอยู่ล้อมรอบหมดทุกด้าน ทั้งๆที่จริงๆแล้ว อย่างน้อย 3 ทิศ คือทิศเหนือ ทิศตะวันตก และทิศใต้ พื้นที่ๆจะถูกสร้างเขื่อนติดป่าสมบูรณ์มีแต่เพียงด้านตะวันออกซึ่งติดกับชุมชนและรีสอร์ทไม่กี่แห่งครับ ภาพพื้นที่ดูได้จากบทความนี้ครับ มีระบุจุดแนวสันเขื่อนอยู่ น้ำจะท่วมไปทางทิศตะวันตก (ซ้ายมือของภาพ) ซึ่งเป็นป่าทั้งสิ้น http://siamensis.org/article/38862
กรณีข่าวเสือที่ท่านยกมาเป็นประเด็นว่าถ้าแม่วงก์มีเสือก็ต้องออกมาขบชาวบ้านแล้ว
ผมได้วิเคราะห์ข่าว Hard fact ของท่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ไม่ได้สรุปออกมาเนื่องจากง่วงนอน (ตีสาม) แต่ในเมื่อท่านยังยืนยันใช้ข้อมูลชุดเดิมจึงขออนุญาตวิเคราะห์แต่ละข่าวให้ท่านดังนี้ครับ
1. ข่าว “ชาวบ้าน อ.ประทาย โคราช ออกไล่ล่าเสือโคร่ง หลังพบออกมาหากินในพื้นที่” (www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374306107)
- ผมดูจาก Google พบว่า อ.ประทายอยู่กลางทุ่ง มีป่าอยู่เพียง 3,000 ไร่ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสือขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งหรือเสือดาวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ
- ในเนื้อหาของข่าว มีส่วนที่ระบุชัดเจนว่าผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเป็นเสือที่ถูกปล่อยหรือหลุดจากรถขนสัตว์เถื่อน (ท่านดร.ได้อ่านเนื้อข่าวไหมครับ? เพราะผมงงมากที่ผมชี้ให้เห็นจุดนี้แล้วท่านยังยืนยันอ้างอิงข่าวนี้ขึ้นมาอีก)
- ข่าวเดียวกันนี้ในเว็บไซท์ของข่าวสด ลงภาพรอยตีนด้วย ซึ่งจากภาพจะเห็นว่ามีรอยเล็บเท้าชัดมาก รอยตีนเสือโคร่ง/ดาวไม่มีเล็บเท้าครับ จากภาพฟันธงได้เลยว่ารอยตีนหมาครับ http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhOakl4TURjMU5nPT0=
2. ข่าว “ชาวบ้านพบเสือ 2 ตัว - ผู้ว่าฯ ตาก วอนอย่าล่า (เพราะออกมาจากป่าสมบูรณ์)” (http://hilight.kapยook.com/view/57796)
สองตัวนี้ชัดเจนว่าออกมาจากป่าสมบูรณ์ คงหลงออกมา ไม่ได้ทำอันตรายหรือสร้างความเดือดร้อนแต่อย่างใด ไม่มีข่าวเพิ่มเติมของเสือสองตัวนี้อีกเลย
3. ข่าว “เสือเบตง สิ้นฤทธิ์ จับตายเสือเบตง หลังตะปบชาวบ้านดับ 3 ราย” (http://hilight.kapook.com/view/79574)
ตัวนี้ได้ให้ความเห็นไปแล้วว่าอาจจะเป็นเสือป่าจริงๆ
4. ข่าว “ชาวบ้านขอนแก่นผวา เสือดาวบุกกินไก่ วอน จนท.เร่งล่า” (www.thairath.co.th/content/region/358936)
เป็นอีกกรณีที่เสือโผล่ออกมาอยู่กลางทุ่ง ซึ่งถ้าอ่านข่าวให้ละเอียดก็จะเห็นว่ามีการให้ความเห็นว่าเป็นเสือที่ถูกปล่อยหรือหลุดออกมาระหว่างลักลอบขน เป็นชุดเดียวกับเสือโคราชในข้อ 1
5. ข่าว “ชาวบุรีรัมย์ผวาพบเสือ-รอยเท้าเกลื่อนขณะเข้าป่าหาเห็ด วอน จนท.เร่งจับตัว” (http://www.manager.co.th/Local/viewnews.aspx?NewsID=9560000096492)
รอยตีนตามภาพข่าวเห็นรอยเล็บชัดเจน ฟันธงอีกครั้ง ตีนหมาครับ
พอจะสรุปได้ว่าใน จำนวน 5 ข่าวของท่านมีเพียง 2 ข่าวที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นเสือออกมาจากป่าจริงๆ และมีเพียงตัวเดียวที่ก่อปัญหาและถูกจัดการไปแล้ว ส่วนอีก 3 ข่าว ไม่เสือหลุด/ปล่อยตามที่ผมชี้ไปแล้วในบทความก่อน ก็หมาน้อยธรรมดาครับ
ส่วนกรณีที่ท่านบอกว่าผม “จับแพะชนแกะ” เรื่องอ้างถึงพื้นที่ป่าของประเทศญี่ปุ่นขอชี้แจงดังนี้ครับ
ตามที่ได้ระบุไว้ในบทความแรกว่าผมอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ขับรถมาค่อนข้างไกลพบว่าญี่ปุ่นมีป่าเหลืออยู่มาก (ลูกผมอายุ 6 ขวบยังทักว่าทำไมป่าเค้ากว้างจัง) จำได้คุ้นๆว่าเคยอ่านเจอว่าเป็นประเทศที่มีพื้นที่ป่าปกคลุมประเทศสูงมากประเทศหนึ่งจึงลองค้นดูก็พบว่าสูงมากถึง 67%เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่เหลืออยู่เพียง 30% เท่านั้น ซึ่งตามหลักวิชาการแล้วถ้าจะไม่ให้เกิดกรณีน้ำท่วมหลากโดยไม่เป็นธรรมชาติจะต้องมีพื้นที่ป่าอย่างน้อย 66% (สองในสามของพื้นที่) เรียกว่าตัวเลข 30% ของไทยนั้นน้อยเกินกว่าที่จะรักษาสมดุลไว้ได้อีกแล้ว ในพื้นที่เดียวกันของประเทศไทยจึงมีทั้งอุทกภัยและภัยแล้งห่างกันเพียงไม่กี่เดือน
เมื่อประเทศเรายังดิ้นรนจะทำลายป่าเพื่อการพัฒนากันอีก ผมจึงชี้ให้เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างประเทศญี่ปุ่นเค้าใช้พื้นที่ๆมีอยู่น้อยมากให้เกิดประโยชน์สูงได้ ลองคำนวนพื้นที่ใช้สอยที่มีระหว่างสองประเทศแล้วเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวม พบว่าญี่ปุ่นใช้ที่ดินได้มีประสิทธิภาพกว่าเราประมาณ 47 เท่าครับ เราไม่จำเป็นต้องทำลายป่าอีกแล้ว แต่ขอให้ใช้พื้นที่ๆมีให้มีประสิทธิภาพกว่าในปัจจุบัน เราก็สามารถที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของเราต่อไปได้ครับ ผมคิดว่าผมใช้หน่วยเดียวกันและเขียนถึงเรื่องเดียวกันจึงไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงหาว่าผม “จับแพะชนแกะ”
จริงๆตั้งแต่เห็นท่านดร.โสภณ หันมาสนใจเรื่องเขื่อนแม่วงก์ผมก็ดีใจครับ ท่านเป็นนักประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีชื่อเสียง ผมอยากให้ท่านลองประเมินมูลค่าของเขื่อนแม่วงก์ดู โดยที่ไม่ต้องคิดถึงเสือ นกยูง หาดทรายสวยๆไว้ให้เด็กเล่นน้ำ หรือระบบนิเวศใดๆทั้งสิ้นเลยครับ ใช้ตัวเลขล้วนๆ รายจ่าย รายรับของเขื่อน แบบIncome Approach เลย ผมอยากฟังจากท่านจริงๆว่าสมมุตินะครับ สมมุติว่าเป็นโครงการที่ท่านจะลงทุน ท่านจะกล้าลงทุนในโครงการนี้หรือไม่? ผมเชื่อว่าระดับท่านคงหาข้อมูล EIA ทางด้านเศรษฐกิจมาได้ไม่ยากนักครับ หรือถ้าท่านไม่มีผมพร้อมที่จะส่งให้ครับ เป็น EIA ฉบับปี 2555 นะครับ
ขอแสดงความนับถือ
ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
9 ตุลาคม 2556
บทความอ้างอิง: AREA แถลง ฉบับที่ 137/2556: 8 ตุลาคม 2556 ย้ำไม่มีเสือในพื้นที่สร้างเขื่อนแม่วงก์
http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement577.htm
เรื่องป่าบริเวณนี้ไม่สำคัญ
จริงๆเรื่องความสำคัญของป่าบริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ได้มีผู้เขียนถึงไปเยอะมากว่าทำไมเราถึงต้องรักษาไว้ แต่ในเมื่อท่านยังไม่ได้อ่าน ก็จะเขียนให้ฟังอีกครั้งว่าทำไมเราถึงคิดว่าป่าบริเวณนี้มีความสำคัญ
1. บริเวณนี้เป็นป่าที่ราบริมน้ำครับ ท่านทำอสังหาริมทรัพย์น่าจะทราบดีว่า พื้นที่ราบริมน้ำเป็นพื้นที่ๆราคาแพง ใครๆก็อยากอยู่ เพราะมันอยู่ง่ายเดินง่าย มีน้ำใช้ตลอดปี สัตว์ป่าก็เช่นเดียวกันครับ พื้นที่ป่าตะวันตกที่เหลือส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีพื้นที่ราบจริงๆ ก็แค่บริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ราบแถวห้วยขาแข้ง และริมลำน้ำแม่วงก์แถวนี้ครับ เราจึงอยากรักษาป่าตรงนี้ไว้ให้สัตว์
2. ตามภาพ จะเห็นว่าริมลำน้ำจะมีป่าหญ้าอยู่ ป่าหญ้าพวกนี้ส่วนหนึ่งจะตายลงในฤดูน้ำหลาก และจะขึ้นมาใหม่เมื่อน้ำลดลง ซึ่งจะเป็นอาหารที่ดีมากของสัตว์กินพืชครับ ลองนึกภาพสัตว์เป็นคนก็ได้ครับ มีบ้านอยู่เป็นป่า มีแหล่งอาหารขึ้นอยู่ชายป่า ถัดไปเป็นแหล่งน้ำ มันเป็นทำเลทองจริงๆครับ ในหลักการการบริหารประชากรสัตว์ป่าให้เพิ่มจำนวนการเพิ่ม Edge ซึ่งเป็นรอยต่อของป่ากับระบบนิเวศเปิดโล่งเช่นทุ่งหญ้า ทุ่งหญ้าริมลำน้ำ เป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ ขอยกตัวอย่างให้เห็นที่เขาใหญ่ที่มีการถ่างป่าออกบางส่วนและบริหารให้เป็นทุ่งหญ้า จะมีสัตว์กินพืชออกมาใช้พื้นที่เป็นจำนวนมากครับ ไม่ว่่าเสือจะเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้หรือไม่ก็ตาม การที่ประชากรอาหารของเสือในพื้นที่นี้มีมากและเพิ่มขึ้น ในที่สุดแล้วสัตว์เหล่านี้ก็ต้องกระจายตัวออกไปนอกพื้นที่ให้เสือกินอยู่ดีครับ
3. มีสัตว์บางชนิดต้องการพื้นที่เฉพาะลักษณะแบบนี้เพื่อการดำรงชีวิต เช่น นกยูง ซึ่งชอบอาศัยอยู่ในป่าริมน้ำที่มีหาดหิน หาดทราย ปลาตะพากส้ม ซึ่งอาศัยอยู่เฉพาะในลำน้ำที่ราบที่น้ำไหล เป็นต้น
ภาพจาก hugaz.com
เรื่องป่าตรงนั้นไม่มีเสือ
เรื่องเสือจะมีหรือไม่ในป่าบริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน จริงๆแล้วผมคิดว่าทางผู้วิจัยคือ WWF และกรมอุทยานฯ น่าจะตอบได้ดีกว่าผม(และท่านดร.) แต่ก็ไม่มั่นใจว่าท่านจะมีเวลามาตอบหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วผมเคยพบแต่รอยเท้าเสือขนาดเล็ก(น่าจะเป็นเสือไฟ) อยู่ในบริเวณพื้นที่เขื่อน นอกจากนั้นยังพบรอยเท้าของสัตว์กินพืชที่เป็นอาหารของเสือโคร่งเยอะมาก (เห็นเก้งกับตาหนึ่งครั้ง) คือมีป่า มีน้ำ มีอาหาร เสือมีตีน ทำไมเสือมันถึงจะไม่ลงมาครับ? แต่ถ้าท่านยังยืนยันว่าต้องการหลักฐาน ในกรณีของเสือโคร่ง ครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยกับนักวิจัยผมเข้าใจว่าสามารถดักถ่ายภาพเสือจากพื้นที่สร้างเขื่อนได้แล้ว และเมื่อปีที่แล้วก็ได้ยินว่าดักถ่ายได้ห่างจากจุดที่น้ำจะท่วมถึงเพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้ไกลเลยสำหรับสัตว์ที่มีพื้นที่หากินกว้างอย่างเสือ ผมว่าท่านเลิกยกประเด็นเรื่องป่าตรงนี้ไม่มีเสือเถิดครับ อีกสักพักคงจะมีข้อมูล หลักฐานทางวิชาการออกมายืนยันได้เยอะมากครับ
(ส่วนต่อจากนี้เติมวันที่ 10 ตค 2556) ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/photo.php?v=197548157094477
นอกจากนั้นยังพบว่ามีเสือออกจากป่าแม่วงก์มาหากินในพื้นที่ชาวบ้าน เมื่อปี 2554 ด้วยนะครับ
http://www.thairath.co.th/content/region/187527
เรื่องป่าบริเวณนี้ถูกล้อมรอบด้วยชาวบ้านและชุมชน
อีกข้อที่ท่านให้ข้อมูลไม่ตรงนักและเน้นย้ำอยู่ในทั้งสองบทความ คือการใช้คำว่า ป่าตรงที่จะมีการสร้างเขื่อน “ล้อมรอบไปด้วยบ้านชาวบ้านและชุมชนมากมาย” ทำให้คนอ่านคิดไปได้ว่าป่าตรงนี้เป็นเกาะ มีคนอาศัยอยู่ล้อมรอบหมดทุกด้าน ทั้งๆที่จริงๆแล้ว อย่างน้อย 3 ทิศ คือทิศเหนือ ทิศตะวันตก และทิศใต้ พื้นที่ๆจะถูกสร้างเขื่อนติดป่าสมบูรณ์มีแต่เพียงด้านตะวันออกซึ่งติดกับชุมชนและรีสอร์ทไม่กี่แห่งครับ ภาพพื้นที่ดูได้จากบทความนี้ครับ มีระบุจุดแนวสันเขื่อนอยู่ น้ำจะท่วมไปทางทิศตะวันตก (ซ้ายมือของภาพ) ซึ่งเป็นป่าทั้งสิ้น http://siamensis.org/article/38862
กรณีข่าวเสือที่ท่านยกมาเป็นประเด็นว่าถ้าแม่วงก์มีเสือก็ต้องออกมาขบชาวบ้านแล้ว
ผมได้วิเคราะห์ข่าว Hard fact ของท่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ไม่ได้สรุปออกมาเนื่องจากง่วงนอน (ตีสาม) แต่ในเมื่อท่านยังยืนยันใช้ข้อมูลชุดเดิมจึงขออนุญาตวิเคราะห์แต่ละข่าวให้ท่านดังนี้ครับ
1. ข่าว “ชาวบ้าน อ.ประทาย โคราช ออกไล่ล่าเสือโคร่ง หลังพบออกมาหากินในพื้นที่” (www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374306107)
- ผมดูจาก Google พบว่า อ.ประทายอยู่กลางทุ่ง มีป่าอยู่เพียง 3,000 ไร่ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสือขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งหรือเสือดาวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ
- ในเนื้อหาของข่าว มีส่วนที่ระบุชัดเจนว่าผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเป็นเสือที่ถูกปล่อยหรือหลุดจากรถขนสัตว์เถื่อน (ท่านดร.ได้อ่านเนื้อข่าวไหมครับ? เพราะผมงงมากที่ผมชี้ให้เห็นจุดนี้แล้วท่านยังยืนยันอ้างอิงข่าวนี้ขึ้นมาอีก)
- ข่าวเดียวกันนี้ในเว็บไซท์ของข่าวสด ลงภาพรอยตีนด้วย ซึ่งจากภาพจะเห็นว่ามีรอยเล็บเท้าชัดมาก รอยตีนเสือโคร่ง/ดาวไม่มีเล็บเท้าครับ จากภาพฟันธงได้เลยว่ารอยตีนหมาครับ http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhOakl4TURjMU5nPT0=
2. ข่าว “ชาวบ้านพบเสือ 2 ตัว - ผู้ว่าฯ ตาก วอนอย่าล่า (เพราะออกมาจากป่าสมบูรณ์)” (http://hilight.kapยook.com/view/57796)
สองตัวนี้ชัดเจนว่าออกมาจากป่าสมบูรณ์ คงหลงออกมา ไม่ได้ทำอันตรายหรือสร้างความเดือดร้อนแต่อย่างใด ไม่มีข่าวเพิ่มเติมของเสือสองตัวนี้อีกเลย
3. ข่าว “เสือเบตง สิ้นฤทธิ์ จับตายเสือเบตง หลังตะปบชาวบ้านดับ 3 ราย” (http://hilight.kapook.com/view/79574)
ตัวนี้ได้ให้ความเห็นไปแล้วว่าอาจจะเป็นเสือป่าจริงๆ
4. ข่าว “ชาวบ้านขอนแก่นผวา เสือดาวบุกกินไก่ วอน จนท.เร่งล่า” (www.thairath.co.th/content/region/358936)
เป็นอีกกรณีที่เสือโผล่ออกมาอยู่กลางทุ่ง ซึ่งถ้าอ่านข่าวให้ละเอียดก็จะเห็นว่ามีการให้ความเห็นว่าเป็นเสือที่ถูกปล่อยหรือหลุดออกมาระหว่างลักลอบขน เป็นชุดเดียวกับเสือโคราชในข้อ 1
5. ข่าว “ชาวบุรีรัมย์ผวาพบเสือ-รอยเท้าเกลื่อนขณะเข้าป่าหาเห็ด วอน จนท.เร่งจับตัว” (http://www.manager.co.th/Local/viewnews.aspx?NewsID=9560000096492)
รอยตีนตามภาพข่าวเห็นรอยเล็บชัดเจน ฟันธงอีกครั้ง ตีนหมาครับ
พอจะสรุปได้ว่าใน จำนวน 5 ข่าวของท่านมีเพียง 2 ข่าวที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นเสือออกมาจากป่าจริงๆ และมีเพียงตัวเดียวที่ก่อปัญหาและถูกจัดการไปแล้ว ส่วนอีก 3 ข่าว ไม่เสือหลุด/ปล่อยตามที่ผมชี้ไปแล้วในบทความก่อน ก็หมาน้อยธรรมดาครับ
ส่วนกรณีที่ท่านบอกว่าผม “จับแพะชนแกะ” เรื่องอ้างถึงพื้นที่ป่าของประเทศญี่ปุ่นขอชี้แจงดังนี้ครับ
ตามที่ได้ระบุไว้ในบทความแรกว่าผมอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ขับรถมาค่อนข้างไกลพบว่าญี่ปุ่นมีป่าเหลืออยู่มาก (ลูกผมอายุ 6 ขวบยังทักว่าทำไมป่าเค้ากว้างจัง) จำได้คุ้นๆว่าเคยอ่านเจอว่าเป็นประเทศที่มีพื้นที่ป่าปกคลุมประเทศสูงมากประเทศหนึ่งจึงลองค้นดูก็พบว่าสูงมากถึง 67%เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่เหลืออยู่เพียง 30% เท่านั้น ซึ่งตามหลักวิชาการแล้วถ้าจะไม่ให้เกิดกรณีน้ำท่วมหลากโดยไม่เป็นธรรมชาติจะต้องมีพื้นที่ป่าอย่างน้อย 66% (สองในสามของพื้นที่) เรียกว่าตัวเลข 30% ของไทยนั้นน้อยเกินกว่าที่จะรักษาสมดุลไว้ได้อีกแล้ว ในพื้นที่เดียวกันของประเทศไทยจึงมีทั้งอุทกภัยและภัยแล้งห่างกันเพียงไม่กี่เดือน
เมื่อประเทศเรายังดิ้นรนจะทำลายป่าเพื่อการพัฒนากันอีก ผมจึงชี้ให้เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างประเทศญี่ปุ่นเค้าใช้พื้นที่ๆมีอยู่น้อยมากให้เกิดประโยชน์สูงได้ ลองคำนวนพื้นที่ใช้สอยที่มีระหว่างสองประเทศแล้วเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวม พบว่าญี่ปุ่นใช้ที่ดินได้มีประสิทธิภาพกว่าเราประมาณ 47 เท่าครับ เราไม่จำเป็นต้องทำลายป่าอีกแล้ว แต่ขอให้ใช้พื้นที่ๆมีให้มีประสิทธิภาพกว่าในปัจจุบัน เราก็สามารถที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของเราต่อไปได้ครับ ผมคิดว่าผมใช้หน่วยเดียวกันและเขียนถึงเรื่องเดียวกันจึงไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงหาว่าผม “จับแพะชนแกะ”
จริงๆตั้งแต่เห็นท่านดร.โสภณ หันมาสนใจเรื่องเขื่อนแม่วงก์ผมก็ดีใจครับ ท่านเป็นนักประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีชื่อเสียง ผมอยากให้ท่านลองประเมินมูลค่าของเขื่อนแม่วงก์ดู โดยที่ไม่ต้องคิดถึงเสือ นกยูง หาดทรายสวยๆไว้ให้เด็กเล่นน้ำ หรือระบบนิเวศใดๆทั้งสิ้นเลยครับ ใช้ตัวเลขล้วนๆ รายจ่าย รายรับของเขื่อน แบบIncome Approach เลย ผมอยากฟังจากท่านจริงๆว่าสมมุตินะครับ สมมุติว่าเป็นโครงการที่ท่านจะลงทุน ท่านจะกล้าลงทุนในโครงการนี้หรือไม่? ผมเชื่อว่าระดับท่านคงหาข้อมูล EIA ทางด้านเศรษฐกิจมาได้ไม่ยากนักครับ หรือถ้าท่านไม่มีผมพร้อมที่จะส่งให้ครับ เป็น EIA ฉบับปี 2555 นะครับ
ขอแสดงความนับถือ
ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
9 ตุลาคม 2556
Comments
ความคิดเห็น
ความเห็นที่ 1
แกชอบสร้างประเด็นที่ทำให้แกดัง ผิดถูกไม่รู้ แกไม่รับผิดชอบหรอกค่ะ
ความเห็นที่ 1.1
ความเห็นที่ 1.1.1
ด้วยความนับถือ
อัศวิน
ความเห็นที่ 1.1.2
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 3
ความเห็นที่ 4
ความเห็นที่ 5
ความเห็นที่ 6
ความเห็นที่ 7
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
www.facebook.com/dr.sopon4
ผมเขียนเรื่องนี้ ปรากฏว่ามี ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ จากกลุ่มอนุรักษ์ฯ และ ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ จากกรมอุทยานฯ ออกมาช่วยมองต่างมุม แต่ก็ทำให้ผมยิ่งเห็นชัดว่าในพื้นที่สร้างเขื่อนแม่วงก์ไม่มีเสือจริง ๆ เราลองมาดูกันครับ
ภาพที่ 1: ‘มองต่างมุม’ เรื่องเสือที่ไม่พึงเชื่อง่ายๆ จากการสร้างข่าว
ดร.นณณ์ อธิบายว่า “เวลานักอนุรักษ์บอกว่าป่าบริเวณนั้นเป็นบ้านแหล่งใหญ่ที่สุดของเสือ เราไม่ได้มองแต่พื้นที่บริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อนแค่ 13,000 ไร่ตามที่ท่านเข้าใจ เราไม่ได้มองแค่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ครับ เรามองป่าตะวันตกทั้งผืน” แต่สิ่งที่นักอนุรักษ์นำออกมาโฆษณาชวนเชื่อตามสื่อต่าง ๆ ก็คือมีเสื้อในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อน จึงไม่ควรสร้างเขื่อน
ภาพที่ 2: การชั่งน้ำหนักของคำพูดของประธานมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
แต่ในความเป็นจริง พื้นที่นี้ตั้งอยู่ชายขอบของป่า ล้อมรอบด้วยบ้านชาวบ้านและชุมชนมากมาย มีขนาดเพียง 0.1% หรือ 1 ใน 1,000 ของผืนป่าตะวันตก ผมถึงให้ข้อคิดว่าเสือ 11 ตัวจะมาชุมนุมในพื้นที่เล็ก ๆ ขนาดเพียง 2 เท่าของเขตสาทร เขตที่เล็กที่สุดเขตหนึ่งของกรุงเทพมหานครได้อย่างไร เสือคงไปอยู่ในพื้นที่ 99.9% ของผืนป่ามากกว่า
บรรดาภาพถ่ายเสือที่พบร่องรอยเสือจากองค์กรสัตว์ป่านานาชาติ หรือเจ้าหน้าที่อุทยานนั้น แน่นอนว่าเป็นการพบในป่าลึก ไม่ใช่ในละแวกบ้านของชาวบ้าน ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ระบุจุดพิกัด นำมาตีขลุมได้ และล้วนนำเสนอโดยกลุ่มที่เอนเอียงไปทางพวกต่อต้านการสร้างเขื่อน จึงต้อง “ฟังหูไว้หู” ใช่ว่าจะเชื่อถือได้เสียทีเดียว แล้วรายงาน EIA (ไม่ใช่ EHIA ซึ่ง อ.ศศิน ออกมาคัดค้านทั้งที่ยังทำไม่เสร็จ ไม่มีตัวตน) ก็ต้องตรวจสอบที่มาของข้อมูลเช่นกัน
ภาพที่ 3: ความสวยงามของยอดเขาโมโกจูกับที่ตั้งเขื่อนห่างกันมาก
ดร.ศักดิ์สิทธิ์ บอกว่า “เสือในป่านั้นกลัวคน หากได้กลิ่นคนก็จะเดินหนี” ส่วน ดร.นณณ์ ย้ำว่า (เสือที่ออกมากินคน) “น่าจะเป็นเสือหลุด (จากกรง)” ข้อนี้เรามาดูข้อเท็จจริง (Hard Facts) กัน:
1. ข่าว “ชาวบ้าน อ.ประทาย โคราช ออกไล่ล่าเสือโคร่ง หลังพบออกมาหากินในพื้นที่” (www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374306107)
2. ข่าว “ชาวบ้านพบเสือ 2 ตัว - ผู้ว่าฯ ตาก วอนอย่าล่า (เพราะออกมาจากป่าสมบูรณ์)” (http://hilight.kapook.com/view/57796)
3. ข่าว “เสือเบตง สิ้นฤทธิ์ จับตายเสือเบตง หลังตะปบชาวบ้านดับ 3 ราย” (http://hilight.kapook.com/view/79574)
4. ข่าว “ชาวบ้านขอนแก่นผวา เสือดาวบุกกินไก่ วอน จนท.เร่งล่า” (www.thairath.co.th/content/region/358936)
5. ข่าว “ชาวบุรีรัมย์ผวาพบเสือ-รอยเท้าเกลื่อนขณะเข้าป่าหาเห็ด วอน จนท.เร่งจับตัว” (http://www.manager.co.th/Local/viewnews.aspx?NewsID=9560000096492)
เสือเหล่านี้ส่วนมากคงไม่ได้มาตามสมมติฐานที่ว่าเป็นเสือที่หลุดออกมาจากกรงเป็นหลัก แต่ออกมาหากินโดยพลัดหลงออกมาจากป่าก็มีจนกระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดตากต้องออกมาขอร้องไม่ให้ประชาชนไล่ล่าเสือ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า หากบริเวณใดที่พบเสือ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งโดยรอบก็มีหมู่บ้านชาวบ้านอยู่กันเป็นจำนวนมากนั้น ชาวบ้านคงต้องรู้หรือเคยเห็น และคงผวาเช่นเดียวกับที่อื่น ๆ จนเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ต้องถือปืนยาวออกมาไล่ล่าเหมือนที่อื่น ๆ แล้ว
ภาพที่ 4: การจับตายเสือเบตงที่ออกมาจากป่ากัดคนตาย 3 ศพ รวมทั้งสัตว์เลี้ยง
การอ้างสัญชาตญาณเสือว่าจะไม่ทำร้ายใคร กลัวคน จึงไม่ออกจากป่า คงเป็นแค่การใช้ความรู้เรื่องเสือมาปรามคนอื่นเท่านั้น แต่จากข้อมูลเรื่องเสือทั้งหลายที่ (หลง) ออกจากป่ามากินคนหรือสัตว์นั้น เราได้เห็นกันอยู่เนือง ๆ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นตามข่าวเร็ว ๆ นี้ที่แสดงไว้ ยิ่งกว่านั้นนักต้านเขื่อน (แม่วงก์) ยังแสดงความปริวิตกอีกว่า หากมีการสร้างเขื่อนอาจมีคนแอบผสมโรงล่าสัตว์ ตัดไม้ กรณีนี้นักต้านฯ เหล่านี้ก็ควรออกมาคอยตรวจสอบ หรือนี่เป็นงาน “ปิดทองหลังพระ” ไม่ดังเท่าการออกมาเดินเคลื่อนไหวให้คนสับสน
นักวิชาการบางคนยังอ้างแบบ “จับแพะชนแกะ” ว่าขนาดญี่ปุ่น (ประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่) ยังรักษาป่าไว้ถึง 67% ของพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ความจริงก็คือญี่ปุ่นที่มีขนาดเพียง 71% ของไทยนั้น มีพื้นที่เพาะปลูกได้เพียง 12% เท่านั้น (https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/ja.html) ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา-ภูเขาสูง บุกรุกขึ้นไปอยู่คงไม่ไหวเองต่างหาก
ฟังนักวิชาการ (แม้แต่ผม) ก็ต้องฉุกคิดไว้บ้างครับ โดยเฉพาะพวกนักต้านเขื่อนที่มักพูดจากอคติ
ความเห็นที่ 7.1
ความเห็นที่ 7.2
ภาพถ่ายจาก camera trap เต็มไปหมด ยังหน้าด้านจับแพะชนแกะเพื่อบอกว่าไม่มี
กลับไปอยู่ในรูของคุณเถอะครับ
ความเห็นที่ 8
ย้ำอีกครั้ง อย่าอ้างเสือมาลวงค้านเขื่อนแม่วงก์
ดร.โสภณ พรโชคชัย
www.facebook.com/dr.sopon4
บทความนี้เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีเสือในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ นักวิชาการเสือบางท่านแสดงหลักฐานว่าพบเสือ แต่ไม่ใช่บริเวณที่จะก่อสร้างเขื่อน บางท่านไม่ได้ไปดู แต่กลับฟันธงว่าเป็นรอยเท้าสุนัข
ผมขอขอบพระคุณ ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ และ ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือและป่าที่มามองต่างมุมกับผม ในฐานะ ดร.ด้านการพัฒนาเมืองซึ่งไม่มีความรู้เรื่องป่าและเสือ แต่มีหลักฐานว่าสิ่งที่ท่าน ดร. ทั้งสองพูดนั้น ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยชี้เป็นประเด็นดังนี้
1. ดร.นณณ์ กล่าวว่าอยากรักษาพื้นที่สร้างเขื่อนไว้ให้สัตว์ เพราะมีน้ำให้สัตว์ดื่ม {1} ผมขอเรียนว่าเมื่อสร้างเขื่อนก็ยิ่งมีน้ำและบริเวณหาดหิน หาดทรายให้สัตว์ (ทั้งเสือและเหยื่อของเสือ) เดินไปดื่มได้มากมายกว้างขวางกว่าที่เป็นลำห้วยที่แห้งแล้งในช่วงฤดูร้อนในปัจจุบันเสียอีก และท่านก็ยอมรับว่า ยังมีพื้นที่ราบบริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร และที่ราบแถวห้วยขาแข้งอีกต่างหาก
2. เรื่องที่ ดร.นณณ์ บอกว่าพบเสือที่บริเวณที่สร้างเขื่อนแต่ไม่มีหลักฐานแสดงและท่านก็คัดค้านการสร้างเขื่อน ผมจึงขอไม่เชื่อในข้อนี้ ส่วนที่ ดร.ศักดิ์สิทธิ์ แสดงหลักฐานว่าพบเสือ {3} นั้น ปรากฏว่าเป็นการพบนอกพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนอย่างชัดเจน แต่ที่ผ่านมามีคนนำภาพเสือมาอ้างเพื่อขัดขวางการสร้างเขื่อนมาโดยตลอด
ภาพที่ 1: พื้นที่พบเสืออยู่ที่ห่างไกล โดยใกช้สุดอยู่ที่บ้านปางข้าวสารห่างบจากก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ประมาณ 6 กิโลเมตร ถ้าเดินคงใช้เวลา 5 ชั่วโมง เพราะกรณีไปถึงยอดเขาโมโกจู 27 กิโลเมตร ยังใช้เวลาเดินไปกลับ 5 วัน
3. ที่ผมว่าพื้นที่สร้างเขื่อนล้อมรอบโดยชาวบ้านนั้น ไม่ถึงขนาดว่าถูกตีกรอบแบบเถรตรงเช่นนั้น แต่ดูจากภาพถ่ายก็เห็นชัดเจนว่ามีบ้านชาวบ้านอยู่เต็มไปหมด รีสอร์ทที่พักก็มีนับสิบแห่งในบริเวณใกล้เคียง ถ้าเสือมีจริง ป่านนี้ชาวบ้านคงผวาไปแล้ว และระหว่างการไล่ชาวบ้านนับพันๆ คนเพื่อสร้างเขื่อนในพื้นที่เดิม กับการใช้พื้นที่ขนาดเล็กในที่ใหม่นี้ ผมมั่นใจว่าที่ใหม่นี้น่าจะมีผลกระทบต่อประชาชนน้อยกว่า ผมจึงเห็นแก่ประชาชนมากกว่าเสือ (จร) ครับ
ภาพที่ 2: จากแก่งลานนกยูง (A) มีบ้านเรือนประชาชนอยู่ทั้งด้านตะวันออกและด้านใต้และมีรีสอร์ตนับสิบแห่ง
4. ดร.นณณ์ บอกมีเสือ ผมบอกว่าถ้ามีชาวบ้านคงผวาออกล่าเสือและมีข่าวมายืนยัน และท่านบอกว่า
4.1 กรณีข่าว “ชาวบ้าน อ.ประทาย โคราช ออกไล่ล่าเสือโคร่ง หลังพบออกมาหากินในพื้นที่” (www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374306107) ท่านบอกว่า "ฟันธงได้เลยว่ารอยตีนหมาครับ" แม้ท่านเป็น ดร.ด้านเสือ แต่ไม่ได้ไปตรวจดูเอง ผมจึงขอเชื่อผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มชาวบ้านที่อยู่กับสุนัขมาโดยตลอด ย่อมดูออกว่านั่นไม่ใช่รอยเท้าสุนัขอย่างแน่นอน
4.2 กรณีข่าว “ชาวบ้านพบเสือ 2 ตัว - ผู้ว่าฯ ตาก วอนอย่าล่า (เพราะออกมาจากป่าสมบูรณ์)” (http://hilight.kapook.com/view/57796) ดร.นณณ์ ไพล่พูดไปว่า "สองตัวนี้ชัดเจนว่าออกมาจากป่าสมบูรณ์ คงหลงออกมา ไม่ได้ทำอันตรายหรือสร้างความเดือดร้อนแต่อย่างใด" แต่ประเด็นที่ผมยกก็คือ ถ้ามีเสือที่บริเวณสร้างเขื่อนแม่วงก์จริง ป่านนี้ชาวบ้านคงตื่น ออกไล่ล่าเหมือนกรณีนี้แล้ว แต่ชาวบ้านเฉย แสดงว่าไม่มีเสือนั่นเอง
4.3 กรณีข่าว “เสือเบตง สิ้นฤทธิ์ จับตายเสือเบตง หลังตะปบชาวบ้านดับ 3 ราย” (http://hilight.kapook.com/view/79574) ข่าวนี้ ดร.นณณ์ ก็ยอมรับแล้วว่าเป็นไปได้ที่เป็นเสือจากป่า นั่นเองผมถึงบอกว่าถ้ามีเสือจากป่าให้ชาวบ้านพบ ชาวบ้านคงไม่อยู่เฉย รอเสือมากัดแน่นอน
4.4 กรณีข่าว “ชาวบ้านขอนแก่นผวา เสือดาวบุกกินไก่ วอน จนท.เร่งล่า” (www.thairath.co.th/content/region/358936) ท่านว่าอาจเป็นเสือหลุดออกมา นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องสำคัญที่ผมจะสื่อให้ประชาชนทราบก็คือ ถ้าบริเวณใดมีเสือ ย่อมมีการล่า (เพื่อเอาไปปล่อยในป่า) ชาวบ้านที่แม่วงก์ก็ไม่เคยพบเสือ
4.5 กรณีข่าว “ชาวบุรีรัมย์ผวาพบเสือ-รอยเท้าเกลื่อนขณะเข้าป่าหาเห็ด วอน จนท.เร่งจับตัว” (http://www.manager.co.th/Local/viewnews.aspx?NewsID=9560000096492) ดร.นณณ์ กล่าวว่า "ฟันธงอีกครั้ง ตีนหมาครับ" โดยที่ท่านไม่ได้ไปดูเอง แต่ปรากฏว่า "เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เข้ามาตรวจสอบรอยเท้าสัตว์ที่ชาวบ้านบริเวณทุ่งนาที่บ้านสามเหลี่ยมแล้ว ยืนยันว่าเป็นรอยเท้าเสือจริง" {4}
5. เรื่องที่ ดร.นณณ์ “จับแพะชนแกะ” ว่าขนาดญี่ปุ่น (ประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่) ยังรักษาป่าไว้ถึง 67% ของพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ความจริงก็คือญี่ปุ่นที่มีขนาดเพียง 71% ของไทยนั้น มีพื้นที่เพาะปลูกได้เพียง 12% เท่านั้น {5} ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา-ภูเขาสูง บุกรุกขึ้นไปอยู่คงไม่ไหวเองต่างหาก ญี่ปุ่นมีเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ 3,076 แห่ง และกำลังจะสร้างเพิ่มอีกมาก ขณะที่ไทยมีเพียง 218 แห่งเท่านั้น {6} ยิ่งกว่านั้นเขายังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกเป็นจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้า ดร.นณณ์ ไม่ควรใช้ความรู้สึกขณะไปเที่ยวญี่ปุ่นระยะสั้นๆ มาอ้าง ผมจึงไม่เห็นด้วยที่ NGOs ไทยห้ามทุกอย่าง เช่นนี้แล้ว ประเทศชาติเราคงถดถอยแน่นอน
ภาพที่ 3: โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก www.japanfocus.org/-Sachie-MIZOHATA/3648 ถ้าใครกลัวนิวเคลียร์ ก็ไม่ควรไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกเลย
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าบริเวณที่สร้างเขื่อนแม่วงก์ (ซึ่งมีพื้นที่ 0.1% ของผืนป่าตะวันตก หรือขนาดเพียง 2 เท่าของเขตสาทร ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเล็กที่สุดของกรุงเทพมหานคร) ไม่มีเสือ เสือ 11 หรือ 12 ตัวที่พบ คงอยู่ในผืนป่า 99.9% ต่างหาก การอ้างเรื่องเสืออย่างคลุมเครือและของ NGOs และนักค้านเขื่อนที่เต็มไปด้วยอคติเพื่อหวังลวงให้คนเชื่อผิด ๆ ตามตนจะได้ร่วมค้านเขื่อน จึงถือเป็นวาระซ่อนเร้นที่พึงสังวร
อ้างอิง
{1} โสภณ พรโชคชัย. ย้ำไม่มีเสือในพื้นที่สร้างเขื่อนแม่วงก์ www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement577.htm
{2} ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์. ตอบ ดร.โสภณ (รอบที่สอง) กรณีที่ท่านย้ำว่าแม่วงก์ไม่มีเสือ: www.siamensis.org/article/38975
{3} พบเสือโคร่งพื้นที่แม่วงก์-คลองลาน 12 ตัว www.thairath.co.th/content/region/374821 แต่จริง ๆ แล้วและดู www.youtube.com/watch?v=nIsMytg7ON8 จะพบว่าเจ้าหน้าที่ถือปืน 50 นายออกไล่ล่า แต่บริเวณสร้างเขื่อนไม่เคยมีข่าวเช่นนี้เลย จึงเป็นการ "ปลุกระดม" ข่าวเพื่อคัดค้านเขื่อนแม่วงก์เท่านั้น
{4} โปรดดูย่อหน้าสุดท้ายที่ http://www.naewna.com/local/62995
{5} โปรดดูข้อมูลของ CIA www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/ja.html
{6} โปรดดู www.icold-cigb.net/GB/World_register/general_synthesis.asp?IDA=206
ความเห็นที่ 9
แต่ถึงไม่มีผมก็ไม่คิดว่าควรจะสร้างเขื่อนอยู่ดีครับ ประเด็นเสือเป็นเรื่องรองกว่าประเด็นสิ่งแวดล้อมและความคุ้มค่ากับการลงทุนครับ
ความเห็นที่ 10
ความเห็นที่ 11
ความเห็นที่ 12
ความเห็นที่ 13
ไอ้ด๊อก(โสภณ)มึงเอาเวลาไปทำบ้านแถมเมียเหอะ มึงอย่ามาตีรวนใส่ความคนอื่นอยู่เลย ไปหาข้อมูลแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล กับราศรีไสลให้ได้ก่อนเหอะ ทิ้งขี้ไว้ให้ชาวบ้านมากมายยังแก้ไม่ได้ยังสะเออะ มาเสนอข้อมูลสร้างเขื่อนอีก กูไม่รู้หรอกปัญหามันมีมาแต่สมัยไหนใครเป็นรํฐบาล (ขี้เกียจจำ โยนกันไปโยนกันมา) ชาวประชาฉิบหายซิครับพี่น้อง อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยแม้แต่ตอนนี้จะขี้ยังขี้ไม่ได้เลยโว้ย
ความเห็นที่ 14
!!!!!!!!!
ความเห็นที่ 15
พี่ dog โสภณ ถ้าว่างมากนัก มาเดินป่านอนป่ากับผมซักสามสี่คืนมั๊ยครับ มาแบบคนเดินป่าและพร้อมที่จะเปิดกะโหลกจริง ๆ กล้าหรือป่าว ผมเป็น จนท.ป่าไม้ครับ
ความเห็นที่ 16
ความเห็นที่ 17
คำสารภาพของท่าน ดร.โสภณ พรโชคชัย
"เรียนตามความสัตย์ ผมยังศึกษาไม่พอครับ"
https://www.facebook.com/dr.sopon4
ความเห็นที่ 17.1
ที่ท่านออกมาให้ข่าวเรื่องที่ท่านไม่มีการศึกษา
ดีพอ
ความเห็นที่ 18
คาดได้ว่าคงมีแปะลิงค์ไว้ที่อื่น เลยมีคนตอบเยอะ
ในวงการการเมือง การ ... การอะไรก็ตาม ในทางสาธารณะ ในโลกไซเบอร์
ไม่มีคนดี ๆ ที่ไหน ให้เครดิตไอ้นี่หรอกครับ
มันก็แค่คนที่รู้สึกหรือกระทั่งรู้ตัวว่ามันขาดการยอมรับจากคนอื่น เลยพยายามหาอยู่
สมาชิกที่นี่ที่ตอบมัน ผมว่าเป็นเหยื่อมันด้วยซ้ำไป !
ผมเคยเป็นเหยื่อมาก่อนครับ แต่แป๊บเดียวก็รู้ตัวแล้ว
ฟังดูเหมือนผมเอาเรื่องอื่น/เรื่องไม่เกี่ยวข้องมากล่าว ไม่ได้แสดงข้อมูลหรือความเห็นตรงประเด็น
แค่อยากบอกว่า อย่าให้ราคาคนไร้ราคาครับ !
ความเห็นที่ 19
http://www.livingriversiam.org/4river-tran/others/wd_a1.htm
ปล. dog (โสภณ) ยังมีเว็บต่อที่ให้ค้น สืบหา หาความรู้ใส่กระโหลกด้วยนะจะบอกให้
ความเห็นที่ 20
เอาไปดูอีกhttp://www.youtube.com/watch?v=_osrzUUJ9lQ
ความเห็นที่ 21
ยังไม่พอเอาไปดูอีกhttp://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000028922
ความเห็นที่ 22
ความเห็นที่ 23
ความเห็นที่ 24
อันนี้ไม่รู้เกี่ยวเปล่าพอดีเจออ่ะ doghttp://webboard.serithai.net/topic/39885-%E0%B8%95%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87/page-2
ความเห็นที่ 25
อันนี้ก็คงไม่มีค่าในสายตา ท่าน doghttp://news.voicetv.co.th/global/83220.html
ความเห็นที่ 26
เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีข้อดีhttp://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7a44c4b1d43142d2
ความเห็นที่ 27
ความเห็นที่ 28
ผมอยากขอร้องเรื่องการกระทำของคุณ ผมไม่อยากให้คุณทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือทำเพื่อตัวเหี้ย(ขอใช้คำหยาบครับ แต่ผมว่าเหมาะกับคุณ)ที่คุณเคารพรัก(เหมือนพ่อ)แต่ขอให้ทำประโยชน์เพื่อให้คนที่เสียภาษี เพราะเงินภาษีเหล่านั้นคือเงินที่เอามาให้คุณ อาจจะเงินเดือนคุณ เงินเดือนลูกคุณ(ที่มีพ่อมันเลวๆ)ที่ผมเตือนเพราะความศักดิ์ศสิทธ์ของชาติบ้านเมืองเราอาจสาปแช่งโคตรเหง้าตระกูลคุณไปจนตาย ขอบคุณครับ