กินอยู่ยังไง...กลางไพร

"ทำไร กินกันดี?"

เงียบ...คำถามนี้มันเหมือนไม่ได้รับการตอบสนอง ก็เพราะมันไม่ได้มาจากปากเยิ้มลิบสติกของสาวน้อยต้อนรับตามร้านรวงสวนอาหาร ไม่ได้มาจากปากเมียผู้เข้าครัวจัดแจงสำรับตัมแกงให้ผัวได้กินอิ่มหนำ และไม่ได้ออกจากปากแม่ ผู้ห่วงอาทรลูกน้อยที่เหนื่อยหน่ายจากวิ่งไล่เล่นกับเพื่อนวัยซนมาทั้งวัน

ไม่ใช่อะไรที่พูดมาทั้งนั้น

 แต่คือคำชวนจากปากของเจ้าหน้าีที่พิทักษ์ป่า ที่หลังจากเดินป่ากันมาทั้งวัน ที่พอเห็นว่า แดดอ่่อนเวลาเย็นใกล้มืดในอีกไม่ช้า คะเนว่าหุงหาอาหารเสร็จก่อนป่ามืด เราจะพากันเลือกที่พักถางไม้พื้นล่าง จำพวกกล้าไม้ที่สูงขนาดเอวหรือเสมอหัว และมันขวางทางเปลที่เราจะผูกนอนนั้นออก ใช่ การนอนในป่าที่ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ ที่ได้ปรับพื้นที่เป็นลานกางเตนท์เรียบรอไว้ ในป่าซึ่งหาที่ราบได้ยาก และควรเหลือบ่าและพื้นที่เป้ไว้แบกอย่างอื่น เช่น เสบียงอาหาร หรืออุปกรณ์สำรวจ เตนท์นอนจะไม่อยู่ในตัวเลือก เปลนอนซึ่งน้ำหนักเบากว่าเท่าตัว จะถูกนำใส่ถุงดำ หรือถุงพลาสติกมัดปากถุงอย่างดีมาในเป้หลัง อ้าว! เพื่อคุณเดินเหยียบหินลื่นตอนเดินในห้วยแล้วล้มลงไป หรือฝนตกลงมาตอนเดิน ยังไม่ถึงที่พัก คืนนี้ได้ไม่นอนเปียกทรมาน ไหนๆ ก็เดินเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้งานก็ต้องเริ่มแต่ตอนเช้า นอนหลับให้สบายดีกว่าไหม

อ๋อ เกือบลืมบอก เตรียมเสื้อผ้าไว้อีกชุด สำหรับใส่นอน ถนอมให้ดีเช่นกันกับเปลนอนคือ ห้ามเปียก เข้าป่าจะกี่วันก็ตามเราใช้เสื้อผ้าเพียงสองชุดเท่านั้น คือ ชุดเดินป่าที่ใส่ทำงานตอนกลางวัน กับชุดใส่นอน ส่วนชุดชั้นในหรือถุงเท้าเตรียมเอาไปเปลี่ยนด้วย

หากเอาไปแบบมีเปลี่ยนชุดทุกวัน เราคงได้แบกกันหลังอาน ชุดเดินป่าอาจเปียกฝนหรือชุ่มเหงื่อ ตอนกลางคืนหรือช่วงสว่างก่อนออกเดินทำงานอีกหน ค่อยนำมาย่างหรืออังเหนือกองไฟให้แห้งหมาดๆ ได้

วางเป้หลังใบหนักลง ชักมีดเหน็บเดินป่าข้างเอว ออกมาจากฝัก ช่วยกันฟันและถางทำที่พักชั่วคืนของเรา เลือกต้นไม้ใหญ่ที่คะเนว่า มันจะรับน้ำหนักตัวของเราตอนนอนในเปลได้ตลอดคืนฝันหวานนี้ แต่ถ้าหากมีพื้นที่น้อย ต้นไม้ใหญ่ที่จะผูกเปลมีไม่มาก พอจำนวนคน เราจะเลือกผูกเปลแบบสองชั้น คือ ผูกเปลสองเปล บนและล่าง นอนได้สองคนในคู่ต้นไม้คู่เดียว ในกรณีนี้ เป็นข้อดี หากเป็นช่วงฤดูฝนหรือได้ดูข่าวพยากรณ์อากาศ แจ้งเตือนก่อนเข้าป่าว่า ฝนพายุจะเข้า หรือฟ้าดูขมุกขมัวและไม่น่าไว้ใจ หากใครไม่มีผืนผ้าใบก็ได้ใช้ชายคาผ้าใบกันฝนผืนเดียวกัน แต่ก็มีทริคนิดหน่อย โดยเฉพาะคนนอนเปลบน จะหนักจะเบา ก็จัดการเข้าห้องน้ำเสียก่อนที่จะขึ้นเปลนอน เพราะหากงานเข้า ปวดขึ้นมากลางดึกแล้วล่ะก็ คนนอนล่างที่กำลังฝันดี มีอันต้องตื่นด้วย

ถ้ามึงไม่ตื่น แล้วกูจะลงไปได้ยังไง จริงไหม?

ส่วนเปลนั้น ถ้าเป็นแบบมีมุ้งในตัวด้วย จะช่วยเราป้องกันพวกยุงกับริ้นที่คอยทำลายฝันของเราในช่วงหลับนอนได้ดี แต่ส่วนใหญ่แล้ว เปลของเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะเป็นเปลแบบเดียวกับที่ผูกนอนเล่นตามใต้ต้นมะขาม ต้นมะม่วงหน้าบ้านนั่นแหล่ะ คือไม่มีมุ้ง อาศัยก่อไฟใกล้ๆ ให้ควันไฟมันขับไล่ทั้งเหลือบ ริ้น ยุง แล้วก็ความหนาวในตอนกลางคืนด้วย ผูกเปลเสร็จ (ผูกให้ดี อย่าให้หย่อนโค้ง จนนอนปวดหลัง หรือเงื่อนเชือกไม่แน่น จนนอนตกเปล) กางผ้าใบหรือผ้ายาง เหนือเปล คะเนว่าไม่ให้มันสูงเกินไปจนฝนสาดมาด้านข้างได้ หรือเตี้ยชิดติดเปลจนหายใจหายคอลำบาก เอาระดับพอดีๆ เหนือเปลไปสักหนึ่งช่วงศอกกำลังดี ดึงเชือกผูกมุมด้านข้างดึงกับต้นไม้ กิ่งไม้ใกล้ๆ ให้ตึง เหมือนสร้างหลังคาจำลอง

เท่านี้ยังไม่พอ ถ้าจะให้นอนสบายๆ โดยไม่ต้องลุกมากลางดึก ตอนฝนกระหน่ำแล้วล่ะก็ หากดูแล้ว ยังไงพระพิรุณก็ไม่ปล่อยเราแน่  อย่างนั้น เร่งไปตัดไม้ง่าม เอาลำไม้ขนาดข้อมือ หรือคะเนดูที่พอว่าเอามาค้ำกับสายเปลแล้วมันจะรับน้ำหนักตัวเราได้ ตัดไม้ง่ามมาคู่หนึ่ง ค้ำสายเปลให้สูงขึ้นทั้งหัวท้าย ไว้กันเวลาฝนกระหน่ำหนัก แล้วน้ำฝนไหลตามต้นไม้ที่เราผูกมาตามสายเปล ยังไงก็ไม่เปียกถึงตัว เพราะเราค้ำสายตรงกลางไว้สูง น้ำซึมไม่ถึงหัวเปลอย่างแน่นอน

พอบรรจงเสร็จองค์จากเรื่องนอนแล้ว มาเรื่องกิน เรื่องปากท้อง อย่างที่เกริ่นไว้แต่ช่วงแรก คำถามว่า "กินอะไรกันดี เย็นนี้" ไม่ต่างจากเสียงฮัมเพลงที่ล่องลอยจากปากใครสักคน ใช่ มันเหมือนไม่ใช่คำถาม เพราะเราทั้งหมดต่างรู้ดีว่า ยังไง ก็หนีไม่พ้นเมนูเดิมๆ ที่มีวัตถุดิบเป็นมาม่า ปลากระป๋องยืนพื้น (นี่ ถ้าบริษัททั้งสอง ใส่วิตามินบี 12 ในสินค้า ผมอาจจะหัวไวกว่านี้น่ะเนี่ย!) แล้วแต่ว่าจะดัดแปลงใส่อะไรลงไป

มีอะไรกินบ้าง เรามาดูกัน

เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนที่มาด้วยกันในครั้งนี้ ต่างหยิบเสบียงที่เราแบ่งกันแบกเข้ามา (เสบียงอาหาร ข้าวสาร จะเข้ามากี่คน กี่คืน กี่มื้อก็คะเนคำนวณไป เตรียมรวมกันให้พอพร้อม แล้วแบ่งกันแบกใส่เป้มา ถ้าต่างคนต่างเตรียม เดี๋ยวจะลืมนั่นลืมนี่เอาได้) ขณะที่หยิบสเบียงกรังออกจากเป้ นิว หนุ่มพิทักษ์ป่า กำลังใช้ไม้เคาะหม้อสนามที่เพิ่งเลิกเดือด น้ำข้าวเดือดออกมาจนแห้งกรังอยู่นอกหม้อสนาม

นิว ฟังเสียงไม้เคาะหม้อนั้น เสียงแน่นดัง ตึ๊บๆ แสดงว่า ข้าวในหม้อที่หุงสุกแล้ว ใช้ไม้ที่เคาะหม้อนั่นแหละ ยกหม้อสนาม ออกมาดงไฟไว้ห่างกองไฟเสียหน่อย ให้ข้าวร้อนระอุสุกกำลังดีอยู่ตรงนั้น

ไม้เคาะหม้อสนามนี้ หนุ่มป่าไม้ ทำมันมาจากกิ่งไม้ที่เป็นตะขอขนาดใหญ่เท่านิ้วมือ ยาวสักราวหนึ่งไม้บรรทัด ไว้เคลื่อนเอาหม้อสนามที่หุงข้าวเลื่อนเข้าออกได้อย่างไม่ร้อนมือ และข้าวหรือน้ำในหม้อไม่หกหล่น

หันมาดูกับข้าวมื้อเย็น  หมูเนื้อแดงสักครึ่งกิโลกรัม ที่ผ่านการรวน--เอาเนื้อสัตว์ จะหมูหรือไก่ก็ตามชอบ มาหั่นเป็นชิ้นพอคำ สามารถที่จะนำไปทำอาหารได้เลย เอามาคั่วในกระทะไฟฟ้าให้มันแห้ง โดยไม่ต้องใส่น้ำมัน น้ำปลา ซอส หรือเครื่องปรุงใดๆ มิฉะนั้น เดี๋ยวคุณจะอดใจไม่ไหว พอแห้งดีแล้วหรือสุกแล้วเก็บใส่ถุงร้อน เป็นการถนอมอาหารพาเนื้อเข้าป่าได้ ไม่ส่งกลิ่นจวนเน่าเสียก่อนทำกิน

หากได้แวะตลาดนัดมาก่อน คุณก็จะมีผัก อย่างคะน้า มะเขือ ถั่วฝักยาว หรือแตงกวา ผักพวกนี้จะต้ม ผัด แกงได้หมด แค่คุณมีชุดกระทะสนาม หม้อต้มสนามเสียหน่อย พกหัวแก๊สกับแก๊สกระป๋องไปด้วย สะดวกดี เมนูอย่างผัดเผ็ดถั่วฝักยาวกับหมู แกงมะเขือหรือผักรวมมิตรกับหมู ก็เป็นไปได้ เพราะเรามีพริกแกงมาพร้อม เครื่องปรุงก็แบกกันไป จะเอาน้ำปลา เกลือ ก็ว่าไป หรือเอา "รสดี" แบบว่าไม่ว่า เมนูอะไรก็มีอยู่รสเดียว อย่างนั้นก็ได้

หรืออยากกินผัดคะน้ากับหมูก็ทำได้ เตรียมผักคะน้า กระทะสนามมี เตรียมน้ำมันพืชมาด้วย โดยถ่ายมันจากขวดใหญ่ใส่ขวดน้ำส้มที่กินแล้ว หรือขวดอะไรก็ได้ คะเนใช้หมดในการเดินเข้าป่าแต่ละครั้ง หรือจะแบกไข่ไก่มาด้วย เอากระดาษหนังสือพิมพ์หรือกระดาษเก่า ห่อหุ้มให้แน่น อย่าให้มันกลิ้งกระทบกันจนแตกเสียของได้ จัดใส่มาในหม้อสนาม มื้อเช้าเป็นไข่ดาวคนละฟองยังได้

แบ่งผักสักส่วนไว้ เรายังมี หอยดองที่ซื้อมาจากตลาดนัด ถุงละยี่สิบนั้นแบ่งกินได้สองถึงสามมื้อ ถ้าจำนวนคนกินสักสามสี่คน เอามาเข้าเครื่อง แบบที่เรียกว่า ยำสักหน่อย มีหัวหอมแดง เอาหั่นเป็นชิ้นบางใส่ มีพริกขี้หนูสด ซอยลงไป มีตะไคร้ก็ซอยใส่ ไม่มีก็พอแค่นี้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน แหม กับข้าวอีกอย่างเย็นนี้ ไม่ยากเลย

หรือถ้าไม่มีผักไป หยวกกล้วยป่านั้นก็ผักชั้นเลิศ นั่นไง ว่ายังไม่ทันขาดคำ หนึ่ง ชายหนุ่มพิทักษ์ป่าคนนำทางอีกคน ถือหยวกกล้วยมาโน่นแล้ว ฟันต้นกล้วยไม่ใหญ่กว่าน่องขา ลอกจนเหลือแกนกลางกลมขาว เอามาล้างน้ำห้วย ปั่นเอาใยออก เหมือนใยแมงมุมแหล่ะพี่ เจ้าหนึ่งว่างั้น ใช้นิ้วจับแล้วปั่นรอบนิ้วจนหมดใย เวลาเอามาต้มยำทำแกง ตักขึ้นมาใส่ปาก มันได้ไม่ติดกันมาหมดทั้งหม้อน่ะพี่

 หยวกกล้วยนี่ จะเอามาต้มเป็นผักจิ้มน้ำพริก แกล้มหอยดองก็ได้ เอามาแกงกับปลากระป๋องก็เหมาะ โดยคั่วพริกแกงในหม้อต้มสนาม เอาเผ็ดร้อนแค่ไหนคะเนดู ใส่ปลากระป๋องลงไปคลุกให้เข้ากัน เอาหยวกกล้วยแท่งกลมๆ มา หั่นเข้าไปเป็นกากบาท แล้วซอยเป็นชิ้นลูกเต่าเล็กๆ แบบไม่พิถีพิถัน ใส่ลงไป ปรุงรสเอาตามอยาก นี่ก็ได้กับข้าวอีกอย่างแล้ว

พอเสร็จ ความมืดกำลังจะครอบคลุมผืนป่า สำรับอาหารเย็นกลางป่าก็ถูกจัดวาง ก่อนจะลงมือก็เด็ดใบไม้สักใบ ข้าวจากหม้อสนามสักช้อน กับข้าวแต่ละอย่างอย่างละนิดละหน่อย เอาไปวางไว้โคนต้นไม้ เชื้อเชิญเจ้าที่เจ้าป่าเขามาร่วมกินด้วย แล้วลงมือได้เลย แม้จะเหนื่อยยากอยู่กลางไพร ชีวิตเราก็สุขได้

โธ่ ผมลืมบอกคุณไป เจ้านิว  คว้านปาดกระบอกไม้ไผ่เป็นแก้วตั้งแต่หลังหุงข้าวเสร็จ จอกเหล้าถูกส่งเวียนทั่วทุกคน ฤทธิ์ดีกรีเหล้าขาวร้อนวาบจนรู้ถึงการเดินทางของมันผ่านทุกขดลำไส้ แล้ววาบย้อนขึ้นมาร้อนแดงบนใบหน้า บทสนทนาของเรา หนีไม่พ้นเรื่องเดิมๆ เรื่องชีวิตและสวัสดิการของคนทำงานป่าไม้ มันน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่

เหล้าถูกเวียนจอกแล้วจอกเล่า จนเริ่มได้ที่ พอจะกินข้าวอร่อย ทุกคนก็ลงมือ พอข้าวเกลี้ยงหม้อ จนอิ่มและเมา ถ้ามีแรงพอ จะพากันเหาะขึ้นไปจีบนางฟ้าให้เทวดาหมั่นไส้สักหน!

***ปล. ผมรวมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อีกสามคน เดินเท้าเข้ามาทำงานสำรวจนกเงือกในพื้นป่าส่วนหนึ่งของภาคตะวันตกนี้ ซึ่งมีเส้นสำรวจวางพลาดสันเขายาว 5 กม. 6 กม. บ้าง (ห้าหกกิโลเมตรที่คำนวณจากเครื่องจีพีเอส ซึ่งบอกระยะห่างระหว่างแบบเป็นเส้นตรง ในทางป่า ที่สูงชันและบางครั้งเหมือนเดินอ้อม จึงตัวเลขกิโลฯ น่าจะต้องจับคูณสอง ถึงเป็นระยะทางที่เราเดินกันจริงๆ) ส่วนสำรวจกันยังไง? เก็บข้อมูลอะไรบ้าง? ไว้ตอนหน้าหรือติดตามตอนต่อไปจะดีกว่า

เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนที่ผมได้มีโอกาสทำงานกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ที่บางครั้งก็ต้องเสี่ยงชีวิตจับกุม ปะทะกับพรานที่อาจมีอาวุธดีกว่าพวกเขา เนื่องจากพวกพรานบางคนรับใบสั่งมาจากนายทุนหรือคนรวย จึงมีกำลังสนับสนุนดี กับค่าจ้างรายเดือนเฉลี่ยวันละ ไม่ถึง 160 บาทต่อวัน ซึ่งไม่มีใครรับประกันได้เลยว่า เข้าป่าหนนี้ เขาจะปลอดภัยได้พบกับลูกเมียอีกหรือไม่ เป็นคุณ คุณยังจะเลือกทำงานอย่างนี้อยู่ไหม?

แต่พวกเขาเลือกที่จะทำ เพราะมันคืองานแห่งชีวิตของพวกเขา งานที่พวกเราเมินเลย เราอยากได้อากาศดีๆ มีน้ำท่าไว้ใช้อุดมไม่ขาดแคลน ไม่มีน้ำท่วม ดินถล่ม นี่ไง ผลทางอ้อมจากทำงานของผู้พิทักษ์ ถ้าไม่มีป่าไม้เหลือเลย แล้วเราจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร? คุณเห็นค่าในงานของเขาแล้วใช่ไหม!!! 

Comments

ความคิดเห็น

ความเห็นที่ 1

กินข้าวใต้ใบบอนชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเชียวนะครับ Colocasia gigantea hook. f

ความเห็นที่ 2

สงสัยว่า บอนใบใหญ่ๆ ในป่า มันมีกี่ชนิดครับ ทางเหนือ กับใต้จะเหมือนกันมั้ย

ความเห็นที่ 3

ผมก็ไม่ทราบละเอียดครับ รู้แต่ว่าชนิดที่อยู่แถบนั้นเป็นชนิดนี้และเป็นบอนที่ใหญ่ที่สุดครับ

ความเห็นที่ 4

อยากได้รู้จักพืชผักป่า ที่หากินได้ด้วย ใครรู้จักช่วยแนะนำทีบอกเมนูปรุงด้วยยิ่งดีครับ  ส่วนผมชอบยำปลากระป๋องกับยอดผักกูด

ความเห็นที่ 5

เท่าที่พอเคยได้กินนอกจากผักกูดแล้ว ก็มีผักหวานครับ ยอดของมัน เราจะนำมากินสดกับน้ำพริกก็ได้ หรือลวกก่อนก็ได้ หรือต้ม แกงส้ม หรือแม้แต่ผัดกับไข่ก็ยังได้ครับ
ส่วนอีกอย่าง ตามป่าเบญจพรรณนี่ จะต้นส้านใหญ่ Dellenia obovata ที่ออกดอกสีเหลืองเต็มต้นน่ะครับ ผลของมันที่เป็นลูกกลมๆ สามารถนำมาทำกับข้าว อย่างแกงกับปลากระป๋อง หรือเนื้ออื่นๆ ได้เหมือนผักทั่วไปครับ แถมจะมีรสออกเปรี้ยวชูเล็กน้อยอีกด้วย

ความเห็นที่ 6

ส้านใหญ่นี่ สงสัยจะเป็นมะตาด บ้านผมปลูกไว้สองสามต้น บ้านคนมอญชอบปลูกไว้กินกลีบเลี้ยงของดอกที่ติดมากับผล

ความเห็นที่ 7

แถวนั้นมีพืชอีกชนิด เรียกผักมันปู ขึ้นอยู่ตามเชิงเขาที่ร่มมากๆ ชาวบ้านเคยพาไปเก็บกิน อร่อยมากครับ

ความเห็นที่ 8

ได้ความรู้มากครับ แหม ถ้ามีรูปอาหารประกอบด้วยอีกนิด แจ๋วเลยครับ 

ความเห็นที่ 9

ส้านใหญ่กับมะตาดคนละชนิดกันนะครับ ส้านใหญ่ Dillenia obovata ส่วนมะตาดคือ Dillenia indica ส่วนใหญ่มะตาดจะชอบขึ้นริมน้ำครับ ลำต้นเปลือกจสีแดงหรือน้ำตาลแดง ดอกมีสีขาว ใบรูปขอบขนานหรือรูปหอกครับ ขอบใบหยัก  เป็นไม้ที่ไม่สูงมากครับแต่มักจะแตกเป็นพุ่มใหญ่ๆมากกว่า ส่วนส้านใหญ่พบได้ในป่าผลัดใบ เช่นป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ หรือตามรอยเชื่อมต่อ(Ecotone)ระหว่างป่าเต็งรังกับป่าดิบแล้งก็พบครับ  ดอกมีสีเหลือง ใบรูปไข่กลับ ขอบใบหยัก  เป็นไม้ผลัดใบครับ ทั้งสองชนิดผลกินได้ครับ

ความเห็นที่ 10

ทั้งสองชนิดเจอทุกภาคครับ ชะนีกินใบอ่อนบ้างประปราย ท่าจะไม่อร่อยเท่าไหร่ ผลเองมีรายงานว่ามันก็กินเช่นกัน

แต่ที่ปล่อยไปและติดตามยังไม่เห็นมันกิน สงสัยอย่างอื่นอร่อยกว่า

การสังเกตอีกอย่างถึงข้อแตกต่างของส้าน 2 ชนิดนี้คือ indica เขาจะดูบึกบึนกว่า obovata ทั้งทรงต้น ใบ รวมทั้งผล บึกบึนหมายถึงทั้งความหนา ความใหญ่ ความหยาบ นอกจากนี้ลำต้นกิ่งก้านเจ้า indica สีจะออกแดงน้ำตาลมากกว่า ส่วนเจ้า obovata จะของขาวหม่นๆ หมองๆ ครับ