กระทู้-12589 : กระทู้ขอระบาย การศึกษาไทย แบบนี้จะโทษใคร? โทษผมได้หรือไม่ครับ

Home » Board » อื่นๆ

กระทู้ขอระบาย การศึกษาไทย แบบนี้จะโทษใคร? โทษผมได้หรือไม่ครับ

เมื่อตอนต้นเทอมสอง ปีที่แล้ว ผมในฐานะ นิสิตชั้นปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัย........ (อยากบอกชื่อมหาลัยมากครับ) ได้จำต้องระเห็ดย้ายที่เรียนด้วยปัญหาสองเรื่องคือ เกรดที่โดน F ตัว 5 หน่วยกิตไป เหลือ 1.87 เลยเสียวหลัง  และปัญหาที่สองคือ มีปัญหาเล็กๆ กับอาจารย์ จึงได้ทำการย้ายที่เรียนของตัวเองมาใกล้บ้าน ใกล้ยาย ใกล้พี่สาว อันเป็นที่รัก ด้วยใจคิดว่า "ไหนๆ กรูก็อยากจะต่อโท เรียนที่เดิมไปก็เจออาจารย์ไม่ให้ความร่วมมือ กัดจิกแต่กรูในห้อง ถามอะไรก็ประชด มาเรียนที่ใหม่ อาจารย์ใหม่ๆ  ตั้งตัวใหม่ดีกว่า" ก็เลยย้ายมาเรียนที่ มหาวิทยาลัย...... (อยากบอกมากๆ เช่นกัน) เพื่อตั้งหลัก


  ทันที่มีมาอยู่ใหม่ ในปี 2 เทอม 2 การเรียนเปลี่ยนไป เป็นการเรียนแบบสบายๆ  ไม่เครียด ไม่กดดัน ไม่มีอะไรมากมาย เรียนไป จำได้ว่าเจอหนักๆ ไป 2 ตัวคือ สถิติ  และพันธุศาสตร์ ตอนเรียนผมก็ไม่ได้พยายาม ย้ำเลยว่าไม่พยายาม แต่ก็เครียดนะครับ แหะๆ  เพื่อนๆ ก็บอก อย่าไปเกร็ง รอดูเกรดๆ  จนแล้วจนรอด เกรดของผมก็ออกมาได้ D วิชาสถิติ  และ C วิชาพันธุศาสตร์ ได้แบบงงๆ  คือ บอกตรงๆ ว่า ผมเป็นคนที่จำใจกับเกรด F คือ F เพราะตัวเอง แต่นี่แบบ งง มาก แต่ก็เอาเหอะ อาจารย์มาสอน แต่ให้เกรด เอาวะ เดิมยิ้มไป 2 สัปดาห์


เปิดเทอมใหม่นี้ ปี 3 แล้ว การเรียนลงแต่วิชาเอก ลงตัวหนัก 1 ตัวคือ Bio'chem ยากแน่ ทำใจ แต่ที่ผมทำใจไม่ได้คือวิชาเอก จะเล่าให้ฟังครับ

 วิชาโรค และปรสิต เรียนมากว่าเดือนเศษแล้ว จำได้ว่าเรียนไป 4 ครั้ง รวม Lab เหมือนว่าเรียนไปเยอะ แต่ไม่เลย ไม่เคยได้เรียน คาบเรียนออกมา 3 ชั่วโมง เรียนไป 45 นาที ปล่อย!!! เกิดอะไรขึ้น งง ครับ วิชาเอกนะอาจารย์ ใยไม่สอน ผ่าปลาไปสองครั้ง ปลาเราเป็นคนหาเอง อาจารย์มาถึง "อ่าววันนี้ผมนัดผ่าปลาหรอ อ่ะๆๆ  มาๆ  ผ่าเลย เดี๋ยวผมมา" ว่าแล้วก็หายไป มาอีกที มาดูที่กล้อง "อืมมมม เจอแต่ปลิงใส ไม่เป็นไร โอเค วันนี้พอแค่นี้" อะไรกันเนี่ย ไม่บอกให้หาอะไรเลย ไม่บอกเลยว่าตัวอะไรหน้าตาแบบไหน อยู่ที่ไหน ปลามีอาการอย่างไร

 วิชาการเพาะเลี้ยงปลา เพาะปลาจริงๆ  ตั้งแต่เปิดเทอมมา ลงงานตลอด ไม่ได้จะบ่นเหนื่อย แต่จะสอบแล้ว จะให้ผมตัดหญ้า ตักปลา ตีอวน ขายลูกปลาแบบนี้หรือ อ้อ แต่ก็ยังดี คำนวนฮอร์โมนแม่น เพราะทำทุกสัปดาห์ ก็ยังถือว่าดี

 วิชาทฤษฏีอนุรักษ์สัตว์น้ำ สัปดาห์หนึ่ง มีให้เรียน 2 ครั้ง อาจารย์บอก มาครั้งเดียวพอ ตั้งแต่เปิดมา สอนสองครั้ง แล้วหายไป แต่ดีที่แจกเอกสาร พระเจ้า มันสุโค่ย

 วิชาปลาสวยงาม วิชานี้เรียนบ่อยหน่อย อาจารย์ดูตั้งใจ ขาดแต่เด็กที่ไม่ค่อยมาเรียน เห็นว่าอาจารย์ปล่อยเกรด เสียดายมาก ได้ลงมือนอกเวลา ถือว่าเป็นกำไรกับเด็กจริงๆ  เพระปลาสวยงาม และระบบกรองดีๆ  บางทีหาไม่ได้ถ้าเงินไม่ถึง วิชานี้สอน+ปฏิบัติได้ดีครับ

 วิชาการจัดการประมง สุดยอดมากครับอาจารย์ ตั้งแต่เปิดเทอมมา ยังไม่เห็นหน้ากันเลย เอกสารการสอน ยังไม่มี เงียบไป เงียบหายไป อาจารย์ไปไหนครับ มาสอนเถอะครับ ผมว่ามันสำคัญนะครับวิชานี้ เดือนกว่าแล้ว อาจารย์ไปไหนครับ ผมเรียนบ่ายสองถึง ห้าโมงเย็นครับ


   


   ทั้งหมดนี้ ไม่ได้อยากจะมาบ่น มาว่า มาตำหนิ อาจารย์หรือมหาลัย แต่ด้วยความที่ พวกผมต้องออกไปเผชิญโลกเมื่อเรียนจบ จริงอยู่ เกรดผมสวยมากๆ เรียกว่าเด็กเรียนดีเลยทันทีที่เกรดออก แต่ความรู้ผมไม่มีครับ อาจารย์พอได้ ผศ. งานจบหรือครับ ทุกวันนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่า ผมจะเอาความรู้ที่ไหนไปต่อด้านทีผมอยากเรียน อยากเรียนด้านโรค รู้ว่ายาก แต่อยากลองดู สรุป ตอนนี้ยังไม่ได้เรียน จะรู้ไหม เหมาะกับผมไหม อยากเรียนด้านอนุกรมวิธาน ก็ไม่มีคนสอน งานงอกแน่ๆ เลยผม จากผมที่อยากเรียนต่อ กลายเป็นว่าผมต้องหางานให้ได้ก่อนเพราะเรียนโทไม่จบแน่ เพราะพื้นไม่ดีอย่างนั้นหรือครับ ตอนนี้ผมกลายเป็นผีห้องสมุด ว่างก็เข้าไปตากแอร์บ้าง อ่านหนังสือบ้าง เย็นมาเปิดเน็ต ดูเว็บปืน bb ดูเว็บปลา หาความรู้แบบขอไปทีแบบเดิม ทั้งๆ ที่ชอบวิชาเอกใจแทบขาด อยากเรียน ไม่ได้เรียน แบบนี้จะโทษใคร

   อยากทราบทางออก ว่าจะทำอย่างไร เพราะอยากเรียนครับ


       กราบขอโทษ พี่บางท่านที่จบจากสถาบันเดียวกับที่ผมเรียนอยู่ ผมมาพูดเรื่องจริงเพื่อหาทางออก ผมลง E-Mail ไว้ เพื่อติดต่อกันเป็นการส่วนตัวได้ครับ


ขอบคุณทุกความคิดเห็น อยากเก่งๆ แบบพี่ไผ่ เห็นใครๆ ก็ สรรเสริญในความเปรี้ยวของพี่เขา เทพในเรื่องที่สนใจ ที่เหลือผ่านๆ ไปเช่น ฟิสิกส์ จริงไหมครับพี่ไผ่



ปล. อิๆ
conti approve [ 14 ก.ค. 2552 23:29:39 ]
macopolo_dump@hotmail.com
ความคิดเห็นที่: 1
เหอๆๆ .......
akekalak approve [ 14 ก.ค. 2552 23:54:18 ]
ความคิดเห็นที่: 2
อ่ะนะ (ของใช้คำไม่สุภาพนะครับ)

กรูเก่งตรงไหนหว่ะเนี้ยะ??  - -"
aqueous_andaman approve [ 14 ก.ค. 2552 23:56:48 ]
ความคิดเห็นที่: 3
: aqueous_andaman
อ่ะนะ (ของใช้คำไม่สุภาพนะครับ)

กรูเก่งตรงไหนหว่ะเนี้ยะ??  - -"


เดี๋ยวก็รู้ ตอนทำ Thesis  ถ้าเกิดไม่ผ่าน จะมาแก้ให้  ถ้าผ่าน ถือว่าเก่ง เอาป่าวววว
conti approve [ 14 ก.ค. 2552 23:59:01 ]
ความคิดเห็นที่: 4
ยังซ่ำใจกับ F ไม่หาย ออร์-เค็ม  , แคลคูลัส  

ขอบ่นบ้าง  วิชาอยากเรียนไม่ได้เรียน วิชาที่ไม่ได้ใช้เต็มเลย  Fish Taxonomy อยากเรียน แต่ดัน

ชนวิชานอกซะงั้น Scuba ลงได้ แต่ก็ต้องสละวิชาภาคไป1วิชา เวลาเล่นทับกันพอดี เฮ้ยยยย

บ่นแค่นี้พอ
Leviathan approve [ 15 ก.ค. 2552 00:07:47 ]
ความคิดเห็นที่: 5
 แต่ผมรู้สึกอิจฉาคุณconti มากกว่า   ที่ได้เรียนในแนวทางที่ตัวเองชอบ   อย่างไรก็แล้ว แต่คงไม่เกินความสามารถของคุณconti หรอกครับผมเชื่อ  ความพยายามไฝ่รู้ครับ  ประสบผมลสำเร็จแน่นอน  ; )


ส่วนเรื่องอาจารย์เนียท่านจะเป็นยังไง สอนแบบไหน รึไม่สอน รึสอนไม่ถูกใจเรา ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็เคยเจออาจารย์แบบนี้    รวมทั้งตัวผมก็ยังเจอ  มีที่ไหน เรียนถึง โท โดนไล่ไปถอนวิชาตั้ง แต่คาบแรกแถมโดนด่าซะเสียอีก ด่าก็ด่าไป แต่ผมจะเรียนทำไม ไม่สน 5555+     มีอคติต่อกันทันที      โมโหกัดฟันสู้>> วิชานี้มาเรียนมันทุกคาบ  มาก่อนเพื่อน นั่งหน้าเลย  แต่ก็โดนอาจารย์กัดตลอด    จบคอร์ส   ซัดไป B+
electron approve [ 15 ก.ค. 2552 00:18:04 ]
ความคิดเห็นที่: 6
อืม...ไม่รู้จะพูดยังไง คือจะกล่าวถึงกว้างๆ  ถึงสถาบันของรัฐบาล สำหรับผู้เรียน และผู้สอนแล้วกัน  ถ้ารู้สึกไม่พึงพอใจกับผู้สอนต้องคุยกับผู้สอน แต่ควรจะคุยให้เป็น บางทีผู้เรียนเองก็มีบางกลุ่มที่เห็นว่าผู้สอนปล่อย ชอบ.... นั่นก็เป็นปัจจัยหนึ่งด้วย อธิบายยาวครับ ไม่งั้นจะตะเกียกตะกายไปเรียนสถาบันรัฐบาลที่มีชื่อเสียงทำไม

ถ้าหากเบนเข็มไปเอกชนที่ดีๆ  หรือมีชื่อเสียงอาจจะไม่รู้สึกอย่างนี้ก็ได้ครับ
ไอ้ลูกทุ่ง approve [ 15 ก.ค. 2552 00:20:07 ]
ความคิดเห็นที่: 7
เหมือนที่คุณไอ้ลูกทุ่งว่าก็ถูกครับ

ผู้เรียนกับผู้สอน ต้องคุยกัน
electron approve [ 15 ก.ค. 2552 00:28:52 ]
ความคิดเห็นที่: 8
ลองไปคุยกับฝ่ายประกันคุณภาำพดูสิครับ สมัยนี้เปิดกว้างกว่า แต่ก่อนมาก
OAT approve [ 15 ก.ค. 2552 02:30:40 ]
ความคิดเห็นที่: 9
สู้ๆ  ไปน้อง

พี่จบมาพร้อม F สองตัว 555 ฟิสิกส์ กับ ออร์เคม ที่ไม่ถูกชะตากันอย่างแรง

แต่วิชาที่พี่ชอบ
ไม่ว่าอาจารย์ จะสอนน้อย สอนมาก ไม่อยู่ หายหน้า หายตา
ใจมันอยากรู้ ก็เรียนด้วยตัวเอง
ส่วนใหญ่ตอนนั้นจะเปิดเน็ต หาข้อมูล แลกกันกับเพื่อนบ้าง
สอบก็พอเอาผ่าน (มาคิดตอนนี้ก็ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย)

พอเรียนโทฯ  เริ่มจับทางได้ เวลาที่อาจารย์ไม่ว่าง ไม่อยู่
พี่พึ่ง internet โดยเฉพาะลุงกู๋ นี่แหล่ะ ช่วยให้พี่เรียนรอดมาได้
ยายอ้วน approve [ 15 ก.ค. 2552 02:32:13 ]
ความคิดเห็นที่: 10
เหอๆๆ   อ่านแล้วนึกถึงตัวเองยังไงไม่รู้ครับ ตอนนี้เพื่อนผมที่เรียนรุ่นเดียวกันบางคนเรียนจบไปต่อโทกันหมดแล้ว เหลือผมกับเพื่อนอีกฝูงนึงที่ยังเรียนอยู่ ป.ตรี อยู่ คณะผมมี นศ.ที่หายไป(ย้ายคณะหรือไทล์)เมื่ออยู่ปี2เฉลี่ย30เปอร์เซ็นต์เป็นตัวเลขที่ไม่น่าแปลกใจเพราะผมยังแอบคิดว่าจะย้ายคณะเลย  *-* เรียนสถิติ4ตัว,math5ตัว ไม่รู้จะเยอะอะไรขนาดนั้น (ผมเรียนเศรษฐศาสตร์ครับ)
desperado approve [ 15 ก.ค. 2552 07:30:00 ]
ความคิดเห็นที่: 11
ผมก็เจอมาเยอะครับ อาศัยทำใจด้านชา หลบไปอยู่กับธรรมชาติ ค้นคว้าเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ความรู้เยอะกว่า โดยเฉพาะเวบนี้
ส่วนการศึกษาในระบบนั้นก็ถือเป็นประสบการณ์ ที่ทุกๆ  สังคมมีเหมือนกัน มีตัวอย่างที่ดีๆ   และ แย่ๆ  เราก็เลือกทำตามแนวทางของท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ
หอยงวงท่อ approve [ 15 ก.ค. 2552 08:44:01 ]
ความคิดเห็นที่: 12
ขอแสดงความคิดเห็นบ้างครับอ่านแล้วก็ให้รู้สึกถึงระบบการศึกษาในปัจจุบันครับ เป็นแบบนี้ทุกระดับชั้นไม่ใช่แค่ในรั้วมหาวิทยาลัย ประถม มัธยม เดี๋ยวนี้เป็นเหมือนกันหมดเลย จรรยาบรรณในวิชาชีพครูหายไปหมดแล้ว ครูไปสอนในที่ๆ  เงินดีกว่าไม่ได้มุ่งพัฒนาผู้เรียน แต่มุ่งพัฒนากระเป๋าผู้สอนมากกว่า ครูที่ดีก็มีเยอะ แต่ครูที่เป็นแบบที่ผมว่าก็มีมาก ใครอยากได้วิชาหรือแนวข้อสอบให้ไปเรียนที่สถาบันกวดวิชาที่ครูคนนั้นสอนอยู่ถึงจะได้วิชา ถ้าเรียนอยู่ แต่ในห้องไม่ได้อะไรเลย สถาบันกวดวิชามันถึงผุดกันเป็นดอกเห็ด ผมยังเคยพูดเล่นๆ กับอาจารย์ที่เคยสอนผมเลยว่า ถ้าระบบการศึกษาไทยมันยังเป็นแบบนี้ผมว่าผมจะให้ลูกผมเข้าโรงเรียนทำไมให้เรียนโรงเรียนกวดวิชาไปเลยไม่ดีหรือ รู้สึกเห็นใจครูที่ดีๆ ที่ตั้งใจสั่งสอนครับ  แต่บางครั้งก็ให้รู้สึกชังกับผู้ใหญ่ในกระทรวงที่ไม่เคยลงมาดูความจริงกันบ้าง ผมเองก็จบจากสถาบันที่เป็นสถาบันผลิตครูเหมือนกันผมเองไม่ได้จบครูโดยตรง แต่อยากสอน ส่วนไอ้เพื่อนๆ ที่จบครูมาหลายคนมาบ่นท้อกับระบบการศึกษาในปัจจุบันจนอยากเลิกสอน  แต่เห็นตาเด็กๆ  ใสๆ  แล้วก็ต้องสอนต่อไป บางคนก็เลิกเป็นครูไปทำงานบริษัทเอกชนซะ แล้วอีกหน่อยเด็กๆ  จะมีครูที่ดีๆ  มั้ยครับ
ตะขาบยักษ์ approve [ 15 ก.ค. 2552 09:01:40 ]
ความคิดเห็นที่: 13
แม้ที่นายบ่นมานั้นก็ดูเป็นปัญหา  แต่พี่ว่าอย่างนาย  ถ้าตั้งใจ และมุ่งมั่นจริงๆ แล้ว ไอ่วิชาที่ลงทะเบียนเรียนเหล่านั้นนายยังพอหาความรู้ได้ มองอีกมุม..พี่ว่ามันเป็นโอกาสของนายที่จะได้เรียนรู้ระบบหมาวิทยาลัยจริงๆ  คือ ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยมีขอบเขต และหัวข้อย่อยในรายวิชาเป็นแนวทางในการค้นคว้า  ถ้านายตอบประเด็นเหล่านั้นได้ก็ถือว่าผ่านในรายวิชานั้นๆ  อาจารย์มีไว้ถามเมื่อมีข้อสงสัย หรืออยากได้คำอธิบายเพิ่มเติม  การเรียนในระบบนี้ไม่ใช่การป้อน และครอบงำโดยอาจารย์  ถ้าอาจารย์ตอบกลับมาว่าคุณจะรู้ไปทำไมก็อย่าเพิ่งโกรธ ให้ตอบด้วยเหตุผลว่ารู้เพื่ออะไร  พี่เชื่อว่า ถ้าอาจารย์เจอศิษย์แบบนี้ก็จะเป็นการเพิ่มกำลังใจให้อาจารย์ทุ่มเทมากขึ้นครับ  อย่างพี่เองก็เป็นทั้งศิษย์มีครู  และศิษย์นอกกรอบมาเยอะแล้ว เชื่อเด่ะ
knotsnake [ 15 ก.ค. 2552 09:17:48 ]
ความคิดเห็นที่: 14
การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเป็นสิ่งสำคัญครับ การรอรับความรู้จากอาจารย์เพียงอย่างเดียวผมว่าไม่ทันโลกแล้วในปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูลความรู้ทางวิชาการมีการเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก หากเรารอเพียงการสอนจากอาจารย์(บางท่าน)ที่ยังคงยึดตำราเก่าๆ ก็เท่ากับว่าเราเดินตามหลังคนอื่นอยู่เสมอ เพิ่งรู้ในสิ่งที่คนอื่นรู้มานานแล้ว หากสังเกตในชั้นเรียนเราจะเห็นว่าทุกคนได้ความรู้จากอาจารย์เท่ากันหมด แต่ทำไมบางคนกลับมีความรู้มากกว่าคนอื่น นั่นคือเค้าค้นคว้า และสั่งสมความรู้นอกตำรานอกห้องเรียนมากกว่าคนอื่นนั่นเอง หากเรารู้ว่าตัวเราสนใจในสิ่งใดแล้ว นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่จะเป็นแรงผลักดันให้เราเรียนรู้ศึกษามัน จะเห็นได้ว่าหลายคนโดยเฉพาะในเว็บนี้มีความรู้ในด้านต่างๆ อย่างลึกซึ้ง เผลอๆ มากกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป ทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนมาในด้านหรือสายนั้นๆ โดยตรง ตรงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าการเรียนรู้ศึกษาด้วยตนเองก็สามารถพัฒนาตนเองได้พอๆ กับหรือมากกว่าการเรียนรู้จากอาจารย์ในห้องเรียน ยิ่งยุคสมัยนี้ความรู้ต่างๆ เข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน เพียง แต่เราต้องพิจารณาว่าข้อมูลเหล่านั้นน่าเชื่อถื่อ และถูกต้องเพียงใด อย่าเชื่อไปทุกอย่าง ที่พูดอย่างนี้ผมไม่ได้เข้าข้างอาจารย์นะครับ  แต่เป็นเพราะในปัจจุบันอาจารย์ซึ่ง เป็นผู้ให้ผู้เสียสละหรือมีความเป็นครูจริงๆ เหลือน้อยทุกที ซึ่ง ก็อาจเป็นเรื่องฐานะที่ต้องเร่งทำงานวิจัย(หาเงิน) หรือระบบประกันคุณภาพในปัจจุบันก็บีบให้อาจารย์ต้องเร่งผลิตงานวิจัยเพื่อผ่านการประเมิน จนบางครั้งทำให้มองข้ามหรือละเลยงานสอนซึ่ง เป็นงานหลักไปครับ
coneman [ 15 ก.ค. 2552 10:01:37 ]
ความคิดเห็นที่: 15
คอนติ  ลองเอาข้อความในคห.1 เขียนลงในใบประเมินการสอนของอาจารย์  ที่ทุกมหา,ลัยมีให้ผู้เรียนกรอกความคิดเห็นตอนปลายเทอม  จะได้ผลแค่ไหน หรือไม่  อย่างไร ก็ยังเป็นข้อมูลที่จะต้องมีคนในมหาวิทยาลัยหรือตัวอาจารย์ผู้สอนนั้นได้อ่าน  เผื่อจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

แปลกดี ไม่มาเข้าสอนแล้วมัวไปทำอะไร
mim approve [ 15 ก.ค. 2552 10:16:35 ]
ความคิดเห็นที่: 16
....ฮึ ฮึ  ถ้าเรียนประมงก็คงมีไม่กี่ที่แหละครับ
....มหาลัย ผมเกลียดการตัดเกรดแบบองกลุ่มมาสุด เพื่อนผมได้คะแนน 81 ติด เอฟ คิดดูดิ
hume [ 15 ก.ค. 2552 11:55:40 ]
ความคิดเห็นที่: 17
อืมม์...อย่างน้อยผมก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เมื่อคุณ conti เลือกเรียนทางนี้....
ขอบคุณที่เอามาเล่าสู่กันฟัง
...แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 2552 12:46:59
snakeeater approve [ 15 ก.ค. 2552 12:46:33 ]
ความคิดเห็นที่: 18
ให้คิดว่า คนเรา มีสมองเท่ากันนะครับ    ดังนั้น ใครใช้สมองไปในทางไหนมากกว่ากัน มันก็เก่งไปในทางนั้น

ในมหาลัยพี่ก็เจอแบบนั้นบ้าง  แต่สำคัญที่ ตำรา ที่เราใช้
เลือกใช้ตำราเดียวกับที่อาจารย์ใช้ซึ่ง ปกติอาจารย์จะบอกก่อนแล้วว่าใช้เล่มไหน อิงตำราไหน เราก็ใช้เล่มเดียวกัน

แล้วอ่านตาม course syllabus ครับ ว่าแผนการสอนให้เรียนรู้เรือ่งอะไร เราอ่านไปตามบทนั้นๆ

หาเวลาอ่านสักวันละชั่วโมง สองชั่วโมง หรือไม่ก็กำหนด สิ่งที่จะอ่านว้นนี้ๆ  อย่าให้มันมากนัก เอาพอดีๆ  ให้มีเวลาพักหัวด้วย  ไม่ก็อ่านที่มหาลัย หามุมดีๆ สักมุม อากาศดี บรรยากาศดี สาวสวย อะไรก็ว่าไป หาเพื่อนอ่านด้วยยิ่งดี จะได้ไม่เบื่อ

เมื่ออ่านถึงระดับนึง ก็สอนเพื่อนต่อครับ จะ A ไม่ A ก็ตอนนี้แหละครับ มันจะได้ทบทวน ได้รู้ว่าเรารู้ตรงนี้ผิดไหมด้วย มีคนช่วยเชค

ที่ เกษตรก็เจอ ที่จุฬาก็เจอครับ อาจารย์แบบนี้มีปะปนอยู่ทั่วไป


อย่าพอใจที่ C ครับ     อย่างน้อย B ครับ
สมมติว่า เราใช้ความรู้ B ( ส่วนที่ไม่รุ้ยังมีส่วนหนึ่ง ส่วนที่รู้มาผิดๆ  มีอีกส่วนนึง จึงไม่ได้ A ) ไปทำงานสักอย่าง  
เราอาจพลาดได้ ถ้าเราเอาส่วนที่รู้มาผิดๆ ไปใช้  ความผิดพลาดนั้นอาจส่งผลต่องาน ต่อชุมชน ต่อชีวิตอื่นๆ  ได้เชียวนะครับ

ดังนั้น ต่อไปหวังให้สูงครับ  B ไม่ก็ A เท่านั้นนะครับ ฮี่ๆ  ยิ่งหวังสูงเราก็ยิ่งพยายาม
GreenEyes approve [ 15 ก.ค. 2552 13:02:30 ]
ความคิดเห็นที่: 19
: hume
....ฮึ ฮึ   ถ้าเรียนประมงก็คงมีไม่กี่ที่แหละครับ
....มหาลัย ผมเกลียดการตัดเกรดแบบองกลุ่มมาสุด เพื่อนผมได้คะแนน 81 ติด เอฟ คิดดูดิ

ใช่ครับ ระบบนี้แย่ครับ
ควรใช้ทั้งกลุ่ม และเกณฑ์ควบคู่กัน

เคยเห็นมาทั้ง 81 ได้เอฟ  และ 61 ได้ A ... หนาถใจ
GreenEyes approve [ 15 ก.ค. 2552 13:03:59 ]
ความคิดเห็นที่: 20
ต้องยอมรับว่าอาจารย์ประเภท 3 ชั่วโมง สอนแค่ชั่วโมงเดียว ที่เหลือตัวใครตัวมัน  แบบนี้มีอยู่จริง
ทำอะไรมากไม่ได้ ได้ แต่ ทำใจเท่านั้น
แค่คงไม่ได้เป็นแบบนี้หมดทั้งภาควิชาหรอกมั๊งคะ

อ่านดูแล้วน่ายินดีที่มีนักเรียนไฝ่รู้
หนทางข้างหน้ายังมี คือ เวลาเลือกเรียนวิชาเอก น้องก็พยายามเลือกเรียนวิชาของที่อาจารย์ที่สอนดีๆ  ให้ความรู้เยอะๆ

แต่เท่าที่พี่เห็น นักเรียนส่วนใหญ่มักเลือกลงเรียนวิชาที่อาจารย์ปล่อยเกรดมากๆ   แต่นักเรียนไม่ค่อยได้อะไร
แต่วิชาเนื้อหาเยอะๆ  ไม่ค่อยมีคนลงเรียนเพราะเอาเกรดยาก

ฝากไว่สำหรับน้องๆ  ที่เรียนอยู่ในสายชีววิทยาหรือใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นประมง หรือเกษตรก็ตาม
วิชาในกลุ่มกลุ่มเคมี ทั้ง organic chem., Biochem. พวกนี้สำคัญนะคะ เป็นพื้นฐานที่ต้องเอาไปใช้
อาจจะไม่ได้ใช้ทั้งหมดหรอก  แต่ในงานทดลองส่วนใหญ่ต้องเข้าในเรื่องความเข้มข้น เรื่องกรดเบส ทั้งนั้น

งานวิจัยระดับลึกต้องใช้ความรู้ Biochem. จะวัดฮอร์โมน จะดูเอนไซม์แสดงออก Biochem ทั้งนั้น

วิชา พันธุศาสตร์  ถ้าไม่เข้าใจการถ่ายทอดทางพันธุกรรม จะไปผสมพันธุ์ปลา ปรับปรุงพันธุ์พืช จะเอาพื้นฐานมาจากไหน

งานทดลองแทบทุกโครงการต้องใช้สถิติเป็นตัวตัดสินทั้งนั้น ไม่ต้องได้เกรดสวยๆ  หรอก  แต่ต้องรู้ว่า ถ้าในงานทดลองของเรา ต้องใช้สถิติตัวไหน  และจะไปหาอ่านได้ที่ไหนกัน

เรียนประมงหรือครับ การศึกษาในระดับประชากร ต้องมีความรู้เรื่อง log, integrate มาช่วยถึงจะทำนายโครงสร้างประชากรได้

เห็นไม๊..วิชาที่เราคิดว่าเรียนไปทำไมเนี่ยมันต้องเอามาใช้บ้าง ไม่มากก็น้อย
หมีเป้แดง approve [ 15 ก.ค. 2552 13:28:00 ]
ความคิดเห็นที่: 21
ส่วนนี้คนเป็นครูขอระบายบ้าง.. ^__^

นักเรียนหลายคนบอกว่าก่อนสอบอ่านหนังสือจบตั้ง 3-4รอบแล้ว  แต่ก็ยังทำข้อสอบไม่ได้อยู่ดี
ถามว่า อ่านจบ 3-4 รอบนั่นรู้อะไรบ้าง เข้าใจเนื้อหาได้แค่ไหน
ปริมาณที่อ่าน กับคุณภาพ ไปด้วยกันหรือไม่
ได้เคยทำโน๊ตย่อบ้างหรือเปล่า เคยติวให้เพื่อนบ้างมั๊ย

นักเรียนส่วนใหญ่ได้แค่ "อ่าน"  แต่ไม่ได้ประมวลความรู้
อันนี้ต้องโทษคนสอนด้วยส่วนหนึ่ง เพราะไม่ค่อยสอนให้นักเรียน "คิด"
นักเรียนเลยได้ แต่ท่องจำ และทำตามที่ครูบอก ไม่แม้ แต่จะ "คิด" ว่าต้อง "คิดเอง"บ้าง
หมีเป้แดง approve [ 15 ก.ค. 2552 13:35:55 ]
ความคิดเห็นที่: 22
เข้ามานั่งอ่าน แล้วขำ นึกย้อน...สมัยมหาวิทยาลัย อิ อิ
เจออาจารย์ที่ไม่ชอบหน้า เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องการdrawing เลย
โดนสารพัด จนที่สุดคือทิ้งงานที่ส่งลงพื้นในห้องพักอาจารย์ ต่อหน้าทุกคนในชั้นปี  และอาจารย์ท่านอื่น
555 วันนั้น ก้มเก็บงานเดินออกไปเลย ไม่มองหน้าไม่พูดกับอาจารย์ 3 อาทิตย์  แต่เข้าเรียน ทำงานส่งครบ

สุดท้ายอาจารย์เดินมาบอก เฮ้ยเช็ง คุณโกรธจริงอะ ขอโทษ....คำนี้คะ แบบว่าเรา.......วันนั้นหันไปไหว้ขอโทษอาจารย์  แต่ก็บอกว่า อาจารย์ทำหนูว่ามันแรงไปนะคะ บอกหนูดีๆ หนูก็แก้ไขคะ อาจารย์บอกว่า ผมแค่อยากทำให้คุณสู้ อืม....เชื่อได้มั๊ยเนี่ย

ตั้ง แต่วันนั้น ทำให้คิดมาตลอดว่าหลังจากนี้ใครว่าอะไรมาเอามาเก็บไว้คอยเตือนแก้ไข  และพิสูจน์ว่าทำได้รู้ได้
ยังไงอาจารย์จะปากร้ายแค่ไหน เค้าก็หวังดีกับเรา คิดแง่ดีเข้าไว้คะ
เราอุตสาห์ได้เรียนก็ลุยเอาความรู้ให้มากที่สุดคะ ยังไงผู้ใหญ่เค้าก็ชอบคนตั้งใจนะคะ เพราะฉะนั้นสู้ๆ คะ

เรื่องเกรดแม่เช็งก็5555555  F ตามกลับบ้านเพียบคะ  แต่ก็เอาตัวรอดมาได้
แต่สิ่งที่เราเรียนเอามาใช้ได้เมื่อทำงานนะคะ ไม่วันนี้ก็วันไหนแหละคะ อยู่ที่ว่าชีวิตเราจะเจออะไร

ส่วนเรื่องอาจรย์ไม่เข้าสอน แบบว่าขาดความรับผิดชอบ ซึ่ง ก็เป็นปมปัญหาในทุกที่ ที่อาจารย์รุ่นใหม่โดนพูดว่า ขาดจรรยาบรรณความเป็นครู

สำหรับลูกๆ  แม่เช็งเคยเจอจนให้ลูกออกมาเรียนที่บ้านคะ
จริงๆ ทุกอย่างก็มีทางออกนะคะ  แต่ก็ต้องดูเป้าหมายในอนาคตของตัวเองว่าจะอยากไปอยู่ที่จุดไหน
และเค้ามีเงื่อนไขอะไร ซึ่ง  ถ้าสิ่งที่อยากเป็นไปยึดเรื่องปริญญา เราก็คงต้องมีใบกระดาษนี้ไว้นะคะ
แต่คิดอะไรพยายามให้รอบคอบนะคะ อย่าใช้อารมณ์ พยายามมองที่เป้าหมายไว้คะ

เอาใจช่วยนะคะ สู้ สู้
แม่เช็ง approve [ 15 ก.ค. 2552 13:42:36 ]
ความคิดเห็นที่: 23
ขอเพิ่มความคิดเห็นส่วนตัวอีกหน่อยสำหรับน้อง conti

เกรดหน่ะ ไม่ต้องสวยมากก็ได้  แต่ภาคปฏิบัติต้องดี
คนเกรดสวยๆ  เก่ง แต่ตำรา ท่องมาสอบได้ ก็ได้เกรดไป แบบนี้ใช้การอะไรไม่ค่อยได้

ความรู้ในตำรามีอยู่เยอะแยะ ที่สำคัญ ต้องรู้ว่าจะไปหาได้ที่ไหน
เรียนในมหาวิทยาลัย ไม่มีใครมานั่งป้อนให้  ถ้าอยากเรียนรู้ต้องหาแหล่งที่เหมาะสม
ตำราก็ดีอย่างหนึ่ง อาจารย์สอนให้ก็ดีอีกอย่าง ต้องผสมๆ  กันไป

สู้ สู้ ค่ะ
หมีเป้แดง approve [ 15 ก.ค. 2552 13:44:51 ]
ความคิดเห็นที่: 24
ชีวิตไม่แย่ไปทั้งหมดเลยหรอกน้องพี่.....

การพึ่งตนเองนั่นล่ะเป็นประเด็นที่เราควรคิดก่อนเข้าใจว่าหน้าที่ของอาจารย์ต้องสอนเรา.. แต่เขาสอนเราไม่ได้ทั้งหมดหรอกบางคนเรียนเก่งจบมาสอนไม่เป็นก็มีครับ การศึกษาสมัยนี้เราต้องฝึกหาหนทางที่จะเรียนรู้เองไม่เข้าใจจริงๆๆ  ค่อยไปขอคำชี้แนะทีหลัง.....ตำรามีไว้เพียงเป็นรูปแบบที่ต้องดูเป็นพื้นฐาน...การที่ได้ทำงานจริง  ฝึกจริง
นั่นล่ะประสบการณ์ที่เราต้องนำไปใช้น่ะครับ

เอาสิ่งที่เราได้มาประยุกต์ใช้ให้ได้ และเกิดประโยชน์ให้มากที่สุด คิดให้เป็น ประยุกต์ใช้ให้ได้..นี้คือสิ่งที่เราต้องการมิใช่หรือ......

พวกพี่เราหลายคนเก่งครับไม่เข้าใจก็ถามได้....ความรู้ที่พวกพี่ได้มิได้ในตำราอย่างเดียวเด้อ

บร็อดนี้ดีตรงที่ว่าเราพี่น้อง มาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เพิ่มเติม ซึ่ง กัน และกันมิใช่หรือ

ทิ้งท้าย....อย่าไปหวังอะไรมากกับการศึกษาในปัจจุบันน้องพี่ สู้ๆๆ  ไม่เข้าใจพี่ๆ  พร้อมช่วยนายเสมอ
...แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 2552 14:40:53
heterometrus_sp approve [ 15 ก.ค. 2552 14:19:55 ]
ความคิดเห็นที่: 25
ขอบคุณพี่ๆ ทั้งหลายสำหรับกำลังใจ  และความคิดเห็นขอบคุณมากๆ ครับ


อัพเดทข้อมูลวันนี้ ตามตารางวันนี้ต้องเรียน 3 วิชา

8โมง Bio'chem ได้เรียน
10โมง เพาะเลี้ยงปลา ไม่สอน
บ่ายโมง การอนุรักษ์สัตว์น้ำ ไม่สอน

สบายจัง
conti approve [ 15 ก.ค. 2552 19:58:19 ]
ความคิดเห็นที่: 26
: หมีเป้แดง
ต้อง "คิดเอง"บ้าง

ใช่เลยครับ คิดเอง สำคัญมาก ผมสอน ป โท ทำวิจัยมาหลายคน

มีแค่สัก 2 คน ที่คิดเองได้ ลองทำมาเองได้

ที่เหลือ แค่ผสมสารเคมี ยังต้องสอนใหม่หมด ทำมาผิดหลายรอบ
จนงงว่า ตอนตูทำ แค่ไปเปิดตำราพื้นๆ  ทบทวนหน่อยเดียวเองนะเฟ้ย

มีคนนึง เป็นตำนานมาก ว่า จนสอบจบ พึ่งรู้ว่า ที่ทำมา คำนวณผิดหมดตั้ง แต่เริ่ม
 แต่รายนี้โชคดีว่า ผลมันเอามาคำนวณใหม่ได้  และมีทำแก้ไม่มาก
GreenEyes approve [ 15 ก.ค. 2552 21:31:50 ]
OthersPics_reply_130652.gif
ความคิดเห็นที่: 27
สู้ๆ  น้อง ทำทุกวันให้ดีที่สุดก็พอ
callus approve [ 15 ก.ค. 2552 21:32:25 ]
ความคิดเห็นที่: 28
มีทุกที่ครับ
อย่าน้อยใจไปใย
ผมเคยเจอขนาดที่ว่า เอาเรื่องที่เราอยากรู้ไปปรึกษา ซึ่ง เค้าก็สอนวิชาที่เกี่ยวกับเจ้าตัวนี้โดยตรง
คำตอบที่ผมได้ ทั้งที่เพิ่ง Intro ยังไม่ทันได้เข้าเรื่อง ยังไม่ได้หยิบตัวปัญหาออกมาเลย คือ....

"ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก....."

ไม่มีการแนะนำหนังสือ
ไม่มีแนะนำคนที่สามารถติดต่อได้
ไม่แนะนำใดๆ  ที่เป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ conti เจอ ผมก็เจอ
คาบละ 2 ชั่วโมง  แต่ได้เรียน 10 นาที
(อันนี้โทษอาจารย์ไม่ได้ เพราะมหา'ลัย จัดตารางสอนได้ห่วย วิชาดันชนกัน)

บ้างก็ งดๆๆๆ  จน 2-3 ครั้งสุดท้ายก็มาสอน อัดๆๆ  
เค้าบอกว่าสอนทัน......( แต่คนเรียน เรียนไม่ทันน่ะ)

เพราะฉะนั้น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ดีที่สุดครับ
บางทีก็ต้องคิดว่า มาเรียนให้ผ่านเพื่อเอาวุฒิฯ  
ส่วนเรื่องของความรู้ เราต้องขวนขวายหาเอาเอง
ลองพยายามทำตัวเป็น อภิชาตศิษย์ สิครับ
คนนั้น approve [ 16 ก.ค. 2552 00:39:05 ]
ความคิดเห็นที่: 29
ง่า...ไม่รู้จะว่ายังไงดีครับ
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าช่วง ป.ตรีมีความสุขกับชีวิตมาก
เลยไม่เคยเห็นด้วยกับ เพลงมหาลัย มหาหลอก ของคาราบาว
คิดว่าเป็นมุมมองของคนที่มองการศึกษาระดับอุดมศึกษาในแง่ร้ายรุนแรง
เชื่อว่า  ถ้าทำใจให้สบาย และสนุกกับสิ่งที่ได้พบได้เจอ
มหาวิทยาลัย  และใบปริญญา จะให้อะไรเรามากกว่าที่คิดนะครับ

ผมเองเรียนไม่เก่งเลยนะ
เพราะ ถ้าวิชาที่ไม่ชอบก็ผ่านมาได้ด้วย D ตลอด
 แต่วิชาไหนชอบ น่าสนุก อยากรู้ หรือคิดว่าน่าจะได้ใช้ในอนาคต
อาจารย์จะเป็นไงก็ช่าง ผมก็บ้า...ลงทะเบียนมันหมดเลย
บางวิชาโหดแสนโหด.. รุ่นพี่ร่ำลือ A ห้าปีคน... มะเจอกัน...
จะทำให้ดูว่าปีที่หกมันจะมีไหมฮ่าๆๆ  

บางตัวสอนไปกระแหนะกระแหนไปก็ช่าง ผมไม่สน...
มีอยู่เทอมนึง อยากเรียนเศรฐศาสตร์อุตส่าไปลงเป็นวิชาเลือก
โดนอาจารย์จิกกัดอยู่นั่นแหละว่าเด็กวิทย์มาลงเสียเวลาเค้า

เลยอยากเอาชนะมุอ่านหนังสือ อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ
ฝึกเขียนกราฟดีมาน ซัฟพาย์ สุดท้ายกด A โชว์มันซะเลย ฮ่าๆๆ
วิชาประหลาดๆ  อยากรู้ก็ลองลงหมดนะครับ เกรดเท่าไหร่ก็ว่ากันไป
พุทธศาสนามหายาน การสอนศิลปะเด็ก จิตวิทยา โฆษณา ฯ ลฯ

มหาวิทยาลัยรัฐค่าเรียนแสนถูก ลงวิชาเลือกเสรีข้ามคณะก็ยังได้
ผมถือว่าได้ลงเรียนไปก็ได้กำไรเป็นความรู้กลับมาแล้วครับ
ออกมาจากมหาวิทยาลัยไปหาเรียนที่ไหนไม่ได้อีกแล้วแบบนี้

เคยเจออาจารย์สอนห่วยแม้กระทั่งวิชาเอกบางวิชา (ทางชีวิทยานี่แหละ)
 แต่ก็ให้คิดซะว่าอย่างน้อยจะได้พอมีแนวทางจะศึกษาเองได้...
 ถ้าแกไม่สอน หรือดูแล้วสอนไม่ได้เรื่องจริงๆ  
ก็แอบดูหนังสืออ้างอิงที่อาจารย์ใช้นั่นแหละครับ...
ผมหน้าด้านไปขอก็อปปี้มาอ่านเลย สอนไม่รู้เรื่องดีนัก...โป๊ะแชะเลย

ดีแล้วครับที่ชอบนั่งห้องสมุด...
 แต่ ถ้ารู้เรื่องแล้วก็ไปฝึกอธิบายให้เพื่อนบ้างนะครับ
อย่างน้อยก็จะรู้ว่าตัวเองเข้าใจถูกหรือเปล่า
 
ตอนผมจบเกรดก็ใช้ได้นะครับ...
 แต่ภูมิใจที่หน่วยกิจเกินกำหนดมากกว่า
แถมได้เรียนทุกวิชาที่อยากเรียนทั้งในภาคฯ   และนอกภาคฯ ด้วย

เรื่องเรียนต่อป.โท ต้องเตรียมตัวเองมากกว่านะครับ
เอาเข้าจริง ต้องอ่านทบทวนกันใหม่เกือบหมดเลย
สำหรับป.โท-เอก พื้นฐานไม่สำคัญเท่าการเตรียมตัวให้พร้อมครับ
ไม่เชื่อก็ถามพี่ๆ  หลายคนในนี้ที่ตัดสินใจเรียนต่อแบบข้ามสายสิครับ
ว่าพื้นฐาน กับความตั้งใจอันไหนสำคัญกว่ากัน...เนอะ

อีกอย่าง... เห็นด้วยกับพี่ greeneye  และพี่หมีเป้แดงครับ
 ถ้ารักที่จะทำงานในวิชาชีพของตัวเอง อย่าคิดเอาเกรดง่ายๆ  นะครับ
ทุกวิชาสำคัญหมด ยิ่งวิชาคำนวนที่ผมไม่ชอบนี่...แม่เจ้า...ไม่น่าเอาแค่ผ่านเลย
พอถึงป.โท อาจารย์ฝรั่งสอน population โยนหนังสือ MATLAB มาเล่มนึง
ไม่สอน ไม่ทำให้ดู โตแล้วต้องทำเอง...ไอ้ที่ไม่รู้มันก็ต้องรู้ครับ ไม่ชอบก็ต้องทำครับ  

โอกาสการเป็นนักศึกษาป.ตรี ในชีวิตคนธรรมดามันมีแค่ช่วงเดียวนะครับ...
ผมอยากให้มองมันเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตทั้งในทั้งนอกห้องเรียน
การจัดการตัวเอง การมีระเบียบวินัยในตัวเอง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่น
ที่สำคัญ คือ เราได้ฝึกวิเคราะห์ ด้านดี  และ ด้านร้าย ของ ตัวเอง คนอื่น  และสังคมด้วย

ขอให้สนุกกับการเรียนในสถาบันแห่งนี้ ในเวลาที่เหลืออยู่นะครับ
บางอย่างแม้มันดูเลวร้ายมาก อาจารย์ไม่สอน ก็ลองหาอะไรมานั่งดูนั่งอ่านกับเพื่อนดู
อาจจะดีกว่ากลับมานั่งเซ็งชีวิตไปวันๆ  นะครับ ซึ่ง ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย...
 
วันข้างหน้าหันกลับมามองแล้ว...
อาจจะคิดถึงชีวิต ณ วันนี้แบบที่ไม่อยากจะเชื่อตัวเองก็ได้น้า
...แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 2552 02:02:11
ปีย์ approve [ 16 ก.ค. 2552 01:08:19 ]
ความคิดเห็นที่: 30
วิชาคณิตศาสตร์ (รวมสถิติ) สำคัญกับชีววืทยาเป็นอย่างมากครับ  ถ้าเป็นไปได้ควรเรียนให้เข้าใจ อย่าให้เำพียง แต่ผ่าน โดยเฉพาะิอนุกรมวิธานปัจจุบันต้องเป็นไปตามวิวัฒนาการ ซึ่ง วิวัฒนาการเป็นวืชาที่ยากมากวิชาหนึ่ง ต้องอาศัย model  และ algorithm ทางคณืตศาสตร์มาศึกษ่า และอธืบาย มหาวิทยาลัยที่ผมทำแลบอยู่ มีคนผ่านแค่่ 20% สำหรับวืชานี้ในระดับปรืญญาตรี

ิีอีกวืชาที่สำคัญไม่แำพ้กันคือ biochemistry ซึ่ง อาศัยความรู้ด้าน organic chemistry เป็นส่้วนใหญ่ เพราะนักอนุกรมวิธานในยุคนี้ต้องเข้าใจ molecular evolution ด้วย นอกจาก morphology ที่ แต่ละคนเชี่ยวชาญกัน  นับวันศาสตร์นี้จะมีีบทบาทมากขึ้น  และเป็น requirement ที่สำคัญสำหรับการยอมรับในเชืงสากล เพราัะ morphology มัักมี bias ของผู้ศึกษา
OAT approve [ 16 ก.ค. 2552 05:39:44 ]
ความคิดเห็นที่: 31
ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับความคิดเห็น



พี่ปีย์ครับ สำหรับผมแล้ว การสอนของอาจารย์ยังถือว่าสำคัญต่อผม เพราะบางทีการสอนของอาจารย์เป็นการเปิดประเด็นให้ผม ตอนย้ายมาที่นี่แรกๆ ผมก็อยากจะเรียนสายนอกคณะบ้าง เพราะรู้ตัวว่าอย่างไรเสียก็ไม่จบสี่ปีแน่ๆ  เพราะว่าต้องมีการโอนหน่วยกิต และตารางทับกัน ต้องรอลงทะเบียน ตอนนี้ผมสนใจวิชาพวก Food Technology ผมอยากไปลงเรียนเบื้องต้นบ้าง เพราะน่าจะมีประโยชน์เสริมได้กับวิชา โภชนศ่สตร์สัตว์น้ำครับ (สาวๆ สวยด้วยครับ เอิ๊กๆ )

พี่ OAT ครับ ฝ่ายคุณภาพการศึกษาของมหาลัยผม ยังเข้าทำงาน 10 โมงกันอยู่เลยครับ ลองไปถามอะไรมากๆ โดนด่า เพราะใกล้ปลดกันเต็มทีแล้ว ไม่ได้จะไปว่าท่านๆ ที่ทำงานว่าแก่แล้วเรื่องมาก  แต่บางที ผมไม่รู้เลยถาม พอถามโดนด่า หาว่า "นี่เธอ โง่หรือไง หาแค่นี้ไม่เจอ" สรุป เออกรูผิดที่ย้ายมาใหม่ หาเอกสารในชั้นที่เมิงชี้นิ้วส่งๆ ไม่เจอ
conti approve [ 16 ก.ค. 2552 11:11:36 ]
ความคิดเห็นที่: 32
^
เหอๆ  ตอนติดต่อ ธุรการแห่งหนึ่งตอน ป โท พี่ก็เจอเงี๊ย เซงจิต
GreenEyes approve [ 16 ก.ค. 2552 11:18:53 ]
ความคิดเห็นที่: 33
เพิ่งทราบว่าใน คณะนั้น จนเดี๋ยวนี้ยังมีแบบนี้อยู่
สมัยป้า วิชาการยังน้อยต้องไปเรียนนอกคณะ สะเปะสะปะไปเรื่อย ตอนนี้มาเป็นอาจารย์ ยอมรับว่าที่เรียนมาตอนตรีโทใ ช้ได้เพียง 20-30 % เท่านั้น เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวไกล ต้องอาศัยอ่านเพิ่มเติม  และต้องเพิ่มเติมทุกปี  แต่ก็ยังมีอาจารย์บางคนเหมือนกันยอมรับว่าในวงการเดียวกันมีแบบที่บอก คือไม่คิดถึงวิชาชีพ จรรยาบรรณ ทั้งๆ  ที่บอกว่า "ให้ยึดผู้เรียนเป็นใหญ่"  นอกจากนี้ยังมีการนำระบบแปลกๆ  จากนอกมาใช้ มีการประเมิน ประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับภาควิชา 1 ครั้ง ระดับคณะ 1 ครั้ง ระดับมหาลัย 1 ครั้ง ประกันภายนอก อีก แล้วต้องรายงานคุณภาพการทำงาน กพร ปีละ3-4 ครั้ง นอกจากนี้ยังต้องทำงานบริหารอิ่นๆ  เช่น งบประมาณ  ขอตำแหน่งวิชาการ ทำวิจัย แล้วต่อไปใครได้เป็น ผศ. รศ ศ. ต้องมีงานวิจัย บริการวิชาการ บทความวิชาการตำรา ซึ่ง คำนวณดูแล้วเพื่อนๆ  บอกว่า ประเมินได้ว่า ระดับผศ ต้องมีคุณสมบัติเทียบเท่าชั้นเทพ ระดับ รศ เทียบเท่าชั้นพรหม ระดับ ศ. เทียบเท่าชั้นอรูปพรหม คนที่ตั้งกฎบางคนก็รีบ early ออกไปก่อน ที่เหลือไม่มีเวลาเตรียมสอน ไม่มีเวลาสอน ไม่ทำหัวหน้าก็โกรธ แม่ แต่ระดับโรงเรียนก็เช่นกันเคยถามพวกครูว่า ต้องเตรียมประกันคุณภาพขาดงานหรือเปล่า พวกเขาก็สารภาพว่า ต้องทิ้งให้ลูกศิษย์อยู่ห้องดูแลกันเอง หลายคนถึงได้ลาออกไป บางคนก็อยู่อย่างซังกะตาย พวกเราต่างก็เสียดายเวลาจะต้องมาทำเรื่องประกันคุณภาพ บอกว่าทำให้ขาดเวลาที่จะไปเตรียมสอน ยิ่งมีการจัดลำดับมหาวิทยาลัย เพิ่งทราบว่าใครอยากได้อันดับดีๆ  ต้องไปจ้างพวกจัดอันดับมาเป็นที่ปรึกษา จำเป้นหรือไม่
อยากให้conti เรียนต่อไปแล้วก็หาความร้จากในเว็บต่างๆ  ปริญญาก็สำคัญสำหรับพ่อแม่พิ่น้อง อย่าเสียเวลาไปเอ็นใหม่ อาจเจอร้ายแรงกว่าเดิม ใครที่มีpower   เห็นเว็บนี้แล้วช่วยกรุณาลดความเข้มข้นการประกันคุณภาพ  และกฎเกณฑ์ที่บังคับอาจารย์บ้าง อีกหน่อยไม่มีใครอยากมาเป็นอาจารย์
สู้ๆ ๆ  ต่อไป ชีวิตภายหน้ายังต้องเจออะไรที่หวือหวากว่าการเรียนที่คณะอีกมาก
meenakorn20 [ 16 ก.ค. 2552 15:09:00 ]
ความคิดเห็นที่: 34
บอกตรงๆ ว่า ผมเกลียด"ระบบประกันคุณภาพ"ครับ
ใครคนอื่นอาจจะเห็น เคยเจอ ด้านบวกของมัน    แต่ตอนนี้ผมเห็นด้านลบมากกว่าเยอะครับ
มันเหมือนเอาอึ่งอ่างมาแข่งกันพองตัว  ว่าใครจะตัวเท่าควายก่อนกัน   แต่ข้างในกลวงโบ๋มี แต่ลม จะระเบิดโพละเมื่อไหร่ก็ไม่รู้! (จากประสบการณ์ที่ผมเคยอยู่กับมันมา)
...แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 2552 15:35:12
snakeeater approve [ 16 ก.ค. 2552 15:28:54 ]
ความคิดเห็นที่: 35
: meenakorn20
เพิ่งทราบว่าใน คณะนั้น จนเดี๋ยวนี้ยังมีแบบนี้อยู่
สมัยป้า วิชาการยังน้อยต้องไปเรียนนอกคณะ สะเปะสะปะไปเรื่อย ตอนนี้มาเป็นอาจารย์ ยอมรับว่าที่เรียนมาตอนตรีโทใ ช้ได้เพียง 20-30 % เท่านั้น เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวไกล ต้องอาศัยอ่านเพิ่มเติม   และต้องเพิ่มเติมทุกปี   แต่ก็ยังมีอาจารย์บางคนเหมือนกันยอมรับว่าในวงการเดียวกันมีแบบที่บอก คือไม่คิดถึงวิชาชีพ จรรยาบรรณ ทั้งๆ   ที่บอกว่า "ให้ยึดผู้เรียนเป็นใหญ่"  นอกจากนี้ยังมีการนำระบบแปลกๆ   จากนอกมาใช้ มีการประเมิน ประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับภาควิชา 1 ครั้ง ระดับคณะ 1 ครั้ง ระดับมหาลัย 1 ครั้ง ประกันภายนอก อีก แล้วต้องรายงานคุณภาพการทำงาน กพร ปีละ3-4 ครั้ง นอกจากนี้ยังต้องทำงานบริหารอิ่นๆ   เช่น งบประมาณ  ขอตำแหน่งวิชาการ ทำวิจัย แล้วต่อไปใครได้เป็น ผศ. รศ ศ. ต้องมีงานวิจัย บริการวิชาการ บทความวิชาการตำรา ซึ่ง  คำนวณดูแล้วเพื่อนๆ   บอกว่า ประเมินได้ว่า ระดับผศ ต้องมีคุณสมบัติเทียบเท่าชั้นเทพ ระดับ รศ เทียบเท่าชั้นพรหม ระดับ ศ. เทียบเท่าชั้นอรูปพรหม คนที่ตั้งกฎบางคนก็รีบ early ออกไปก่อน ที่เหลือไม่มีเวลาเตรียมสอน ไม่มีเวลาสอน ไม่ทำหัวหน้าก็โกรธ แม่  แต่ระดับโรงเรียนก็เช่นกันเคยถามพวกครูว่า ต้องเตรียมประกันคุณภาพขาดงานหรือเปล่า พวกเขาก็สารภาพว่า ต้องทิ้งให้ลูกศิษย์อยู่ห้องดูแลกันเอง หลายคนถึงได้ลาออกไป บางคนก็อยู่อย่างซังกะตาย พวกเราต่างก็เสียดายเวลาจะต้องมาทำเรื่องประกันคุณภาพ บอกว่าทำให้ขาดเวลาที่จะไปเตรียมสอน ยิ่งมีการจัดลำดับมหาวิทยาลัย เพิ่งทราบว่าใครอยากได้อันดับดีๆ   ต้องไปจ้างพวกจัดอันดับมาเป็นที่ปรึกษา จำเป้นหรือไม่
อยากให้conti เรียนต่อไปแล้วก็หาความร้จากในเว็บต่างๆ   ปริญญาก็สำคัญสำหรับพ่อแม่พิ่น้อง อย่าเสียเวลาไปเอ็นใหม่ อาจเจอร้ายแรงกว่าเดิม ใครที่มีpower   เห็นเว็บนี้แล้วช่วยกรุณาลดความเข้มข้นการประกันคุณภาพ   และกฎเกณฑ์ที่บังคับอาจารย์บ้าง อีกหน่อยไม่มีใครอยากมาเป็นอาจารย์
สู้ๆ ๆ   ต่อไป ชีวิตภายหน้ายังต้องเจออะไรที่หวือหวากว่าการเรียนที่คณะอีกมาก


ขอบคุณอาจารย์มากครับ จะจำสิ่งที่อาจารย์สอนไว้ในมโนตลอดไปครับ
conti approve [ 16 ก.ค. 2552 15:29:23 ]
ความคิดเห็นที่: 36
เรียนแบบนี้ผมชอบนะ ... ที่ผมมีปัญหาตอนเรียนคือ วิชาที่บังคับให้เข้าฟัง ให้เซนต์ชื่อ โห กรู มาบังคับให้ไปทนฟัง เข้าบ้าง ไม่เข้าบ้าง สุดท้ายเขาให้ติด I ซะ ฮ่าๆๆๆๆ

บางวิชา อ. ท่านสอนหนะ เราไปอ่านจากหนังสือ มันก็ไม่ต่าง ฮ่าๆๆๆ
ก๊ง approve [ 16 ก.ค. 2552 17:16:37 ]
ความคิดเห็นที่: 37
เห็นได้กับพี่ๆ ทุกท่านที่กล่าวมาข้างบนครับ คิดว่าน้องคอนติคงได้อะไรจากข้อความข้างบนนี้กลับไปเยอะทีเดียว

มองโลกในแง่ดีว่าอย่างน้อย อาจารย์เหล่านี้ ก็ทำให้เรารู้ว่าคุณสมบัติของการเป็นอาจารย์ที่ดี ควรจะเป็นอย่างไร เผื่อในอนาคต น้องคอนติจะเรียนต่อ หรือมีโอกาสได้สอนใคร จะได้ไม่ทำในสิ่งที่เขาเหล่านั้นทำกับเรา  และเป็นผู้ให้ที่ดียิ่งกว่ายังไงล่ะครับ
Mb. approve [ 16 ก.ค. 2552 21:43:08 ]
ความคิดเห็นที่: 38
ว่าจะไม่บ่นเรื่องประกันคุณภาพแล้วเชียว
คุณ meenakorn20 มาบ่นให้ตรงใจ
ปัญหาอยู่ที่คนทำระบบ QA ไม่ได้มานั่งสอนหนังสืออย่างพวกเรานี่นา
เขาเลยไม่เดือดร้อน

ตอนนี้ใครๆ  ก็อยากเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย
แล้วเห็นมั๊ยหล่ะ คนทำวิจัยเรื่องนึงได้ 150 แต้ม พร้อมชื่อเสียงตีพิมพ์ แถมเงินรางวัล
มหาวิยาลัยบางแห่งวัดคุณค่าของอาจารย์ด้วยเอกสารตีพิมพ์
แล้วใครจะมานั่งสอนหนังสือละคร๊าบ..

เขาบอกว่า QA เป็นเครื่องรับประกันว่ามหาวิทยาลัยมีคุณภาพ
บัณฑิตที่จบไปก็จะมีคุณภาพ
แต่ตอนนี้เท่าที่เห็น มันจะกลายเป็นโรงงานอัดกระป๋องบัณฑิตอยู่แล้ว

ว่าจะไม่บ่นแล้วนะเนี่ย
ขออภัยทุกท่านที่เสียเวลาอ่านนะคะ T__T
...แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 2552 22:35:26
หมีเป้แดง approve [ 16 ก.ค. 2552 22:31:48 ]
ความคิดเห็นที่: 39
ระบบประกันคุณภาพทุกวันนี้เป็นตัวทำลายระบบการศึกษาของไทย ตั้ง แต่ประถมจนอุดมศึกษา งานเอกสารต่างๆ  ตัวชี้วัดมากมาย ประชุมแล้วประชุมอีก ดึง และล่ออาจารย์ ออกจากความเป็นครู จนบุคลากรที่มีความเป็นครู ต้องมีใจมั่นมากทีเดียวครับ
Plateen approve [ 16 ก.ค. 2552 22:47:40 ]
ความคิดเห็นที่: 40
: หมีเป้แดง
ว่าจะไม่บ่นเรื่องประกันคุณภาพแล้วเชียว
คุณ meenakorn20 มาบ่นให้ตรงใจ
ปัญหาอยู่ที่คนทำระบบ QA ไม่ได้มานั่งสอนหนังสืออย่างพวกเรานี่นา
เขาเลยไม่เดือดร้อน

ตอนนี้ใครๆ   ก็อยากเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย
แล้วเห็นมั๊ยหล่ะ คนทำวิจัยเรื่องนึงได้ 150 แต้ม พร้อมชื่อเสียงตีพิมพ์ แถมเงินรางวัล
มหาวิยาลัยบางแห่งวัดคุณค่าของอาจารย์ด้วยเอกสารตีพิมพ์
แล้วใครจะมานั่งสอนหนังสือละคร๊าบ..

เขาบอกว่า QA เป็นเครื่องรับประกันว่ามหาวิทยาลัยมีคุณภาพ
บัณฑิตที่จบไปก็จะมีคุณภาพ
แต่ตอนนี้เท่าที่เห็น มันจะกลายเป็นโรงงานอัดกระป๋องบัณฑิตอยู่แล้ว

ว่าจะไม่บ่นแล้วนะเนี่ย
ขออภัยทุกท่านที่เสียเวลาอ่านนะคะ T__T



มหาลัยแห่งการเรียนรู้คงต้องเปลี่ยนสถาบันที่แข่งกันทำงานวิจัย

อาจารย์ผู้สอนศิษย์คงกลายเป็นนักวิจัยที่มีศิษย์เป็นลูกมือช่วยงาน

เป็นไปมากน่ะการศึกษาในสมัยนี้.......

ผมว่าเงินเดือนคงไม่มากเท่าไรที่ได้... แต่เงินวิจัยคงได้มากโข(เดาเอาน่ะครับ)

 ถ้ากระทบต่อท่านกราบอภัยนะที่นี้ครับ
heterometrus_sp approve [ 17 ก.ค. 2552 00:01:21 ]
ความคิดเห็นที่: 41
พี่หมีเป้แดงมาบ่นซะจน...
ผมหวาดหวั่นในอนาคต...อนางอ...ของตัวเองซะแล้ว
ดีแล้วแหละ... ผมจะได้ยืดยาดๆ  แบบนี้ไปก่อน
เผื่ออีกสัก 4-5 ปี ระบบประเมินคุณภาพมันอาจจะแก้ไขตัวเองไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ

จริงๆ  ผมเห็นด้วยกับระบบประเมินฯ  นะครับ
แอบลำเอียงนิดๆ  เพราะคนใกล้ตัวผม เค้าเป็นผู้ประเมินฯ  (ระดับประถม-มัธยม)
 แต่คิดว่าช่องโหว่งของมันคือ ตัวชี้วัด  และ เอกสาร
ที่ทำให้คนปฏิบัติงานต้องมีงานเอกสาร  และต้องวิ่งตามตัวชี้วัด มากเกินจำเป็น

 แต่ก็เถอะครับ ผมเชื่อว่า ถ้าเราอยากได้ครูดีในอนาคต ก็ต้องทำตัวเป็นครูที่ดีให้ศิษย์เห็น
เพื่อนๆ  แม้จากต่างสถาบัน ก็ยังคงพูดถึงครูต้นแบบในใจของเราทุกครั้งที่พบกัน
ผมยังอุ่นใจ ที่เห็นความเป็น "ครู" อยู่ในตัวเพื่อนๆ   และพี่ๆ  รอบตัวผมเสมอ
อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่า อาจารย์รุ่นใหม่ใจแน่วแน่ ก็ยังมีลมหายใจอยู่หลายชีวิตครับ...คอนเฟริ์ม
ปีย์ approve [ 17 ก.ค. 2552 01:40:43 ]
ความคิดเห็นที่: 42
อ้าว..น้องปีย์ พี่อุตสาห์รอน้องมาช่วยนะเนี่ย..555

พี่ว่าตัวชี้วัดกับเอกสารมันไม่ใช่ช่องโหว่หรอกครับ
เพราะจากที่ได้อ่านจนเริ่มเข้าใจแล้ว พี่พบว่า  ถ้าเราสามารถดำเนินกิจกรรมตามระบบประกันคุณภาพได้จริงๆ
ทุกมหาวิทยาลัยจะกลายเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพในด้านต่างๆ  ได้จริง
เพราะหลักๆ  มันคือ PDCA ที่จะครอบคลุมปัจจัยทุกด้าน

และกิจกรรมส่วนใหญ่ตามเนื้อหา เราก็ได้ทำอยู่แล้ว
แต่อาจจะไม่ครบบ้าง ขาดหลักฐานบ้าง ไม่เป็นลำดับขั้นตอนบ้าง
ซึ่ง ตรงนี้ทำให้พวกเราต้องมาเสียเวลาอันมีค่าไปในการนั่งทำเอกสาร
และตอนนี้อาจารย์จำนวนมากยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหากับแบบจริงจัง (ก็ตั้ง 41 ดัชนี ใครจะไปบ้าจำได้ทั้งหมด)

โดยส่วนตัวคิดว่ามันจะต้องมีใครบางคน (ที่ไม่ใช่อาจารย์)
เป็นคนดำเนินการให้ต่อเนื่อง โดยอาจารย์ก็ทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับตัวเองไป
แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ (ที่เข้าใจระบบ) มาจัดการให้ต่อเนื่อง
อาจารย์ก็จะได้มีหน้าที่ สอน วิจัย ไปไม่ต้องมานั่งทำเอกสาร

แต่ในทางปฏิบัติมันไม่ใช่แบบนั้น
เรามักจะมาสุมทำกันตอน 1 เดือนก่อนโดนตรวจ
แถมบางหน่วยงาน ก็สร้างกิจกรรมกันเยอะแยะเพื่อเอาแต้ม
ทั้งปีมันก็เลยเต็มไปด้วยการประชุม อบรม KM อะไรกันทั้งปี

มันก็เลยเป็นเรื่องน่าเบื่อสุดๆ  ด้วยประการ-ระ-ฉะ-นี้

ขอโทษน้อง conti ที่เรื่องระบบการศึกษาไทย กลายเป็นเรื่อง QA ไปซะงั้น 555
หมีเป้แดง approve [ 17 ก.ค. 2552 16:25:49 ]
ความคิดเห็นที่: 43
ขอบ่นด้วยคนครับ  อิอิ...
: Plateen
ระบบประกันคุณภาพทุกวันนี้เป็นตัวทำลายระบบการศึกษาของไทย ตั้ง  แต่ประถมจนอุดมศึกษา งานเอกสารต่างๆ   ตัวชี้วัดมากมาย ประชุมแล้วประชุมอีก ดึง  และล่ออาจารย์ ออกจากความเป็นครู จนบุคลากรที่มีความเป็นครู ต้องมีใจมั่นมากทีเดียวครับ


ไม่ใช่แค่ในวงการศึกษา  แต่ยังมีอีกหลายระบบงานเลยครับ
เรียกประชุมกันเข้าไปแทบทุกวี่ทุกวัน ฟังเค้าพ่นหลักการกันไปเรื่อยๆ    แต่คนทำงานจริงๆ น่ะแทบไม่เหลือ!
แล้วจะเอาอะไรมาพัฒนางาน?

ผมอยากรู้จริงๆ ว่าอะไรมันหล่อหลอมกระแสQA เอาไว้? ผลประโยชน์ของผู้บริหารรึเปล่าครับ? หรือกฏหมายบังคับ? ทำไมผู้นำองค์กรทั้งหลายถึงคลั่งไคล้กันนัก?
snakeeater approve [ 17 ก.ค. 2552 16:31:24 ]
ความคิดเห็นที่: 44
ไม่เป็นไรครับ พี่ หม๊เป้แดง ผมได้มุมมองใหม่ๆ ว่า อาจารย์เองก็ต้องเอาตัวรอดในสังคมของอาจารย์ที่ต้องแข่งขัน ไม่งั้นไม่รอด QA ผมพอเข้าใจครับ อิๆ
conti approve [ 17 ก.ค. 2552 17:27:33 ]
ความคิดเห็นที่: 45
สู้ต่อไป ท่านน้อง  
เตรียมตัวให้พร้อม แล้วก้าวต่อไป ^^
Due_n approve [ 17 ก.ค. 2552 17:32:15 ]
ความคิดเห็นที่: 46
ดูหลักสูตรแล้ว ไม่น่าจะใช่คณะเท่งมงแห่งทุ่งบางเขนเป็นแน่แท้ หลักสูตรที่นี่ของแท้พันธุศาสตร์ต้องเรียนปี 3  คงเป็นคณะที่ไหนๆ  ไกลปืนเที่ยงสักแห่ง

ทีนี้มาว่าด้วยเรื่องการเรียน คุณตั้งกระทู้มาเพื่อระบายความอัดอั้นตันอุราในระบบการศึกษาของไทย คุณคิดว่า คุณไปเรียนในระบบการศึกษาอื่นแล้วมันจะไปได้สวยหรือ อันนี้ขอพูดอย่างคนที่มีวิบากกรรมต้องมาเรียนในระบบการศึกษาที่ดีกว่าไทย ผมว่ามันไม่แตกต่างกันหรอก เราต้องอ่าน และฝ่าฟันเพื่อสอบให้ผ่านเกณฑ์ที่อาจารย์ตั้งไว้  และเท่าที่อ่านมา ดูเหมือนว่าคุณมีอคติอะไรหรือปัญหาทางจิตใจสักอย่าง คงไม่ใช่เพียงแค่การไม่พอใจคนสอนแล้วปล่อยให้ F ไปเสียมากมาย อันนี้ผมว่าคุณน่าหาสาเหตุ อะไรเป็นกันแน่ที่เป็นต้นตอ และแก้มันให้ตรงจุด การเรียนแม้มันจะยากคนสอนจะปากมาก ก็ไม่ได้หมายความว่าเขามุ่งร้ายกับคุณ เคยได้ยินคำว่า "คุณครูกระดาษทราย" หรือไม่ ผมคิดว่าคนเป็นครูเขามีหน้าที่บ่น และว่าเพื่อให้คุณได้คิด และปรับปรุงตัวให้มันดีขึ้น  แล้วคุณเล่นตามเกมส์นั้นหรือเปล่า ตอนนี้ครูคือคนคุมเกมส์ไม่ใช่คุณ..

สำหรับคุณป้ามีนกร20 ครับ ผมว่าตอนนี้คณะประมง เกษตร มีวิชาเปิดสอนมากมาย  และเกินความต้องการที่เด็กจะเรียนได้  แต่ว่ามีปัญหาภายในเรื่องการแบ่งค่ายแบ่งสี  และอัตตาของผู้สอนทำให้นิสิตไม่สามารถลงทะเบียนเรียนได้  แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้นี้ เรากำลังจะเปิดหลายๆ  วิชาที่น่าสนใจออกสู่ตลาดภายนอกคณะ ให้เขาได้มาชื่นชมว่าคนประมงเรียนกันอย่างนี้นี่เอง

ค่อนข้างเห็นด้วยกับหลายๆ  ท่านเกี่ยวกับเรื่องประกันคุณภาพ ภาควิชาของผมใช้อาจารย์วุฒิ ปริญญาเอกถึง 5 คนมาทำรายงานนี้ ผมว่ามันมากเกินไป ตลกดีเหมือนกันประเทศไทย คนจบเอก แทนที่จะไปทำวิจัยหรือไปเตรียมตัวสอนเด็กเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด กลับให้มาเสียเวลาทำงานด้านเอกสารอย่างน้อย 1 สัปดาห์เพื่อให้คนภายนอกมาติชม ว่าคุณทำงานตามเป้าหมายหรือเปล่า

ผมถามอาจารย์ผม ที่อเมริกาว่าอาจารย์มีประกันคุณภาพหรือไม่ อย่างไร แกว่าไม่ต้องทำอะไรมาก มหาวิทยาลัยมี assurance office เราแค่ส่งเอกสารของเราไป เขาจะจัดหมวดหมุ่ และวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งให้เราเอง แล้วจะนัดประชุมปีละครั้งเพื่อบอกเราถึงสิ่งต่างๆ  ที่เขาวิเคราะห์จากสิ่งที่ได้จากเรา อันนี้ผมว่า มันก็ดีเหมือนกัน  แต่เมืองไทยคงเกิดยากเพราะว่าไปคัดลอกเขามา แต่เปลือกไม่เอาแ่ก่นมาทำ
...แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 2552 01:47:12
สมหมาย approve [ 18 ก.ค. 2552 01:44:30 ]
ความคิดเห็นที่: 47
ขอบคุณครับอาจารย์สมหมาย ผมก็ยังคิดๆ อยู่เหมือนกัน ว่าการกระทำของผม มันเบนเข็มชีวิตไปตามเป้าหรื่อเปล่า
conti approve [ 18 ก.ค. 2552 08:54:08 ]
ความคิดเห็นที่: 48
คาบสอนเป็นคาบของผู้เรียน  ไม่ใช่คาบของครูผู้สอนครับ

มองว่า ถึงจะต้องทำงานเอกสาร, งานประกันฯ , งานวิจัย, งานอะไร ก็มิได้ขอรับ    ....เด็กๆ กว่าจะเดินทางมาเรียนกับครูได้   เด็กๆ หลายๆ คนต้องผ่านอะไรมามากมาย  กว่าจะมาให้ครูเจอะเจอหน้ากัน  ครูมิควรจะทิ้งเด็กๆ นาครับ
จะงานยุ่ง ฉุกเฉิน  ก็ต้องมีอะไรที่คุ้มค่าให้เด็กทำหน่อย

...จะทะเลาะหรือแก้ปัญหา  ต้องทำคนละที  อย่าทำพร้อมกัน  

ฝากๆ น้อง conti สู้ต่อไป อย่าท้อแท้   ...อย่าลืมความตั้งใจแรกของเรา  แล้วก็อารมณ์ดีๆ   ไม่มีอคติ  ทำอะไรก็สำเร็จไปเกินครึ่งแล้วนะครับ ^..^

ลป. ระดับโรงเรียนก็เจอะปัญหางานประกันคุณภาพเหมือนกันครับ   เพียง แต่ที่มันวุ่นๆ   ส่วนหนึ่งมาจาก  หลังประเมินเสร็จแล้ว   ฝ่ายบริหารก็ลืมๆ กันไป   พอใกล้ถึงรอบทีก็วุ่นกับพวกเราทีนึง   จะเอาโน่นนี่จนวุ่นวายไม่เป็นอันทำงาน  ในวงการครูนี่บ่นกันพรึม

ผมก็มีโจทย์ส่วนตัวว่า  ทำไงให้งานที่เราอยู่  เป็นส่วนหนึ่งของงานประกันฯ ให้ได้  สะสมไป..ไม่ใช่ไปวุ่นวาย   จนเด็กๆ เค๊าเดือดร้อนไปด้วยนิ๊   ก็ยังไม่ค่อยลงตัวนะ   แต่พยายามไป  ในระยะที่เราเอื้อมมือถึงครับ
...แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 2552 22:21:05
ครูนก.. approve [ 18 ก.ค. 2552 22:15:04 ]
ความคิดเห็นที่: 49
ครับครูนก อิๆ  สู้ๆ ครับ
conti approve [ 19 ก.ค. 2552 02:06:24 ]
ความคิดเห็นที่: 50
ตอนไปฝึกงาน มีพี่คนหนึ่งเคยสอนผมว่า"ให้คุณถามตัวเองว่า คุณรู้พอที่จะทำงานให้ดี แล้วหรือยัง?"
ทุกวันนี้ทำงานมาจะ10ปีแล้ว ยังตอบตัวเองว่า "ยังไม่พอ" ความรู้ในมหาลัย ก็แค่ส่วนเล็กๆ  ของชีวิตครับ
รำไพ approve [ 24 ก.ค. 2552 02:37:33 ]

- ปิดกระทู้ -

www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org