ความคิดเห็นที่: 1

ชื่อนี้สูญหายไปจากเมืองไทยนานแล้วครับ ผมเกิดมาเคยได้ยินชื่อ  แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง "ราชาแห่งวัวป่า" ไม่รู้ว่าผู้ใดให้สมญานามไว้ ถิ่นฐานพื้นเพ แถวภาคอีสานตอนล่าง ตั้ง แต่โคราชถึงศรีษะเกศ ประมาณนั้น ไม่ยืนยัน นานแล้วจำไม่ค่อยได้ครับ

noppadol [ 22 ก.ค. 2552 23:06:29 ]
noparnon@yahoo.co.th

ความคิดเห็นที่: 2

คลิป 1 เหมือนภาพฝันเลยครับ...ดูแล้วขนลุก
เพราะการได้เห็นเป็นฝูงในป่าแบบนั้นในปัจจุบันนี่คงเหมือนฝัน...จริงครับๆ

แล้วจริงๆ  ปัจจุบันมีรายงานที่ชัดเจนถึงการหลงเหลือของพวกมัน
ในแถบประเทศเพื่อนบ้านเรา บ้างหรือไม่ครับ? (บ้านเราคงไม่มีแน่ๆ )

TOMTOM [ 23 ก.ค. 2552 12:12:42 ]

ความคิดเห็นที่: 3

"กูปรี"  เกือบลืมไปแล้วนะครับว่ามีชนิดนี้ด้วย...แย่จังลูกผมคงไม่ทันเห็นแน่ๆๆ

heterometrus_sp [ 23 ก.ค. 2552 13:54:29 ]

ความคิดเห็นที่: 4

เคยอ่านเจอในหนังสือมีอีกชื่อว่า "โคไพร" หรือ "โครำ" ใช่ไหมครับ

ตะขาบยักษ์ [ 23 ก.ค. 2552 14:22:06 ]

ความคิดเห็นที่: 5

: ตะขาบยักษ์

เคยอ่านเจอในหนังสือมีอีกชื่อว่า "โคไพร" หรือ "โครำ" ใช่ไหมครับ

โคไพรใช่ครับกูปรีเป็นภาษาเขมรแปลว่าโคไพร ส่วนโครำนั้นคือเลียงผาครับ

มล จันทร์ลา [ 23 ก.ค. 2552 16:43:12 ]

ความคิดเห็นที่: 6

อ้าวจำผิดครับ ขอบคุณครับพี่

ตะขาบยักษ์ [ 23 ก.ค. 2552 16:59:46 ]

ความคิดเห็นที่: 7

ที่ดูจากคลิปมันถ่ายในระยะไกล ไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน เลยไม่แน่ใจ  ถ้าเป็นกูปรี ผมว่าคนที่ถ่ายซึ่ง ก็น่าจะเป็นนักวิชาการ หรือพวกนักสำรวจ ก็น่าจะเป็นข่าวไปทั่วโลกแล้วครับ การค้นพบสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสูญพันธู์ไปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่

noppadol [ 23 ก.ค. 2552 21:01:24 ]
noparnon@yahoo.co.th

ความคิดเห็นที่: 8

: noppadol

ที่ดูจากคลิปมันถ่ายในระยะไกล ไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน เลยไม่แน่ใจ   ถ้าเป็นกูปรี ผมว่าคนที่ถ่ายซึ่ง  ก็น่าจะเป็นนักวิชาการ หรือพวกนักสำรวจ ก็น่าจะเป็นข่าวไปทั่วโลกแล้วครับ การค้นพบสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสูญพันธู์ไปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  แน่

ใช่กูปรีซิครับ ถ่ายโดยนักสัตวศาสตร์ชาวอมเริกันผู้เดียวที่มีโอกาสได้ศึกษากูปรีในธรรมชาติครับ ความรู้ความเข้าใจทางชีววิทยาเกือบทั้งหมดก็มาจาก เค้าคนนี้
Wharton, C. H.  1957.  An Ecological Study of the Kouprey (Novibos sauveli Urbain). Monographs of the Institute of Science and Technology, Monograph 5, Manila, Philippines.

Paphmania [ 24 ก.ค. 2552 00:52:01 ]

ความคิดเห็นที่: 9

เป็นภาพกูปรีขณะมีชีวิตอยู่ ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก

หลายฝ่ายอาจจะมองว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว  แต่ผมก็ยังขอหวังที่จะเจอกูปรีต่อไปครับ

นายกระแสน้ำ [ 25 ก.ค. 2552 02:12:27 ]

ความคิดเห็นที่: 10

อยากทราบจริงๆ ว่า ยังมีกูปรีเหลืออยู่ที่เขมรบ้างไหมครับ ใครพอทราบข้อมูลบ้างครับ

captainnova [ 25 ก.ค. 2552 10:01:34 ]

ความคิดเห็นที่: 11

: Paphmania

: noppadol
ที่ดูจากคลิปมันถ่ายในระยะไกล ไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน เลยไม่แน่ใจ    ถ้าเป็นกูปรี ผมว่าคนที่ถ่ายซึ่ง   ก็น่าจะเป็นนักวิชาการ หรือพวกนักสำรวจ ก็น่าจะเป็นข่าวไปทั่วโลกแล้วครับ การค้นพบสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสูญพันธู์ไปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ   แน่

ใช่กูปรีซิครับ ถ่ายโดยนักสัตวศาสตร์ชาวอมเริกันผู้เดียวที่มีโอกาสได้ศึกษากูปรีในธรรมชาติครับ ความรู้ความเข้าใจทางชีววิทยาเกือบทั้งหมดก็มาจาก เค้าคนนี้
Wharton, C. H.  1957.  An Ecological Study of the Kouprey (Novibos sauveli Urbain). Monographs of the Institute of Science and Technology, Monograph 5, Manila, Philippines.

มีคลิปของ Dr Charles Wharton อยู่ใน youtube.com นะครับ
เป็นฝูงเลว เขาเคยจับลูกมันได้ด้วย
เป็นสารคดีจากอเมริกา ชื่อ Investigation Report

Kouprey mysterious Cambodian Forest Ox part 1
http://www.youtube.com/watch?v=F-O56_1lIQM

Kouprey mysterious Cambodian Forest Ox part 3
http://www.youtube.com/watch?v=11JH_IqQej0&feature=related

วิท [ 25 ก.ค. 2552 17:08:57 ]
whit76@hotmail.com

ความคิดเห็นที่: 12

คลิปนี้นานหรือยังครับ  ถ้ายังไม่นานอย่างน้อยก็น่าดีใจที่โคไพร ยังมีอยู่ในป่า ซึ่ง ก็อาจจะกลับมาแบบกระทิงเขาแผงม้าก็ได้

noppadol [ 25 ก.ค. 2552 19:16:54 ]
noparnon@yahoo.co.th

ความคิดเห็นที่: 13

ในเหตการณ์ ที่ที่เขาจับลูกมันได้  และนำมาเลี้ยงในกรงนั้น เป็นปี  1964 นะครับ
เรื่องราวดำเนินมาจนถึงเกิดสงครามในเขมรนั่นเลย

วิท [ 26 ก.ค. 2552 12:29:27 ]
whit76@hotmail.com

ความคิดเห็นที่: 14

เนื้อหาที่คนเอามาลงบอกนะครับ
The kouprey was last seen in 1988, making this bovid one of the most endangered and mysterious large mammals in the world. It has an enormous but very narrow body, long legs and a humped back. Kouprey means ‘forest bull' in Khmer and its long and wide-reaching horns certainly create an imposing animal (5). Males' horns can reach up to 80 cm, branching upwards and forwards with frayed tips on animals over the age of three. Females' horns reach just 40 cm and spiral upwards. Adult males are dark brown to black whereas females are more grey in colour, and young start life a reddish colour, becoming greyish-brown by five to six months. The tail is considerably longer than in either the gaur or banteng, and has a bushier tip. The lower legs are white or greyish. Males can be distinguished by their dewlap, hanging from their neck, which is unique amongst wild cattle (2).

ปฐพี96 [ 27 ก.ค. 2552 17:35:36 ]