กระทู้-13025 : จระเข้-- เรื่องมายาบนป่าเขาใหญ่ (เขียนความคิดเห็นมาครับ ลองอ่านกัน)

Home » Board » อื่นๆ

จระเข้-- เรื่องมายาบนป่าเขาใหญ่ (เขียนความคิดเห็นมาครับ ลองอ่านกัน)

จระเข้ -- เรื่องมายาแห่งป่าเขาใหญ่
                                                            อุเทน ภุมรินทร์

เป็นเรื่องน่าดีใจในช่วงนี้ ที่มีคนสนใจเรื่องราวของสัตว์ป่า ไม่ว่าคุณจะติดตามข่าวหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่า หลายท่านคงได้ยินหรือไม่ก็ผ่านตาตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามหน้าจอโทรทัศน์ ที่มี ข่าวความว่า “จระเข้โผล่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, กรมอุทยานแห่งชาติฯ ตั้งทีมเฉพาะกิจตามจับตัวจระเข้ ฯลฯ กันบ้างแล้ว”

ใช่ครับ -- มีการพบจระเข้ ตามที่ข่าวรายงานจริงๆ  มีจำนวน 2 ตัว อายุอยู่ที่ประมาณ 5 ปี พบบริเวณดงต้นบอน และลำน้ำบริเวณเส้นทางน้ำตกผากล้วยไม้ถึงน้ำตกเหวสุวัติ ใครที่เคยไปเขาใหญ่ แล้วเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เส้นน้ำตกผากล้วยไม้ คงพอนึกภาพออกถึงสภาพพื้นที่บริเวณนั้น  ซึ่งเป็นเส้นทางเลียบลำน้ำไปโดยตลอด

ในช่วงหลังนี้เอง ที่บางคนอาจเจอเข้ากับจระเข้นอนผึ่งแดด หรือลอยตัวอยู่ในบริเวณนั้น ไม่ใช่ว่า เพิ่งมีคนพบแล้วจึงเป็นข่าวอึกทึกอย่างในขณะนี้ แต่หากใครเป็นนักท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ คงพอได้เห็นกันบ้างแล้ว กับรูปภาพตามเวปไซด์ต่างๆ  ที่เพื่อนนักท่องเที่ยวนำมาโพสต์กันเป็นระยะ อีกทั้งตามบทความนิตยสารท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่แนะนำการท่องเที่ยวเขาใหญ่ มักปรากฏภาพจระเข้ ‘ปริศนา’ พวกนี้

ที่กล่าวว่า ปริศนาก็ เพราะว่า มีคนทราบมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สนใจด้านธรรมชาติว่า มีจระเข้อาศัยอยู่ในป่าเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา แต่ที่เป็นปริศนา ไม่มีใครทราบว่า จระเข้นั้น เป็นจระเข้ที่เกิดในธรรมชาติเองแต่ดั้งเดิม หรือมีผู้ใดนำเอามาปล่อยหรือไม่ หลายคนอาจงงกับความสงสัยของคนกลุ่มนี้ -- ก็จระเข้ธรรมชาติสิว่ะ จะสงสัยไปทำไม ก็มันอยู่ในป่าขนาดนี้

แท้จริงแล้วที่เป็นเหตุให้สงสัยก็คือ จระเข้น้ำจืด สายพันธุ์ไทย ที่หลงเหลืออยู่ในธรรมชาตินั้น มีประชากรน้อยเหลือเกิน เท่าที่มีรายงาน และการสำรวจพบ ไม่รวมที่ป่าเขาใหญ่นี้ มีเพียง 4 แห่งเท่านั้นในประเทศไทย คือมีที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณต้นน้ำเพชรบุรีในป่า  ซึ่งมีการสำรวจล่าสุด พบไข่จระเข้ที่จระเข้วางไว้ด้วย หมายความว่า มีประชากรจระเข้ในระดับหนึ่ง แล้วมีที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ. สระแก้ว แต่ยังไม่ทราบประชากรที่แน่ชัด แล้วที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา มีเพียงตัวเดียว  และที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่คลองชมพู ด้วยหลงเหลืออยู่น้อย จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เมื่อมีการพบจระเข้ในป่าธรรมชาติ

แต่ที่สำหรับป่าเขาใหญ่ที่เป็นข้อสงสัย ก็คือ หากมันมีอยู่ในธรรมชาติมาแต่ไหนแต่ไร ทำไมไม่มีใครพบใครเห็นมาก่อนหน้านี้ ทำไมเพิ่งมาพบเจอ ทั้งที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็เป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดเกือบสี่สิบกว่าปีมาแล้ว อีกทั้งด้วยความรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยีข่าวสาร ภาพจระเข้เขาใหญ่ได้เผยแผ่ไปทั่วในโลกอินเตอร์เน็ต  และด้วยความที่ป่าเขาใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงมีการ ‘ระแวง’ ถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพราะบริเวณที่พบจระเข้นั้น เป็นบริเวณที่มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติผ่าน ด้วยเหตุผลต่างๆ  เหล่านี้ จึงเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน อย่างที่เป็นข่าวดัง ไม่ต่างกับกันการ ‘ตีปี้บ’ กันอยู่ในช่วงนี้

ตามที่ข่าวรายงาน ความเป็นไป คือ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า  และพันธุ์พืช ถึงกับเดินทางไปดูตัวตนเอง  และสั่งการตั้งทีม ฉก.  (“เฉพาะกิจ” นะครับ ตอนแรก ผมนึกว่า “ทีมฉุกเฉินกันจัง” เพราะ แค่ไข่ปริศนาที่พบ ริมน้ำ ก็น่าจะระบุได้แล้ว ว่าเป็นไข่จระเข้หรือไม่ ถ้าทีม ‘รู้จัก’ จระเข้มากกว่านี้)  รวมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เอง ทีมสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ ถึงกับล่องเรือสำรวจกันให้ขวัก

แล้วที่ทำล่วงหน้าไปก่อนนั้นแล้ว ก็คือ การติดป้ายจำนวนเกือบสิบป้ายเพื่อเตือน ให้นักท่องเที่ยว ‘ระวัง’ จระเข้ ด้วยความคิดเห็น มันหยาบไปไหม ในการกระทำอย่างนั้น เพราะมองอีกมุม นอกจากการเตือนไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย มันกลายเป็นทำให้จระเข้ที่พบกลายเป็น ‘สัตว์ร้าย’ อย่างไม่ต้องสงสัย เราไม่เถียงว่า ภาพของจระเข้ กลายเป็นสัตว์ร้ายมานานแล้ว แต่แทนที่เราจะมาสร้างทำความเข้าใจกันใหม่ หรือลบล้างความเชื่อนั้น เพราะแท้จริง ไม่ว่า สัตว์ป่าชนิดใดก็ตาม ไม่ได้เกิดมาเพื่อกิน ‘คน’  ( ซึ่งน่ากลัวมากที่สุด ในเรื่องการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อนร่วมโลก)  พวกมันเหล่านั้น ย่อมมีหน้าที่ตามธรรมชาติอย่างชัดเจน—จระเข้ ย่อมมีหน้าที่ควบคุมปริมาณสัตว์น้ำ และสัตว์ที่เป็นอาหารของมัน ให้มีปริมาณที่พอเหมาะ อย่างไม่ต้องสงสัย

เรื่องราวเหล่านี้ มันทำให้ผมนึกถึงว่า มันไม่ต่างกันกับ เราพบเสือหลุดเพ่นพ่านในหมู่บ้านผู้คน หรือพบจระเข้ลอยคอ ตามแม่น้ำเจ้าพระยา ยังไงยังงั้น เรามองว่า เป็นอันตรายไปเสียหมด แต่นี้ มันในป่าธรรมชาติ จะ ‘พันธุ์ไทยแท้’ หรือ ‘พันธุ์ทาง’ ก็ตาม มันย่อมไม่สลักสำคัญ เท่ากับเราต้องไม่ชี้นำ ให้กับสังคม เชื่อในสิ่งที่ไม่จริงมากเข้าไปอีก

นั่นคือ ประเด็นแรก ส่วนประเด็นในเรื่องถัดมา คือทีมเฉพาะกิจ ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม ของจระเข้ทั้งสองตัว  และมีการวางแผนที่จะทำการจับจระเข้ดังกล่าว มาทำการพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อจะทราบว่า เป็นจระเข้พันธุ์ไทยแท้ หรือไม่ ตามข่าวรายงาน ถ้าไม่ใช่คงจับออกไว้ที่อื่น  (อ่านถึงตรงนี้ แล้วอึ้งครับ—จะเอามันไปไว้ที่ไหน คิดไม่ออก ถึงมันไม่ใช่พันธุ์แท้ แต่มันก็มีชีวิตรอด เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศลำน้ำนี้แล้วไม่ใช่หรือ สำคัญแค่ไหนกัน ไม่ว่า จระเข้ปล่อยหรือจระเข้แท้ เพราะมันก็อยู่รอด มีหน้าที่ตามธรรมชาติแล้วนี่)  

แต่จนบัดนี้ ทางทีมงาน ก็ยังไม่ได้ทำตามที่กล่าวไว้ จากการสอบถาม และพูดคุยกับบุคลากร อาจารย์ที่สอนด้านสัตว์ป่า  และอาจารย์ที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของผม ได้ความว่า ทั้งหลายต่างรู้ดีว่า จระเข้ที่พบที่เขาใหญ่นั้น เป็นจระเข้ที่มีคนนำมาปล่อยอย่างแน่นอน ด้วยบุคลากรท่านหนึ่ง กล่าวได้ความว่า “จากการเดินป่าเขาใหญ่มานาน ป่าเขาใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณที่พบจระเข้ ในปัจจุปัน ว่ากันจริง ตามธรรมชาติ ไม่มีทาง มีจระเข้อย่างแน่นอน เพราะแหล่งที่จระเข้ อาศัยต้องเป็นแหล่งน้ำนิ่ง เป็นวังน้ำ มีหาดหรือตลิ่งให้วางไข่  ซึ่งตรงกันข้ามกับสภาพที่พบจระเข้ของป่าเขาใหญ่ เพราะเป็นแหล่งน้ำไหล ไม่มีวังน้ำ”  

อีกทั้งอาจารย์บางท่าน ยังกล่าวว่า ในหลายปีก่อน ก็มีการจัดโครงการ ปล่อยจระเข้คืนสู่แหล่งธรรมชาติที่เขาใหญ่ นี้  ซึ่งเป็นโครงการของกรมฯ เอง แล้วมีรายงานการปล่อย ชัดเจน  ซึ่งตรงกับข่าวในช่วงหลังที่ ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็ออกมากล่าวว่า “จระเข้ที่พบนั้น น่าจะเป็น จระเข้ปล่อย” เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว การจับตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ คงไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำอีกต่อไปแล้ว

สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ ในความคิดเห็น ผมมองว่า สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ยุติการไล่จับทั้งหลายแหล่นั้นเสียก่อน แล้วเรามาตั้งทีม  ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจใน ‘ชีวิตของจระเข้’ แล้วติดตามหรือทำการวิจัยในเรื่องพฤติกรรมการกินการอยู่ของมัน ให้เราทราบในข้อมูลพื้นฐาน  ซึ่งในประเทศไทยเรา ไม่มีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับชีวิตจระเข้ในธรรมชาติเลย ทั้งนี้ ยังเป็นเรื่องง่าย  (ง่ายกว่าป่าอื่นๆ  ที่มีจระเข้อาศัยอยู่ที่กล่าวไปข้างต้น  ซึ่งนานๆ  จะพบตัวในธรรมชาติสักครั้ง)  ในเรื่องการติดตาม  ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่า ข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ จะมีประโยชน์ต่อความอยู่รอดของพวกมันในอนาคต

   อีกสิ่งที่น่าคิด ก็คือ เมื่อไม่ใช่พันธุ์แท้ แล้วการคงอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น มีผลกระทบอย่างไร อาหารที่มันกินเข้าไป เป็นชนิดพันธุ์ประจำถิ่นที่ใกล้สูญพันธุ์หรือไม่  เรื่องนี้ คำตอบอยู่ที่การศึกษาวิจัยต่อไป เพราะในเรื่องของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น  (Alians species)  ที่แปลกปลอมไปจากสัตว์ในป่าธรรมชาติที่มีอยู่ดั้งเดิมแล้ว อาจส่งผลกระทบหรือไปเบียดเบียนแก่งแย่งอาหาร ที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์ของสัตว์ดั้งเดิมก็ได้ ยิ่งในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เอง ที่เป็นมรดกทางธรรมชาติ เรื่องนี้ ยิ่งน่าเฝ้ามอง เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีคนพบอีกัวน่า กิ้งก่ายักษ์  ซึ่งเป็นสัตว์ต่างถิ่น ที่มีคนเอามาปล่อยในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นี้แล้ว

   ส่วนในเรื่องของนักท่องเที่ยว สำหรับ บ้านเมืองเรา ที่จระเข้ถูกมองว่า เป็นสัตว์ร้าย ผมเสนอให้ ปิดเส้นทางดังกล่าวเสีย เปิดอนุญาตเฉพาะผู้ที่สนใจจริงๆ  โดยที่เราต้องไม่ลืมถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้เกี่ยวกับชีวิตของพวกมันด้วย ส่วนเรื่องทำเป็นที่ซุ้มดูพฤติกรรม หรืออย่างไร มากไปกว่านี้ ในความคิด เชื่อว่า กระทรวงหรือกรม ที่รับผิดชอบ น่าจะ ‘คิดได้’ บ้าง

   การพบเจอจระเข้บนป่าเขาใหญ่ ในครั้งนี้ คงฝากแง่มุม ‘อะไร’ ไว้บ้างกับสังคมไทย โดยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้โดยตรง เพราะ เราคงต้องยั้งคิด มากกว่าการ ‘ตื่นตูม’ ไปตามการประโคมข่าว เพราะสุดท้าย เราอาจต้องเสียงบประมาณลงไปกับการจับจระเข้ ตรวจดีเอ็นเอ  และขนย้าย ไม่ใช่น้อย โดยที่บางครั้ง ชีวิตของสัตว์ป่าไทย อาจไม่ได้มีอะไรดีขึ้นไปกว่าเดิมเลย
forest72 approve [ 13 ก.ย. 2552 00:12:21 ]
wildlifer72_30@hotmail.com
ความคิดเห็นที่: 1
ถามครับ
1.  ถ้าเรามีข้อมูลว่าจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย ไม่ใช่จระเข้พันธุ์ดุ ที่ไล่กินคนอยู่แล้ว  และจระเข้ตัวดังกล่าวก็ไม่เคยเแสดงอาการอะไรให้เห็น มีความจำเป็นที่เราจะต้องห้ามคนเดินเหรอครับ? หรือว่าควรจะใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขข้อกล่าวหาที่มีต่อจระเข้ดี?  คืออันตรายมันมีแน่ ยังไงมันก็ไม่ใช่ลูกกิ่งก่า  แต่.... ถ้าเราอยู่ร่วมกับมันโดยความไม่ประมาท เหมือนที่ประชาชนในหลายๆ ประเทศที่สามารถอยู่ร่วมกับ crocodilians ชนิดอื่นๆ ได้ จะไม่ดีกว่าหรือครับ?  

2.  ถ้าจะห้ามแล้วอนุญาตเฉพาะ "ผู้ที่สนใจจริงๆ " เข้าชม แล้วเอาอะไรมาวัดความสนใจครับ?   ถ้าอาม่าเดินทางมาจากสุไหงโกลกอยากดูมาก ถือว่าสนใจจริงๆ ไหมครับ?  หรือว่าเฉพาะคนที่รู้ว่ามันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าอะไร  และถือกล้องอันโตๆ มาเตรียมถ่ายรูปถึงจะเรียกว่า สนใจจริงๆ  หรือว่า ถ้าอย่างผมอยากจะไปดูสักที พาลูกเมียขับรถไปจากกทม. นี่สนใจจริงๆ ไหมครับ?  

ผมยังมองโลกในแง่ดีนะ ทั้งกรณีกระแสของสังคม และกระแสของข้าราชการ
1. ไม่เห็นมีใครออกมาแย้วๆ  ให้ไล่จับจระเข้ ยกเว้น.......นสพ บางท่าน ซึ่ง ไม่มั่นใจว่าหนังสือพิมพ์เขียนคำพูดท่านถูกหรือเปล่า
2. อารมณ์ข้าราชการ  ถ้าหนังสือพิมพ์หัวเขียวตีปี๊ปแล้วอยู่เฉยๆ  ไม่ทำอะไร ปล่อยมันเหอะ นั่งอยู่ออฟฟิสไม่ไปดู มันเป็นไปได้หรือครับ?  ท่านอาจจะเข้าใจก็ได้  แต่มันก็ต้องทำอะไรสักอย่างแหล่ะ คือ...นึกดู ถ้าเป็นผม ผมก็ต้องให้สัมภาษณ์อะไรสักอย่าง แล้วก็ต้องไปดูเหมือนกัน  เสร็จแล้วค่อยออกมาบอกว่าไม่เป็นไรมั๊ง ยังไม่ต้องจับก็ได้ จัดทีมศึกษาก่อนดีกว่า (เหมือนที่มันออกมา)
3. กระแสสังคมเกี่ยวกับความสนใจว่าจระเข้ตัวดังกล่าวเป็น สัตว์ต่างถิ่นหรือเปล่า เป็น พันธุ์ผสม หรือเปล่า ต้องจับตรวจ dna พิสูจน์หรือเปล่า ลองคิดดูสิ่งเหล่านี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครพูดถึงเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่  
4. อย่างน้อย กระแสที่ออกมาก็แสดงให้เห็นว่าคนทั่วไปใส่ใจในธรรมชาติมากขึ้น (รวมทั้งสื่อด้วย) จะใส่ใจถูกหรือใส่ใจผิด มันอีกเรื่องหนึ่ง มันค่อยๆ ปลูกฝั่ง ค่อยๆ สอนกันได้  ถ้าเค้าสนใจแล้วมันทำความเข้าใจกันไม่ยาก
5. จระเข้เราทำเอาแพนด้าน้อย จ๋อยไปพักหนึ่งเลยเฟ้ย!!!!!
นณณ์ approve [ 13 ก.ย. 2552 00:47:23 ]
ความคิดเห็นที่: 2
เนื่องด้วยคนไทยได้รับการปลูกฝังทางสื่อมาว่าจระเข้เป็นสัตว์ดุร้าย

ทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดๆ  สื่อก็ประโคมกันเข้าไปอย่างนู้นอย่างนี้

ความจริงมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย อีกอย่างมันก็อาศัยในสิ่งแวดล้อมนี้ได้แล้ว

ไม่ได้ทำลายระบบนิเวศน์ซักหน่อยถึงจะเป็นพันธุ์ผสมก็เถิด จะเอามันไปไว้ที่ไหนกันเล่า

ส่วนตัวไปเดินหาดูช่วงกลางเดือนสิงหาคมไม่ยักจะเจอ เสียดายอยู่เหมือนกัน

ไม่นึกจะกลายเป็นข่าวได้ถึงขนาดนี้

ปล แพนด้าหงอยไปจริงๆ ครับกับข่าวๆ นี้
Portrait approve [ 13 ก.ย. 2552 01:13:39 ]
ความคิดเห็นที่: 3
ขอบคุณครับ คูณนนณ์ ผมคิดน้อยไปในรายละเอียด เรื่องนี้ ทั้งรายละเอียดในสองข้อนั้น โดยเฉพาะ ในเรื่องข้อแรก ผมกำลังพยายามหนีปัญหา มาคิดอีกครั้ง มันกลาย เป็นการทำให้ภาพจระเข้ที่เขาใหญ่นั้น กลายเป็นภาพลบไปกลายๆ  เราต้องเรียนรู้ อยู่กับมันให้ได้ นั่นน่าจะเป็นทางออกที่ดี
แต่ในส่วนคำถามของสอง จริงๆ  ด้วย ผมคิดไม่รอบคอบสุดท้ายแล้ว เราไม่รู้ว่า จะใช้อะไรวัด ว่า ใครสนใจอย่างไร
ขอบคุณมากครับ คูณนนณ์
forest72 approve [ 13 ก.ย. 2552 02:06:41 ]
ความคิดเห็นที่: 4
ชอบตรงที่ กลบกระแสแพนด้านี้แหละครับ  ซะใจ



ขอออกความเห็นในแบบของผมนะครับ :
ถ้าเป็นจระเข้ต่างถิ่น  ผมมีความเห็นว่า ควรจะนำออกไปจากพื้นที่ดีกว่าครับ  มันดูไม่เหมาะ ยิ่งเป็นสถานที่มรดกโลกอย่างนี้  ถามว่านำออกไปแล้วเอาไปไว้ไหน: สวนสัตว์เค้าไม่ต้องการหรอครับ หรือฟาร์มจระเข้ไงครับ   ไม่ใช่แค่จระเข้นะครับ  สัตว์อื่นๆ  ที่ต่างถิ่น  ถ้าหากนำออกไปได้ก็ควรนำออกไปครับ     ถ้าอย่างนั้น อีกัวร์น่า ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น เพราะมันก็ปรับตัวเข้าระบบนิเวศบริเวณนั้นได้ ไม่รู้มีผลกระทบมากน้อยเท่าไรอย่างไร  แต่เป็นถิ่นที่มันไม่ควรอยู่ถูกไหมครับ   คือหากมองเพียงแค่ว่า สัตว์ตัวไหนไม่ทำลายระบบนิเวศ ก็ให้มันอยู่อย่างนั้น ผมว่าไม่ถูกต้องซักเท่าไร     แต่ผมมองว่า มันสมควรอยู่ในถิ่นที่มันควรจะอยู่ต่างหาก
...แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 2552 02:21:33
electron approve [ 13 ก.ย. 2552 02:17:23 ]
ความคิดเห็นที่: 5
ขอขอบคุณคุณ forest72 หลายๆ ที ที่สละเวลาเขียนบทความ และมุมมองดีๆ ให้ อ่าน+คิด ครับ
ขอบคุณนณณ์กับเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ ด้วย ผมเองไม่รู้เรื่องจระเข้เลย อ่านแล้วพอทำให้ได้คิดอะไรๆ อีกมากโข
ที่นี่ ดีจริงๆ นิ!
จอม approve [ 13 ก.ย. 2552 02:38:59 ]
ความคิดเห็นที่: 6
เมื่อตะกี๊ดูโทรทัศน์ช่องนึงมีข่าวจระเข้ที่บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

พูดมาเต็มๆ เลยว่า "จระเข้เป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย"
Portrait approve [ 13 ก.ย. 2552 11:31:06 ]
ความคิดเห็นที่: 7
อยากให้สัตว์ป่ามันพูดได้มั่งจังเลยครับ
มันคงจะบอกว่า " คนนั่นแหละครับที่ดุร้าย ผมก็อุตสาห์หนีมาอยู่ที่ของผมแล้วนะ ยุ่งกะตูจริงๆ เลย "
จรพนา [ 13 ก.ย. 2552 19:33:44 ]
ความคิดเห็นที่: 8
ในหัวของคนไทยตอนนี้ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราวหรือนิสัยของจระเข้คงคิดกันว่า

เดินๆ ไปให้มันเห็นหน้าแล้วจระเข้จะกระโจนหรือวิ่งมาไร่กินแบบในหนัง

เท่าที่เคิยดูในUBCผมว่าจระเข้ยังจะกลัวคนมากกว่านะครับ

นอนๆ กันเป็น10ๆ ตัวแค่คนพายเรือมาวิ้งหนีอย่างกะจะหนีตายลงน้ำกันหมด
marluy approve [ 13 ก.ย. 2552 21:18:53 ]
ความคิดเห็นที่: 9
มันเป็นนักล่ายังไงก็ล่า เพื่อเลี้ยงตัวมันเองมันคง ไม่กระทบกับสัตว์ป่าชนิดอื่นมากมาย หรอกครับ  มี แต่มานุษย์ นี้ ที่ทำให้เดือดร้อนกันไป ทั่ว ตรวจสอบ แบ่งกลุ่ม กัดกันเองยังไม่พอ ยังไปยุ่งกันสัตว์มันอีก
พูดกันถึงจระเข้ แล้วทำให้ผมสงสัยว่าแล้ว ตะโขง  ยังมีอยู่ในธรรมชาติหรือเปล่า  แล้วในสวนสัตว์ เป็นสายพันธุ์ไทยหรือเปล่า
catfish approve [ 13 ก.ย. 2552 22:09:36 ]
ความคิดเห็นที่: 10
เรื่องนี้ทางที่ผมเห็นด้วยที่สุดคือศึกษามันแบบที่เราศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่าทั่วๆ ไป  ไม่ใช่หิ้วมันออกมาจากแหล่งที่อยู่เพื่อศึกษา  หรือรบกวนมันให้น้อยที่สุด

พื้นที่ตรงนั้น ให้ดีที่สุดก็เป็นพื้นที่ที่อนุญาติให้ผ่านโดยมีจนท.นำทาง   แต่ต้องบอกกับสังคมว่าให้ จนท. นำเพราะกลัวคนที่ไม่รู้ทำให้จระเข้ ตกใจ  หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม(เพราะกำลังศึกษาอยู่)  ไม่ใช่ว่าให้ จนท. นำไป เพราะจระเข้มันอันตราย(อย่างหลังมันจะยิ่งทำให้จระเข้ถูกมองในด้านลบเข้าไปอีก)

เรื่องทำอันตรายนักท่องเที่ยวผมว่ามันโอกาสยากมากๆ   อย่างที่หลายๆ  ท่านรู้  ว่าตรงนั้นมันมีจระเข้ คนที่ลงไปเดินแถวนั้นหลายคนก็รู้   และก็ไปเพราะอยากเห็น(ก่อนที่มันจะมีกระแสนี้)ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันก็ไม่ได้ทำ  หรือมีท่าทีจะทำร้ายนักท่องเที่ยวเลย(แถวนั้นอาหารอุดมสมบูรณ์ขนาดนั้น) ดังนั้นเรื่องที่สื่อหูตาปิดบางแขนงตีโพยตีพายไปมันก็ไม่ได้มีความน่ากลัวมากขนาดนั้น

แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าจริงๆ  แล้วพื้นที่เขาใหญ่มี หรือ เคยมี จระเข้อยู่รึเปล่า  เพราะเท่าที่ติดตามข่าว  บ้างก็ว่าไม่มี หรือเคยมี แต่ตะโขง  หรือมีแน่นอน  ซึ่ง มันก็ขัดแย้งกัน   และดูเหมือนจะไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเรื่องจระเข้บนเขาใหญ่(หรือผมหาไม่เจอเองหว่า)

แล้วที่ผมอ่านๆ  มา  เคยมีคนพูดว่ามันเป็นจระเข้ปล่อย   และสร้างปัญหาให้นากบนเขาใหญ่  ซึ่ง คนที่บอกก็พูดหรือพิมพ์มาลอยๆ   ผมก็ไม่มีข้อมูล   ถ้ามีท่านใดพอมีข้อมูลเกี่ยวกับนาก  หรือสัตว์ที่อาจจะถูกรบกวนในกรณีที่จระเข้ที่ว่าเป็นของปล่อยจะช่วยแชร์ข้อมูลก็จะขอบคุณมากเลยครับ

เรื่องจระเข้ปล่อยผมเคยได้ยินหรืออ่านมา(ไม่แน่ใจว่าจากที่นี่รึเปล่า) ว่าอาจจะเป็นคนของทางการบางคนที่ปล่อยเพื่อหวังผลในเรื่องของการยื่นเสนอเข้าจดทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย(เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสัตว์ที่อยู่ในเขตที่จะขอเป็นมรดกโลก)  แต่ผมก็ไม่คิดแบบนั้นนะครับ  แค่แชร์สิ่งที่รู้มา  เผื่อท่านอื่นมีข้อมูลที่ถูกต้องกว่าจะได้ช่วยไขข้อข้องใจ

สุดท้าย

ถ้าเป็นจระเข้ที่เป็นพันธ์ผสมผมก็ว่าน่าจะจับออกนะครับ
ถ้าเป็นพันธ์แท้  ถึงจะเคยมีหรือไม่เคยมีบนเขาใหญ่  ผมก็ว่าน่าจะปล่อยไว้  ยังไงปางสีดาที่อยู่ในเขตผืนป่าดงพญาเย็นก็มีจระเข้อยู่แล้ว  เขาใหญ่จะมีด้วย  ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีปัญหามากนักนะครับ  เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่เอเลี่ยนสปีชี่ที่แบบว่าข้ามโลกมาหรือมีจำนวนมหาศาลพอจะเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศที่นั่นครับ(ความเห็นส่วนตัว)

ขอบคุณครับ
chai approve [ 13 ก.ย. 2552 23:49:57 ]
ความคิดเห็นที่: 11
นากเองก็ชอบกินลูกจระเข้เหมือนกันนั่นแหละ  อีกอย่างจระเข้ไม่ชอบจับนากเท่าไหร่  เพราะจับยากกว่าปลามาก
คนที่เสนอว่าอันตรายกับนาก เอาข้อมูลมาจากไหน  แล้วบริเวณเหวน้ำตกที่จระเข้อยู่ มีนากอยู่ด้วยจริงหรือเปล่า?
snakeeater approve [ 14 ก.ย. 2552 09:46:06 ]
ความคิดเห็นที่: 12
ล่าสุดมีสื่อเอาข่าว นกแสก มาตีปี๊บอีกแล้ว  อ่านแล้วโคตร... :(
snakeeater approve [ 14 ก.ย. 2552 09:48:53 ]
ความคิดเห็นที่: 13




หมีแพนด้า >> Varanus >> จระเข้ >> นกแสก >> What next??
จะขยันสร้างกระแสกลบหมีแพนด้าไปถึงหนายยยยย  
...แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 2552 10:08:01
หนานโตน approve [ 14 ก.ย. 2552 10:05:06 ]
ความคิดเห็นที่: 14
เดี๋ยวฟางไหม้หมดข่าวก็คงเงียบ  และหวังว่าเหตุการณ์จะกลับไปสงบอย่างเดิม ก่อนที่สื่อจะออกมาประโคมข่าวไอ้เข้เขาใหญ่

ขอตัวไปซื้อหนังสือพิมพ์ก่อนครับ อยากอ่านข่าวมุมล่างขวา

^__^
ตุ้ม [ 14 ก.ย. 2552 13:11:31 ]
ความคิดเห็นที่: 15
ก็เป็นอย่างที่ ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ ว่าไว้นั่นแหละครับ
สิ่งที่สัตว์ป่าต้องการ ไม่ใช่ความรักความสงสาร แต่เป็นความเข้าใจ

แต่เท่าที่เห็นในปัจจุบันดูเหมือน เรายิ่งทำความเข้าใจมากเท่าไหร่ เรายิ่งห่างไกลจาก "ความเข้าใจ" มากเท่านั้น
และยังยโส พอจะรุกไล่เพื่อนร่วมโลกให้จนมุม ด้วยความต้องการที่ไม่มีความจำเป็น แก่การยังชีพตามธรรมชาติ

สัตว์ แต่ละชนิด มีหน้าที่ดำรงสมดุลแห่งธรรมชาติ  แต่มองดูตัวเองสิ มนุษย์อย่างเรามีหน้าที่อะไรในโลก?
สัตว์ แต่ละชนิดได้รับเครื่องมือในการดำรงชีพ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ  แต่ก้มดูมือเท้าของท่านสิ ธรรมชาติไม่ได้มอบอะไรให้เราใช้ดำรงชีวิตในธรรมชาติเลย
สมองเหรอ? เท่าที่เห็น เราใช้สมองในการทำลายธรรมชาติมาตั้ง แต่ เริ่มมีระบบอุตสาหกรรมแล้ว
ดูเหมือนมนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สมควรมีอยู่บนโลกเลย
คุณปราบดา หยุ่น คงคิดถูกแล้ว เราอาจมาอยู่ผิดดาวก็ได้
Riddler [ 14 ก.ย. 2552 14:48:56 ]
ความคิดเห็นที่: 16
อ่านแล้วมาบอกมั่งนะครับ บนดอยไม่มีหนังสือพิมพ์อ่าน อิอิ
เก่ง_ดอยอินฯ approve [ 14 ก.ย. 2552 15:57:29 ]
ความคิดเห็นที่: 17
แพนด้าไม่จ๋อยหรอกคุณนณณ์ คนเก็บค่าผ่านประตูต่างหาก .. หงอย
เวียงไพร [ 14 ก.ย. 2552 16:01:04 ]
ความคิดเห็นที่: 18
ลองอ่านไทยรัฐ ฉบับเช้านี้ดูครับ เจอร่องรอยจระเข้ในป่าชายเลน ชาวบ้านเดินหน้ากระดานค้นหา  แต่ไม่เจอ(ถูกใจ)
ผมอยากให้กระทรวงศึกษามีการบรรจุหลักสูตรธรรมชาติวิทยาให้กับเด็กๆ ตั้ง แต่ต้นๆ เลยครับ เราถูกปลูกฝังแบบผิดๆ กันมาโดยตลอด(ผมก็ด้วย) เช่นเจองูอะไรก็จะเดาไว้ก่อนว่ามีพิษ อะไรที่เป็นสัตว์ป่าก็ดุร้ายอันตรายน่ากลัว บางทีจะโทษเขาก็กระไรอยู่  และบางคนก็ไม่มีโอกาสที่จะรู้ จะด้วยอะไรก็แล้ว แต่ การที่มาให้ความรู้กันเมื่อเรียนสูงๆ แล้วจะมีกี่คนที่จะได้รับรู้ ถึงเรื่องของธรรมชาติ เอาแค่เรื่องการแยกขยะให้ถูกผมว่าบางคนยังแยกไม่เป็นด้วยซ้ำ การให้การศึกษาผมว่าน่าจะเป็นการแก้ปํัญหาต่างๆ ได้อย่างดี เป็นแค่ความเห็นของคนๆ นึงนะครับ
noppadol approve [ 14 ก.ย. 2552 17:37:11 ]
noparnon@yahoo.co.th
ความคิดเห็นที่: 19
คำถามต่อพวกแอนตี้"ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น"สุดขั้ว(คนที่ไม่สุดขั้วก็มาตอบได้ครับ)
สุนัขป่าดิงโก้ ในออสเตรเลีย ขณะนี้ถือเป็นเอเลี่ยนหรือไม่?
 ถ้ามันถูกทำให้สูญพันธุ์จากป่าออสเตรเลียตอนนี้ จะก่อผลกระทบหรือไม่?


สมมติว่า  ถ้าจระเข้ตัวนี้เป็น C.Siamensis แท้  แต่ไม่เคยมีที่นั่น? เลยให้จับให้หมด?
(แบบที่ นสพ.คนนึงแกพ่นเอาไว้)
 ถ้างั้น เนื้อทรายที่ปล่อยสู่ป่าทุ่งกระมัง หรือละมั่งที่ห้วยขาแข้ง ต้องโดนจับด้วยมั้ย?
เพราะอย่างน้อย มันก็ไม่ได้ปรากฏอยู่ในพื้นที่นั่น  มาเป็นเวลากี่สิบปีแล้ว?
...แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 2552 08:37:20
snakeeater approve [ 14 ก.ย. 2552 21:08:05 ]
ความคิดเห็นที่: 20
ส่วนตัวผมเองมิได้ต่อต้านสุดขั้วขอรับ

หากจระเข้ที่เขาใหญ่เป็น C.Siamensis แท้ๆ   ก็ปล่อยไว้    สนับสนุนให้ปล่อยพันธุ์แท้เพิ่มด้วยซ้ำ
สมมติเป็นต่างถิ่น  จากต่างประเทศ, ลูกผสมต่างประเทศ,ลูกผสมน้ำเค็ม  ควรจะปล่อยไว้ไหมครับ??

เราควรจะหวงผืนป่าบ้านเรา  ธรรมชาติบ้านเรา  ไว้ให้สัตว์ป่าบ้านเราก่อน ผมคิดแบบนี้

อย่างเนื้อทราย,ละมั่ง   เอามาปล่อยเพิ่มอีกยิ่งดี
electron approve [ 15 ก.ย. 2552 01:22:16 ]
ความคิดเห็นที่: 21
 ถ้าเป็น C. siamensis (ชื่อวิทย์ฯ  ใช้ตัวพิมพ์เล็กนะครับ ตรงตัว s หน่ะ) จริงๆ  ผมอยากให้ปล่อยเพิ่มนะ  แต่ ถ้าเป็นพันธุ์ผสมก็อยากให้จับออก

ส่วนหนังสือพิมพ์หัวเขียว พาดหัวข่าวอุบาดมาก ถึงมากที่สุด
นณณ์ approve [ 15 ก.ย. 2552 10:07:10 ]
ความคิดเห็นที่: 22
ขอบคุณครับคุณนณณ์ ; )
electron approve [ 15 ก.ย. 2552 10:44:54 ]
ความคิดเห็นที่: 23
เมื่อวานดูข่าวเรื่องนกแสกที่ว่า  ปรากฎว่าเดือนนี้ที่พึ่งมีศพไปเผา 6 ศพ (ไทยรัฐบอกเป็นร้อย)   ถ้าบอกว่าเป็นร้อยมันก็จริงครับ   เพราะนกอยู่ในวัด(ขืนอยู่นอกวัดก็คงม้วยไปนานแล้ว) แล้วการที่วัดมีศพมาเผามันไปเกี่ยวอะไรกับนกแสกครับ  มั่วจริงๆ

วัดมีศพมาเผา มีคนตายเป็นร้อยเพราะนกแสก ??? logic บ้าอะไรไม่รู้

นกมันร้องของมันทุกวัน   แต่วันไหนไม่มีงานศพ คนก็ไม่ได้ไปที่เมน ก็ไม่เจอหรือไม่ได้สนใจเสียงมัน   แต่พอมีงานศพ  มีคนไปที่เมนเยอะ  คนไปเห็นนกก็บอกว่าเพราะมัน  มันเป็นลางร้าย   มันร้องบอกเหตุ  ทั้งๆ  ที่มันก็อยู่อย่างงั้นของมันมาตั้งนานสองนานแล้ว(พระก็บอกว่ามันอยู่ของมันมานานแล้ว)

ยังงี้ ถ้าโรงพยาบาลมีหมา ก็แปลว่าหมาอาถรรพ์งั้นสิ  เพราะบางโรงพยาบาลมีหมามาอยู่แล้วก็มีคนตายคนเจ็บเป็นร้อยๆ  เหมือนกัน
chai approve [ 15 ก.ย. 2552 10:55:26 ]
ความคิดเห็นที่: 24
เรื่องนกแสกมีหลายๆ ประเทศในแถบยุโรบเขาก็เชื่อกันนะครับ   ว่านกแสกเป็นตัวแทนผู้ส่งสารจากยมฑูต     ซึ่ง ผมเองก็คิดว่าเป็นความเป็นไปได้        ถ้าบอกว่านกแสกร้องแล้วจะทำให้คนตายผมว่าเป็นไปไม่ได้ ผมเชื่อว่าคล้ายๆ เป็นการบอกล่วงหน้ามากกว่า   แต่เป็นเพียงลางบอกเหตุว่ากำลังจะมีคนเสียชีวิต               เหมือนจิ้งจกร้องทักอะไรประมาณนั้น
บีลีฟ [ 15 ก.ย. 2552 23:43:06 ]
ความคิดเห็นที่: 25
เท่าที่เคยทราบมา ในอินเดียเค้าถือว่านกแสกเป็นตัวแทนแห่งพระลักษมี  เทพีแห่งเกษตรกรรมครับ
ในอิตาลี เชื่อว่าเป็นนกบอกลางร้าย  แต่ไม่ได้เจาะจงว่าต้องมีคนตาย
ในฝรั่งเศส เชื่อว่านกแสกร้อง ทำให้ผู้หญิงมีครรภ์คลอดลูกเป็นเด็กผู้ชาย   แต่ ถ้าโยนทรายเข้าไปในเตาไฟ จะทำให้ได้ลูกสาวแทน o_o
snakeeater approve [ 16 ก.ย. 2552 09:14:34 ]
ความคิดเห็นที่: 26
.....กรีกถือว่า นแกแสก นกเค้าแมวคือ เทพเจ้าแห่งสติปัญญา
.....ใครสนใจอยากรู้ว่า แต่ละประเทศมีความเชื่อเกี่ยวกับนกแสก นกฮูก นกเค้าแมวอย่างไรดูได้ที่ http://www.owlpages.com/ ครับ
hume approve [ 16 ก.ย. 2552 10:21:11 ]
ความคิดเห็นที่: 27
ลองทำลิงค์
http://www.owlpages.com/

 ถ้าเชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุ คนสมัยก่อนเค้าจะไปทำบุญ หรือทำพิธิล้างซวย ล้างเคราะห์ เฉยๆ
 แต่คนปัจจุบันบางคน เอาลูกกรดส่องเอาเลย -_o!
snakeeater approve [ 16 ก.ย. 2552 13:43:13 ]
ความคิดเห็นที่: 28
ที่เขาใหญ่-อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีจระเข้ด้วย
นันทชัย จงสาครสิน [ 10 พ.ย. 2552 06:31:04 ]
nantachai.2540@hotmai.com

- ปิดกระทู้ -

www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org