ช่วยไขปริศนา กวางแดง ที่สลักพระหน่อยครับ เคยได้ยินกันบ้างหรือเปล่า
คิดว่าเป็นการ ผ่าเหล่า (Mutation ) ของกวางป่าธรรมดาหรือเปล่าครับ หรือว่าเป็น New species
คัดลอกบทความของคุณหมอบุญส่งที่ท่านเขียนลงใน สยามรัฐ มาประกอบนะครับ
กวางแดงที่สลักพระ
โดย น.พ.บุญส่ง เลขะกุล
สองสามอาทิตย์มาแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนอะไรมาเล่าให้แฟนฟัง ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าทิ้งร่มหนีงานไปเที่ยวป่าเสียพักหนึ่ง ป่าที่ข้าพเจ้าไปครั้งที่แล้วมานี้คือป่าแถวแควใหญ่กาญจนบุรี ที่ข้าพเจ้าติดใจไปป่านี้ก็เพราะติดใจเรื่องกวางป่า ซึ่งข้าพเจ้าสงสัยว่าอาจจะเป็นกวางพันธุ์แปลกอีกชนิดหนึ่งก็ได้ จึงอยากไปลองเที่ยวหา และสบสวนดู
หนังกวางชนิดนี้ข้าพเจ้าเห็นครั้งแรกที่ในร้านขายของป่าในตลาดกาญจนบุรี ในร้านนั้น ข้าพเจ้าเห็นมีเขาสัตว์หนังสัตว์วางกองอยู่มากจึงแวะเข้าไปชม เจ้าของร้านเป็นคนจีน กำลังช่วยลูกสาวยกเขากวาง และหนังกวางเก็บซ้อนๆ กันให้เข้าที่ ชรอยลูกสาวเจ๊กคนนี้หน้าตาคงจะน่าดู พวกเพื่อนๆ ของข้าพเจ้าอีก 2-3 คนก็พากันแวะเข้าไปในร้านนั้นกับข้าพเจ้าด้วยอย่างนัดกันไว้
สวัสดี อาเตี่ยคุณเหนกลงมือทำทาง สบายดีหรือเตี่ย หมู่นี้ไม่ได้พบกันนานแน่ะแฮะ อาเตี่ยดูยังไม่แก่เลยนะ
เจ๊กนั่นยืนงง แกคงยืนคิดทบทวนความจำของแกดูว่าเมื่อปีกลาย เมื่อปีก่อน เมื่อปีโน้นแกเคบพบหน้าตากะล่อนยังงี้ที่ไหนบ้างหนอ แต่แกจะทบทวนความจำไปอีกสักกี่ปีแกก็คงจะจำอะไรไม่ได้ เพราะคุณเหนกแกไม่เคยมาเมืองกาญจน์เลยในชีวิต แกปากหวานส่งเดชไปตามวิสัยของแกยังงั้นเอง
ในระหว่างนั้นข้าพเข้าก็พลิกหนังกวางในกองนั้นดูเรื่อยไปหนังทั้งกองนั้นเป็นหนังกวางป่าธรรมดา แต่มีอยู่ผืนหนึ่งสีสันผิดกับหนังผืนอื่นๆ มาก ข้าพเจ้าจึงดึงออกมาดู หนังผืนนี้เป็นหนังผืนกว้างใหญ่อย่างหนังกวางธรรมดา แต่ลักษณะขนนั้นขึ้นแน่น และอ่อนนุ่มอย่างกับขนอีเก้ง สีสันก็แดงคล้ายขนอีเก้ง ไม่ใช่ขนเส้นแข็งๆ เป็นสีเทาคล้ำๆ และไม่เป็นเส้นขนขึ้นห่างๆ อย่างในหนังกวางป่าธรรมดาที่เราเคยเห็นๆ กันเลย
เฮ้ย นี่หนังอะไรนี่ ข้าพเจ้าฉงนเต็มทีจึงถามเจ้าของร้านดู
ไม่รู้ อั๊วก็ว่าหนังกวางป่าทั้งนั้น เจ๊กเจ้าของร้านตอบ
หนังเก้งน่ะ ลูกสาวแสดงภูมิแก้หน้าพ่อ
เก้งอะไรตัวใหญ่อย่างกับม้า ข้าพเจ้าคิดออกมาดังๆ
อ๋อ เก้งยังงี้เข้าเรียกว่า เก้งดะ น่ะหมอ คุณหนกเขาเสนอความเห็นสอดขึ้นมาบ้าง
เก้งดะ ไรของลื้อ อั๊วไม่เคยได้ยินเลย ข้าพเจ้ายิ่งฉงนหนักขึ้น
มันก็คล้ายๆ กับเก้งเดาแหละหมอ คุณเหนกอธิบายต่อ
ม่วยสาวคงจะขัดเคืองที่มีคนมาแย่งแสดงภูมิต่อหน้าเช่นนั้น แกค้อนคุณเหนกดังขวับ แล้วกระทืบเท้าปึงๆ หายเข้าไปหลังร้านเลย เสียงคุณเหนกอุบๆ อิบๆ ว่า อ้อ ถ้าจะมีแม่เป็นไทย จึงได้ค้อนเป็น
คุณเหนกนี่แกยังเป็นเด็กมาก จะเกี้ยวผู้หญิงทำไมต้องไปแย่งแสดงภูมิขัดคอเขา อ้ายเรื่องยังงี้เด็กๆ สมัยนี้ยึงอ่อนนัก ต้องไว้มือชั้นอา มันต้องใช้แบบไม้นวม มันจึงจะนุ่มนวล
ข้าพเจ้าไม่ใคร่เชื่อภูมิคุณเหนกนัก แกมักพ่นส่งเดชทำเป็นมีภูมิบ่อยๆ เก้งดะหรือเก้งเดานั้นข้าพเจ้าไม่เคยรู้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ถึงอย่างไรก็ตามข้าพเจ้าเชื่อว่าหนังผืนนี้ไม่ใช่หนังอีเก้งแน่ๆ เพราะขนาดของมันใหญ่โตอย่างกับกวางธรรมดาหรือเท่าๆ กับม้าไทยทีเดียว ข้าพเจ้าถามจีนเจ้าของร้านว่ารับซื้อหนังนั้นมาจากไหน แกบอกว่าพวกชาวบ้านสลักพระเขาล่องแพเอามาขาย
นี่แหละเป็นต้นเหตุให้ข้าพเจ้าทิ้งร่มไปเที่ยวคราวนี้เพื่อหาตัวจริง และความจริงของหนังอันแปลกผืนนั้น
การไปสลักพระในฤดูนี้ไปด้วยรถจิ๊ปไม่ได้ เพราะเป็นหน้าฝน ทางเกวียนที่ไปที่นั่นเป็นหล่มลึก ต้องไปทางเรือแควใหญ่ ข้าพเจ้าไปลงเรือสำหรับล่องซุงที่ตำบลลาดหญ้า ซึ่งเป็นตำบลใหญ่ราว 17 กิโลเหนือเมืองกาญจน์ขึ้นไป กำนันพริ้ง และหมอสนั่นที่นั่นกรุณาให้จดหมายแนะนำให้ไปหาตาพรานเฒ่าผู้หนึ่งชื่อตาพอน บ้านอยู่ที่ปากลำสะด่อง ซึ่งเป็นทางเข้าไปในสลักพระ
โอ๊ะ ที่สลักพระหรือครับ ตาพอนพรานเฒ่ารีบบอก เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรหริอกครับ พวกลาดหญ้า พวกกรุงเทพฯพากันมายิงแทบไม่เว้นวัน แทบไม่มีอะไรเหลือแล้ว อย่าขึ้นไปเลยเสียเวลาเปล่าๆ เลยไปทางหนองนกยูงดีกว่า มันอยู่ต่อขั้นไปจากสลักพระสักสิบห้ากิโลเท่านั้นแหละ
ข้าพเจ้าก็เลยนั่งเรือต่อจากปากลำสะด่องไปขึ้นเอาที่บ้านปากลำ ซึ่งเป็นปากห้วยของห้วยพ่อละมุล และห้วยแม่ละมุล รวมกันแล้วไหลลงสู่ลำแควใหญ่ที่ตรงนี้
ถึงบ้านปากลำค่ำแล้ว ข้าพเจ้าก็ขึ้นไปขออาศัยบ้านผู้ใหญ่ทัดผู้ใหญ่บ้านที่บ้านลาดหญ้า ซึ่งขึ้นมาคอยค้าของป่ากันอยู่ที่นี่ รุ่งขึ้นเราเดินเกวียนขึ้นไปอีกหนึ่งวันไปกางเต็นท์พักที่ปลายลำ ที่ปลายลำนี้มีชาวบ้านขึ้นไปทำไร่พริกอยู่ 3 กระต๊อบด้วยกัน และที่กระต๊อบชาวบ้านปลายลำนี่แหละ ข้าพเจ้าได้พบหนังกวาง ซึ่งมีลักษณะขนอย่างอีเก้งนั้นอีกผืนหนึ่ง ชาวไร่เจ้าของหนังกวางประหลาดนี้ชื่อว่า นายกิม ชื่อดูเป็นจีน แต่ตัวดำอย่างกะแขกกะลิง ไม่รู้ว่าแกไปชื่อเป็นจีนได้อีท่าไหน
ซักถามนายกิมเจ้าของหนังกวางผืนนั้นได้ความว่า เขาไปนั่งห้างที่โป่ง เพื่อคอยยิงกวางในคืนเดือนหงายเมื่อสัก 2-3 อาทิตย์มานี้เอง ตกดึกจึงได้ยินเสียงสัตว์เข้ามา แต่มันไม่ได้เข้าตัวเดียวสองตัวอย่างกวางป่าธรรมดาที่เคยเห็นๆ กันมา แต่มันเข้ามาพรวดเดียวตั้งฝูงใหญ่คะเนดูว่าสักสิบตัวเห็นจะได้
แกบอกว่า ครั้งแรกผมนึกว่าผีป่าหลอก ตั้งแต่ออกจากท้องพ่อท้องแม่ผมไม่เคยเห็นกวางเข้าทีละเป็นฝูงเลย เคราะห์ดีผมไปนั่งกันสองคน ไม่งั้นผมโจนห้างแน่ พอแกหักสติได้แล้ว นึกว่าไม่ใช่ผีหลอกแน่แล้ว แกก็ยิงส่งเข้าไปในฝูงด้วยปืนแก๊ป 1 นัด ยิงผ่าเข้าไปโดยไม่ต้องเล็งว่าจะยิงตัวไหน ฝูงก็วิ่งหนีตามกันหายไปหมด คงทิ้งเหลือเป็นเหยื่อไว้ให้แกหนึ่งตัวเป็นตัวเมีย
ตั้งแต่ออกจากท้องพ่อท้องแม่ ผมไม่เคยเห็นกวางมีขนสีอย่างอีเก้งอย่างนี้ในป่านี้เลย นายกิมสรุปภายหลังที่แกออกจากท้องพ่อท้องแม่ได้สักสิบครั้งแล้ว
กวางนี้เมื่อก่อนผมเคยเห็นที่ทุ่งสลักพระบ่อยๆ ผู้ใหญ่ทัดอธิบาย กวางป่าธรรมดามักชอบยู่เดี่ยว จะเข้าคู่ในฤดูหนาวตอนผสมพันธุ์ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อยู่รวมเป็นฝูง แต่กวางประหลาดนี้มันชอบอยู่เป็นฝูงใหญ่ๆ ในฝูงหนึ่งมีตัวผู้ราว 2-3 ตัว นอกนั้นเป็นตัวเมีย พวกลาดหญ้า และพวกสลักพระเขาเรียกว่า กวางแดง"
ครับ เมื่อก่อนผมก็เคยเห็นบ่อยๆ ที่ทุ่งสลักพระ ตาพอนสนับสนุน หมู่นี้คนขึ้นไปยิงกันมาก มันจึงแตกหนีมาทางป่านี้
ข้าพเจ้าถามถึงลักษณะเขาของมัน ผู้ใหญ่ทัด และตาพอนบอกว่า "มันคล้ายกับเขากวางป่าธรรมดา แต่มักจะเล็กกว่า และสั้นกว่า
ข้าพเจ้าท่องเที่ยวอยู่ในป่าพ่อละมุลแม่ละมุล 3-4 วัน เพื่อหาฝูงกวางประหลาดนั้น แต่ก็ไม่พานพบเสียเลย คงพบแต่กวางป่าธรรมดา อีเก้ง วัวแดง ฝูงกระทิง และโขลงช้างป่าเท่านั้น
จากป่าพ่อละมุลแม่ละมุล ข้าพเจ้าท่องเที่ยวเรื่อยๆ ขึ้นไปทางศรีสวัสดิ์ บ้านนาสวนจนถึงหมู่บ้านกระเหรี่ยงองลุ จากองลุเดินข้ามเขาองข่าอันแสนสูงชันไปลงทุ่งกว้างแห่งหาดพนาหรือหับพนา อันลือชื่อว่าสัตว์ป่าแสนจะชุกชุม ก็ไม่ได้ยินข่าวถึงเรื่องกวางแดงนั้นอีกเลย
พิเคราะห์ดูตามแผนที่ ทุ่งสลักพระเป็นป่าเป็นทุ่งกว้างติดต่อไปยังทุ่งนามอญ และโป่งรีอันลือชื่อ กวางแดงอาจไปทางทุ่งหรือป่าเหล่านั้นด้วยก็ได้ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าขอวิงวอนไว้ในที่นี้ด้วยว่า ถ้าหากใครยิงได้กวางแดงแล้วขอได้โปรดแล่หนังให้ติดหนังหัวด้วยเป็นผืนเดียวกัน และเก็บเขาให้ติดอยู่กับกระโหลก รวมทั้งกรามล่างด้วย ส่งไปยังข้าพเจ้าหรือที่สมาคมวิทยาศาสตร์ก็ได้ เพื่อจะได้พิสูจน์ดูว่ามันเป็นกวางพันธุ์ไหนกันแน่
เหล่ากวาง และสัตว์คล้ายกวางเท่าที่มีอยู่ในเมืองไทย เท่าที่เรารู้ก็มี
1.เนื้อสมัน หรือ Schomburgk Deer ซึ่งสูญพันธุ์หมดสิ้นหมดโลกไปในสมัยบิดาของเรานี่เอง
2.กวางป่า พวก Sambar กระดูกแข็งแรง ซึ่งยังคงมีอยู่ตามป่าทั่วๆ ไป
3.ละอง หรือละมั่ง หรือ Eldi ซึ่งเป็นกวางที่มีเขาโค้งเป็นวงออกไปทั้งสองข้างกำลังถูกล่าล้างผลาญจนจวนจะหมดเมืองไทยอยู่ในวันในพรุ่งนี้แล้ว
4.เนื้อทราย หรือ Hog Deer กวางตัวเท่าสุนัขไทยมีเขากวางอย่างกวางป่า กำลังถูกล้างผลาญให้หมดเมืองไทยอยู่ในขณะที่เรากำลังต็เถียงกันเองเบสิคนี่เรื่อง
5.อีเก้ง หรือ Bark Deer ซึ่งใครๆ ก็รู้จัก และ
6.กระจง หรือ Mouse Deer สัตว์เจ้ากรรมที่เกิดมาเล็กกว่าเขาอื่นแล้วยังไม่มีเขาไว้ป้องกันตัวอีก
กวางแดงที่เมืองกาญจน์นี้ เท่าที่ฟังๆ ดูรู้สึกว่าผิดกับกวางที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากดังกล่าวแล้ว แต่ในขณะนี้ยังไม่ยืนยันหรืออาจจะเป็นหนังกวางในฤดูหนาวก็ได้จึงมีขนขึ้นหนาหน่อย หากใครยิงได้ก็โปรดได้ส่งหนัง และกระโหลก และเขาไปยังสมาคมวิทยาศาสตร์ และถ้าหากใครจับเป็นได้ ก็ขอได้โปรดส่งไปขายที่สวนสัตว์เขาดิน เข้าใจว่าเขาคงจะให้ราคางามคุ้มเหนื่อย เข้าใจว่าคงจะมีนักนิยมไพรที่รู้เรื่องกวางแดงนี้ดีแล้วบ้าง หากใครรู้ก็โปรดขยายมาฟังกันในสยามรัฐนี้บ้างเถิด.
tpaph
[ 02 พ.ย. 2552 15:08:41 ]