เอาบทความมาฝาก (จดหมายจากนกขุนทองถึงขอนลอย)
-ถึงขอนลอย-
สวัสดี ขอนลอย เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหมเอ่ย คิดอยากเขียนมาหาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้แค่คิด จนช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้ไปป่าเขาใหญ่ จะอะไรเสียอีกหล่ะ ก็ขุนทอง คิดถึงบ้านที่จากมานะสิ เพราะขุนทองถูกคนจับมาเลี้ยง พรากจากพ่อ แม่ตั้งแต่ยังเล็ก ตอนที่ยังนอนอยู่ในโพรงโน้น โชคยังดีที่เขาไม่จับมาต้มยำทำแกงอะไร เพียงแต่เอามาขังไว้ในกรงแคบๆ แล้วพูดกรอกหูทุกเช้าเย็น ให้ขุนทองพูดภาษาคนได้
แต่โชคดีก็มีกับขุนทองเพียงตัวเดียว ส่วนพี่ชาย และน้องสาว สิ้นใจจากไปตั้งแต่ถูกขนออกจากป่า ขณะนี้ ป่าเขาใหญ่ยังชุ่มไปด้วยฝน ป่าทึบรายรอบตัว ฉันไม่มีทางรู้เลยว่า พ่อแม่ของฉัน ท่านอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่ไหม ยืนอยู่กลางสายฝนอย่างนี้ มันพอช่วยพรางน้ำตาที่ไหลเอ่อได้
เริ่มต้นก็เศร้าเสียแล้ว การไปเขาใหญ่ครั้งนี้ ยังมีเรื่องราวดีๆ อีกมาก เรื่องแรก ขุนทองมีโอกาสได้ตามพี่เจ้าหน้าที่โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก ไปช่วยเก็บข้อมูลพืชอาหารของนกเงือก-- ซึ่งไปยุ่งเสียมากกว่า ถึงตรงนี้ ขอนลอยอาจงง ว่าเอ้ นกเงือกหน้าตามันเป็นยังไงว้า นกเงือกเป็นนกตัวโตมาก มี 13 ชนิดในบ้านเรา แต่ละตัว ขนาดตัวปาเข้าไปเลยเมตร มี โหนก บนปากขนาดใหญ่ อ้าว แล้วมันไม่หนักหรือหน้าทิ่มเวลาบินเหรอ? ไม่หรอกขอนลอย โหนกที่ว่า ด้านในนั้นกลวงไม่ได้ตันอย่างที่เราคิด เว้นก็แต่ เจ้านกชนหิน นกเงือกทางป่าภาคใต้ เท่านั้น ที่ตัน แต่มันไม่หน้าทิ่ม เพราะมีหางที่ยาวมาก ไว้ถ่วงดุลแล้วไง
นกเงือกกินพืชเป็นอาหารหลัก อย่างผลไม้ป่า เขาจึงเป็นนักปลูกป่ามือดี แล้วลูกไม้ขนาดใหญ่ๆ ที่นกตัวเล็กๆ กะเดือกไม่ลง ก็ได้เจ้านกเงือกนี้แหละ พาไปปลูก แต่พวกเขาก็ไม่ได้มังสวิรัติตลอดหรอกนะ พวกเขากินจำพวกสัตว์เล็กๆ บ้าง เหมือนกัน โดยเฉพาะ เอามาป้อนเจ้าตัวเล็กในโพรง ที่ต้องการโปรตีน เพื่อโตไวๆ ส่วนเรื่องที่น่าประทับใจในชีวิตของพวกเขา เชื่อว่า ขอนลอยคงเคยได้ยินมาบ้าง ก็เรื่อง รักเดียวใจเดียว ไง แม้เดี๋ยวนี้ จะหายากในสังคมคนแล้วก็ตาม แต่สังคมนกเงือก ยังเป็นอย่างที่ขอนลอยรู้ เขาจะจับคู่อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต พอถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ ตัวเมียจะเข้าไปฝักไข่ เลี้ยงลูก อยู่ในโพรงไม้ ขังตัวเองอยู่ในนั้น ฝากชีวิตของเธอ และลูกน้อย ไว้กับสามี นกตัวผู้ ก็จะบินหาอาหารมาให้ ตั้งแต่แสงเช้าเริ่มส่องจนหมดแสง เป็นเวลาเกือบสามสี่เดือน จนกว่าลูกน้อยจะโต และพอบินได้ แล้วกะเทาะปากโพรงออกมาสู่โลกภายนอกเอง
เป็นไงบ้าง ขอนลอย รู้จักนกเงือกบ้างแล้ว ใช่ไหม ส่วนพื้นที่ที่เราเข้าไป เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของป่าเขาใหญ่ เรียกว่า ป่าคลองทราย อยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา รายทางที่นั่งรถผ่าน มีเทือกเขาเรียงสลับกัน แต่ด้านหน้าภูเขานี้สิ เต็มไปด้วย ไร่ข้าวโพดสุดลูกหูลูกตา เมืองไทยเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น พื้นที่ป่าเหลือแต่บนเขาสูงชัน ที่รุกไปปลูกพืชเกษตรไม่ไหว แล้วอาคารสีสวย รูปทรงแปลกตา ที่คนเรียกว่า รีสอร์ต ก็ผุดกันยังกับดอกเห็ดฤดูนี้ ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ต่างกัน หรือนี่ คือสูตรสำเร็จของการบุกรุกป่า พอทำไร่ได้สักพัก หน้าดินหมดความอุดม ชาวบ้านก็บุกรุกป่าต่อไปอีก ที่ดินเก่าเปลี่ยนมือ เป็นของนายทุน จนกลายเป็นอาณาจักรรีสอร์ต ความเจริญ และโลกทุนนิยมวิ่งตามรีสอร์ตมา แล้วความเรียบง่ายของชีวิตชนบทที่เคยช่วยเหลือกัน ก็ค่อยๆ กลืนหาย
เรื่องเศร้ายังไม่จบลงเท่านี้ พี่กมลเจ้าหน้าที่ที่พาเราเข้าป่า บอกกับเราว่า ป่าแถบนี้ เสียงปืนไม่เคยเงียบ ชาวบ้านยังล่าสัตว์ โดยเฉพาะการวางกับดัก ที่เรียกว่า ปืนผูก ตอนนั้น พี่เขายังชี้ให้ดูบ้านหลังโต ที่มีรถไถอยู่สองคัน บ้านนี้ร่ำรวย แต่ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ชอบล่าสัตว์ พี่กมลพูดขึ้น จะด้วยเวรกรรมหรือเปล่า ดันไปโดนปืนผูกตาย เมื่อไม่นานมานี้ พี่กมลบอกต่ออีกว่า เสียงปืนลดลงไปบ้าง เพราะพรานตายไปหลายคน โดนปืนผูกที่มันดักไว้ยิงสัตว์นั่นแหละ เรื่องการล่า ทำลายอีกชีวิตในป่า ไม่ใช่เรื่องเก่าที่เกิดขึ้นเพียงในนิยาย หากแต่มันคือ ความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน อย่างที่พี่กมลว่า เสียงปืนไม่เคยเงียบ
ขอนลอย ถึงวันนี้ เราไม่จำเป็นต้องพึ่งเนื้อสัตว์ป่าอีกแล้ว แต่ยังมีคนที่มีรสนิยมแปลกๆ เชื่อบ้างล่ะว่า มันช่วยชูกำลัง นี้แหละ ความคิดของมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่า สัตว์ประเสริฐ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาคนทำงานเพื่อสัตว์ป่า อย่างพี่กมล พยายามบอกว่า หากเราไม่ช่วยกัน ต่อไปจะไม่มีสัตว์ป่าเหลืออยู่ หลายคนพูดสวนทันที ไม่เห็นเดือดร้อน ตัวอะไรมันจะหายไป ยังอยู่สบาย ยังมีแอร์ให้นอนตาก มีหมู มีไก่ให้กิน แม้มีหลายคนรับรู้ว่า หากขาดสัตว์ป่าไปสักชนิด ย่อมเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มีไม่น้อย ที่ไม่ยอมรับรู้เสียที
ยังไม่เข้าเรื่องสักที ไว้แค่นี้ก่อนนะ ขุนทองขอตัวไปนอนก่อน เดี๋ยวตื่นไปเรียนพรุ่งนี้ไม่ทัน มีหลายเรื่อง อยากเล่าให้ขอนลอยฟัง ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่ป่าเขาใหญ่ นึกแล้วอยากให้ขอนลอยมาด้วยกัน ก่อนนอน ขอนลอยช่วยขุนทองภาวนาหน่อยนะว่า ขอให้เสียงปืนในป่า เงียบลงเสียที จะได้ไม่ต้องมีชีวิตใดจากไปอีก เมื่อไรจะมีวันนั้น หรือว่า เราต้องภาวนาจนถึงชาติหน้าตอนบ่ายๆ
รัก และคิดถึงเสมอ
-เจ้าขุนทอง-
forest72
[ 29 พ.ย. 2552 01:42:55 ]