ความคิดเห็นที่: 1

อ่านแล้วฮะ  อยากทราบว่าคุณนกกินเปี้ยวมีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร ?

...แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 2550 16:18:48

mim4042 [ 25 เม.ย. 2550 16:10:29 ]

ความคิดเห็นที่: 2

According to CO2 level and Temp. from paleoclimate/ compare with last century (by Al Gore) absolutely confirmed that GW come from human activities. Reforestgation and carbon energy saving are the last choice of us.

waterpanda [ 25 เม.ย. 2550 17:14:35 ]

ความคิดเห็นที่: 3

ยังอ่านได้นิดหน่อยเองครับ ทำเป็นเวิร์ด ปรินท์ไว้เรียบร้อยแล้ว วันพฤหัสจะไปภูเก็ตอีกหลายวัน คงเอาไปอ่านที่นั่น
เท่าที่อ่านไปแล้วตอนนี้ คงอ่านตาไว้ตาครับ ยังระแวงพวกมะกัน ที่อยากให้ผลการศึกษาโน้มไปทางที่ว่าเป็นรอบวัฏจักรธรรมชาติ ตัวเองจะได้ไม่โดนด่า ว่าเป็นตัวการทำโลกร้อน จะอ่านพวกนี้จึงต้องระวังตัวไม่คล้อยตามฝ่ายใหนง่ายๆ

นกกินเปี้ยว [ 25 เม.ย. 2550 18:30:14 ]

ความคิดเห็นที่: 4

นั่นซินะฮะ  ไม่รู้จะฟังฝ่ายไหนดี   แต่ก็ค่อนข้างอยู่ฝ่ายที่เห็นว่าว่า"คน"นี่แหละที่เป็นตัวการหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในโลก

mim4042 [ 25 เม.ย. 2550 19:40:01 ]

ความคิดเห็นที่: 5

เหอๆๆ  ยังไม่ได้ไปอ่าน  แต่จะมาบอกว่า งานวิจัยของมะกันเองนั่นแหละ ฟ้องมาว่าโลกร้อนจากกิจกรรมมนุษย์  แต่อาจมีการโยนความผิดให้ประเทศเกษตรกรรมแทน  แต่มีสิ่งที่ฟ้องว่าโลกร้อนเพราะประเทศอุตฯ  และประเทศที่มีการใช้ปิโตเคมีมากๆ ก็คือน้ำทะเลเริ่มมีค่า pH เข้าใกล้ 7 มากขึ้น ซึ่ง เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ค่าประมาณ 8-9 กว่าๆ   แต่เมื่อเดือนที่แล้วมาเจอค่า 7 กว่าๆ นี่ น่าสยองแล้ว  แล้วใครรู้บ้างว่า พอ pH ลดลงแบบนี้จะเกิดอะไรกับสัตว์ที่ต้องสร้างหินปูน ติ๊กต่อกๆ

สิ่งที่ฟ้องว่าโลกร้อนในปัจจุบันไม่ใช่วัฏฐจักรก็คือ กราฟแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยรายวัน ณ ที่แห่งหนึ่ง(พอดีเขามีการบันทึกข้อมูล) เป็นเวลากว่าร้อยปี แล้วเอามาต่อกับข้อมูลจากการคำนวณ(เขาไม่ได้บอกว่าได้ตัวเลขมายังไง คิดว่า ดร.หมีน้ำ น่าจะพอรู้)ย้อนไปยังยุคต่างๆ ของโลก ปรากฎว่าผลใน 50 ปีหลังนี ปรากฎว่ากราฟมีแนวโน้มขึ้นอย่างเดียว(คือขึ้นมาก ลงนิดหน่อย แล้วขึ้นอีก...)

knotsnake [ 25 เม.ย. 2550 22:13:04 ]

ความคิดเห็นที่: 6

สิ่งที่เป็นเรื่องจริงแน่แท้คือ เราปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์+มอนอกไซด์ออกมาอย่างรวดเร็ว ตั้ง แต่เริ่มยุคอุตสาหกรรมเป็นต้นมา ในขณะที่ก่อนหน้ายุคนี้ การปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากไฟใหม้ป่า ภูเขาไฟระเบิด เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาก แม้จะมียุคน้ำแข็ง สลับกับภาวะโลกร้อน  แต่ธรรมชาติจะรักษาสมดุลย์ไว้ได้

แล้วตอนนี้คิดว่าโลกอยู่ในสภาพแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมือนเดิมหรือ โลกหรือธรรมชาติต้องปรับสมดุลย์อยู่ตลอดเวลา ในเมื่อเกิดการเสียสมดุลย์อย่างรวดเร็ว (โดยเปรียบเทียบในหลักพันๆ ปี) โลกก็น่าจะปรับสมดุลย์กลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน  ก็คงต้องคอยดูต่อไปว่าการปรับสมดุลย์อย่างรวดเร็วที่ว่านี้ หากเกิดขึ้นจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ อะไร ที่ประวัติศาสตร์ยังไม่เคยจารึกไว้บ้าง

นกกินเปี้ยว [ 26 เม.ย. 2550 09:30:32 ]

ความคิดเห็นที่: 7

One good evidence is why, the one who are main CO2 emission counties did not retified Kyoto Protocol; USA/petroleum and Australia/coal.

waterpanda [ 26 เม.ย. 2550 16:20:20 ]

ความคิดเห็นที่: 8

ผมว่า บางคำถามที่มันงงๆ  ผมก็เคยคิดนะ  แต่พอลองศึกษาดูมันก็ได้คำตอบนะ เช่น

โลกร้อนเพราะ CO2เยอะ หรือ CO2 เยอะเพราะโลกร้อน
โลกร้อน แล้ว CO2 เพิ่มขึ้น ถูกคับ ส่วนนึง ตามกฏของเฮนรี
จริงๆ แล้ว โลกเคยร้อนกว่านี้ด้วยนะ ในช่วงร้อนของยุคอบอุ่น (ตอนนี้เป็นช่วงร้อนของยุคน้ำแข็ง)
 แต่ ความจริงอีกอย่างคือ ปริมาณ CO2 ไม่เคยสูงอย่างตอนนี้ ซึ่ง สูงกว่า ที่สูงที่สุดไปแล้วสองเท่า
ทั้งสองอย่าง มันเสริมกันอะคับ

GreenEyes [ 26 เม.ย. 2550 21:20:58 ]

ความคิดเห็นที่: 9

โลกร้อนเป็นวัฏจักรธรรชาติไม่ใช่หรือ
ต้องแยกประเด็น ระหว่าง โลกร้อนจากวัฏจักรธรรมชาติ กับผลจากมนุษย์
จากธรรมชาติผมไม่สารถอธิบายละเอียดได้ ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับ การวงโคจร และการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ บางทฤษฏีว่ามากจากการระเบิดของภูเขาไฟ  แต่สรุปแล้วได้กราฟประมาณนี้

GreenEyes [ 26 เม.ย. 2550 21:23:20 ]

ความคิดเห็นที่: 10

โลกมีช่วงที่ร้อนบ้าง เย็นบ้าง สลับกันไป  แต่ละช่วงห่างกันประมาณ แสนห้าหมื่นปี
บางช่วง กราฟดูชันมาก  แต่ ถ้าดูในสเกลใกล้ๆ  มันมีค่าเฉลี่ยค่อนข้างจะ ตรง (ช่วงสีน้ำเงิน)
แต่ในช่วงไม่นานมานี้ละ (ช่วงสีแดง) ที่มันเริ่มชันขึ้นมา

GreenEyes [ 26 เม.ย. 2550 21:26:30 ]

ความคิดเห็นที่: 11

ดูเหมือนว่า ช่วงอดีตข้อมูลมีช่วงคลาดเคลื่อนเยอะ เพราะมาจากการตรวจวัดจาก ชั้นน้ำแข็ง
ถ้าอย่างงั้นมาดู ช่วงที่เก็บข้อมูลจริง เริ่มตั้ง แต่ประมาณกลางศตวรรษที่ 19

ในอดีต ช่วงอบอุ่น  และ หนาวเย็น ของยุคน้ำแข็งนี้ มีช่วงการเปลี่ยนอุณหภูมิที่ชันที่สุด
คือเพิ่มขึ้นราว 10 องศาใน 1 หมื่นปี
แต่จากช่วงยุคอุตสาหกรรม ถึงตอนนี้ ดูคร่าวๆ  อุณหภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 องศา ใน 100 ปี
หรือ เทียบให้เท่ากันก็ 120 องศาใน 1 หมื่นปี
ต่างจาก 10 องศาใน 1 หมื่นปี ตั้งสิบเท่ากว่า แน่นอนว่า ต้องมีปัจจัยภายนอก ที่ไม่ใช่ธรรมชาติมาเกี่ยวข้อง
จริงๆ  แล้วมีงานวิจัยอีกหลายคน หลายกลุ่ม  และ การศึกษาอีกหลายๆ  ชิ้นยังคงพบแนวโน้มแบบเดียวกัน

GreenEyes [ 26 เม.ย. 2550 21:29:37 ]

ความคิดเห็นที่: 12

ทีนี้ทำไม คิดว่า ปัจจัยภายนอกมาจากมนุษย์
คราวนี้ ลองดูกราฟนี้บ้าง เป็นการคำนวณโดยโมเดลทางคณิตศาสตร์
ภาพนี้
สีดำ เป็น ข้อมูลจากการตรวจวัดจริงๆ  
สีฟ้า เป็น กราฟจากโมเดล ผลที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น การแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์

...แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 2550 21:33:33

GreenEyes [ 26 เม.ย. 2550 21:32:38 ]

ความคิดเห็นที่: 13

สีส้ม เป็น กราฟจากโมเดล ผลที่เกิดจากธรรมชาติ และมนุษย์ คือ ก๊าซเรือนกระจก โอโซน ไอน้ำในชั้นสตราโตสเฟีย พื้นผิวโลก ฝุ่นละออง

จะเห็นได้ว่า ช่วงหลังๆ  โมเดลที่รวมผลกระทบจากมนุษย์ (สีส้ม) จับคู่จากข้อมูลจริงได้ดีกว่า
นั่นทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาส่วนใหญ่เชื่อว่า ในระยะหลัง มนุษย์มีผลทำให้อุณภูมิของโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วย

จุดนี้คือ ความหมายของคำว่า ภาวะโลกร้อน คือหมายถึง ส่วนที่เกิดจากฝีมือมนุษย์

อันนี้เป็นความเข้าใจของผมครับ

GreenEyes [ 26 เม.ย. 2550 21:34:43 ]

ความคิดเห็นที่: 14

อเมริกาเป็นจอมออกเอกสารทางวิชาที่จะสนับสนุนสิ่งที่อเมริกันทำเลยครับ อย่างเรื่องสารทำความเย็นที่ว่ามีผลกระทบต่อโลกนั้น จริงๆ  แล้ว สารทำความเย็นตัวใหม่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่ เพียง แต่สารตัวเก่าเริ่มมีคนอื่นทำได้มากขึ้น และถูกกว่า ตัวเองเลยจ้างคนออกเอกสารวิจัยสนับสนุนให้เลิกใช้สารตัวเก่า มาใช้สารตัวใหม่ที่คนอื่นยังทำไม่ได้...

อย่างตอนนี้ก็เริ่มจะมีนักวิชาการอเมริกัน มาบอกว่าการใช้น้ำมันทดแทนจากพืชก่อให้เกิดมลพิษมากกว่า (ก็ตัวเองคุมธุรกิจน้ำมันจากฟอสซิลนี่หว่า)...

คนริมรั้ว๒๕๓๔ [ 27 เม.ย. 2550 09:26:09 ]

ความคิดเห็นที่: 15

อ่านความคิดเห็นที่ ๑๔ แล้วนึกถึงประโยคนี้

"There are three kinds of lies: lies, damned lies, and statistics"

Benjamin Disraeli

นณณ์ [ 27 เม.ย. 2550 09:47:41 ]

ความคิดเห็นที่: 16

เหอๆๆ  แล้วก็มีคนพยายามตามก้นมันทุกครั้งสิน่า

knotsnake [ 27 เม.ย. 2550 10:29:16 ]

ความคิดเห็นที่: 17

ผมไม่ค่อยมีความรู้นะ....
แต่ก็คิดว่า อย่างไรเสีย การที่มนุษย์ทีมากขึ้น ...
กิจกรรมที่มีมากตาม....ย่อมส่งผล กระทบต่อโลกแน่นอน...

และเรา ต้องตระหนักให้ดี ...

ใช้สิ่งของที่ผลิตขึ้นอย่างคุ้มค่าที่สุด...

ตัวผมตอนนี้ ที่พอจะทำได้ คือ พยายามลดขยะ ที่เกิดจากกิจกรรมของตัวเองอยู่ครับ...

genus [ 27 เม.ย. 2550 11:27:36 ]

ความคิดเห็นที่: 18

เป็นวัฏจักรของโลกหรือไม่ ไม่รู้
แต่คิดว่า ช่วยกันลด ช่วยกันประหยัด ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม น่าจะดีที่สุด


สำหรับส่วนตัวคิดว่า โลกร้อนเพราะก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง หนึ่งในนั้นก็คือ CO2

ยายอ้วน [ 28 เม.ย. 2550 21:23:12 ]

ความคิดเห็นที่: 19

ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อในบทความ ที่เขียน ก็คือ

ทำไมในประเทศไทย  ข้อเท็จจริงที่เป็นด้านตรงข้ามกับที่เชื่อๆ  กันอยู่ จึงไม่ถูกนำมาสื่อสารกับสาธารณะให้กว้างขวาง ถกเถียงกันอย่างจริงจัง - - ผิดถูก เป็นอีกเรื่องหนึ่ง น่ะครับ  แต่ผมคิดว่าในทางวิชาการ การถกเถียง การพิจารณาอย่างไตร่ตรองเป็นเรื่องสำคัญ

อีกอย่างที่สำคัญ พอๆ  หรือ อาจจะมากกว่า การหาสาเหตุ ก็คือ การเตรียมรับมือกับผลกระทบ

3 อาทิตย์ที่แล้ว ผมอ่านข่าว อดีตนายกฯ  สิงคโปร์ เขาติดต่อ ทีมวิศวกรชาวเนเธอร์แลนด์ ซึ่ง มีประสบการณ์ในการสร้างเขื่อนล้อมประเทศมาแล้ว ให้เข้ามา วางแผนเตรียมสร้างเขื่อนป้องกันน้ำทะเล เช่นกัน ผมไม่แน่ใจว่า บ้านเรามองเรื่องการเตรียมพร้อม 30-40 ปีข้างหน้าอย่างไร  นอกจากที่จะมุ่งลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่ง เป็นไปตามกระแสในการเรียกร้องของนักอนุรักษ์ (อันนี้รวมผมไปด้วยก็ได้)

บุญรักษาครับ

หมู

วีรบูรณ์ [ 12 พ.ค. 2550 19:38:42 ]
sifmu@hotmail.com