ความคิดเห็นที่: 1

เนื่องจากการเดินทางไป อ.ลี้ ในครั้งนี้  ผมใช้เส้นทางจาก อ.เมืองเชียงใหม่ ผ่าน อ.หางดง อ.สันป่าตอง อ.จอมทอง อ.ฮอด อ.ดอยเต่า แล้วจึงตัดเข้า อ.ลี้ จ.ลำพูน  ไม่ได้ใช้เส้นทางสาย ลำพูน - ลี้  ดังนั้น สถานที่แรกที่พามาแวะนี้  ก็คือ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ครับผม  วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุศรีจอมทอง  พระธาตุเก่าแก่คู่เมืองจอมทองมา แต่ครั้งโบราณกาล ทั้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีฉลูด้วย

เสียดายที่มาถึงช้าไปนิดนึง  เพิ่งมีพิธีสรงน้ำพระธาตุไปเมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมานี้เองครับผม

แวะไหว้พระที่นี่ก่อนนะครับ

...แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 2550 15:11:04

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:08:49 ]

ความคิดเห็นที่: 2

รูปหล่อครูบาศรีวิชัย  นักบุญแห่งล้านนา ก็มีประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ด้วย

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:14:00 ]

ความคิดเห็นที่: 3

พระพุทธรูปปางรำพึง ประดิษฐานอยู่ตรงข้ามกับศาลาที่ประดิษฐานรูปหล่อครูบาศรีวิชัย

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:17:58 ]

ความคิดเห็นที่: 4

วิหารหลวงวัดพระธาตุศรีจอมทอง

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:21:35 ]

ความคิดเห็นที่: 5

ไม้ค้ำต้นโพธิ์

ตามคติความเชื่อของชาวล้านนา  เชื่อกันว่าการใช้ไม้ค้ำต้นโพธิ์เป็นสิริมงคล  เป็นเสมือนการทำบุญเพื่อค้ำจุนชีวิตให้มีความมั่นคงยืนยาว  จะเห็นได้ว่าวัดทางภาคเหนือตอนบนที่เป็นดินแดนล้านนาจะมีหลายวัดที่มีไม้ค้ำต้นโพธิ์ในลักษณะนี้ครับผม

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:27:08 ]

ความคิดเห็นที่: 6

อำลา วัดพระธาตุศรีจอมทอง ด้วยภาพนี้ครับผม

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:29:19 ]

ความคิดเห็นที่: 7

ระหว่างทาง

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:32:26 ]

ความคิดเห็นที่: 8

ถึง อ.ลี้ แล้ว

ไปสักการะสรีระครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ที่ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม กันก่อนนะครับ

ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือ "ครูบาวงศ์" ท่านเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่คนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงในเขตพื้นที่ อ.ลี้ ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างสูง  เมื่อท่านถึงแก่มรณภาพไปแล้ว  บรรดาสาธุชนจึงบรรจุสรีระของท่านไว้ในโลงแก้ว ปิดทอง แล้วเก็บไว้ในวิหารให้ผู้เคารพนับถือได้ไปสักการะบูชาครับผม

ภาพนี้เป็นภาพวิหารที่บรรจุสรีระของท่านครับ

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:49:45 ]

ความคิดเห็นที่: 9

สรีระครูบาวงศ์บรรจุในโลงแก้ว

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:52:26 ]

ความคิดเห็นที่: 10

หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนครูบาวงศ์

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:55:34 ]

ความคิดเห็นที่: 11

หอฉัน วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:58:05 ]

ความคิดเห็นที่: 12

หลังคาหอฉัน

เหมือนมีเจดีย์น้อยอยู่ด้านบนเลยครับ

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 15:59:51 ]

ความคิดเห็นที่: 13

พระเจดีย์วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 16:02:45 ]

ความคิดเห็นที่: 14

จาก วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  ออกมาอีกนิดเดียวก็ถึงที่หมายของเราแล้วครับผม

พระเจดีย์แห่งนี้มีชื่อว่า "พระเจดีย์ศรีเวียงชัย"  เป็นพระเจดีย์ที่ว่ากันว่า สร้างขึ้นโดยจำลองแบบมาจากพระเจดีย์ชเวดากองในพม่า  ดูจากหมู่เจดีย์รายที่ล้อมองค์พระเจดีย์องค์ใหญ่  ส่วนองค์พระเจดีย์ใหญ่  ผมยังไม่แน่ใจว่าเป็นศิลปะแบบใด   แต่ไม่น่าจะใช่ศิลปะแบบมอญหรือพม่าครับผม

ถ้าสังเกตตอนบนขององค์พระเจดีย์  รูปแบบจะเป็นรูปแบบเดียวกับพระมหาธาตุ ฯ  บนดอยอินทนนท์ครับ

อ้อ  การไปสักการะ พระเจดีย์ศรีเวียงชัย นี้  ผู้ที่ไปสักการะจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเนื้อสัตว์หรืออาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์เข้าไปในพื้นที่องค์พระเจดีย์อย่างเด็ดขาดครับผม   ถ้าเอาไป  ต้องนำไปฝากที่ศาลารับฝากก่อนถึงทางเข้าองค์พระเจดีย์อ่ะครับ

...แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 2550 09:13:07

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 16:17:01 ]

ความคิดเห็นที่: 15

พระพุทธรูปศิลปะพม่าที่ประดิษฐานทางด้านตะวันตกขององค์พระเจดีย์

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 16:21:03 ]

ความคิดเห็นที่: 16

ง่า  มีงานด่วนมาขัด  พรุ่งนี้มะรืนนี้จะมาแปะใหม่นะครับ (^^)

ตะพากหน้าแดง [ 05 มิ.ย. 2550 16:25:07 ]

ความคิดเห็นที่: 17

แปะต่อจากเมื่อวานครับผม (^^)

รูปฤๅษีบนกำแพงทางเข้า - ออก พระเจดีย์

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 08:27:10 ]

ความคิดเห็นที่: 18

ซุ้มทางด้านตะวันตกขององค์พระเจดีย์

ข้างในมีรูปปั้นวัวอยู่ทางด้านซ้าย - ขวาของซุ้มครับ

ที่ตั้งของ พระเจดีย์ศรีเวียงชัย นี้จัดว่าเป็นที่ที่มีชัยภูมิดีมากครับผม  สวยมากๆ  เสียดาย  คนถ่ายไร้ฝีมือ  เก็บภาพที่ตั้งได้ไม่หมด

รูปหล่อพระสงฆ์ที่อยู่หน้าซุ้ม  น่าจะเป็นรูปครูบาวงศ์เช่นกันครับ

...แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 2550 08:51:21

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 08:33:54 ]

ความคิดเห็นที่: 19

รังนกใต้สัปทน

เท่าที่เดินดู  ใต้ร่มของสัปทนเกือบทั้งหมดจะมีรังนกแบบนี้อยู่  น่าจะเป็นรังนกกระจอก  เห็นบินออกมาจากรังพวกนี้หลายตัวเหมือนกันครับผม

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 08:37:33 ]

ความคิดเห็นที่: 20

ดอกบัวตูมบนกำแพงชั้นนอก

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 08:44:55 ]

ความคิดเห็นที่: 21

ร่มเย็นใต้พระบวรพุทธศาสนา

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 08:57:06 ]

ความคิดเห็นที่: 22

ณ อีกมุมหนึ่งของพระเจดีย์

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 09:01:56 ]

ความคิดเห็นที่: 23

ตรงประตูใหญ่ทางเข้าพระเจดีย์  มีรูปปั้นที่น่าสนใจอยู่บนกำแพงประตูครับผม  เหมือนจะเป็นพระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงช้างเอราวัณ

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 09:06:17 ]

ความคิดเห็นที่: 24

อีกมุมหนึ่ง

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 09:08:48 ]

ความคิดเห็นที่: 25

น้องหมาแม่ลูกอ่อนที่อาศัยอยู่ในละแวกองค์พระเจดีย์

ซูบโซซีดเซียว

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 09:15:11 ]

ความคิดเห็นที่: 26

ถวายกล้วยไม้เป็นพุทธบูชา

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 09:17:38 ]

ความคิดเห็นที่: 27

ปิดท้ายด้วยนกบ้านๆ  อีกรูปครับผม (^^)

ว้าเหว่

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 09:19:28 ]

ความคิดเห็นที่: 28

ช้างเอราวัณแปลกไปนะฮะ  เคยทราบว่ามีสามเศียร  นี่หกแน่ะ  แต่ก็ดูแสดงพระบารมีของพระนเรศวรได้ชัดขึ้น
น่าไปเที่ยวมากๆ

...แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 2550 09:38:50

mim4042 [ 06 มิ.ย. 2550 09:38:23 ]

ความคิดเห็นที่: 29

สาธุ

นณณ์ [ 06 มิ.ย. 2550 14:59:06 ]

ความคิดเห็นที่: 30

คุณมิ้ม  ช้างเอราวัณจริงๆ  ตามเทวตำนานบ่งว่ามี ๓๓ เศียรอ่ะครับ  แถม แต่ละเศียรมีงา ๗ งา   แต่ในบ้านเรา  ผมยังไม่เคยเห็นรูปปั้นข้างเอราวัณที่มีเศียร และงาครบตามที่เทวตำนานบ่งไว้เลยน่ะครับ  เคยเห็น แต่ภาพเขียน  อาจจะเพราะความยากที่จะสร้างสรรค์ขึ้นมาได้กระมังครับ  รูปปั้นช้างเอราวัณก็เลยมีแค่สามเศียรหกงาเป็นหลัก

เพิ่งเคยเห็นช้างเอราวัณ ๖ เศียรก็ที่นี่แหละครับ

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 15:31:55 ]

ความคิดเห็นที่: 31

ขอบคุณฮะคุณตะพากหน้าแดง
(สามสิบสามเศียรโสภา  เศียรหนึ่งเจ็ดงา ประดับเพชรรัตนรูจี...)

...แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 2550 17:16:45

mim4042 [ 06 มิ.ย. 2550 15:40:36 ]

ความคิดเห็นที่: 32

แล้วที่สมุทรปราการหล่ะครับมีกี่หัวเอ่ย พิพิธพันธ์ช้างเอราวัณ

นายแมลง [ 06 มิ.ย. 2550 16:50:33 ]

ความคิดเห็นที่: 33

ที่เห็นจากภายนอกอาคาร  พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณที่ จ.สมุทรปราการ มี ๓ เศียรครับผม  คุณ นายแมลง

ตะพากหน้าแดง [ 06 มิ.ย. 2550 22:18:44 ]

ความคิดเห็นที่: 34

เคยนั่งรถผ่านแล้วถ่ายไว้  ไม่แน่ใจว่าสมุทรปราการหรือเปล่าครับ

ลำพะเนียง [ 06 มิ.ย. 2550 22:47:41 ]

ความคิดเห็นที่: 35

^
^
^
แม่นแล้วครับ  คุณ ลำพะเนียง

ตะพากหน้าแดง [ 07 มิ.ย. 2550 10:40:37 ]

ความคิดเห็นที่: 36

ผมเคยไปแล้วโดนยัดพวงมาลัยอ่ะครับ

นายแมลง [ 07 มิ.ย. 2550 16:53:17 ]

ความคิดเห็นที่: 37

พระธาตุประจำคนเกิดปีฉลู ไม่ใช่พระธาตุลำปางหลวงเหรอครับ พอดีเคยไปที่นั่น แล้วเขาเขียนไว้อย่างนั้นน่ะครับ

dekdonmaung [ 11 มิ.ย. 2550 12:48:33 ]

ความคิดเห็นที่: 38

^
^
^
อ๊า !!!!!!!!
ขออภัยในความผิดพลาดอย่างร้ายแรงครับ  พระธาตุศรีจอมทอง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปี ชวด อ่ะครับ  ส่วน พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปี ฉลู ครับผม

จำผิดได้ไงเนี้ย  พระธาตุประจำปีเกิดของคุณพ่อแท้ๆ

ตะพากหน้าแดง [ 11 มิ.ย. 2550 23:11:49 ]

ความคิดเห็นที่: 39

น่าไปไหว้พระทำบุญจังค่ะ

FloridaZa [ 15 มิ.ย. 2550 00:07:05 ]

ความคิดเห็นที่: 40

เคยไปสักการะที่พระเจดีย์ศรีเวียงชัยบ่อยๆ  ขอเสริมเกร็ดสักนิดว่าชื่อของพระเจดีย์ สมเด็จพระสังฆราชฯ  ทรงพระราชทานพระนามครับ

กาฮัง [ 16 มิ.ย. 2550 19:25:51 ]

ความคิดเห็นที่: 41

พระธาตุศรีจอมทอง  พระธาตุเก่าแก่คู่เมืองจอมทองมา  แต่ครั้งโบราณกาล ทั้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีฉลูด้วย

ขอแก้หน่อยนะครับ จริงๆ แล้วเป็นของปีชวดนะครับ

aeh [ 18 ม.ค. 2551 17:15:54 ]
t_aeh@hotmail.com