ความคิดเห็นที่: 1

อ้าว  คุณ ampelisciphotis  มาทำให้อยากแล้วก็จากไปซะงั้น

จะรออ่านนะครับ :)

ตะพากหน้าแดง [ 01 ส.ค. 2550 23:13:37 ]

ความคิดเห็นที่: 2

ในทะเล ไอโซพอดมีบทบาทในระบบนิเวศเช่นเดียวกับแอมฟิพอด ทาไนดาเซียน หอยสองฝา  และไส้เดือนทะเล คือเป็นผู้บริโภคลำดับแรกเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต และผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่กว่า บางระบบนิเวศอาจพบไอโซพอดเป็นอาหารหลักของปลาในบริเวณชายฝั่ง หรือในมหาสมุทรอาร์ติค พบว่าปลาวาฬสีเทากินไอโซพอดเป็นอาหารหลัก ในหาดทรายบริเวณน้ำขึ้นน้ำลง พบไอโซพอดเป็นสัตว์หน้าดินกลุ่มเด่น  และมักซ่อนอยู่ใต้ก้อนหิน หรือในรอยแยกในหิน เปลือกหอย หรือท่อของไส้เดือนทะเล  และอาจจะพบอยู่ด้วยกันกับสิ่งมีชีวิตที่เกาะติดหรือเคลื่อนไหวน้อยเช่น สาหร่าย ฟองน้ำ ไฮดรอยด์ เอคโตพรอค หอยแมงภู่ เม่นทะเล เพรียง  และเพรียงหัวหอม บางชนิดขุดรูหรือฝังตัวอยู่ในดิน หรือเจาะรูอยู่ในขอนไม้ เศษปะการัง เช่นไอโซพอด Genus Limnoria  และ  Sphaeroma เจาะเรือไม้ และทำให้เรือผุ หรือในป่าชายเลน มักพบ Spheroma เจาะบริเวณรากคำยัน และรากอากาศของต้นไม้ในป่าชายเลน ทำให้รากมีความเปราะบาง  และเป็นการเร่งให้ต้นไม้สร้างรากใหม่ ชักนำให้เกิดลักษณะรากที่หักเหมือนขั้นบันได ไอโซพอดหลายชนิดกินซากพืชซากสัตว์ และอินทรียสารเช่นไอโซพอด Genus  Ligia  และ Tylos ส่วนไอโซพอด Family  Cirolanidae  และ Corallanidae  และ Tridentellidae  เป็นสัตว์กินเนื้อที่เป็นทั้งผู้ล่า และกินซากสัตว์ ส่วนไอโซพอดใน Suborder Epicaridea เป็นปรสิตในครัสเตเชียน นอกจากนี้ยังพบไอโซพอดที่เป็นปรสิตในปลาคือไอโซพอด Family Cymothoidae  และ Aegidae ที่เป็นปรสิตแบบชั่วคราว

ampelisciphotis [ 01 ส.ค. 2550 23:31:12 ]

ความคิดเห็นที่: 3

ลักษณะทั่วไป ส่วนใหญ่ลำตัวแบนลง หัวมีขนาดเล็ก มีตาแบบประกอบ มีหนวดสองคู่ มีขาเดิน 7 คู่ (ยกเว้น Famlily Gnathidae มี 7 คู่) ขาเดิน แต่คู่ลักษณะคล้ายกัน ไม่เป็นก้าม มีขาว่ายน้ำ 5 คู่

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 00:12:53 ]

ความคิดเห็นที่: 4

ไอโซพอด Suborder Anthuridea ตัวนี้ลักษณะเด่น ตัวยาวๆๆๆ  ทรงกระบอก ความยาวทั้งตัวเป็น 6-15 เท่าเทียวค่ะ หลังอาจจะเป็นสันบ้าง  และหางเป็นแพนอย่างในรูป ตัวนี้กินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเล็กๆ  เป็นอาหารเจอในแนวปะการังเจ้าค่ะ อยู่กันเป็นฝูงๆ  อย่างกับรังหนอนกลุ้มรุมกัน ส่วนใหญ่เจอในทะเล  แต่ก็เจอะในน้ำจืดได้เหมือนกัน
อิฉันยังไม่ได้ id ลงลึก ด้วยว่ากลุ่มพวกนี้หากจักลงระดับ fam ล้วนต้องผ่าปากมันทั้งสิ้น เลยเก็บไว้ดูเล่นก่อนเจ้าค่ะ

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 01:09:20 ]

ความคิดเห็นที่: 5

Suborder Oniscoidea
เป็นครัสเตเชียนที่ทะลึ่งปรับตนกลับขึ้นมาอยู่บนบก ลักขณาหนวดคู่แรกลดรูป ลางชนิดที่อยู่บนบกได้นานๆ  จักมี pseudotracheae ช่วยหายใจอยู่ที่รยางค์ท้อง
เอาภาพเก่ามาฉายเจ้าค่ะ อย่าได้ถือสาอิฉันเลย ตัวนี้เปนแมงสาบทะเลสามัญประจำบ้าน ใครไปหาดหินล้วนต้องเคยเจอะเจอ Ligia sp. ตัวนี้ กินทรากเน่าเปื่อยเปนอาหาร เพศแยก ต่างจากตัวข้างบนที่พบลางตัวมีสองเพศสองพรรณ ปรับตนให้อยู่ได้ดีในที่แห้ง จึงผสมภายในได้   แต่คาดว่าน่าจะมีวิ่งเล่นลงน้ำบ้าง ด้วยลางตัวเป็น introduce species ติดไปกับเรือไปต่างเมือง ลักขณาภายนอก ตาโต ตัวโต (อิฉันเคยเจอยาวเกือบ 3 ซม.) วิ่งเก่ง ขายาว คิดว่าชื่อแมงสาบน่าจักมาจากตัวนี้แล
คราก่อนมีคนขนานนามอิฉันว่าเปนองค์หญิงกุ้งเต้นยังพอทำเนา ครานี้จุ่งอย่าเพ่อขนานนามอิฉันเปนองค์หญิงแมงสาบเลย ด้วยว่าเพิ่งเริ่มศึกษา ยังมิมีปัญญาจักคีย์อันใดมากมาย

...แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 2550 01:44:14

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 01:37:26 ]

ความคิดเห็นที่: 6

ยังจำที่คุณนกกินเปี้ยวให้รูปเอาไว้ได้ไหมเจ้าคะ ตัวนี้ Suborder Flabellifera Family Sphaeromatidae ตัวแบนๆ  ลางทีก็ม้วนตัวได้

...แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 2550 01:57:09

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 01:51:39 ]

ความคิดเห็นที่: 7

Suborder Microcerberidea
ตัวนี้ยังมิเคยเจอด้วยว่าตัวมันเล็กนักไม่เกิน 2 มม. เปนกลุ่มที่อยู่ระหว่างเม็ดทราย (interstitial fauna) ตัวค่อนข้างยาว ตาบอด แลไม่มีสีสันอะไร

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 02:04:48 ]

ความคิดเห็นที่: 8

Suborder Flabellifera Family Cirolanidae

ตัวนี้ Bathynomus lowryi อันอิฉันจักได้เล่าเรื่องอย่างละเอียดอีกสักครา ตัวนี้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเจ้าค่ะ เกือบฟุต เจอะที่อันดามันบ้านเราเอง ที่ความลึกเกือบ 700 เมตร

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 02:12:11 ]

ความคิดเห็นที่: 9

Boryrus sp. สมาชิกตัวเบ้อเริ่มจาก Suborder Epicaridea Family Bopyridae อันเป็นปรสิตกันยกครอบครัวเทียว ใครเจอะกุ้งที่แก้มป่องๆ  ลองแคะออกมาดู (ระวังกุ้งตายนะเจ้าคะ) อิฉันเคยเจอ ตัวเกือบเท่าหัวกุ้ง มันจักเกาะเหงือกดูดกินเลือดน้องกุ้ง เจอะทั้งน้ำจืด น้ำกร่อยแลน้ำทะเล

ตาเหลือขีดเดียวเป็นสาวเวียดนามแล้ว พรุ่งนี้ก็จักกลายร่างเป็นหมาแพนดี้ อิฉันค่อยมาเล่าต่อในเพลาหน้า โรตีสวัสดิ์เจ้าค่ะ

...แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 2550 02:21:18

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 02:18:13 ]

ความคิดเห็นที่: 10

ชอบตรงนี้แหละ ชอบตรงที่มีการบรรยาย morphology  และ มีภาพประกอบ จิ้งเหลนเฒ่าตัวนี้ขอถวายตัวเป็นศิษย์ในสาย งาน Carcinology  คับ

oldskink [ 02 ส.ค. 2550 02:42:38 ]

ความคิดเห็นที่: 11

ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน
จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน
เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย.................


ความรู้ดีๆ  พร้อมภาพประกอบ และคำอธิบายครับ

Plateen [ 02 ส.ค. 2550 05:29:06 ]

ความคิดเห็นที่: 12

อี๋......ย์.....แมลงสาปปปป  >

ไอ้ลูกทุ่ง [ 02 ส.ค. 2550 09:07:57 ]

ความคิดเห็นที่: 13

ตอนนี้ได้แค่ร่วมสายงาน Casinology

knotsnake [ 02 ส.ค. 2550 09:35:27 ]

ความคิดเห็นที่: 14

เห็นด้วยกับท่านไอ้ลูกทุ่งขอรับ   ถ้า ampelisciphotis น้องท่านมอบให้แล้วไซร้ ปวงเทพยุดาฟ้าดินทั้งหลายคงจักร่วมอนุโมทนาสาธุ  ทำให้หมื่นโลกธาตุสั่นสะเทือน สามภพต้องน้อมรับฟังเป็นแม่นมั่น

หอยทากชรา [ 02 ส.ค. 2550 09:46:08 ]

ความคิดเห็นที่: 15

โดยความยินดีเจ้าค่ะ ให้อิฉันรวบรวมเปนแบบกึ่งสำเร็จรูปให้ไหมเจ้าคะ คุณไอ้ลูกทุ่งแค่เติมน้ำร้อน ตบ แต่งสำนวน ด้วย แต่เดิม ไอ้เจ้าพวกนี้ก็เปนความเรียงอันเดียวอยู่แล้ว จักเปนการสะดวกโยธินแก่คุณไอ้ลูกทุ่งมากกว่า

ท่านจิ้งเหลนเฒ่า อิฉันเองยังเพิ่งเริ่มกระหยับทำงาน อย่าเพ่อเยินยอกันเยี่ยงนี้เลยเจ้าค่ะ ด้วยว่า crustacea อีกหลายกลุ่ม อันมีกุ้ง ปู เปนอาทิ อิฉันก็ยังไม่สันทัด แค่มีเรื่องสนุกๆ  ก็เอามาขยายกันให้ฟังดีกว่า

...แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 2550 10:07:58

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 09:55:20 ]

ความคิดเห็นที่: 16

บทความที่มีอยู่ตอนนี้ก็มากพอที่จะรวมเล่ม ออกปีละ 2 ฉบับได้สบายๆ แล้ว ก่อนที่จะก้าวไปเป็น Journal of siamensis ว่าไหมขอรับ

knotsnake [ 02 ส.ค. 2550 11:04:30 ]

ความคิดเห็นที่: 17

http://www.fisheries.go.th/aahri/aahri-new/thai/pdf/v03n1_th.pdf  หน้า1-2
http://www.fisheries.go.th/aahri/aahri-new/thai/pdf/v09n1_th.pdf  หน้า7-9
 ตามข้อมูลในลิ้งค์ทั้ง 2 นี้ ช่วยอธิบายข้อมูลเพิ่มเติมจากนี้ได้ไหมครับเพราะในแหล่งน้ำจำนวนมากมีเห็บปลาชนิดนี้อยู่มากพร้อมวิธีการควบคุมหรือกำจัดโดยชีววิธีด้วยครับ ถ้าใครพอรู้ช่วยบอกด้วยเพราะจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เลี้ยงปลาในกระชังมาก ขอบคุณมากครับ

ช้าง [ 02 ส.ค. 2550 11:57:38 ]

ความคิดเห็นที่: 18

ดีสิครับ ทำมาเป็นกึ่งสำเร็จรูป แล้วส่งมาที่ bullung.siriphiphat@ge.com โลดเลยครับ
เอามาดองไว้ก่อน

อ้อ รูปประกอบไม่ต้องย่อมากนะครับ เอาอยู่ในช่วงความยาวสุดของภาพราวๆ  500 - 700 pix นะครับ

ขอบคุณ

ไอ้ลูกทุ่ง [ 02 ส.ค. 2550 12:22:32 ]

ความคิดเห็นที่: 19

คุณช้างเจ้าคะ ขอเวลาสืบค้นข้อมูลสักหน่อยนะเจ้าคะ ลองดูวงชีวิตมันดู เผื่อจักหาวิธีที่ไม่ต้องใช้ยาได้
อ่านดูก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เห็นจักต้องจารชื่อคนเขียนบทความไว้ติดต่อขอวิชาในภายภาคหน้าก็คงดี

...แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 2550 13:16:43

ampelisciphotis [ 02 ส.ค. 2550 13:15:54 ]

ความคิดเห็นที่: 20

ขอบคุณมากนะครับ ต่อไปเวลาไปเที่ยวไหน คงได้มีการสังเกต และรู้อะไรมากขึ้นแล้ว ว่าไป...เหมือนผมเคยเจอตัว #6 อยู่เหมือนกันครับ  แต่หลายปีแล้ว แฮะๆ

Due_n [ 02 ส.ค. 2550 18:23:18 ]

ความคิดเห็นที่: 21

ขอบคุณมากครับ คนเขียนบทความเกษียณไปแล้ว 1 คน อีกคนกำลังจะเกษียณครับ แต่ ถ้าจะติดต่อน่าจะไม่ยากครับ  แต่ละท่านใจดีทั้งนั้นครับ

ช้าง [ 02 ส.ค. 2550 21:17:47 ]

ความคิดเห็นที่: 22

อ.ช้างครับ หากมองในแง่ธุรกิจการเพาะเลี้ยงแล้ว ปรสิตถือว่าเป็นปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว   แต่ผมลองมามองอีกมุม..ในแหล่งน้ำธรรมชาติทุกแห่งย่อมมีปรสิตของสัตว์ต่างๆ อยู่เสมอ แล้วโดยปกติมันก็ไม่ก่อปัญหาในระดับที่เรียกว่ามีปัญหาก็แสดงว่ามันต้องมีอะไรดีแน่ๆ   แต่เงื่อนไขของมันอยู่ที่ความสมดุล เมื่อมันไม่สมดุลแบบเองเอียงเข้าข้างปลามากกว่า เราไม่เคยมองว่ามันมีปัญหา( แต่มันอาจแฝงปัญหา หรือมีแนวโน้มก่อปัญหาในอนาคต)ก็เลยมองข้ามไปหมด จนมาวันหนึ่งปัจจัยที่ไม่สมดุลย่อมหันมาเอนเอียงหาปรสิต เราถึงมามองว่ามันเป็นปัญหา ต้องมาวุ่นวายแก้ไขจนบ่อยครั้งกลับสร้างปัญหาต่อเนื่องเป็นลูกโซ่หนักขึ้นไปอีก..

จะเห็นว่าแนวทางที่จะแก้ปัญหาจริงๆ นั้นคือความสมดุล ซึ่ง ผมก็เห็นว่าเกษตรกรไม่มายอมรับง่ายๆ หรอกเพราะไม่มาทำความเข้าใจ  และมองผลประโยชน์สูงสุดขอตนเป็นที่ตั้ง  แต่การมองเห็นความสมดุลนั้นผมก็บอกไม่ได้ว่าจุดไหนคือจุดสมดุล ดูว่าจะเป็นความเห็นเชิงอุดมคติมากไปหน่อย ก็เลยต้องหันมาสนับสนุนแนวทางของน้อง ampelisciphotis กล่าวไว้  และยังเป็นแนวทางที่มีการนำเสนอหนาหูมากขึ้นในการที่จะไปตัดตอนวงจรชีวิตส่วนหนึ่งของมัน เพื่อไม่ให้มันได้ใจไปทั้งหมด เพราะหากมันจะระบาดจนสร้างปัญหาได้ ปัจจัยที่มันต้องการจะเป็นบวกมากๆ ต่อเนื่องตลอดวงจรชีวิตของมัน เราก็แค่ยื่นมือไปรบกวนส่วนที่เรายุ่งง่ายสุดก็จะช่วยให้บรรเทาลงได้จนสัตว์น้ำจัดการกับตัวเองได้

..ผมเพ้อเจ้อไปเองมั้ง..เฮ้อ

knotsnake [ 02 ส.ค. 2550 22:10:45 ]

ความคิดเห็นที่: 23

หลังจากอ่านบทความเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ แลลองค้นหาแล้ว ก็ได้ข้อสรุปคร่าวๆ  คือ
วงชีวิตของเจ้าเห็บสายฟ้า หลังผสมพันธุ์ ตัวเมียจะอุ้มไข่จนฟักออกมาเป็นตัวอ่อนเป็นแพลงก์ตอนเรียกว่า manca อันหลายๆ  บทความ (รวมทั้งที่อาจารย์ช้างให้อ่านด้วย) ก็แนะให้ปล่อยปลาที่กินแพลงก์ตอนให้เข้าไปช่วยควบคุมปริมาณ
ส่วนที่บังคลาเทศ พบว่าในแม่น้ำบางที่มีเจ้าตัวนี้อยู่มาก  แต่ก็มิได้รบกวนปลาสักเท่าไร เขาตั้งสมมตฐานว่าอาจเป็นเพราะในแม่น้ำมีพืชน้ำอยู่มาก  แต่เมื่อถึงฤดูมรสุมมันก็จากไป
แลในบางบทความก็บอกว่าการเพิ่มจำนวนของมันเกี่ยวข้องกับคุณภาพน้ำคือเมื่อคุณภาพน้ำไม่สู้ดี มันก็จะเพิ่มจำนวนขึ้น
เห็บตัวนี้อยู่ได้ในน้ำจืด  และน้ำกร่อย ในแถบเมดิเตอเรเนียนใช้วิธีลากกระชังออกมาที่ทะเลที่น้ำแรงๆ  ก็พอช่วยได้  และใช้อวนตาถี่ขึงในกระชัง เรียกว่ากางมุ้งให้ปลานั่นเอง
แต่ ถ้าเลี้ยงในบ่อปลาก็เห็นมี แต่วิธีใช้สารเคมีแลเจ้าคะ

ไม่สู้จักได้ศึกษาไอโซพอดในแง่มุมนี้มาก่อน น่าสนใจไม่น้อย หากมีอะไรคืบหน้าจักมานำเสนอต่อ ขอบพระคุณอาจารย์ช้างที่จุดประเด็นให้เจ้าค่ะ :-)

พี่ลุงน็อต ซีเรียสมาก ระวังแก่นะเจ้าคะ :-P

...แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 2550 00:49:16

ampelisciphotis [ 03 ส.ค. 2550 00:47:42 ]

ความคิดเห็นที่: 24

แปะหอยหัวใจปิดท้าย ด้วยจริงใจเจ้าค่ะ หุหุ ยิ่งดึกยิ่งเพี้ยน

ampelisciphotis [ 03 ส.ค. 2550 02:27:54 ]

ความคิดเห็นที่: 25

อี๋ๆๆๆๆๆๆๆ  เจอในทะเลร้องอี๋ ใส่กล่องแล้วน่ารักครับพวกนี้อ่ะสำหรับผมนะอิอิ หอยรูปสุดท้ายมาจากไหนอ่ะครับ

ฉลามเสือ [ 03 ส.ค. 2550 09:13:27 ]

ความคิดเห็นที่: 26

ยิ่งเพี้ยน หรือยิ่งเฮี้ยนกันแน่

knotsnake [ 03 ส.ค. 2550 09:15:31 ]

ความคิดเห็นที่: 27

หอยรูปสุดท้ายเป็นตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ เก็บมาจากทะเลอันดามันเจ้าค่ะ เผลอๆ  มันจะอายุมากกว่าอิฉันอีก เห็นมันสวยแปลกตาดี ใครจะลองคีย์เล่นก็ไม่ว่านะเจ้าคะ fam นี้ เขาว่าคีย์ยากพอควร

เรื่องเฮี้ยน อิฉันเฮี้ยนตลอดเวลาค่ะ ขอบอก

ampelisciphotis [ 03 ส.ค. 2550 09:26:46 ]

ความคิดเห็นที่: 28

ใช่ เฮี้ยน ตลอดจริงๆ  (ห้ามเปลี่ยนตัวอักษรอื่น)

สยอง!

นกกินเปี้ยว [ 03 ส.ค. 2550 09:29:39 ]

ความคิดเห็นที่: 29

กำเดี๋ยวผมไปนิมนต์พระก่อนนะครับกระทู้นี้เฮี้ยนซะแล้ว !!!จ๊าก

ฉลามเสือ [ 03 ส.ค. 2550 10:08:27 ]

ความคิดเห็นที่: 30

เปลี่ยนเฉพาะตัวอักษรยังไม่เท่าไหร่  ถ้าเปลี่ยนวรรณยุกต์ด้วยสิ..

knotsnake [ 03 ส.ค. 2550 11:48:34 ]

ความคิดเห็นที่: 31

มีคนเข้าใจความหมายผมด้วย อิอิ

นกกินเปี้ยว [ 03 ส.ค. 2550 12:02:28 ]

ความคิดเห็นที่: 32

นึกถึงกฎหมายบุราณ ที่บัญญัติไว้ ว่า ถ้าใครเกเรให้เรียกว่าเฮี้ยว เช่น ออมฟิพอดเฮี้ยวเปนต้น
เว้นไว้ก็ แต่นายจ้อย ให้เรียกนายจ้อยผู้เกเร
หรือ ถ้าใครมั่งคั่งร่ำรวยมีเงินทอง เขาให้เรียกเศรษฐี เช่นเศรษฐีออมฟิพอด เว้นก็ แต่นายฮิ่ม ให้เรียกนายฮิ่มผู้มั่งคั่ง
ฉะนั้น เราก็เรียกกระทู้ว่ากระทู้เฮี้ยนได้ ฤาจะเรียกออมฟิพอดเฮี้ยนก็ได้  แต่หากมีสมาชิกชื่อศรีเข้ามา จุ่งพร้อมใจกันเรียกว่า ศรีผู้น่าสยองนะเจ้าคะ

หุหุหุ  แต่งานนี้เสียท่าท่านนกกินเปี้ยว มิเป็นไร โทษฐานที่รู้จักกัน

ampelisciphotis [ 03 ส.ค. 2550 12:03:57 ]

ความคิดเห็นที่: 33

เฉกเช่นกับ ผู้ใดทีเป็นนักดนตรี มีวงเครื่อง แล้วไซร้ให้ต่อท้าย ด้วยคำว่า มโหรี เช่น ออมฟิปอดมโหรี เว้นก็ แต่ นายหาญ ให้เรียกว่า นายหาญวงเครื่อง
   คาดว่า ampelisciphotis น้องท่านคงตกตัวบท ข้อนี้ไปกระมัง ข้าน้อยจึ่งเอามาเติมเสียให้เต็ม หึ หึ (ยังพิมพ์ไม่พลาดขอรับ)

หอยทากชรา [ 03 ส.ค. 2550 12:38:44 ]

ความคิดเห็นที่: 34

#32 #33 โหพี่ท่าน แต่ละคน ลึกซึ้งยิ่งนัก ข้าน้อยคารวะท่านละหนึ่งจอก

Alakazum [ 03 ส.ค. 2550 13:02:38 ]

ความคิดเห็นที่: 35

เข้ามาซึ่ง ด้วยคนครับ จ๊ากเหมือนย้อนยุคชอบกลนะครับ

ฉลามเสือ [ 03 ส.ค. 2550 15:09:48 ]