กระทู้-08137 : วิธีคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลากัดลูกทุ่งภาคกลาง

Home » Board » ปลา

วิธีคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลากัดลูกทุ่งภาคกลาง

รบกวนพี่ๆ  และผู้รู้ครับ พอดีช่วงที่ฝนตกหลายวันที่ผ่านมาได้ปลากัดลูกทุ่งภาคกลาง (แก้มแดงๆ สีน้ำตาลขุ่นๆ ) หลายตัว อยากทราบวิธีคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของปลากัดทุ่งภาคกลาง ต้องเลือกลักษณะใด หากจะคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่มีลักษณะพิเศษโดยไม่คำนึงถึงเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ควรวางแผนอย่างไร
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 15:10:36 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 1
อยากได้มั่งจาง   ซักตัวสองตัว  เอาที่คัดออกแล้วก็ได้  อิอิ!!!!!
electron approve [ 08 ส.ค. 2550 15:50:22 ]
FishesPics_reply_39061.jpg
ความคิดเห็นที่: 2
รูปไม่ค่อยชัดงะ...นายแบบไม่ให้ความร่วมมือต้องแอบๆ ถ่าย (จับใส่ในขวดแบนไว้หลายวันแล้วน้ำไม่ได้เปลี่ยนเลย)
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:01:15 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 3
จะเน้นสวยก็ดูสีเข้มๆ เครื่องใหญ่ๆ หน่ะครับ ทางที่ดีก็เอาหางใบโพธิ์ด้วยเลย

ปลาสวยครับ ไม่ทราบว่าจากแถวไหนครับ?
นณณ์ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:05:16 ]
FishesPics_reply_39064.jpg
ความคิดเห็นที่: 4
อีกรูปครับ ตัวเดียวกัน
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:07:02 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39065.jpg
ความคิดเห็นที่: 5
ตัวเมีย ตัวเดียวกับรูปข้างบน
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:11:50 ]
FishesPics_reply_39067.jpg
ความคิดเห็นที่: 6
นี่ก็อีกตัวนึง
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:17:21 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39068.jpg
ความคิดเห็นที่: 7
ทุกครั้งที่ถ่ายด้วยแฟล็ช จะตกใจแล้วสีก็จะซีดแบบนี้
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:19:50 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39069.jpg
ความคิดเห็นที่: 8
ตัวนี้ก่อหวอดแล้ว สียังซีดๆ แบบนี้เลยงะ
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:23:23 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 9
ปลาสวยครับ
ถ้าผมจะซื้อ Betta splendens จากตลาดจตุจักร นี่ควรซื้อร้านไหนครับ
Jocosus approve [ 08 ส.ค. 2550 16:25:49 ]
FishesPics_reply_39071.jpg
ความคิดเห็นที่: 10
อีกตัว...
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:28:28 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 11
ถมที่แล้วทางน้ำเปลี่ยนครับ พอฝนตกน้ำไม่มีที่ไปก็ท่วมถนนลูกรังเห็นผู้ใหญ่เขาจับปลาหมอกับปลาช่อนกันก็ไปมุงๆ ดูเลยเห็นว่ามีปลากัดป่าด้วยก็เอาสวิงมาช้อนๆๆๆๆๆ  ได้หลายตัวครับ(ไม่ได้นับครับ) พอเต็มขวดก็วิ่งไปเทใส่บ่อข้างบ้านเลย
สุวรรณภูมิ approve [ 08 ส.ค. 2550 16:32:17 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 12
อยู่แถวไหนครับเนี่ย

ช่วงนี้วันหยุดผมครับ

เผื่อไปขอแบ่งมาเพาะครับ

อยากได้เลือดป่าภาคกลางแท้ๆ มานานแล้วครับ



ไม่ต้องตอบในกระทู้ก็ได้นะครับ

แต่ผมขออนุญาตอีเมลล์ไปถามได้ไหมครับ
Jocosus approve [ 08 ส.ค. 2550 21:29:18 ]
jocosus@gmail.com
ความคิดเห็นที่: 13
แถวริมคลองชลประทานในเขต นครปฐมเยอะแยะครับ..ผมเคยตามเพื่อนที่เขาผสมขายไปช้อนคับ..โดยดูจากหวอดของปลาแล้วค่อยๆ ช้อน..มันค่อนข้างจะเชื่องครับ..
Fisher approve [ 09 ส.ค. 2550 09:39:48 ]
ความคิดเห็นที่: 14
ถามนอกกระทู้นิดครับ..ผมเคยเห็นที่ตลาดมาเลย์ปลากัดตัวขนาดใหญ่มากครับ..เกือบเท่านิ้วโป้งมือ.. แต่สีไม่สวยเท่าไร..พอจะทราบไหมครับว่ามีชื่อเรียกว่าอะไร  และพอจะหาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ
Fisher approve [ 09 ส.ค. 2550 09:45:07 ]
ความคิดเห็นที่: 15
ปลากัดอมไข่บ้านเราก็ตัวโตใช่เล่นครับ อย่างเช่น Betta pi, B. pugnax ที่มีชื่อไทยว่าปลากัดช้าง เผลอๆ ที่คุณ Fisher ว่ามาอาจจะเป็น B. pugnax ก็ได้ครับ ลองดูใน article
นกกินเปี้ยว approve [ 09 ส.ค. 2550 09:53:02 ]
ความคิดเห็นที่: 16
ปลาชุดนี้ผมยังไม่มั่นใจว่าเป็นพันธุ์แท้จริงหรือไม่ แหล่งที่ได้อยู่ใกล้ๆ กับ ชานเมืองรอบนอกของ พระนครศรีอยุธยาครับ
สุวรรณภูมิ approve [ 09 ส.ค. 2550 10:08:44 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 17
ผมว่าสีเหมือนปลาแถว นครปฐมแหละครับ..  แต่ดูสีเข้มสวยมาก..แถวบ้านหาสวยแบบนี้ยากมากครับ
Fisher approve [ 09 ส.ค. 2550 13:17:51 ]
ความคิดเห็นที่: 18
เจ้าตัวโตที่เห็น..มีสีข้างตัวด้วยครับ.สีอกฟ้าๆ อมเขียว .. . แต่หัวจะกลมใหญ่กว่า ปลากัดมาเลย์ที่ขายมากครับ
Fisher approve [ 09 ส.ค. 2550 13:20:20 ]
ความคิดเห็นที่: 19
อีก 2 แหล่ง ที่น่าสนใจใกล้ๆ คือ ปทุมธานี กับ สระบุรี  กะว่า ถ้าว่างๆ ไปขอบๆ ชานเมืองที่ยังทำนาหรือทุ่งร้างอาจจะได้ตัวบ้าง  เป้าหมายของสระบุรีเคยมีคนชี้เป้าไว้นานแล้วในเว็ปนี้ปัจจุบันก็หายากเต็มทีแล้ว
สุวรรณภูมิ approve [ 09 ส.ค. 2550 13:51:38 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 20
ผมว่าสีมันคล้ายๆ ปลากัดใต้เรยอ้ะ ปลาภาคกลางจะมี แต่สีแดงไม่ใช่หรอครับ ... แต่ผมมีปลามหาชัยเยอะนะ...
ponk [ 09 ส.ค. 2550 14:22:14 ]
sikaju@hotmail.com
ความคิดเห็นที่: 21
กัดทุ่งของปักษ์ใต้แท้ตองแก้มเขียวครับ
กัดทุ่งภาคกลาง แก้มแดงเหมือนในกระทู้นี้ถูกแล้ว
นกกินเปี้ยว approve [ 09 ส.ค. 2550 15:41:04 ]
FishesPics_reply_39206.jpg
ความคิดเห็นที่: 22
งั้นให้ดูอีกตัวพ่อแม่มาจากแหล่งสระบุรี...ตัวนี้เป็นรุ่นหลานแล้ว
สุวรรณภูมิ approve [ 09 ส.ค. 2550 17:58:37 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39208.jpg
ความคิดเห็นที่: 23
ตัวนี้จากปทุมธานี...
สุวรรณภูมิ approve [ 09 ส.ค. 2550 18:02:13 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39261.jpg
ความคิดเห็นที่: 24
หลังจากชมภาพหนุ่มๆ หลายภาพ...มาดูภาพสาวๆ กันบ้าง (ภาพดิบๆ ตามเคย)
สุวรรณภูมิ approve [ 10 ส.ค. 2550 12:15:37 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39262.jpg
ความคิดเห็นที่: 25
...
สุวรรณภูมิ approve [ 10 ส.ค. 2550 12:16:11 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39263.jpg
ความคิดเห็นที่: 26
อีกมุมหนึ่งของสาวๆ เมืองปทุม
สุวรรณภูมิ approve [ 10 ส.ค. 2550 12:16:59 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39264.jpg
ความคิดเห็นที่: 27
 แต่ละรูปเป็นสาวๆ ท้องป่องๆ ทั้งนั้นเลย
สุวรรณภูมิ approve [ 10 ส.ค. 2550 12:19:15 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 28
ปลากัดชุมพรทำไมเหมือนปลากัดภาคกลางครับ
แอ้ด approve [ 11 ส.ค. 2550 17:00:06 ]
tont-berry@hotmail.com
ความคิดเห็นที่: 29
รู้สึกว่าแถวนั้นจะเป็นรอยต่อของปลากัดทุ่งปักษ์ใต้ กับกัดทุ่งภาคกลางนะ
นกกินเปี้ยว approve [ 11 ส.ค. 2550 17:23:10 ]
ความคิดเห็นที่: 30
ีบ้านคุณปู่ผมอยู่ปากน้ำ หลังสวน...ตอนเด็กๆ ไม่เคยเห็นปลากัดแถบนั้นเลยซักตัว... เห็น แต่ปูหนุมานกับปูฤาษีซะส่วนใหญ่
สุวรรณภูมิ approve [ 14 ส.ค. 2550 13:58:31 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 31
ปากน้ำหลังสวนรับอิทธิพลจากทะเลมากเกินกว่าปลากัดจะอยู่ครับ
knotsnake approve [ 14 ส.ค. 2550 14:34:28 ]
FishesPics_reply_39530.jpg
ความคิดเห็นที่: 32
ตัวนี้สายเลือดจากแหล่งสระบุรี(ปู่/ย่าได้จากสระบุรี)...เป็นรุ่นเดียวกับ คคห.22 พวกนี้เลี้ยงด้วยอาหารปลาแบบเม็ด(ลำตัวดูสมบูรณ์กว่ารุ่นปู่/รุ่นย่า ที่จับมาได้จากธรรมชาติเล็กน้อย) จับขึ้นขวดมาตรวจสอบจากสายตาพบว่าสายเลือดนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ได้ดี  และมีลักษณะหางใบโพธิ์มีหลากหลายรูปแบบ
...แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 2550 18:01:14
สุวรรณภูมิ approve [ 14 ส.ค. 2550 17:58:41 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_39531.jpg
ความคิดเห็นที่: 33
อีกรูป หางใบโพธิ์ตัวหลังกับตัวหน้าเป็นคนละแบบกัน
สุวรรณภูมิ approve [ 14 ส.ค. 2550 18:12:16 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 34
ขอบคุณ พี่นณณ์ พี่นกกินเปี้ยว พี่น๊อต พี่Fisher  และพี่ๆ ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม สำหรับทุกคำแนะนำครับ
...แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 2550 18:59:54
สุวรรณภูมิ approve [ 14 ส.ค. 2550 18:49:45 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 35
อยากรู้นะครับเก็บเอาไปทำอะไรกัน..ผสมข้ามพันธุ์ หรือแค่สะสมครับ..แล้วขายได้เปล่า
Fisher approve [ 15 ส.ค. 2550 11:18:37 ]
ความคิดเห็นที่: 36
ตอนนี้แค่วางแผนไม่ให้เกิดสภาวะความถดถอยทางพันธุกรรม(inbreeding depression)  ส่วน genetic improvement เป็นผลพลอยได้มากกว่าครับเพราะไม่ได้ปิดกั้นสำหรับแนวความคิดการสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และอื่นๆ ก็คงจะค่อยๆ  เกิดตามมาเองครับ
สุวรรณภูมิ approve [ 15 ส.ค. 2550 13:25:45 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 37
คุณสุวรรณภูมิ อยู่ ปากน้ำหลังสวน อยู่ตรงไหนครับ ผมอยู่ตรงศาลเจ้าครับ
แต่ที่ปากน้ำ ก็มีปลากัดนะครับ ตอนผมเด็กๆ ไปช้อนมากัดกัน ตรงโรงเรียนปากน้ำวิทยา กับหนองไฟฟ้าครับ
เพราะตรงนั้นเขาทำนากันครับ  แต่ตอนนี้ผมไม่ได้กลับไปหลายปีแล้วไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง
aud17 approve [ 15 ส.ค. 2550 15:57:53 ]
b_ongthong@yahoo.com
ความคิดเห็นที่: 38
เท่าที่จำได้บ้านคุณปู่อยู่ใกล้ๆ กับวัดสว่างมนัสครับ  10 กว่าปีแล้วครับที่ไม่ได้กลับไป
สุวรรณภูมิ approve [ 15 ส.ค. 2550 17:11:48 ]
Suvarnabhumi@msn.com
FishesPics_reply_40604.jpg
ความคิดเห็นที่: 39
เห็นมีคนสนใจเข้ามาอ่านเยอะ(ทั้งๆ ที่รูปก็ไม่สวยเอาเสียเลย)...มีรูปเปรียบเทียบให้เห็นคร่าวๆ ระหว่างปลากัดหม้อ(ที่หาซื้อได้จากตลาดปลาสวยงามตัวละ 5 บาท)กับปลากัดลูกทุ่ง
สุวรรณภูมิ approve [ 23 ส.ค. 2550 23:50:15 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 40
กลับมาอ่านอีกครับ
ชอบครับ
Jocosus approve [ 29 ส.ค. 2550 19:06:41 ]
ความคิดเห็นที่: 41
ปลากัดลูกทุ่ง(ปลากัดป่า)ตัวเล็กๆ ครับ เป็นสิ่งเริ่มต้นที่ดีสำหรับการบ่มฟัก และพัฒนาการเรียนรู้ แค่คิดว่าจะรักษาเอาไว้ได้อย่างไรก็มีเรื่องราวมากพอสมควร หากจะคุยเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์จากพันธุกรรมที่มีอยู่ก็แตกกิ่งก้านได้อีกมาก
สุวรรณภูมิ approve [ 30 ส.ค. 2550 12:14:00 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 42
เข้ามาอ่านหลายครั้งเหมือนคุณjocosus   อยากให้คุณสุวรรณภูมิทำเรื่องนี้ให้ต่อเนื่อง  ดีนะฮะ  ปลากัดทุ่งแท้ๆ ของ แต่ละถิ่นจะได้ไม่หายไปไหน
mim4042 approve [ 30 ส.ค. 2550 12:25:31 ]
FishesPics_reply_41686.jpg
ความคิดเห็นที่: 43
อาทิตย์ที่ผ่านมาได้เพิ่มมาอีก 5-6 ตัวครับ (จากรูปจะเห็นว่าผมจับใส่ขวดน้ำดื่มไว้)
สุวรรณภูมิ approve [ 03 ก.ย. 2550 17:13:29 ]
Suvarnabhumi@msn.com
ความคิดเห็นที่: 44
ปลาในรูปดูสวยดีนะครับ ที่บ้านผมก็เลี้ยงปลากัดลูกทุ่งภาคกลางไว้เหมือนกัน เลยอยากเพาะไว้เหมือนกัน แต่หาตัวเมียไม่ได้ซักที ที่มีอยู่ผมซื้อจากสวน  ถ้ามีขอแบ่งหน่อยได้ไหมครับ เมล์มาคุยกันก็ได้ครับ
คนชอบปลากัดลูกทุ่ง [ 07 ก.ย. 2550 19:23:42 ]
s4710550254@kmitnb.ac.th
ความคิดเห็นที่: 45
ปลาสวยดีนะครับ   แต่เป็นปลาปทุม     ผมกำลังเพราะ8ริ้ว
ใครสนใจอยากได้ก็แอดมาที่mailผมได้  jakkitza1@hotmail.com
ท่าติดจะไห้ฟรีๆ นะครับ
92 โชคชัย4  แขวง ลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพๆ 10320

ตลาดโชคชัย4ครับผม
kit [ 12 ก.ย. 2550 18:47:43 ]
jakkitza1@hotmail.com
ความคิดเห็นที่: 46
ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลา
   การเลือกสถานที่
คุณสมบัติของน้ำที่นำมาใช้เลี้ยงปลา
1.อุณหภูมิ หากอุณหภูมิสูงปริมาณออกซิเจนจะละลายได้น้อย   และน้ำที่อุณหภูมิต่ำปริมาณออกซิเจนจะละลายได้สูงปกติปลาชอบอาศัยอุณหภูมิระหว่าง25-32 องศาเซลเซียส
2.ความขุ่น  ความขุ่นของน้ำตามธรรมชาติเกิดจากสารอินทรียสาร เช่น ตะกอน  โคลนตมซึ่ง เป็นอุปสรรรคต่อการสังเคราะห์แสงของพืชน้ำความขุ่นของน้ำจะประกอบด้วย แพลงตอนสีเขียว หากมีมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อปลาได้
3.ความเป็นกรดด่าง  น้ำที่มีค่าpH อยู่ระหว่าง 6.5-8.5  ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเหมาะแก่การเลี้ยงปลามากที่สุด  หากน้ำเป็นกรดมากปลาจะไม่อยากกินอาหาร  ความต้านทานโรคต่ำ  หากน้ำเป้นด่างมากปลาจะตาย
4.คาร์บอนไดออกไซด์  โดยทั่วไปคาร์บอนไดออกไซด์จะมาจากการหายใจของพืช และสัตว์   และการสลายอินทรียสาร  ปลาจะหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในน้ำที่มีระดับคาร์บอนไดออกไซด์สูงเกินกว่าระดับ  5 ppm
5.ก๊าซแอมโมเนีย  เป็นก๊าซที่มีพิษต่อปลามากเกิดจากเศษอาหารที่หลงเหลืออยู่ และมูลต่างๆ ที่ปลาขับถ่ายออกมา  ทำให้ปลาเบื่ออาหาร  เคลื่อนไหวช้าลง
6.ก๊าซไข่เน่า  เกิดจากการหมักหมม และการย่อยสลายอินทรียสารในก้นบ่อ  จะเกิดปัญหานี้ ถ้าให้อาหารปริมาณมาก   แม้เพียง0.1-0.2 ppmก็อาจทำให้ปลาตายได้

ประเภทของบ่อเลี้ยงปลา
1.บ่ออนุบาล     เป็นบ่อสำหรับเลี้ยงปลาอ่อนหลังจากออกจากไข่ใหม่ๆ   หรือในระยะที่ยังไม่สามารถป้องกันภัยจากศัตรูได้   บ่อเลี้ยงลูกปลาไม่ควรมีขนาดใหญ่มากนักสามารถใช้บ่อดิน  บ่อซีเมนต์ตั้ง แต่ขนาดเพียงไม่กี่ตารางเมตรถึง 800 ตารางเมตร
2.บ่อเลี้ยงพ่อแม่ปลา  ใช้เป็นบ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ควรจะมีขนาดเนื้อที่ประมาณ400-1600ตารางเมตร  ความลึกประมาณ 1.5เมตร
3.บ่อเลี้ยง     นิยมบ่อดิน  ขนาดบ่อควรขึ้นอยู่กับชนิดของปลา และขนาดปลาที่เลี้ยง

วิธีการสร้างบ่อ
สร้างได้ 2 แบบคือ
1.บ่อแบบขุดดินออก  พื้นก้นบ่ออยู่ต่ำกว่าระดับดินเดิม  ไม่ต้องทำคันบ่อให้แข็งแรง  เหมาะกับพื้นที่ลุ่ม  เช่น ในนาข้าว  เพียง แต่ขุดดินลงไปแล้วเสริมคันบ่อ
2.บ่อแบบยกคัน         สร้างในที่ราบไม่ต้องขุดดินบริเวณกลางบ่อ  นำดินที่ขุดมาทำเป็นคันดินโดยรอบอย่างแข็งแรง  แบบนี้เหมาะสำหรับการเลี้ยงปลาอย่างยิ่งเพราะสามารถเก็บกักน้ำได้ และระบายน้ำได้ดี      
พื้นก้นบ่อ   จะต้องเรียบไม่มีหลุมแอ่ง  ควรจะมีการลาดเทไปทางระบายน้ำออกเพื่อสะดวกแก่การระบาบน้ำ
คันบ่อ       เป้นส่วนสำคัญในการเก็บกักน้ำ  ต้องมีความแข็งแรง   และต้องไม่รั่วซึม  ดินที่ขุดขึ้นจากบ่อเพื่อเสริมให้เป้นคันบ่อ  ควรสุงพอป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝนหรือฤดูที่น้ำมากต้องขุดระยะไม่น้อยกว่า 1.5-2 เมตร  จากเชิงลาดของบ่อด้านในเพื่อป้องกันการทรุดตัวของบ่อ  คันบ่อควรมีเชิงลาด1:2 ด้านนอก1:1  ด้านที่ต้องปะทะกับลมควรทำเชิงลาดให้มากเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน
ทางระบายน้ำเข้าออก  อาจจะใช้การสูบ หรือทำทางระบายน้ำออก   หากทำเป็นท่อระบาย  ควรมีขนาด และอยู่ในจุดที่เหมาะสม  โดยท่อน้ำเข้าจะต้องอยู่สูงจากระดับน้ำในบ่อด้านส่วนกว้าง และตื้นของบ่อ  เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาว่ายทวนน้ำ  หรือหนีออกจากบ่อ  ขณะเดียวกันเมื่อน้ำไหลเข้าบ่อ  มวลของน้ำจะไหลจากที่ตื้นไปสู่ที่ลึกทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในทางหมุนเวียน
สำหรับท่อน้ำออก  ควรตั้งอยู่ในตำแหน่งฝั่งตรงข้ามของทางน้ำเข้าในส่วนที่ลึกที่สุด  เพื่อระบายน้ำส่วนที่ต่ำสุดออกไปก่อน  ในกรณีที่ต้องการทำทางน้ำล้น  ก็สามารถทำได้โดยเอียงท่อเป็นมุมที่เปิดจากระดับต่ำสุดในบ่อ  ถึงระดับน้ำที่ต้องการ
 ข้อแนะนำ  ทางน้ำเข้า และน้ำออกนี้จำเป็นจะต้องมีตะแกรงป้องกันปลาในบ่อว่ายออกมา  และศัตรูนอกอ่างปลาว่ายเข้ามาด้วย

การเตรียมบ่อ
ควรให้พื้นที่บ่อมีโอกาสได้รับแสงแดด และออกซิเจน  ซึ่ง เป็นการกำจัดปริมาณเชื้อโรคต่างๆ ในบ่อปลาให้น้อยลง และปล่อยให้อินทรียสารที่หมักหมม อยู่ในบ่อมีการย่อยสลายตัว
บ่อดินขุดใหม่
ต้องมีการวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดิน(ค่าpH)
บ่อดินเก่า
ควรมีการระบายน้ำออกก่อน  โดยเฉพาะบริเวณก้นบ่อ  ปรับปรุงบ่อส่วนที่ชำรุด

สาระน่ารู้การปรับสภาพดินเปรี้ยวสามารถทำได้โดย  ใส่ปูนขาวลงในดิน   การใส่ปูนขาวยังต้องขึ้นอยู่กับลักษณะของดินอีกด้วย เช่น ดินเหนียวต้องใช้ปูนขาวมากกว่าดินเหนียวปนทราย  ดินทรายใช้ปูนขาวน้อยกว่าดินเหนียวปนทราย  
เครื่องมือเครื่องใช้ประจำบ่อปลา
1.เครื่องสูบน้ำ   มีหลายชนิดทั้งเครื่องสูบเครื่องยนต์ดีเซล   และชนิดใช้กระแสไฟฟ้า  ซึ่ง จำเป็นแก่การถ่ายน้ำเสีย  นำน้ำเข้าน้ำออก
2.อุปกรณ์ลำเลียงปลา  ถุงพลาสติก  กล่องกระดาษถังออกซิเจน
3.เครื่องมือจับปลา  ได้แก่ อวน  แห  กระชอน  เปลย้ายปลา  เครื่องชั่ง  ถังลำเลียงปลา

หลักการเลี้ยงปลา
1.การเลี้ยงปลาแบบชนิดเดียว  หรือแบบเดียว  หมายถึง  การเลี้ยงปลาชนิดเดียวภายในบ่อเลี้ยง   โดยมุ่งหวังผลผลิตสูง  ซึ่ง ควรเลือกปลาที่มีราคาดี  หรือมีตลาดรองรับ  เช่น การเลี้ยงปลาดุกอุย   ปลาดุกด้าน  
การเลี้ยงปลาแบบนี้สะดวกต่อการดูแลรักษาคัดปลาจับส่งตลาด  เพราะเป็นปลาชนิดเดียวกัน
2.การเลี้ยงปลาหลายชนิดหรือแบบรวม   คือ การเลี้ยงปลาหลายชนิดรวมในบ่อเดียวกัน หรือชนิดเดียว แต่มีขนาดต่างกัน   และไม่มีอันตรายต่อกัน  
ข้อดีของการเลี้ยงปลาแบบรวม  สามารถใช้ประโยชน์ได้จากอาหารที่มีในบ่อปลาอย่างเต็มที่   สามารถทยอยจับปลาใหญ่ออกจำหน่ายได้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด  ทำให้ขายได้ราคาดี  เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง
3.การเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน   ได้แก่  การเลี้ยงปลาผสมกับการปลูกพืช  เช่น  ปลูกข้าวพร้อมกับการเลี้ยงปลา  เลี้ยงปลาในร่องสวนปลูกผลไม้  การเลี้ยงปลาผสมผสานกับการเลี้ยงเป็ดหรือสุกร  การเลี้ยงปลาชนิดนี้เป็นการเกื้อหนุนซึ่ง กัน และกัน  เช่น เศษอาหารที่ตกหล่นจากการเลี้ยงสัตว์  สามารถนำกลับมาใช้เป็นอาหารปลา
น้ำในบ่อปลาก็ถ่ายลงนาที่ปลุกข้าวแทนที่จะเทลงสู่แหล่งน้ำต่างๆ   ซึ่ง เป็นการใส่ปุ๋ยโดยไม่ต้องลงทุน

การคัดเลือกปลาที่จะเลี้ยง    ควรมีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ
1.เลี้ยงง่าย  สามารถกินอาหารธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
2.โตเร็ว   มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนจากอาหารที่กินมาเป้นเนื้อสูง
3.มีลูกดก และขยายพันธุ์ได้   หาพันธุ์มาเลี้ยงได้ง่าย  การวางไข่หลายครั้ง  เพาะพันธุ์ได้ง่าย
4.อดทน   มีความทนทานสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี
5.สามารถเลี้ยงร่วมกับปลาอื่นได้   ไม่รบกวนซึ่ง กัน และกัน  ควรเป็นปลาที่กินพืชหรือกินแพลงตอน
6.เนื้อมีรสดี  ปลามีเนื้อรสชาติดี ปรุงอาหารได้ง่าย
7.มีตลาดจำหน่าย  เพราะปลาบางชนิดมีตลาดแคบไม่เป็นที่นิยม
8.ได้ราคาดี  ควรจะคุ้มค่าทุนที่เลี้ยงมา

ชนิดของปลา   ซึ่ง  ถ้าจำแนกตามตามนิสัยของการกินอาหารปลาสามารถจำแนกได้ ดังนี้
1.ปลาประเภทกินพืช  ได้แก่  ปลาจีน  ปลาหมอตาล  ปลาตะเพียนขาว  ปลาแรด  ปลาไน   ปลานิล   ปลาจำพวกนี้ชอบกินอาหารที่เป็นพืช  เช่น  รำ  ปลายข้าว  แหนเป้ด  เศษผัก  หญ้าขน
ปลาประเภทนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 พวก  คือ พวกที่กินพืชขนาดใหญ่ ได้แก่  ปลาแรด  ปลาสลิด  ปลาเฉา  ปลาตะเพียน   และพวกปลากินพืชขนาดเล็ก  ได้แก่  ปลาเล่ง  ปลาซ่ง  ปลาหมอตาล  ปลานวลจันทร์น้ำจืด  ปลายี่สกเทศ  
2.ปลาประเภทกินเนื้อ  ได้แก่  ปลาดุก  ปลาบู่  ปลาช่อน  สามารถแบ่งได้เป็น 3 พวก  คือ  พวกที่กินสัตว์ที่ตายแล้ว   แต่ยังไม่เน่าเปื่อย  เช่น  ปลาดุกด้าน  ปลาดุกอุย  ปลาสวาย  พวกที่กินแมลงเป็นอาหาร  ได้แก่  ปลาเสือพ่นน้ำ  ปลาไน  ปลาหมอไทย  ปลาเสือตอ
พวกที่กินเนื้อหรือลูกปลาที่ยังมีชีวิตอยู่  ได้แก่  ปลาช่อน  ปลาสะกุป  ปลาไหลนา  ปลาชะโด
3.ปลาประเภทกินตะไคร่น้ำ   ปลาชนิดนี้จะกินตะไคร่น้ำ  สาหร่าย   และพืชสีเขียวเล็กๆ   ได้แก่  ปลาลิ่น  ปลาซ่ง  ปลาสลิด  ปลายี่สก
4.ปลาประเภทกินเนื้อ และพืช  ได้แก่  ปลาสวาย ปลายี่สก  ปลาเทโพ

การจัดหาพันธุ์ปลามาเลี้ยง  หลักเกณฑ์ในการพิจารณาการจัดหาพันธุ์ปลามีดังนี้
1.ควรเป็นลูกพันธุ์ปลาที่มีขนาดความยาวตั้ง แต่ 3-5 ซม.  ควรจะให้มีขนาดตัวไล่เลี่ยกัน
2.ควรจัดหาจากแหล่งที่มีความเชื่อถือในคุณภาพของพัธุ์ปลา  เช่น สถานีประมง
3.ลูกปลาที่นำมาควรมีลักษณะแข็งแรง  ลำตัวมีรูปร่างปกติ  สีสันสดใส  ไม่มีบาดแผล ไม่เป็นโรค

การลำเลียงปลา และลูกพันธุ์ปลา
การลำเลียงพันธุ์ปลาสามารถลำเลียงด้วยถุงพลาสติกซึ่ง เป็นวิธีที่สะดวก และง่ายสำหรับการลำเลียงปลาขนาดไม่มาก
น้ำที่ใช้บรรจุนั้น  ควรเป็นน้ำที่สะอาดปราศจากคลอรีนหรือเป็นน้ำกรอง  ควรเป็นน้ำที่มาจากแหล่งเดียวกันกับที่ไว้ขังปลาให้อดอาหารก่อนการลำเลียง  เพราะปลายังไม่เคยชินกับน้ำใหม่   เวลาบรรจุหรือลำเลียงจะมีอาการชอคหรือตื่นเต้นผิดปกติ   และอาจถึงตายได้  ปริมาณน้ำที่ใช้บรรจุนั้นควรมีขนาด 1/3-1/4 ของปริมาตรของถุง
ขั้นตอนในการลำเลียงลูกปลา  ปฏิบัติดังนี้
1.ควรให้ลูกปลาอดอาหารอย่างน้อย 24 ชม.  เพื่อให้อาหารที่มีอยู่ในกระเพาะได้ถูกใช้หมดก่อนที่จะถูกลำเลียง  ในระยะที่ถูกขังให้อดอาหารนี้จะสังเกตได้ว่าปลาจะถ่ายออกมาเป็นจำนวนมาก
2.ควรคัดเลือกปลาขนาดเดียวกัน  เพราะปลาที่อดอาหารมานั้นอาจแสดงอาการดุร้าย  ทำร้ายตัวที่เล็กกว่า  อาจถึงขั้นรุมกัดกินปลาที่ตัวเล็กกว่าเป็นอาหารไปเลย
3.นำลูกปลาลงถุงลำเลียง  โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
    ในระยะห่างเท่าๆ กันจะสามารถบรรจุปลาตัวเล็กมาก  อุณหภูมิของอากาศ  หรือน้ำที่ต่ำกว่า  บรรจุปริมาณลูกปลาขนาดเดียวกันได้มากกว่า
4.การอัดออกซิเจน  ควรปล่อยก๊าซจากถังมาตามยางซึ่ง จุ่มลงน้ำภายในถุง   โดยปล่อยให้ฟองอากาศแทนที่อากาศภายในถุง 2 ใน 3 ส่วน ถึง 3 ใน 4 หรือ 4 ใน 5 ส่วน  ของความจุของถุง
5.การวางถุงอัดออกซิเจน  ควรวางตามแนวนอน  เพื่อเพิ่มเนื้อที่ของปลามากขึ้น  ในการขนส่งทางไกลนานควรหาทางลดอุณหภูมิหรือรักษาอุณหภูมิเพื่อให้ลูกปลาได้เคลื่อนไหวได้น้อยที่สุด  เช่นใช้กล่องโฟมบรรจุถุงพลาสติก

การปล่อยปลาลงเลี้ยง
เวลาที่เหมาะสำหรับการปล่อยปลาคือเวลาเช้าหรือเวลาเย็น   ถ้าเป็นเวลาที่อากาศร้อนจัด  ควรเอามือตีกวนน้ำในบ่อที่ปลาจะอยู่ใหม่เพื่อให้ความร้อนของผิวหน้าน้ำไม่ต่างจากระดับลึก

การดูแลน้ำในบ่อเลื้ยงปลา
บ่อที่เลี้ยงปลาที่กินอาหารไม่เลือก  กินพืช และกินแพลงตอน  ควรเติมน้ำให้ได้ระดับ 1-2.50 เมตรอยู่เสมอ หากมีปลาตัวใดที่กินอาหารได้น้อยลงหรือลอยหัวควรจะถ่ายน้ำ   เปลี่ยนน้ำอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง  อาจสามารถสังเกตได้จากสีของน้ำ และการลอยหัวของปลา
การระบายน้ำของบ่อควรระบายส่วนล่างของก้นบ่อซึ่ง จะเป็นส่วนที่เน่าเสียมากกว่าบนผิวน้ำ  ในกรณีที่บ่อปลาไม่สามารถระบายน้ำได้เลยจะต้องระมัดระวังในการให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ  น้ำจะได้ไม่เน่าเสียเร็ว  บางครั้งเราอาจสามารถใส่เกลือแกงลงไปเพื่อช่วยปรับสภาพของน้ำ  ในอัตราส่วนประมาณ200-300  กก./ไร่
สาระน่ารู้ เมื่อถึงฤดูน้ำหลากหรือน้ำท่วมเพื่อป้องกันปลาหนีเราควรใช้ตาข่ายป้องกันปลาหนีโดยใช่ตาข่ายป้องกันรอบๆ บ่อ
การใส่ปุ๋ยในบ่อปลา
การใส่ปุ๋ยในบ่อปลามีผลต่อพืชน้ำ  เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้แก้พืชน้ำในการเจริญเติบโต   เพิ่มธาตุอาหารประเภทแพลงตอนพืช  ช่วยปรับสภาพน้ำ  เช่นความขุ่นใส และความเป็นกรดด่าง   อีกทั้งปุ๋ยบางชนิดยังใช้เป็นอาหารปลาโดยตรงอีกด้วย
ปุ๋ยที่ใช้กับบ่อปลามี 4 ประเภท คือ
1.ปุ๋ยคอก  ได้แก่ มูลสัตว์
2.ปุ๋ยพืชสด  ได้แก่  ส่วนของพืชผัก   และวัชพืชที่มีใยพืชน้อย
3.ปุ๋ยหมัก  ได้แก่  ปุ๋ยที่เกิดจากการหมักของเศษพืชผสมกับมูลสัตว์   และแบคทีเรีย
4.ปุ๋ยเคมี  ได้แก่  ปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตรต่างๆ ซึ่ง ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก คือ ไนโตรเจน  ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม
อัตราการใช้ปุ๋ย
ปุ๋ยสดจะทำให้มีก๊าซพวกแอมโมเนียละลายอยู่ในน้ำมากเกินไปซึ่ง เป็นอันตรายต่อปลา  การใส่ปุ๋ยคอกในบ่อใช้วิธีโยนให้กระจายไปทั่วๆ บ่อ  หากเป็นปุ๋ยพืชสดหรือปุ๋ยหมัก  ควรกองสุมไว้ตามมุมบ่อภายในคอกไม้ไผ่ที่ล้อมเป็นกรอบไว้เพื่อไม่ให้ปุ๋ยกระจายไป
ปุ๋ยคอกใช้ในอัตราไม่เกิน 200-250 กก.ต่อไร่ต่อเดือน  ปุ๋ยพืชสดไม่เกิน 1200-1500 กก.ต่อไร่ และปุ๋ยหมัก 600-700 กก.ต่อไร่  
ปริมาณปุ๋ยที่ใส่ได้พอดี สามารถสังเกตได้จากสีน้ำของบ่อ จะต้องเป็นสีเขียว  หากน้ำเป็นสีเขียวเข้มหรือออกสีน้ำตาลเข้มแสดงว่าใส่ปุ๋ยคอกมากเกินไปควรเพิ่มน้ำเข้าบ่อ
ข้อควรระวัง
การใส่ปุ๋ยเคมีจะมีปฏิกิริยาค่อนข้างเร็วดังนั้นต้องทำด้วยความระมัดระวัง และใช้ปริมาณน้อย

การใส่ปูนขาว
ปูนขาวจะช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงปลาระหว่าง 6.5-8.5  ช่วยกำจัดเชื้อโรค และศัตรูปลา และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยที่ใส่ในบ่อปลา
การใช้ปูนขาวในขณะที่มีปลาอยู่ในบ่อ  ควรใช้วิธีละลายปูนในถังน้ำทีละเล็กน้อย  แล้วสาดให้ทั่ว  ไม่ควรเทเป็นผงๆ ลงในน้ำ

การแก้ไขน้ำขุ่น และน้ำเค็ม
บ่อปลาที่ขุดใหม่มักจะประสบปัญหาน้ำขุ่นเนื่องจากตะกอนดินที่ถูกพัดพามาหรือภายในบ่อปลาเอง  ความขุ่นนี้อาจทำให้ปลาเจริญเติบโตช้า ตะกอนดินอาจไปอุดตันเหงือก
การแก้ไขปัญหาน้ำขุ่นอาจทำได้โดย
1.ใช้สารเคมี  เช่น สารส้มหรือสารอื่นๆ วิธีนี้จะเป็นการแก้ไขแบบชั่วคราวเท่านั้น  และจะทำให้มีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก เช่น น้ำมีสภาพเป็นกรดมากขึ้น
2.การใช้ปุ๋ยเคมี เช่น ปุ๋ยซุเปอร์ฟอสเฟต ในอัตราประมาณ 2-5 กก.ต่อไร่ต่อเดือน  จะช่วยให้เกิดแพลงตอนพืช  ทำให้าสารแขวนลอยจับตัว และตกตะกอนขึ้น
3.ใช้ปุ๋ยพืชสด  ในอัตราประมาณ1200-1500 กกต่อไร่  การสลายตัวของปุ๋ยพืชสดทำให้เกิดตะกอนขึ้น
การแก้ไขปัญหาน้ำเค็มสามารถทำได้โดย
การใช้แกลบหรือขี้เลื่อยปกคลุมผิวหน้าดินให้ทั่วเพื่อไม่ให้อนุภาคของเลือลอยตัวขึ้นมา  โดยโรยให้มีความหนาแน่นประมาณ 5-10 ซม.

อาหารปลา
อาหารปลามีหลายชนิดได้แก่
อาหารธรรมชาติ
1.แพลงก์ตอนพืช  กระจายอยู่ทั่วไปใยบ่อ สามารถขยายพันธ์ และเจริญได้ดีในบ่อที่มีแสงอาทิตย์ผ่าน
2.แพลงก์ตอนสัตว์  สามารถว่าย และเลื่อนลอยอยู่ในน้ำ  เช่น สัตว์เซลล์เดียว  ตัวอ่อนของปู กุ้ง
3.ชีวอินทรีย์ที่เป็นสัตว์  เช่น ลูกน้ำ  ลูกแมลงปอ  ลูกหอย   และแมลงน้ำชนิดอื่นๆ
4.สัตว์น้ำก้นบ่อ  สัตว์ที่ฝังตัวอนยู่ก้นบ่อ  เช่น หนอนแดง  ไส้เดือน ลูกหอยขม
5.พืชน้ำ  พืชที่เกิดขึ้นในบ่อ
อาหารสมทบ  มีทั้งมาจากพืช และสัตว์เช่น
1.ใบ และต้นพืช  
2.หัว และเมล็ดพืช
3.เศษอาหาร  เช่น กากถั่วเหลือง  กากมะพร้าว
4.กุ้งหอย
5.ปลาทะเลสด
6.ปลาป่น
7.เศษเนื้อ  เลือดสัตว์  เช่น เนื้อปู ปลา หมู อาจใช้เลี้ยงปลาได้โดยตรงหรือผสมกับอาหารอื่น

อาหารสำเร็จรูป  เป็นอาหารที่สะดวกต่อการให้   และเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
1.แบบผง  คล้ายกับนมผง แต่มีสารเคลือบพิเศษที่สามารถทำให้อาหารสามารถลอยน้ำได้
2.เม็ดจม  ลักษณะเป็นผง และแห้ง  มาผสมกับน้ำ และไอน้ำแล้วผ่านเครื่องอัดเม็ดให้เป็นรูปร่างต่างๆ
3.แบบเม็ดลอย  อาหารชนิดนี้มีอากาศอยู่ข้างในจึงทำให้มัคุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้

นิสัยการกินอาหารของปลา
ปลาจะกินอาหารแตกต่างกันไปตามระดับความลึกของน้ำแบ่งออกเป็น
1.ปลาที่กินอาหารตามผิวน้ำ  ได้แก่  ปลานิล  ปลาตะเพียนขาว  ปลาสลิด  ปลาเฉา  ปลาสวาย  ปลาแรด  ปลาเสือพ่นน้ำ  ปลาช่อน
2.ปลาที่กินอาหารกลางๆ น้ำ  ได้แก่  ปลาสวาย ปลาแล่ง  ปลาหมอตาล
3.ปลาที่กินอาหารตามพื้นท้องน้ำ  เป็นปลาที่กินอาหารจำพวกสัตว์หน้าดิน  ได้แก่  ปลาหลด ปลาไน ปลาซ่ง ปลาดุก
สาระน่ารู้  นิสัยการกินของปลากับปากของปลา
ปลาที่กินเนื้อ   มีลักษณะปากใหญ่  ขากรรไกรอ้าได้กว้าง  มีฟันแหลมคม
ปลากินพืช      มีลักษณะ มีซี่กรองเหงือกยาวละเอียดกว่าปลากินเนื้อ  ปากแคบ  ขากรรไกรอ้าได้แคบ
วิธีการให้อาหารปลา
1.ให้ปลากินเป็นเวลา ให้ในเวลากลางวัน
2.ตำแหน่งที่ให้ควรเป็นที่เดิม
3.มีภาชนะรองรับอาหารเป็นที่ๆ ในบ่อนั้น
4.ก่อนให้อาหารควรให้สัญญาณ  เช่นการทำให้น้ำกระเพื่อม
5.ปรับปริมาณอาหารมี่จะให้ทุก 1-2 สัปดาห์

การทำอาหารเลี้ยงปลา
1.เครื่องบด   มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบอาหารแห้ง เช่นบดถั่ว บดข้าว  และแบบอาหารสด บดหรือหั่นผักตบชวาผลที่ได้มาจะดูคล้ายกะปิ
2.เครื่องผสม  แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
แบบตั้ง รูปแบบคล้ายกรวยกรองน้ำ ภายในมีเกลียวหมุนด้วยแรงฉุด ทำให้วัสดุต่างๆ ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน  
แบบนอน   คล้ายรูปทรงกระบอกผ่าซีกปิดหัวท้าย วางในแสวนอน  ภายในทรงกระบอกนี้จะมีแกนซึ่ง ล้อมรอบด้วยใบพัดว้อนกันหลายใบ  แกนจะหมุนด้วยแรงฉุด ใช้ได้ทั้งวัสดุที่เปียกหรือแห้ง
3.เครื่องอัดเม็ด   ลักษณะเป็นกระบอกยาวปลายกระบอกข้างหนึ่งปิดตัน และเจาะเป็นช่อง  ข้างต่อกับที่สำหรับใส่อาหารไหลลงมาภายในกระบอก  มีแกนเป็นเกลียวเพื่อหมุนส่งอาหารให้ออกไปที่ปลายกระบอกมีแกนเป็นเกลียวเพื่อหมุนส่งอาหารออกไปที่ปลายกระบอก  ปลากยกระบอกสวมด้วยจานเจาะเป้นรู  ส่วนที่ยื่นออกมาจะติดใบมีดเพื่อให้อาหารออกเป็นแท่งๆ   ยาวสั้นตามต้องการ  อาหารที่ได้ค่อนข้างจะมีความชื้นสูงหรืออาจนำไปผึ่งแดดให้แห้งเก็บเป้นอาหารแห้งไว้ใช้เลี้ยงในวันต่อไป
4.เครื่องชั่ง  ใช้ชั่งวัสดุต่างๆ ตามจำนวนที่คำนวณไว้
ปาณิสรา คูณอนันต์ [ 13 ก.ย. 2550 20:21:57 ]

- ปิดกระทู้ -

www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org