ความคิดเห็นที่: 1

ท่าปกติที่มันอยู่

knotsnake [ 01 ก.ย. 2550 21:40:23 ]

ความคิดเห็นที่: 2

นี่คือผลผลิตของมันรุ่นที่ 3

knotsnake [ 01 ก.ย. 2550 21:41:53 ]

ความคิดเห็นที่: 3

น่ากินป่ะ

knotsnake [ 01 ก.ย. 2550 21:53:16 ]

ความคิดเห็นที่: 4

ตัวนี้มาพร้อมสึนามิ

knotsnake [ 01 ก.ย. 2550 21:54:11 ]

ความคิดเห็นที่: 5

 แต่ความจริง ไอ่ตัวข้างบนมันอยู่ในกระชังนานแล้ว พอสึนามิมากระชังเลยพัง มันก็เลยมาว่ายเล่นในทะเลจนมาอยู่ในนี้ในที่สุด

ส่วนตัวนี้ก็รอคู่อู่

knotsnake [ 01 ก.ย. 2550 21:56:16 ]

ความคิดเห็นที่: 6

ส่วนนี่เป็นพี่ใหญ่ในที่นี้

knotsnake [ 01 ก.ย. 2550 21:57:39 ]

ความคิดเห็นที่: 7

อะไรเอ่ย..

knotsnake [ 01 ก.ย. 2550 22:00:01 ]

ความคิดเห็นที่: 8

อะไรเอ่ย นี่ "ตาหนู" หรือเปล่าครับ

Plateen [ 01 ก.ย. 2550 22:31:38 ]

ความคิดเห็นที่: 9

เดี๋ยวนี้ชาว siamensis ชอบเล่นคำผวนกันเนาะ  ^ ^

ยายอ้วน [ 02 ก.ย. 2550 00:18:36 ]

ความคิดเห็นที่: 10

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต  http://www.phuketaquarium.org/

aqueous_andaman [ 02 ก.ย. 2550 11:01:13 ]

ความคิดเห็นที่: 11

แหม..สมดั่งคำร่ำลือจริงๆ  เป็น"ตาหนู" จริงๆ ขอรับ

knotsnake [ 02 ก.ย. 2550 14:11:15 ]

ความคิดเห็นที่: 12

หน้าตรง ไม่สวมหมวก

knotsnake [ 02 ก.ย. 2550 14:12:42 ]

ความคิดเห็นที่: 13

ตอนแรกก็เจอในน้ำดีๆ  พอมันตกใจคน มันก็เลือกที่จะเลื้อยหนีทางบกซะงั้น ยอมรับว่าเร็วมาก พอมันอยู่บนบก สวิงที่เอาไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ก็เลยใช้มือไล่จับมาพักในสวิงเพื่อถ่ายรูปนั่นแหละ  แล้วตรหนูตัวนี้เป็นชนิดไหนเอ่ย...

บริเวณที่เจอก็เป็นลำธารที่ติดต่อกับทะเลโดยตรง พื้นเป็นหิน  และมีแก่งหินเป็นระยะๆ  บางช่วงเป็นหน้าผา

knotsnake [ 02 ก.ย. 2550 14:16:49 ]

ความคิดเห็นที่: 14

สุดยอด..ผู้น้อยคารวะ อ.Plateen

kasoop [ 02 ก.ย. 2550 14:36:48 ]

ความคิดเห็นที่: 15

# ไม่รู้จะพูดยังไงดี นับถือ นับถือ (โค+ตระ เก่งเลยครับ ท่านอาจารย์)  ผู้น้อยขอฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยคร๊าบบ...

aqueous_andaman [ 02 ก.ย. 2550 15:20:14 ]

ความคิดเห็นที่: 16

Anguilla bicolor ครับ

Plateen [ 03 ก.ย. 2550 00:01:57 ]

ความคิดเห็นที่: 17

ตาหนูสวยมากครับ หมึกก็สวย

หลามหยก [ 03 ก.ย. 2550 10:54:01 ]

ความคิดเห็นที่: 18

อาทิตย์ก่อนอยู่ภูเก็ตอยู่ด้วย ฝนตกน่าดูเลย มาหยุดเอาวันพฤหัสวันกลับพอดี

นกกินเปี้ยว [ 03 ก.ย. 2550 11:52:08 ]

ความคิดเห็นที่: 19

ท่านปลาตีนสุดยอดมากๆ
ตะลึงงันเลยรู้ได้ไงหว่า

Revenge [ 04 ก.ย. 2550 01:22:57 ]

ความคิดเห็นที่: 20

Plateen....เก่งจัง

Montela_Hoya [ 04 ก.ย. 2550 09:31:45 ]

ความคิดเห็นที่: 21

เอามั่งๆ  ตัวนี้มาตามนัดเลย ที่เก่าเวลาเดิม

ampelisciphotis [ 04 ก.ย. 2550 10:06:39 ]

ความคิดเห็นที่: 22

หอยสองฝา (ฝาเดียว 2 ตัว)

ampelisciphotis [ 04 ก.ย. 2550 10:09:24 ]

ความคิดเห็นที่: 23

แอบ ... หอยน้ำพริก (โปรดสังเกตว่ามีมือที่สามด้วย)

ampelisciphotis [ 04 ก.ย. 2550 10:16:48 ]

ความคิดเห็นที่: 24

คุณ Plateen ไม่ lecture หน่อยละครับว่ารูปปริศนาตาหนูนั้นคืออะไร ไยจึงเป็นจุดฟันธงได้

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 11:02:08 ]

ความคิดเห็นที่: 25

แอบ... หอยน้ำพริก ภาค2 ตอนนี้ใกล้จะแยกจากกันแล้ว ขอได้รับความขอบคุณพี่จุก อนุเคราะห์แสงไฟระหว่างถ่ายทำ

ampelisciphotis [ 04 ก.ย. 2550 11:27:09 ]

ความคิดเห็นที่: 26

เจอะผี... ลายเหมือนผ้าซิ่น

ampelisciphotis [ 04 ก.ย. 2550 11:34:44 ]

ความคิดเห็นที่: 27

ตัวนี้พอถ่ายเสร็จก็โดดดึ๋งๆ  เดินบนน้ำได้ด้วย อย่าได้ดูเบา

ampelisciphotis [ 04 ก.ย. 2550 11:42:01 ]

ความคิดเห็นที่: 28

อีกหอย มาฝากลุงหอยทากชราแลท่าน amphidromus
เที่ยวนี้ได้รูปมามิมาก ด้วยทะลึ่งเอากล้องใส่ housing ไป  แต่เซอะ หาได้ปลดตุ้มน้ำหนักออกไม่ อันตุ้มน้ำหนักนั้นในยามอยู่ใต้น้ำมันก็ช่วยให้ถ่ายรูปได้มั่นคงดี  แต่เมื่ออยู่บนบกมันก็หนักเอาการ เล่นเอาอิสตรีเยี่ยงอิฉันคอนกล้องมิใคร่อยู่เหมือนกัน ท่านนกจุ่งดูเบาเอาว่าถ่ายมาตั้งเยอะ ชัดอยู่แค่เนียะ เยี่ยงนี้ ต้องเข้าไปล้างตาอีกสักครา

ท่านนก วันที่ท่านน็อตแลชาวคณะเข้าป่าวันนั้นฝนก็มิตกเหมือนกันนา ชะรอยฝนจักตามท่านนกมาจากนครฯ  นั่นแล

ampelisciphotis [ 04 ก.ย. 2550 12:04:41 ]

ความคิดเห็นที่: 29

มาอีก 1 หอย

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:24:16 ]

ความคิดเห็นที่: 30

ห้อม..หอม..

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:25:21 ]

ความคิดเห็นที่: 31

ของฝากคุณยายอ้วน

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:26:42 ]

ความคิดเห็นที่: 32

เพราะเราคู่กัน..

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:30:28 ]

ความคิดเห็นที่: 33

เขียดงูน่ารักๆ

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:32:15 ]

ความคิดเห็นที่: 34

ผีตัวเดียวกับ #26 อนุเคราะห์แสงไฟโดยเจ้าแม่กุ้งเต้น

...แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 2550 14:33:58

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:33:29 ]

ความคิดเห็นที่: 35

ก่อนกลับระนอง ก็แวะที่นี่

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:34:55 ]

ความคิดเห็นที่: 36

เอามาให้อ่าน..

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:36:03 ]

ความคิดเห็นที่: 37

สภาพที่เลี้ยง..

ถ่ายได้แค่นี้ เพราะเขาให้เข้าแค่นี้ ขี้เกียจมาวิจารณ์เอง หึ หึ

แต่อาสาสมัครตัวจริงเขาก็มีความตั้งใจดี  แต่พี่บิ๊กเบื้องหลังนี่สิ เหอ เหอ

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:38:46 ]

ความคิดเห็นที่: 38

 แต่ก็มีสิ่งที่น่าชื่นชม..ภาพสัตว์ป่าที่พบในพื้นที่ แม้จะมีการจำแนกผิดบ้าง ดูๆ แล้วเหมือนยึดเอกสารเล่มเดียวใน แต่ละกลุ่ม เพราะลักษณะการผิดเหมือนหนังสืงเล่มนั้นๆ ทุกประการ

ปล.  ถ้ามีใครให้ข้อมูลความเป็นอยู่ของชะนีในธรรมชาติประกอบให้เพื่อนๆ ได้ลองพิจารณาการดำเนินการเท่าที่เอามาให้ดู(มันมีแค่นี้จริงๆ )ด้วยกก็จักเป็นพระคุณยิ่งครับ

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:42:54 ]

ความคิดเห็นที่: 39

เอามายั่ว อ.ลำพะเนียง

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:47:21 ]

ความคิดเห็นที่: 40

เผ่นดีกว่า

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:49:07 ]

ความคิดเห็นที่: 41

จบข่าว..

knotsnake [ 04 ก.ย. 2550 14:49:57 ]

ความคิดเห็นที่: 42

ยักษ์น่ารักดีนะครับ

คืนชะนีสู่ป่าเขาพระแทวก็ยังโอเค ที่เอาไปปล่อยบ่นเกาะให้ชะนีลงมากินอาหารที่ชายหาดนี่สิ มันประหลาดๆ

นณณ์ [ 04 ก.ย. 2550 16:40:31 ]

ความคิดเห็นที่: 43

# 39  บาดตาอีกแล้ว  อย่าให้เป็นทีของเราบ้างก็แล้วก๊าน.................

ลำพะเนียง [ 04 ก.ย. 2550 18:36:03 ]

ความคิดเห็นที่: 44

ชอบยักษ์ครับ

Plateen [ 04 ก.ย. 2550 23:18:59 ]

ความคิดเห็นที่: 45

หากเรารู้ว่าพื้นที่เขาพระแทวมีแค่ไหน เกาะที่ปล่อยมีแค่ไหน แล้วจะหนาวครับกับการปล่อยชะนีของเขา

มีนักเดินป่าหลายท่านมักอ้างว่า ป่าเมืองไทย..ใครว่าไม่พอให้สัตว์อยู่ เขาเดินมาไม่รู้เท่าไหร่ก็ยังไม่ทั่วสักที..ซึ่ง แนวคิดนี้ก็ถูกนำมาใช้ในการปล่อยชะนีนี่แหละครับ

knotsnake [ 05 ก.ย. 2550 09:38:24 ]

ความคิดเห็นที่: 46

เหมือนยักษ์ในขายหัวเราะเลยอ่ะ
หัวโต น่ารักจัง

ยายอ้วน [ 06 ก.ย. 2550 01:11:02 ]

ความคิดเห็นที่: 47

ไอ้เราเห็นบ่อยเห็นมานานแล้วเลยเฉยๆ ไป นอกนั้นยังมีตัวอื่นๆ อีก ที่จำได้ก็หนุมาน เป็นตัวโฆษณาของภูเก็ตแฟนตาซี

นกกินเปี้ยว [ 06 ก.ย. 2550 08:46:52 ]

ความคิดเห็นที่: 48

เรียนทุกท่านดิฉันในฐานะตัวแทนคนรักชะนีจากโครงการคืนชะนีสู่ป่า ดิฉันอยากให้ทุกท่านได้เปิดหู เปิดตา  และรับสิ่งใหม่ เข้ามาสัมผัสในการเปลี่ยนแปลงของโครงการคืนชะนีสู่ป่า ภูเก็ต ไม่ใช่มองแค่ไม่กี่ภาพก็นำไปสรุป และตัดสิน หากท่านมีเวลาขอเรียนเชิญทุกท่าสัมผัสชีวิตชะนีที่เคยถูกทารุณ และนำกลับไปปล่อยในป่าอีกครั้งหนึ่ง  และค้นหาความจริงอีกหลายเรื่องที่ท่านไม่เคยรู้ได้ แต่นึกคิดเอาเอง สนใจติดต่อ grp@gibbonproject.ort หรือ 076-260491-2

Ar gibbon [ 14 ก.ย. 2550 10:34:30 ]
ar@gibbonproject.org

ความคิดเห็นที่: 49

สิ่งที่ผมเชื่อมาตลอด  และยังเชื่อต่อไปคือความตั้งใจจริงของอาสาสมัครของโครงการฯ ครับ ผมก็ไม่ได้ให้เชื่อแค่จากภาพที่โพส ยิ่งไม่สามารถถ่ายรูปได้มากกว่านั้นจริงๆ  ส่วนภาพชะนีที่ถูกทารุณก่อนถึงมือมูลนิธินั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่ง ผมไม่ขอแสดงความเห็นเพราะจะเป็นการชี้นำ ชักนำไปทางหนึ่งทางใด  แต่ผมเสนอให้เพื่อนๆ ได้ลองศึกษา และทำความเข้าใจชะนี ในความเป็นชะนีของมันเท่านั้นเอง

ปล. การปล่อยชะนีสู่ป่าที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ก็มีคนทำมาแล้วครับ เสียดายที่ตอนนี้เขาไม่สามารถมาถ่ายทอดให้คนอื่นรับรู้ได้ด้วยตัวเอง..ตลอดไป

knotsnake [ 17 ก.ย. 2550 16:12:40 ]

ความคิดเห็นที่: 50

ผมเองก็เป็นแฟนขาประจำ siamensis.org คนหนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นแหล่งข้อมูลมหาศาลจากภาคสนามที่เป็นประโยชน์ และตรงกับสายงานที่ทำอยู่ในขณะนี้ ซึ่ง เป็นงานที่ต้องทำควบคู่กับงานหลักคือการคืนชะนีสู่ป่า ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว จ. ภูเก็ต …  แต่ก็ไม่เคยเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในกระทู้ใดเลยสักครั้ง เพราะคิดว่าตัวเรานั้นยังไม่พร้อม และยังอ่อนด้อยนักในเรื่องธรรมชาติวิทยา
แต่บางครั้งความนิ่งเฉยต่อข้อกังขาหรือคำติติงใดๆ  นั่นเท่ากับเรายอมรับว่ามันเป็นไปตามที่เขากล่าวอ้างทุกประการ   ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชี้แจง ตามข้อเท็จจริงที่เห็น และเป็นอยู่  และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันนั่นเอง...

ความคิดเห็น ๓๗:
-สภาพที่เลี้ยง..ถ่ายได้แค่นี้ เพราะเขาให้เข้าแค่นี้ ขี้เกียจมาวิจารณ์เอง หึ หึ? ... ที่แห่งนี้คือสถานที่พักฟื้นชะนีก่อนปล่อยคืนสู่ป่า จึงมีข้อแตกต่างจากสวนสัตว์ที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกัน... การจัดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวทั่วไปมองเห็นชะนีเหล่านี้จากระยะไกล ก็เพราะเป็นช่วงของการพักฟื้นที่ต้องให้พวกเขาอยู่ห่างจากมนุษย์ตามสมควร เอื้อให้ชะนีสร้างสังคมของตนเองขึ้นมา เช่น ชะนีวัยเด็กก็ได้อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ส่วนชะนีตัวเต็มวัยก็ได้จับคู่สร้างครอบครัว ซึ่ง การปล่อยชะนีเป็นกลุ่มครอบครัวนั้นมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าการปล่อยแบบตัวเดี่ยว ... ต้องมาดูครับว่าเวลาพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วจะมีกิจกรรมตามธรรมชาติอย่างไร จะเห็นการสางขน หยอกล้อ ร้องโต้ตอบกันอย่างเพลิดเพลินฯ ลฯ  ส่วนเหตุผลรองลงมาคือ พอคนเข้าใกล้แล้วปัญหาตามมาเยอะมากครับ คนไทยเรานี่แหละตัวดี ชอบไปแกล้งสัตว์ หาไม้ไปแหย่ หาสิ่งของไปข้างปาใส่ บ้างก็ส่งสียงร้องให้พวกเขาตกใจ  ผมขอยกเหตุผลพอเป็นน้ำจิ้มแค่นี้ก่อน... อยากให้มาเห็นเอง แล้วจะรู้คำตอบมากกว่านี้... พึงระลึกเสมอว่า “การรักสัตว์ป่าในรูปแบบที่ถูกต้องดีงาม หาใช่การอยากอยู่ใกล้ๆ  อยากสัมผัส ลูบ กอด อยากเป็นเจ้าของ อยากถ่ายรูปด้วย…  แต่ควรทำทุกวิถีทางให้พวกเขาอยู่เป็นปกติสุขในถิ่นอาศัยดั้งเดิม”

- แต่อาสาสมัครตัวจริงเขาก็มีความตั้งใจดี  แต่พี่บิ๊กเบื้องหลังนี่สิ เหอ เหอ?   ข้อนี้ผมขอทายว่าท่านคงรู้ความเป็นมาของโครงการคืนชะนีสู่ป่า  และเรื่องราวของมูลนิธิฯ  พอสมควร...  แต่อดีตนั้นมันมักมีทั้งความขมขื่น และชื่นมื่นคละเคล้ากันเป็นเรื่องธรรมดา  แต่หากไปเฝ้าฝังใจ มันก็จะคอยเป็นม่านบังตาให้มองข้ามความเป็นจริงในปัจจุบัน ซึ่ง เป็นเหมือนกำแพงที่คอยปิดกั้นจิตใจให้เคยเปิดกว้าง ให้คับแคบลงไป ...

ก๊ง [ 19 ก.ย. 2550 11:36:22 ]
tum@warthai.org

ความคิดเห็นที่: 51

......ลูกชะนีที่เห็นเกาะอยู่กับแม่ในรูปด้านบนนั้น คือลูกชะนีตัวที่สองที่เกิดในป่าเขาพระแทว เมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง.......

ความคิดเห็น ๓๘:
- แต่ก็มีสิ่งที่น่าชื่นชม..ภาพสัตว์ป่าที่พบในพื้นที่ แม้จะมีการจำแนกผิดบ้าง ดูๆ  แล้วเหมือนยึดเอกสาร-
เล่มเดียวใน แต่ละกลุ่ม เพราะลักษณะการผิดเหมือนหนังสือเล่มนั้นๆ  ทุกประการ? ... ข้อนี้ขอน้อมรับด้วยความเคารพ กรุณาสอนสั่งด้วยครับ...  แต่รับรองว่ารวมๆ  แล้ว เราจำแนกได้ถูกต้องมากกว่า ๙๐%  ถ้าหาว่าโม้ก็ลองไล่เรียงมาดูกัน... ผมได้เกริ่น แต่แรกแล้วว่าเราต้องทำงานอื่นๆ  หลายอย่างควบคู่กับการคืนชะนีสู่ป่า... การสำรวจความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในป่าเขาพระแทวก็เป็นอีกงานหนึ่ง ด้วยการถ่ายรูปสิ่งที่ได้พบเห็นขณะติดตามชะนีที่ปล่อยไปในป่า จากนั้นก็นำภาพเหล่านั้นมาช่วยกันจำแนกดู (ไม่ได้ถึงขั้นเก็บตัวอย่างมาไล่เกล็ดหัว  ใช้กล้องขยายส่องดูละอองเรณู)  แต่อาศัยการเปิดตำรา ศึกษาจากผู้รู้ ค้นคว้ากันไปเรื่อยตาม แต่โอกาสจะอำนวย... ด้วยความใฝ่รู้บวกชั่วโมงบิน วันหนึ่งข้างหน้าความชำนาญคงตามมาเองเพราะได้สัมผัส และเรียนรู้อยู่ทุกวัน อย่างพืชหลายชนิดแค่เดินป่าแล้วเห็นเศษผล เศษเมล็ด หรือกลีบดอกหล่นตามพื้น เราก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร ซึ่ง ถือเป็นเรื่องที่ต้องสั่งสมแบบนักอนุรักษ์ภูธร... วิธีการเรียนรู้แบบนี้แหละที่ปราบเซียนมานักต่อนักแล้ว เมื่อตอนเข้าป่าสู่สถานการณ์จริง

-ปล.  ถ้ามีใครให้ข้อมูลความเป็นอยู่ของชะนีในธรรมชาติประกอบให้เพื่อนๆ  ได้ลองพิจารณาการดำเนินการเท่าที่เอามาให้ดู(มันมีแค่นี้จริงๆ ) ด้วยก็จักเป็นพระคุณยิ่งครับ? ... อันที่จริงข้อมูลธรรมชาติของชะนีป่า เราก็จัดแสดงไว้พอสมควรนะ...  ถ้ามาก็จะเห็นเอง
 แต่ ถ้ายังหาโอกาสมาเยือนไม่ได้ ก็สอบถามเรามาได้ ทั้งเรื่องชะนีในกรงเลี้ยง ชะนีป่าธรรมชาติ  และชะนีจากกรงไปอยู่กันอย่างไรในป่าเขาพระแทว?... งานนี้เป็นงานหลัก เป็นเฉพาะทางของเรา จึงมีข้อมูลที่สั่งสมมาระดับหนึ่ง...  แต่ขอให้ถามแคบลงมาหน่อย  และตรงประเด็น  และเป็นสิ่งที่ท่านอยากรู้จริงๆ   แต่ข้อมูลเบื้องต้นสามารถอ่านได้จาก http://www.gibbonproject.org  ซึ่ง เราได้รวบรวมไว้พอสมควร  แต่เป็นภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ ส่วนภาษาไทยก็พอมีใน www.gibbonproject.org/content/gibbonlife.html

ก๊ง [ 19 ก.ย. 2550 12:04:20 ]
tum@warthai.org

ความคิดเห็นที่: 52

ความคิดเห็น ๔๑  และ ๔๒:
คืนชะนีสู่ป่าเขาพระแทวก็ยังโอเค ที่เอาไปปล่อยบ่นเกาะให้ชะนีลงมากินอาหารที่ชายหาดนี่สิ มันประหลาดๆ  ? รูปเกาะที่เอามาโพสท์ ไปหามาจากไหนครับ ชื่อเกาะอะไร อยู่ที่ไหน นั่นไม่ใช่เกาะที่เราเคยเอาชะนีไปปล่อยเมื่อราวๆ  ๑๐ ปีก่อนนะครับ ...

ความคิดเห็นที่ ๔๕:
หากเรารู้ว่าพื้นที่เขาพระแทวมีแค่ไหน เกาะที่ปล่อยมีแค่ไหน แล้วจะหนาวครับกับการปล่อยชะนีของเขา? ข้อมูลเหล่านี้เรามีพร้อมครับ หรืออยากทราบข้อมูลเชิงลึกใดในแง่วิชาการก็สอบถามมาได้

มีนักเดินป่าหลายท่านมักอ้างว่า ป่าเมืองไทย..ใครว่าไม่พอให้สัตว์อยู่ เขาเดินมาไม่รู้เท่าไหร่ก็ยังไม่ทั่วสักที..ซึ่ง แนวคิดนี้ก็ถูกนำมาใช้ในการปล่อยชะนีนี่แหละครับ? ข้อนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจคำถามนัก จึงไม่ขอถกเดี๋ยวจะเข้ารกเข้าพงไปคนละเรื่อง ครับ

ความคิดเห็นที่ ๔๙:
ปล. การปล่อยชะนีสู่ป่าที่สมบูรณ์แบบจริงๆ  ก็มีคนทำมาแล้วครับ เสียดายที่ตอนนี้เขาไม่สามารถมาถ่ายทอดให้คนอื่นรับรู้ได้ด้วยตัวเอง..ตลอดไป? จะว่าไปแล้วไม่มีที่ไหนในโลกที่ปล่อยชะนีประสบความสำเร็จเท่าที่นี่แล้วครับ ไม่เชื่อก็ลองหาข้อมูลมาแย้งให้ผมหน้าแตกได้เลย
 ผู้ล่วงลับที่ท่านกล่าวถึง คงหมายถึงคุณ  Terrance Dillon Morin (http://www.gibbonproject.org/content/about_us.htm) หนึ่งในผู้ริเริ่มโครงการคืนชะนีสู่ป่าสมัยนั้น รวมทั้งการปล่อยชะนีที่เกาะในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาด้วย…   แต่ต้องไม่ลืมว่ายังมีอีกหลายท่านที่ได้ร่วมก่อตั้งโครงการนี้มา ซึ่ง ล้วนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สำหรับพวกเราเด็กรุ่นหลังได้มาสานงานต่อจากท่านๆ  ก็ระลึกถึงพระคุณอยู่เสมอมา
   
หากประเด็นใดที่ผมตอบด้วยวาจามิบังควร หรือเถรตรงไปตามข้อเท็จจริงปัจจุบัน อันอาจสร้างความขุ่นเคือง ก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย... จะว่าไปแล้วในแวดวงนักอนุรักษ์ นักธรรมชาติวิทยาเมืองไทยนี้มันช่างแคบนัก หากเปิดตัวเปิดใจถึงกันก็คงรู้จักกันได้ไม่ยาก เพราะต่างมุ่งในอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน จึงต้องคอยช่วยเหลือ เกื้อหนุนหรือแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์กันอยู่ตลอด... ที่ผ่านมาทีมงานในโครงการคืนชะนีสู่ป่าเรา ยอมรับว่าไม่ได้เปิดตัวมากนัก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความอ่อนเยาว์ในวงการ ทำให้ขาดความมั่นใจหลายๆ  ด้าน ซึ่ง ต้องการเวลาสั่งสม+บ่มเพาะสักระยะหนึ่ง ...

ก๊ง [ 19 ก.ย. 2550 12:09:09 ]
tum@warthai.org

ความคิดเห็นที่: 53

พวกเราจึงขอถือโอกาสนี้เชื้อเชิญเหล่าผู้รักษ์ธรรมชาติทั้งหลาย หากมีโอกาสแวะเวียนมาถึงป่าเขาพระแทว ได้มาเยือนโครงการคืนชะนีสู่ป่า อยากสัมผัสการดำเนินงานทุกขั้นตอน หรือต้องการเข้าไปดูชะนีที่คืนสู่ป่าสำเร็จแล้ว ก็สามารถมาร่วมเดินทางกับพวกเราได้ทุกเมื่อ เพราะทีมงานของเราต้องเข้าป่ากันทุกวันอยู่แล้ว หากวันไหนเข้าไปติดตามเก็บข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับชะนีก็จะออกเดินทางตั้ง แต่ตีห้า  แต่หากเป็นงานอื่นๆ  เป็นต้นว่า การตัดทางทำแผนที่เพื่อติดตามชะนี การเอาอาหารไปให้ชะนีที่เพิ่งปล่อย ก็จะออกสายหน่อยคือประมาณ ๘ หรือ ๙ โมงเช้า หากท่านสนใจก็แค่แจ้งความจำนงมา  และนัดแนะเวลากับทางเรา ... หรือบางช่วงบางเวลาที่อาสาสมัครในโครงการฯ  อยู่กันไม่แออัด ที่พักภายในที่ตั้งเราก็จะว่างพอให้ท่านพักพิงได้ในความเป็นอยู่กันแบบง่ายๆ  ตามอัตภาพ

ตัวผมเองจะเดินทางไปๆ  มาๆ  ระหว่างระนอง และภูเก็ต สุดแท้ แต่เวลา และภารกิจ เพราะต้องสวมหัวโขนในตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการโครงการฯ  ทั้งมูลนิธิฯ  สาขาภูเก็ต และระนอง ... สำหรับที่ระนองสถานีตั้งอยู่ในหมู่บ้านทะเลนอก แถบเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคลองม่วงกลวง, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา และอุทยานแห่งชาติแหลมสน ที่นั่นยังคงความงดงามทางธรรมชาติดูบริสุทธิ์ไปอีกแบบ ซึ่ง ทั้งสองแห่งล้วนยินดีต้อนรับทุกท่านที่มีโอกาสแวะเวียนมาละแวกนี้... ด้วยน้ำใสใจจริง

ติดต่อสอบถามได้ที่:
-สำนักงานโครงการคืนชะนีสู่ป่า (มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย สาขาภูเก็ต) ๑๐๔/๓ หมู่ ๓ ต. ป่าคลอก อ. ถลาง จ. ภูเก็ต ๘๓๑๑๐, โทรศัพท์  076 260491-2, โทรสาร 076 260491,  http://www.gibbonproject.org, e-mail grp@gibbonproject.org
-ศูนย์ช่วยชีวิต และศึกษาเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่า (มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย สาขาระนอง) ๑๕/๑ หมู่ ๑ ต. กำพวน อ. สุขสำราญ จ. ระนอง ๘๕๑๒๐, โทรศัพท์  077 870247, http://www.wared.gibbonproject.org,  e-mail wared@warthai.org

ปล. หากได้ดื่มกันสักจอกสองจอก ได้ร่วมท่องป่ากันสักเที่ยวสองเที่ยว คงทำให้ใจเราถึงกันขึ้นอีกมากโข

ก๊ง [ 19 ก.ย. 2550 12:14:25 ]
tum@warthai.org

ความคิดเห็นที่: 54

หากท่านต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกของโครงการฯ  หรือมูลนิธิฯ  ทำไมไม่ลองสมัครเข้ามาเป็นอาสาสมัครทำงานที่นี่ดูละค่ะ อาจจะทำให้ท่านเข้าใจมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้หากท่านมีโอกาสก็เชิญนะค่ะ ที่นี่เปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ทุกชีวิตที่นี่ทั้งเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ เหนื่อยยากลำบาก ผจญกับอุปสรรคต่างๆ  มากมาย ในสิ่งที่พวกท่านไม่เคยรับรู้หรือเคยสัมผัส ขอบคุณค่ะ....... หนึ่งในคนรักชะนี......

ปล. วันเดียวไม่พอสำหรับการเรียนรู้ทั้งหมดนะค่ะ

Ammie [ 19 ก.ย. 2550 12:28:47 ]
ammie1521@hotmail.com

ความคิดเห็นที่: 55

#50 ย่อหน้าสุดท้าย..ยินดีน้อมรับ และเปิดใจครับ
#51 ที่อ้างถึง #38..ตรงนี้ต้องขออภัยที่ทำให้เข้าใจว่าผมต่อว่า ที่จริงผมชื่นชมจริงๆ   และเป็นส่วนที่ผมยินดีที่จะร่วมงาน  ที่จริงผมได้ตอบที่ e-mail ไป  แต่พอส่งข้อความ ระบบเครือข่ายเหกิดขัดข้อง เลยยังไม่ได้ส่งไปใหม่
#52 ที่อ้างถึง #49 ขอเรียนว่าไม่ใช่ท่านนี้หรอกครับ หลักการของท่านผู้นี้คือทำให้ชะนีรู้จักป่า  และป่ายอมรับชะนี ข้อเสียของวิธีนี้(หรือแม้ แต่วิธีอื่นๆ )คือตัดความสัมพันธ์รหว่างคนกับชะนีไม่ค่อยขาด โดยเฉพาะชะนีที่เคยมีประสบการณ์ดีๆ กับคนก่อนมาสู่กระบวนการคืนป่า สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดคือการที่ขะนีป่ามาชวนชะนีกรงไปอยู่ร่วมกันในป่าเอง โดยคนไม่จำเป็นต้องนำไปปล่อยเลย

ส่วนประเด็นอื่นก็ไม่ขอถกเช่นกัน แม้ว่าเราอาจมีแนวคิดที่ต่างกัน ผมก็ยังพร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับทุกๆ คนครับ โดยเฉพาะ #53 บรรทัดสุดท้าย ผมต้องไม่ยอมพลาดแน่นอน

ปล. ผมทำลิสต์แก้ไขส่วนผิดพลาดไว้แล้วตั้ง แต่แรก กะว่าจะส่งข้อมูลให้ก่อน  แต่ตอนนี้พิจารณาดูแล้ว ขอเอาไปให้ด้วยตัวเองจะแจ่มกว่า ยินดีร่วมงานในส่วนที่ถนัดครับ

knotsnake [ 24 ก.ย. 2550 10:23:23 ]

ความคิดเห็นที่: 56

เข้ามารับทราบข้อชี้แจงครับ

นกกินเปี้ยว [ 24 ก.ย. 2550 13:02:39 ]

ความคิดเห็นที่: 57

ยินดีด้วยสุดท้ายก็จะจบลงด้วยดี ด้วยความเข้าใจอันดีต่อกัน
อย่างนี้ต้อง ตาม  ปล. ความคิดเห็นที่ 53  เอา!   ชน " งานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า จงเจริญ "

...แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 2550 16:23:01

toffee [ 24 ก.ย. 2550 16:19:11 ]
toffeeomyim@hotmail.com

ความคิดเห็นที่: 58

ลืมไป..ไหนๆ ก็แวะเวียนมาระนองบ่อยๆ  ก็หาโอกาสขับรถเลยบ้านทะเลนอกสัก 70 กม.มาในเมืองบ้างก็ได้ครับ  แต่ในช่วงก่อนปีใหม่ผมจะไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะต้องไปอยู่กลางทะเลประมาณ 2 เดือน ส่วนช่วงที่อยู่บกก็ไม่ค่อยได้อยู่ระนอง หากในเดือน ตค. ได้ไปภูเก็ตก็จะพยายามหาโอกาสแวะหาครับ

knotsnake [ 25 ก.ย. 2550 08:36:34 ]

ความคิดเห็นที่: 59

#55 อ้างถึง # 52  และ #49… ครับยอมรับว่านั่นเป็นข้อเสียจริงๆ  เพราะไม่สามารถตัดความสัมพันธ์ระหว่างคนกับชะนีได้ขาด... สิ่งหนึ่งที่เราพบได้เสมอคือ ชะนีรวมทั้งพวกสัตว์ตระกูลลิงทั้งหลายที่ถูกมนุษย์เลี้ยงมา พวกเขาจะไม่กลัวผู้คน เมื่อนำไปปล่อยป่าแม้จะสามารถดำรงชีวิตได้เยี่ยงสัตว์ป่า  แต่ก็ยังชอบลงมาหาคน เข้ามาใกล้ และอาจถึงขั้นทำร้ายคนได้ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าที่เข้าไปในอาณาเขตเขา  ... ซึ่ง เราได้ แต่ตั้งความหวังกับรุ่นลูกที่เขาเกิด และโตในป่าครับ ว่าจะไม่เอาอย่างพ่อแม่

ส่วนการนำชะนีเลี้ยงไปให้ชะนีป่าสอน และยอมรับเข้ากลุ่ม อันนี้โดยส่วนตัวผมรู้สึกก้ำกึ่งครับ  แต่ก่อนจะเอาไปปล่อยก็ต้องไปดูกันครับว่า มีชะนีป่าครอบครัวไหนบ้างที่ต้องการสมาชิกเพิ่ม เพราะบางทีเอาเข้าไปใหม่อาจทำให้เขาบ้านแตกได้ ซึ่ง ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะที่ต้องคำนึงถึง เพื่อให้พวกเขาปลอดภัยที่สุด ยังไงผมค่อยหาเวลาไปขอเรียนปรึกษากับพี่น๊อตอีกที...   แต่ในมาตรฐานสากลปัจจุบันเนี่ย เขากลัวกันเหลือเกินว่าชะนีเลี้ยงจะนำโรคไปติดชะนีป่า เพราะชะนีป่าเองก็ยังไม่มีใครมีข้อมูลว่าเป็นโรคอะไรมั่ง ส่วนชะนีเลี้ยงเองเขาก็อ้างว่าอาจมีโรคหลายอย่างที่วิทยาการสมัยนี้ตรวจไม่พบ เขาเอาปลอดภัยไว้ก่อนหนะครับ เราอยู่ร่วมโลกกันบางทีก็เลยต้องยอมเขาบ้างเป็นเรื่องๆ  ไป (ฝรั่งเขามาตั้งมาตรฐานให้เรา ทั้งๆ  ที่บ้านเขาไม่มีชะนีป่าสักกะตัว) ...

เท่าที่ค้นดูข้อมูลเก่าๆ  ผมพบอยู่สองรายงานครับที่เขาเอาชะนีเลี้ยงไปให้ชะนีป่าสอนโดยบังเอิญ คือ (๑) การปล่อยชะนีที่ อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี คือสมัยโน้นเขาเอาชะนีที่ปลดระวางจากห้องทดลองไปปล่อยครับ บังเอิญที่นั่นมีชะนีป่าดั้งเดิมอยู่ด้วย  และพบว่ามีชะนี ๔ ตัวที่เข้าไปอยู่ร่วมกลุ่มกับชะนีป่าได้ (๒) ที่สถานีพัฒนา และส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด จ. แม่ฮ่องสอน อันนี้เจ้าหน้าที่เขาเลี้ยงชะนีเพศผู้ไว้ในหน่วยตัวหนึ่ง แล้วต่อมาก็ไปอยู่กับชะนีป่าสร้างครอบครัวด้วยกัน  แต่ผมทราบข่าวมาเมื่อ ๒-๓ ปีก่อนว่า เขาจับมันออกมาแล้ว เพราะมันชอบกัดนักท่องเที่ยว อันนี้ไม่รู้เท็จจริงอย่างไร หากใครผ่านไปแถบนั้น ลองแวะเข้าไปหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังหน่อยก็ดีครับ

หากได้เข้าระนองจะแวะคารวะครับ รบกวนขอที่อยู่ติดต่อที่พี่พำนักประจำด้วย จะเป็นพระคุณครับ

ก๊ง [ 25 ก.ย. 2550 10:00:09 ]

ความคิดเห็นที่: 60

การปล่อยชะนีที่เพื่อนผมทำมานั้น ไม่ได้อาศัยการบังเอิญอย่างที่กาญฯ น่ะ ข้อเสีย(อีกแล้ว) คือต้องใช้ระยะเวลานานมากในการปล่อยชะนี แต่ละชุด ทั้งนี้ก็เป็นการกักโรคด้วย แล้วเป็นการสร้งความคุ้นเคยกับป่าของชะนีปล่อย ซึ่ง ในพื้นที่นี้มีชะนีป่าอยู่ด้วย แน่นอน..ที่เจ้าถิ่นต้องยอมรับก่อนถึงจะเข้ารวมฝูงได้ ซึ่ง ผมก็ได้สัมผัสช่วงที่ชะนีป่าเข้ามาชวนชะนีกรงไปอยู่รวมฝูงด้วย ซึ่ง คนเองก็ต้องทำตัวให้ชะนีป่าไว้วางใจด้วยเช่นกัน เพราะมันมาชวนถึงในกรง(ชะนีป่าเข้ากรงชะนีที่จะปล่อยเพื่อชวนกันไปหากิน) บ่อยครั้งที่ชะนีป่าขอมาพักในกรงด้วย จนในที่สุดก็ต้องปิดกรงไม่ให้เข้าได้อีกทั้งสองฝ่าย ระยะแรกมันก็มาวนเวียนที่กรง ในที่สุดมันก็เข้าป่าไปอย่างสมบูรณ์ครับ ระยะเวลาที่ใช้ก็ประมาณ 5 ปีสำหรับการปล่อยชะนีฝูงใหญ่ๆ

ยังไงใช้โทรหาก่อนดีกว่า 0858870993 knot ครับ

knotsnake [ 25 ก.ย. 2550 10:44:23 ]

ความคิดเห็นที่: 61

ยังตามอ่านอยู่ครับ

นณณ์ [ 25 ก.ย. 2550 15:00:57 ]

ความคิดเห็นที่: 62

คอยตามอ่านเหมือนกันเจ้าค่ะ

ampelisciphotis [ 25 ก.ย. 2550 15:49:48 ]

ความคิดเห็นที่: 63

อ่านด้วยครับ

ลำพะเนียง [ 25 ก.ย. 2550 19:33:42 ]

ความคิดเห็นที่: 64

อ่านแล้วรู้สึกทึ่งจังครับกับการปล่อยชะนีด้วยวิธีดังกล่าว ยังไงรบกวนขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับว่าเขาทำกันที่ไหน เพราะผมไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นรายงานที่ใช้วิธีการนี้ในการปล่อยชะนีมาก่อนเลย  แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะใช้วิธีนี้กับลิงบางชนิดที่เขาชอบอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ ซึ่ง จะมีพฤติกรรมทางธรรมชาติหลายๆ  แตกต่างไปจากชะนี... คือ ถ้าวิธีการนี้มีคนเคยใช้ปล่อยชะนีแล้วได้ผลจริง ก็น่าจะนำมาปรับใช้กับการทำงานปัจจุบันของเราได้ครับ

ก๊ง [ 26 ก.ย. 2550 11:46:30 ]
tum@warthai.org

ความคิดเห็นที่: 65

เหอๆ  แบบนี้ต้องพาไปคุยกะไอ้เล็ก คราวที่แล้วไป เจอไอ้เล็กไล่กัดมา    

มันแยกกันไม่ได้หรอกครับ   ความผูกพัน  ความทรงจำทั้งดี  และ ไม่ดีระหว่าง คนกับชะนี

ในสมองมันยังคงฝังใจ ว่าคนคือผู้ให้อาหาร  เหมือนผมจำว่าแม่คือผู้ให้ตังอ่ะ     แต่ ณ เวลานี้

ผมคิดว่า สัตว์ที่อยู่กับคนมาตั้ง แต่เล็กๆ    หากินเองได้ขนาดนี้ ปรับตัวเข้ากับป่าได้ขนาดนี้ ก็

ดีแล้ว  หรือ ถ้ามีท่านอื่นๆ  มีความคิดที่แตกต่างออกไป เราก็ยินดีรับฟัง  เพราะยังไม่มีอะไร

ที่เป็นที่สุดหรอกครับ

ส่วนเรื่องที่จะให้เอาชะนีป่ามาชวนชะนีในกรง เคยมีที่อุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งในอุตรดิตถ์

เคยทำเหมือนกันครับ  แต่ปรากฏว่า ชะนีตัวผู้ กับเข้ามาติด ชะนีตัวเมียของอุทยาน  และก็มากิน

อาหารที่เจ้าหน้าที่ให้ชะนีตัวเมียกลายเป็นว่าชะนีตัวผู้ มาอยู่ที่ที่ทำการอุทยานกะตัวเมีย จนตัว

ผู้ตาย ก็ไม่เห็นมันจะได้หนีตามกัน แต่อย่างใด  อาจเป็นเพราะมีทั้งอาหาร ทั้งสาวๆ  เป็นผมลง

ดอยไปเจอแบบนั้นก็ คงอยู่เหมือนกัน  ซึ่ง ตอนนี้ ตัวเมียก็ยังคงอยู่ที่เดิม   แต่ถูกขังกรงไม้ไผ่

แทน (เดิมถูกล่ามกับราวเหล็ก  แต่เนื่องจากมีปัญหากัดนักท่องเที่ยวบ่อย เลยต้องขัง)

อย่างไรเสีย  ผมคิดว่า ลองไปเดินเล่นเขาพระแทวดูครับ  ไม่เสียหาย    หรือจะมาเดินเล่น

ดอยเต่าก็เชิญนะครับ

papapump [ 26 ก.ย. 2550 22:29:11 ]
papapump_oz@hotmail.com

ความคิดเห็นที่: 66

ที่นั่นไม่ได้เปิดเป็นที่ท่องเที่ยวที่จะมีคนมาเที่ยวดูครับ  แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เข้ามาบ้าง ไม่มีรายงานการดำเนินการใดๆ  เพราะใช้งบฯ ส่วนตัว ทำในพื้นที่ จ.ชุมพร ปัจจุบันเพื่อนผมคนนี้เสียชีวิตด้วยโรคภูมิแพ้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว  คนๆ นี้เป้นคนที่เคยบริจาคเงินเข้ามูลนิธีหนึ่ง  แต่มาทราบว่ามีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์อย่างแรง(รวมถึงที่คนอื่นบริจาคแล้วเบี้ยวด้วย) เลยทำเองซะ

การปล่อยชะนีแบบนี้ ต้องให้มีคนรบกวนน้อยที่สุดครับ เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ได้ เพราะอาจเกิดปัญหาชะนีกัดนั่นแหละ แล้วสุดท้ายก็ไม่ให้มันเข้ากรงซะ มันก็ต้องระเห็จเข้าป่าจนได้ครับ แล้วต้องแกล้งใจร้ายกับมัน(อาจต้องหาคนอื่นมาช่วยทำใจร้าย เพราะ ถ้าเป็นคนดูแลทำ มันก็ไม่เชื่อว่าร้ายจริง)

knotsnake [ 27 ก.ย. 2550 01:43:11 ]