ความคิดเห็นที่: 1

 ถ้าจำไม่ผิด เป็นเพราะเมืองพิษ'โลก เป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำ 2 สาย
คือแม่น้ำน่าน  และแม่น้ำยม (จะธงหักหรือเปล่าหนอ)

ส่วนเมือง 4 แคว คือจ.นครสวรรค์

ยายอ้วน [ 31 ต.ค. 2550 20:59:50 ]

ความคิดเห็นที่: 2

นึกออก แต่ว่า  เมืองพิษณุโลกเป็นเมืองอกแตก เพราะมีแม่น้ำน่านไหลผ่ากลางเมืองอ่ะครับ

เมืองพิษณุโลกสองแคว  เป็นเพราะมีแม่น้ำไหลผ่านสองสาย (แม่น้ำยม  และ แม่น้ำน่าน) หรือเปล่าน้อ

ตะพากหน้าแดง [ 31 ต.ค. 2550 22:36:32 ]

ความคิดเห็นที่: 3

เอะ แล้วแม่น้ำที่พูดถึงกันอยู่ อยู่ที่ส่วนใดของพิษณุโลกละเนี่ย

เขียวเสวย [ 01 พ.ย. 2550 00:02:56 ]

ความคิดเห็นที่: 4

หุหุ แอบไปค้นใน google
 และได้เว็บวิกิพีเดีย http://th.wikipedia.org/wiki/
ช่วยให้คำตอบได้

สรุปคือยายอ้วนตอบผิดตรงชื่อแม่น้ำ
ความจริงเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำน่าน  และแม่น้ำแควน้อย

เชิญท่านทัศนาตามลิงค์ดังกล่าวได้ตามอัธยาศัย

ยายอ้วน [ 01 พ.ย. 2550 03:44:07 ]

ความคิดเห็นที่: 5

ผมแอบถามกู๋ แต่แรกเลยไม่เข้ามาตอบน่ะครับ ลุงกู๋แกรู้มากจริงๆ

นกกินเปี้ยว [ 01 พ.ย. 2550 08:27:10 ]

ความคิดเห็นที่: 6

ตอบดีกว่านะฮะ   แม่น้ำแควน้อยมาบรรจบกับแม่น้ำน่าน  จากภาพที่เห็นนั่นตามขวางคือแม่น้ำน่าน(สีเขียว)  ที่ตรงลงมานั่นคือแม่น้ำแควน้อย(สีน้ำตาล)  มาเจอกันตรงบริเวณที่เรียกว่า บ้านปากโทก  ตำบลจอมทอง  โทก คือ อุทก  ที่หมายถึงน้ำ  ปากโทกก็คือปากน้ำ

กู๋คือใครฮะคุณนกกินเปี้ยว  ท่านอยู่พิษณุโลกหรือฮะ

...แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 2550 08:57:49

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 08:56:24 ]

ความคิดเห็นที่: 7

สีของน้ำยังตัดกันชัดเจน   แต่สักพักก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลไปหมดทั้งสาย

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 08:59:32 ]

ความคิดเห็นที่: 8

ตรงจุดที่แม่น้ำมาบรรจบกัน  อบต.เอาป้ายมาติดไว้เพื่อทราบ  บริเวณนี้เป็นท่าน้ำหน้าวัดเก่ามากแห่งหนึ่งชื่อวัดเกาะแก้ว  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านซึ่ง มีทางไหลอีกสายหนึ่งผ่านด้านหลังวัดไป

...แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 2550 09:07:26

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:01:55 ]

ความคิดเห็นที่: 9

วัดเก่ามากแล้ว  ( แต่สถานที่ที่สร้างใหม่ก็มี  ไม่ได้ถ่ายรูปมา)  ด้านหลังโบสถ์ไปนั่นจะเห็นแนวต้นไม้สูง  นั่นคือทางน้ำของแม่น้ำน่านเดิม  ที่อ้อมวัดนี้  ทำให้บริเวณนี้มีลักษณะเป็นเกาะ  จึงชื่อว่าวัดเกาะแก้ว

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:06:20 ]

ความคิดเห็นที่: 10

ลุงกู๋เกิ้ล (Google) ครับ

นกกินเปี้ยว [ 01 พ.ย. 2550 09:09:57 ]

ความคิดเห็นที่: 11

ก่อนเข้าถึงวัดจะเห็นแม่น้ำน่านอีกสายหนึ่งที่เคยไหลผ่านหลังวัด   แต่ตอนนี้ตันไปแล้ว  เพราะมีถนนมาขวาง  เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตรงนี้ยังมีลักษณะเป็นแอ่งลึก ยาวเป็นทาง  เหมือนเคยเป็นสายน้ำ แต่แห้งไปหมดแล้ว มีต้นไม้ล้มลุกขึ้นเต็มไปหมด  ตอนนี้เขาขุดลอกเศษต้นไม้ออก  แล้วปล่อยให้น้ำเข้ามาแทน  เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าเคยเป็นแม่น้ำน่าน  (อ่านแล้วกรุณาอย่างงนะฮะ)  แนวไม้ที่เห็นสูงสีเขียวเข้มสุดภาพนั่นคือ  แนวไม้หลังวัดในภาพข้างบน

...แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 2550 11:00:37

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:12:24 ]

ความคิดเห็นที่: 12

นี่ฮะ  ถนนทางเข้าไปวัด   และไปชมจุดที่เป็นสองแคว  ขวางทางน้ำเดิมอยู่

แหม  คุณนกกินเปี้ยว  อ่านทีแรกนึกว่าหมายถึงลุงในภาษาจีน  ดูในกู๋เกิลไม่เห็นของจริงๆ   ต้องมาเองฮะ  จากภูเก็ตมาพิดโลกก็ไม่นาน  อุดรยังไปมาแล้วเลย  ไกลกว่าด้วย

...แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 2550 09:16:40

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:14:24 ]

ความคิดเห็นที่: 13

ทางเข้าไปเหมือนเราเข้าไปในอดีตเลย  เพราะจะเห็นบ้านไม้ที่ปลูกมานาน   แต่ยังสวยมากหลายหลัง

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:18:52 ]

ความคิดเห็นที่: 14

บ้านนี้เดิมเป็นร้านขายขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นขนมไทยโบราณ อาทิ  ถั่วกวน  รังผึ้ง ดอกจอก ส้มลิ้ม  ขนมซองสมัยใหม่ก็มีบ้าง แต่ไม่มาก (เพิ่งเลิกขายเมื่อไม่นานนี่เอง  เหมือนไปกินขนมในร้านสมัยรัชกาลที่ 6) ขายน้อยๆ จริงๆ   คุณตาเจ้าของร้านใจดี  เป็นผู้ให้ข้อมูลต่างๆ นานา  เช่น  "ตอนตายังเด็กๆ   ยังทันเห็นหัวกระโหลกคนตรงทางน้ำเก่านั่นเลย  เขาเจอกันหลายหัว  ก็พวกที่ล่องแพมาจากทางเหนือแล้วมาล่มกันนั่นแหละ   แต่ทำไมน้ำมันเปลี่ยนทางไหลไปก็จำไม่ได้   แต่เดิมตรงวัดนี่มันเป็นเกาะ  มีน้ำล้อม"  

อ้าว  ว่าแล้ว  ลืมจดชื่อท่าน  มัว แต่เพลินชมรูปสมัยก่อนที่คุณตายังหนุ่มๆ  "ตอนถ่ายนั่นปี 24 เท่าไร๊  จำไม่ได้  ตามแพเขาล่องเข้าไปกรุงเทพ  หล่อไหมล่ะ"

...แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 2550 09:39:23

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:28:55 ]

ความคิดเห็นที่: 15

เยื้องบ้านคุณตา  เป็นสวนโบราณ(เห็นไหมฮะ  สวนยังโบราณเลย)  มีไม้ผลหลากชนิด  ปลูกไม่เป็นระเบียบหรอก   แต่เป็นธรรมชาติดี  อยากมาชมสถานที่จริงบ้างหรือยังฮะ

ต้นมะปรางออกลูกเป็นฟักด้วย  มีที่ไหนบ้าง

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:33:12 ]

ความคิดเห็นที่: 16

ยืนยันความเป็นสวนโบราณอีกภาพ  ตอนยังมีแสงสว่างก็ดูไม่น่ากลัว   แต่ช่วงโพล้เพล้  เข้าไต้เข้าไฟเกือบจะมืด  บริเวณนี้ค่อนข้างน่ากลัว  พี่น้องท่านใดชอบบรรยากาศแบบนี้มาเที่ยวนะฮะ  จะพาไป

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:38:20 ]

ความคิดเห็นที่: 17

ลาด้วยภาพบริเวณปากน้ำแควน้อย  อบต.เพียรทำเป็นแพอลังการไว้เพื่อจะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว  แล้วก็เงียบเหงา  แควน้อยตอนนี้น้ำไหลไม่แรง น้ำไม่มากแล้ว  เพราะกรมชลประทานท่านทำเขื่อนแควน้อยกักน้ำไว้บนเขา

mim4042 [ 01 พ.ย. 2550 09:43:58 ]

ความคิดเห็นที่: 18

โห.. เห็นแล้วอยากไปยล ... ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเมื่อไหร่

ยายอ้วน [ 01 พ.ย. 2550 12:15:04 ]

ความคิดเห็นที่: 19

#11 ลักษณะทางน้ำเก่าแบบนี้ศัพท์ทางวิชาการเรียกว่าทะเลสาบรูปแอกวัว (oxbow lake) เกิดจากแม่น้ำเปลี่ยนทางเดินทำให้ทางน้ำสายเก่าค่อยๆ  ตื้นเขินไปเรื่อยๆ  ในภาคอีสานเรียกว่า "กุด"

หอยงวงท่อ [ 01 พ.ย. 2550 12:54:13 ]

ความคิดเห็นที่: 20

แม่นแหล่วครับ  ขนาดแม่น้ำยังเปลี่ยนทาง มีหรือคนจะไม่เปลี่ยนใจ

นณณ์ [ 01 พ.ย. 2550 13:23:58 ]

ความคิดเห็นที่: 21

แหะๆๆ  ทำไมคิดการเปลี่ยนใจหละครับ  มีอะไรแอบแฝงไว้กับความรู้สึกหรือเปล่าครับ อย่างแม่โขงยังเปลี่ยนเลยครับจากเดิมคนไทยนิยมมาก เดี๋ยวนี้ตกกระป๋องไปแล้ว

Fisher [ 01 พ.ย. 2550 13:35:39 ]

ความคิดเห็นที่: 22

#6,7 เห็นความเป็นสองแควชัดมากเลยค่ะ แม่น้ำสองสีที่อุบลยังไม่ขนาดนี้เลยนะเนี่ย

baitan [ 02 พ.ย. 2550 09:06:02 ]

ความคิดเห็นที่: 23

 แต่ถึงจะคนละสี คนละกลิ่น ก็ยังหล่อหลอมรวมกันได้นะครับคุณนณณ์

ไอ้ลูกทุ่ง [ 02 พ.ย. 2550 10:38:12 ]

ความคิดเห็นที่: 24

ผมมองว่า "ความแตกต่างจะกลายเป็นความรู้  ความแปลกแยกจะกลายเป็นมิตรภาพ"

สุวรรณภูมิ [ 02 พ.ย. 2550 21:01:02 ]