กระทู้-08672 : ป่าคำชะโนด

Home » Board » สิ่งแวดล้อม

ป่าคำชะโนด

ผีจ้างหนัง พญานาค เกาะลอยน้ำ ... อาถรรพณ์ ป่าคำชะโนด


         ป่าคำชะโนด ที่แห่งนี้คือป่าศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่า ป่าคำชะโนด เป็นที่ตั้งของวัง พญานาค  และ ป่าคำชะโนด เป็นป่าที่มี ต้นคำชะโนด ขึ้นอยู่แห่งเดียว ขณะเดียวกัน ป่าคำชะโนด ยังมีเรื่องเล่า ผีจ้างหนัง ทั้งนี้เรื่อง ผีจ้างหนัง จะจริงหรือไม่ ป่าคำชะโนด กำลังรอให้คุณมาพิสูจน์ที่นี่ค่ะ
electron approve [ 10 พ.ย. 2550 00:22:06 ]
ความคิดเห็นที่: 1
ที่แห่งนี้คือป่าศักดิ์สิทธิ์ ป่าลี้ลับ ป่าอาถรรพ์ …  และคือป่าที่มีตำนาน ที่ชาวไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  และชาวลาวให้ความนับถือ เพราะเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของเมืองนาคินทร์  และวังพญานาค ต้นตำนานแม่น้ำโขง เป็นป่าที่มีความน่าสนใจในแง่พฤกษศาสตร์ ที่โลกต้องทึ่ง!!! กับต้นคำชะโนดที่มีอายุนับหลายร้อยปี  และมีอยู่ที่เดียว ณ ป่าคำชะโนด

           บนพื้นที่ราว 20 ไร่ ณ ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี คือ ที่ตั้งของ ป่าคำชะโนด ที่ตั้งตามลักษณะภูมิประเทศ เนื่องจากบริเวณนั้นมีต้นชะโนด (อยู่ในตระกูลเดียวกับปาล์ม คล้ายๆ  ต้นตาล ต้นหมาก หรือไม่ก็ต้นมะพร้าว  แต่สูงกว่า) ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น มองไปทางไหนก็เห็น แต่ทิวชะโนดสูงเด่นเป็นสง่า ปี 2520 เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านได้ทำการสำรวจจำนวนต้นชะโนดในป่าแห่งนี้ มีอยู่ราว 2,000 กว่าต้น จนมาถึงปี 2544 ชาวบ้านสำรวจอีกครั้งพบว่าต้นชะโนดลดลงเหลือเพียง 1,865 ต้น ถึงกระนั้นที่นี่ยังคงความเย็นชื้น และให้บรรยากาศวังเวงเหมือนเดิม  แต่ที่น่าแปลกใจคือ หากพ้นจากดงชะโนดแห่งนี้ไป ห่างกันแค่ไม่ถึง 300 เมตร ก็ไม่มีต้นชะโนดปรากฏให้เห็นแม้ แต่ต้นเดียว นี่เองจึงทำให้ผืนดินราว 20 ไร่ ถูกตั้งฉายาให้เป็นป่าแห่งชะโนดขนานแท้  

           "เคยมีคนคิดเอาต้นชะโนดไปปลูกที่อื่นนะ  แต่ไม่นานก็ต้องเอากลับมาคืนที่เดิม เพราะชีวิตการงานไม่ก้าวหน้า ชีวิตครอบครัวมี แต่ความเดือดร้อน ขนาดว่าแค่เอาเมล็ด หรือส่วนใดส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นใบแห้งๆ  ออกจากป่า สุดท้ายต้องเอามาคืนกันหมด" ทองอินทร์ ปักเสติ ชาวบ้านโนนเมือง ซึ่ง มีบ้านอยู่ใกล้ๆ  กับป่าคำชะโนด กล่าว

           อย่างไรก็ตามผืนป่าแห่งนี้กลายเป็นสถานที่เลื่องชื่อชั่วข้ามคืน เพราะเรื่องเล่า "ผีจ้างหนังที่คำชะโนด" (คนอีสานเรียก ผีบังบด หรือเมืองลับแล ไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วไป นอกเสียจากว่าจะมีอะไรดลใจให้เห็น) …. โดยเมื่อปี พ.ศ.2532 ธงชัย แสงชัย เจ้าของบริษัทหนังเร่ดังกล่าว ได้เล่าว่า ตนเองถูกว่าจ้างจากใครคนหนึ่งให้ไปฉายหนังกลางแปลงที่งานวัด ที่หมู่บ้านวังทอง แถวป่าคำชะโนด ด้วยจำนวนเงิน 4,000 บาท  แต่มีข้อแม้คือ ต้องฉายจบแค่ตี 4 ของวันใหม่  และให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง โดยห้ามหันหลังกลับมามอง...  

           หลังจากที่วางเงินมัดจำเสร็จ เจ้าของหนังก็จัดแจงเตรียมของอุปกรณ์สัมภาระ ฟิล์มหนังที่จะนำไปฉาย ไปกับลูกน้องอีก 4 รวมเป็น 5 คน โดยขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อมีหลังคา ออกจากตัวจังหวัดบ่ายแก่ๆ  ขับรถเข้าไปแถวป่าคำชะโนดก็เริ่มมืด ยิ่งขับไปทางเส้นทางตามที่ผู้ว่าจ้างบอกก็ไม่เห็นว่าจะเจอหมู่บ้านหรือคนที่จะมารับ จึงนึกว่าหลงกัน ระหว่างจอดรถว่าจะย้อนกลับไปดีหรือไม่ ก็มีผู้หญิง 2 คนใส่ชุดดำมาร้องเรียกว่าจะนำไปที่วัด คนขับที่เป็นเจ้าของหนังก็รับขึ้นรถ  แต่แกก็สงสัยว่า 2 คนนี้โผล่มาจากไหนในที่มืดๆ  อย่างนี้ พาหนะอะไรก็ไม่มี  

           เมื่อขับเข้าไปในหมู่บ้านก็ยิ่งให้ชวนสงสัยใหญ่ว่า ทำไมไม่มีเสียงลำโพงออกมาจากงานวัด ไม่มีเสียง หมอลำ หรือการละเล่นอะไรเลย พอไปถึงหมู่บ้านก็มีคนมารับ  แต่แปลกว่าทุกคนจะใส่เสื้อสีขาวกับดำ  ถ้าเป็นผู้ชายใส่ชุดขาว ผู้หญิงใส่ชุดดำแยกให้เห็นชัดเจนแม้ แต่เด็ก  แต่ที่แปลกทุกคนจะทาหน้าขาวหมดเหมือนใช้ครีมพอกหน้า





           เมื่อถึงที่แล้วทุกคนก็เริ่มตั้งจอภาพยนตร์ เดินสายไฟ  และเปิดเครื่องปั่นไฟ ระหว่างที่กำลังกุลีกุจอติดตั้งก็เริ่มเห็นผู้คนทยอยมานั่งดูหนัง  แต่จะแยกชายหญิงชัดเจน ไม่นั่งรวมกัน  และปกติของงานวัดจะต้องมีแม่ค้าแม่ขายมาขายน้ำ ขายถั่ว ขายปลาหมึกย่าง  แต่ที่นี่กลับไม่มีแม่ค้าสักคน พอติดตั้งเสร็จก็เริ่มฉายหนัง หนังที่เอาไปฉายมี 4 เรื่อง เรื่องแรกเป็นหนังสงคราม เรื่องที่ 2 เป็นหนังตลกแอ็คชั่น เรื่องที่ 3 กับ 4 เป็นหนังผี ระหว่างฉายคนพากย์ก็พยายามพากย์ยิงมุกตลกๆ   แต่ไม่มีใครหัวเราะหรือแสดงอารมณ์อย่างใดเลย ทั้งๆ  ที่ก่อนหน้านี้ไปฉายที่ไหน คนก็จะหัวเราะตลอด  

           จนเริ่มฉายเรื่องที่ 3 ที่เป็นหนังผี สังเกตท่าทางคนที่มาดูเริ่มตั้งใจดู ทั้งที่บรรยากาศตอนนั้นก็เที่ยงคืนดูน่ากลัวมากๆ  ระหว่างนั้นทางเจ้าภาพก็จัดข้าวต้มถ้วยเล็กมาให้ทีมงานฉายหนังกินกัน ทางทีมงานเห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ มี แต่ข้าวต้มซีดๆ  กะเนื้อชิ้นเล็กๆ   แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ ทางทีมงานก็เลยกินกัน ปรากฎว่าเป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดที่เคยกินกันมา หลังจากฉายหนังจบถึงตี 2 ผู้คนก็แยกย้ายกันกลับ แป๊บเดียวก็สลายไปหมด ไม่มีใครเหลืออยู่เลย ทางทีมงานก็เก็บอุปกรณ์ขึ้นรถ โดยมีผู้หญิงสองคนนั่งรถออกมาส่ง ก่อนจะร่ำลาก็จ่ายค่าจ้างที่เหลือซึ่ง เป็นเงินเหรียญทั้งหมด พอออกมาส่งถึงปากซอยผู้หญิงสองคนนั้นลงจากรถ พอรถออกตัวคนขับที่เป็นเจ้าของหนังกลางแปลงหันกลับมาดูก็ไม่เห็นผู้หญิง 2 คนนั้นแล้ว  

           หลังจากกลับมาถึงบริษัท ธงชัย ก็เกิดความสงสัย จึงเช็คประวัติกับผู้ว่าจ้างที่ถ่ายเอกสารให้ตอนวางมัดจำ ก็พบตัวว่ามีชื่อนี้จริง  แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เคยไปว่าจ้างใครไปฉายหนังตามวัน และเวลาที่บอก เมื่อสงสัยจัดก็เลยสอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัดที่เอาหนังไปฉาย ทางเจ้าอาวาสก็บอกว่าในวันนั้นที่วัดไม่ได้มีการจัดงาน แต่อย่างใด  แต่เจ้าอาวาสเล่าว่า ในคืนวันที่เจ้าของหนังมาบอกว่ามีการฉายหนัง ที่ป่าคำชะโนดจะมีเสียงซู่ๆ  เหมือนกับมีพายุพัดเข้ามา ทั้งๆ  ที่คืนนั้นไม่มีลมใหญ่พัดมาจากไหนเลย... (?!?)

           นอกจากจะมีเรื่องเล่าผีจ้างหนังที่ป่าคำชะโนดแล้ว ผืนป่าแห่งนี้ยังมีเรื่องน่าประหลาดอีกเรื่องคือ เวลาน้ำแล้งก็จะเห็นว่าดินเชื่อมต่อกันไม่มีอะไร  แต่เวลาน้ำท่วม ที่ดินรอบๆ  จะท่วมหมด  แต่ปรากฏว่าป่านี้น้ำไม่ท่วม น้ำขึ้นสูงอย่างไรก็ไม่ท่วม ชาวบ้านจึงเชื่อว่า เกาะนี้ลอยน้ำได้  และเชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเจ้าที่เป็นคนทำไม่ให้ผืนป่าแห่งนี้จมน้ำ. . .

 

           ขณะที่ ทองอินทร์ ปักเสติ ชาวบ้านโนนเมือง ซึ่ง มีบ้านอยู่ใกล้ๆ  กับป่าคำชะโนด ได้ย้อนถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในป่าคำชะโนดอีกหนึ่งเรื่องเล่าของป่าแห่งนี้ ซึ่ง คนภายนอกฟังดูอาจคิดว่าเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อหลอกให้คนกลัวกันเล่นๆ  สำหรับชาวบ้านที่อยู่มานานนมกลับเชื่อสนิทใจ ไม่ใช่นิทานปรัมปรา หรือนิยายประโลมโลก  แต่นั่นคือแรงศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อป่าอันลี้ลับ และเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมาย …  

           เดิมทีคนท้องถิ่นจะเรียกที่นี่ว่า "วังนาคินทร์คำชะโนด" ที่มาก็คือมีบ่อน้ำอยู่กลางดงชะโนด เป็นบ่อน้ำขนาดเล็กๆ   แต่กลับมีน้ำซึมออกมาตามธรรมชาติตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าบ่อน้ำประทานมาให้โดยพญานาคที่อาศัยอยู่ในบริเวณผืนป่า สำหรับบ่อน้ำในป่าคำชะโนด ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำที่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ชาวบ้านเชื่อกันอย่างนั้น มีหลายคนเคยลองอธิษฐานตรงหน้าบ่อน้ำก็ได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบโรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก  แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ความเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน หลายคนไม่เชื่อแถมยังลบหลู่ ตักน้ำจากบ่อแล้วนำมาล้างเท้าแทนที่จะหายป่วยไข้กลับทุกข์ทรมานซ้ำหนักกว่าเดิม  

           เช่นเดียวกับใครที่อยากจะเข้าไปสัมผัสป่าลี้ลับคำชะโนดก็ต้องสำรวม และปฏิบัติตามข้อห้ามอื่นๆ  เป็นต้นว่า ห้ามใส่รองเท้าทั่วทั้งบริเวณป่า หมวก แว่นตา ร่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ห้ามเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้คือการดูถูกดูหมิ่นต่อผู้ปกปักรักษาผืนดิน  

           " แต่ก่อนห้ามใส่เสื้อสีแดงด้วย ไม่ได้เลยนะ ใครใส่เข้ามานี่เป็นเรื่อง อยู่ไม่ได้นานหรอก ต้องรีบออกไป ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนท่านไม่ชอบ  แต่พอหลวงปู่ (หลวงตาคำ สิริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดศรีสุทโธ วัดละแวกป่าคำชะโนด) ได้ทำพิธีขอยกเว้นตอนหลังก็ใส่ได้" ทองหล่อ ตลิ่งชัน กำนันตำบลวังทอง กล่าว  

           ความเชื่อเรื่องพญานาคของคนที่นี่นั้นอาจไม่แตกต่างจากชาวหนองคายที่เชื่อว่าพญานาคมีจริง บั้งไฟพญานาคเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเจ้าแห่งเมืองบาดาล ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ธรรมดาเหมือนเมื่อครั้งถูกนำเสนอผ่านหนัง รวมถึงสื่อทีวีบางช่องเมื่อหลายปีก่อนโน้น ชาวบ้านละแวกป่าคำชะโนดก็คล้ายกัน พวกเขาสร้างทางเดินที่เชื่อมจากโลกภายนอกกับผืนป่าอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไว้ด้วยรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียร นอนเลื้อยยาวไปจนสุดทางเดินราว 300 เมตร เพื่อสะท้อนถึงพลังอำนาจ และบารมีของพญานาคราช  

           กระทั่งในวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านก็มีความเชื่อว่าเป็นวันที่พญานาคจะขึ้นมาหายใจ ดวงไฟสีแดงที่ผุดกลางบ่อน้ำแล้วลอยขึ้นท้องฟ้า (คล้ายๆ  กับบั้งไฟพญานาคผุดกลางลำน้ำโขงที่ จ.หนองคาย) นั่นละคือ ลมหายใจพญานาค โดยชาวบ้านเชื่อว่าใครเห็นจะเป็นบุญของชีวิตเลยทีเดียว

           ป่าคำชะโนด... ยังมีเรื่องเล่าอีกนับไม่ถ้วน ทั้งที่สร้างความรู้สึกชวนขนหัวลุก  และตื่นเต้นเสียวสันหลัง เชื่อหรือไม่เชื่อนั้นแล้ว แต่วิจารณญาณส่วนบุคคล หรือคุณจะลองไปพิสูจน์...?

http://hilight.kapook.com/view/17125
electron approve [ 10 พ.ย. 2550 00:24:11 ]
ความคิดเห็นที่: 2
น่าสนใจทีเดียวนะครับ สำหรับกลุ่มกระผม อิอิ แล้วค่อยว่ากัน
ฉลามเสือ approve [ 10 พ.ย. 2550 00:28:28 ]
ความคิดเห็นที่: 3
โห.....อ่านแล้วทึ่งมากค่ะ  อ่านแล้วก็ต้องพิจารณาให้ดีน่ะค่ะ(ความเชื่อส่วนบุคคล)
เด็กช่างฝัน approve [ 10 พ.ย. 2550 09:27:23 ]
ความคิดเห็นที่: 4
กะไว้ว่ากลับจากอุดรฯ จะลองค้นเรื่องต้นชะโนดดู แล้วก็ลืมไปเลย จนมาเจอกระทู้นี้เลยนึกขึ้นได้

แต่สุดท้ายลุงกู๋ก็ไม่มีคำตอบว่า ต้นชะโนด มันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าอะไร เลยชักจะสงสัยแล้วว่า ตกลงมันมีใครได้ศึกษาทางพฤกษศาตร์พรรณไม้วงศ์ปาล์มชนิดนี้แล้วหรือยัง มีการบรรยายลักษณะ ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์แล้วหรือไม่กันแน่

ว่า แต่คคห.แรก ทำไมคุณ electron ถึงลงท้าย "ค่ะ" ไปเสียแล้ว
นกกินเปี้ยว approve [ 10 พ.ย. 2550 15:50:36 ]
ความคิดเห็นที่: 5
ผมคนนึงหละที่ไม่ไป เคยประสบมาแล้ว ไม่ขอเห็นอีกครับ เครียด
conti approve [ 10 พ.ย. 2550 19:05:28 ]
ความคิดเห็นที่: 6
น่าจะมีสัตว์ให้สำรวจนะครับ กลัวถ่ายไปติดอะไรอื่นนี่สิ บรื๋อ
GreenEyes approve [ 10 พ.ย. 2550 21:28:17 ]
ความคิดเห็นที่: 7
ตอนไปอุดรก็อยากไปอยู่  แต่ท่านๆ ที่ให้ผมติดไปเที่ยวด้วย เขาเคยไปกันแล้วเมื่อหลายปีก่อน เลยไม่ไปอีก อดเลย
นกกินเปี้ยว approve [ 11 พ.ย. 2550 14:24:38 ]
ความคิดเห็นที่: 8
ผมว่าน่าจะเป็นต้นค้อ ที่เป็นที่มาของชื่อเขาค้อครับ
ตอนที่ไปเคยวิเคราะห์กันคนที่พอรู้บอกมาก็เลยบอกต่อไม่รู้ถูกผิดยังไงนะครับ
ช้าง [ 11 พ.ย. 2550 14:52:41 ]
ความคิดเห็นที่: 9
Lavistonia sabirus Palm=Kor
waterpanda [ 11 พ.ย. 2550 17:51:36 ]
ความคิดเห็นที่: 10
เรื่องราวทั้งหมดกระผมเอามาจากที่อ้างอิงไว้ขอรับ มิได้ปรับเปรียบจากของเดิมขอรับคุณนกกินเปี้ยว  ก็เลยมี"ค่ะ"
electron approve [ 11 พ.ย. 2550 19:07:10 ]
Nature__reply_52907.jpg
ความคิดเห็นที่: 11
ภาพประกอบครับ ภายนอกเป็นทุ่งนา
kitti approve [ 12 พ.ย. 2550 12:49:19 ]
Nature__reply_52909.jpg
ความคิดเห็นที่: 12
บนเกาะมีต้นค้อหนาแน่น น่าจะเป็นกลุ่มใหญ่สุดในประเทศไทยในสกุลนี้
kitti approve [ 12 พ.ย. 2550 12:51:08 ]
Nature__reply_52910.jpg
ความคิดเห็นที่: 13
เป็นดงทึบ
kitti approve [ 12 พ.ย. 2550 12:51:58 ]
Nature__reply_52913.jpg
ความคิดเห็นที่: 14
ภายในสภาพเป็นป่าพรุที่ค้อสกุลนี้ชอบ
kitti approve [ 12 พ.ย. 2550 12:53:24 ]
Nature__reply_52914.jpg
ความคิดเห็นที่: 15
 แต่ละต้นสูงเสียดฟ้า  และบางต้นก็ตาย(เพราะอายุขัย)
kitti approve [ 12 พ.ย. 2550 12:57:59 ]
Nature__reply_52915.jpg
ความคิดเห็นที่: 16
ต้นเล็กของ ค้อ sabirus  น่าแปลกที่พบต้นอ่อนเละต้นเล็กน้อยมาก  และเมล็ดจำนวนมากเล็กฝ่อลีบ
kitti approve [ 12 พ.ย. 2550 13:02:05 ]
Nature__reply_52919.jpg
ความคิดเห็นที่: 17
ทางวัดทำสะพานข้ามไป ส่วนเรื่องลึกลับนั้น ผมเองเก็บเมล็ดมากำหนึ่ง ก็บอกๆ ขอๆ ไป มาเพาะไม่ขึ้นแฮะ  แต่คนข้างๆ นอนฝันว่ามีคนมาบอกว่า(อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ ฮา) นาคฝั่งไทยมีหัวเดียว นาคฝั่งลาวมีเจ็ดหัว อันนี้เล่าให้ฟังสนุกๆ นะครับ
kitti approve [ 12 พ.ย. 2550 13:14:02 ]
ความคิดเห็นที่: 18
บ้านนี้ผีดุ..มีข่าวกันหลายรอบ..เปรต สงสัยความสูงของต้นค้อนี่แหละเหมือนเปรตมั้งครับ ปกติลูกปาล์มจะขึ้นได้ง่าย แต่ทำไมลูกค้อขึ้นได้ยากมาก เมล็ดมักจะลีบแบนหมดครับ ทะลายนึงมาไม่กี่เม็ดที่อวบใหญ่จนแก่พอขยายพันธุ์ได้ เกรงว่าจะต้องอาศัยเกสรข้ามต้นเหมือนพวกสละ หรืออย่างไรไม่ทราบเหมือนกันครับ
Fisher approve [ 12 พ.ย. 2550 13:59:37 ]
ความคิดเห็นที่: 19
น่าจักลองให้ลุงหอยชวนอาจารย์เบบี๋ไปสำรวจเก็บตัวอย่างดูนิ
ampelisciphotis approve [ 12 พ.ย. 2550 15:53:11 ]
ความคิดเห็นที่: 20
สภาพบรรยากาศแบบนี้ น่าจะมีตัวอะไรอยู่ในนั้นบ้างนะ
ไอ้ลูกทุ่ง approve [ 12 พ.ย. 2550 21:35:42 ]
ความคิดเห็นที่: 21
กลัวแล้วล่ะ เหอๆ
 อันที่จริงการที่คนเราเชื่อ และเกรงกลัวสถานที่แบบนี้ก็มีส่วนดีนะคะ จะได้มีที่ป่าอุดมสมบูรณ์สืบไป
 เพราะไม่มีใครกล้าบุกรุก
baitan approve [ 13 พ.ย. 2550 00:26:14 ]
ความคิดเห็นที่: 22
ได้ยินเรื่องราวมานานแล้ว  แม้อยู่ใกล้ๆ   แต่ยังไม่เคยไปยลเลยเห็นทีจะต้องหาโอกาสไปสักครั้ง  มาอุดรฯ  ครานั้น คุณนกกินเปี้ยวไม่ยักบอกว่าอยากไปมิฉะนั้นคงได้ไปเยือนทั้งสองคน
ลำพะเนียง approve [ 13 พ.ย. 2550 08:04:22 ]
ความคิดเห็นที่: 23
ก่อนหน้าจะฟื้นตัวกลับมา ถูกการพัฒนาทำให้พืนที่แถบนั้นแห้งไปครั้งหนึ่งแล้ว  แต่โชคดีที่คนที่นั่นเขาไหวตัวทัน เลยพยายามทำให้กลับเป็นดังเดิม ป่าคำชะโนดเลยรอดฟื้นตัวขึ้นมาได้
นกกินเปี้ยว approve [ 13 พ.ย. 2550 08:32:40 ]
ความคิดเห็นที่: 24
อาจารย์ลำพะเนียงกับน้องนกกินเปี้ยวจะไปกันเมื่อไหร่อย่าลืมชวนผมกับ Phuphania นะครับ
หอยงวงท่อ approve [ 14 พ.ย. 2550 11:44:31 ]
ความคิดเห็นที่: 25
แล้วคุณนกกินเปี้ยวจะได้มาอุดรฯ  อีกเมื่อไหร่ล่ะเนี่ยจะได้ไปง่ายไหมเอ่ย  เอาเป็นว่าหากคุณหอยงวงท่อกับคุณ Phuphania พร้อมเมื่อไหร่ก็มาอุดรฯ ได้เลยครับ แล้วค่อยไปพร้อมกัน
...แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 2550 04:26:59
ลำพะเนียง approve [ 15 พ.ย. 2550 04:22:19 ]
ความคิดเห็นที่: 26
ใช่ครับ อย่ารอผมเลย คงอีกนานโขครับ ที่ได้ไปอุดรเที่ยวนี้ก็ด้วยอานิสงค์ของโครงการ BRT นี่แหละครับ ไปเองมีปัญหาทั้งเรื่องลา  และค่าใช้จ่าย
นกกินเปี้ยว approve [ 15 พ.ย. 2550 08:29:59 ]
ความคิดเห็นที่: 27
อยากไปดูสถานที่จริงจังเลยน้อ
ยายอ้วน approve [ 18 พ.ย. 2550 13:55:01 ]
ความคิดเห็นที่: 28
มีโอกาสก็แวะไปเที่ยวนะครับคุณยายอ้วน  ผมก็ยังไม่เคยไปเลยตอนนี้ก็นัดแนะกับพี่ชายไว้เหมือนกันพอดีพี่ชายเคย ทำงานอยู่บ้านดุง  ว่างๆ ก็จะให้เขาพาลุยสักวัน
ลำพะเนียง approve [ 19 พ.ย. 2550 03:25:56 ]
ความคิดเห็นที่: 29
ปลายเดือน พ.ย. นี้จะไปขอนแก่นค่ะ
แต่ยังไม่รู้ว่าจะมีเวลาแวะไปบ้านคุณลำพะเนียงหรือเปล่า
ยังไง ยายอ้วนจะบอกให้ทราบก่อนวันไปนะคะ
ยายอ้วน approve [ 19 พ.ย. 2550 14:02:56 ]
ความคิดเห็นที่: 30
รับทราบครับคุณยายอ้วน
ลำพะเนียง approve [ 19 พ.ย. 2550 20:42:25 ]
ความคิดเห็นที่: 31
น่าสนใจนะคะเพราะบ้านbeebingก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากอุดรหรอกค่ะเคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน  มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าคำชะโหนดอีกเยอะเลยค่ะ (เคยผ่นบ่อยๆ  และได้ยินเรื่องเล่าไม่เคยแวะไปดูสถานที่จริงซักที)
beebing approve [ 22 พ.ย. 2550 19:27:12 ]
ความคิดเห็นที่: 32
[email][/email]       พวกไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะจ๊ะ ระวัง...เจอดี[color=Red][/
Aui [ 09 มี.ค. 2551 21:05:11 ]
ความคิดเห็นที่: 33
ไม่เชื่อก็อย่าลองของดีกว่า
วัด มีโบสถ์ [ 23 มี.ค. 2551 17:47:40 ]

- ปิดกระทู้ -

www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org