: Home : Board : Articles : Expeditions : About us : Privacy Policy :

 


เขื่อนวชิราลงกรณ์ตั้งอยู่บริเวณป่าฝนที่ชุ่มช่ำ

ปลาเสือข้างลายหากินอยู่ริมตลิ่ง อีกภาพที่ผมเห็นจนชินตา  

ฝูงปลาซิวหางแดง และปลาซิวหางกรรไกร หากินกันอยู่ริมกอสาหร่าย  

ฝูงไอ้ป๊อกหรือลูกปลาชะโดที่มีให้เห็นพอสมควรในหน้าทำรังวางไข่  

ทุ่งน้ำท้วมที่แม่น้ำบีคี่  

ปลาหม้อช้างเหยียบขึ้นมาวางไข่ และนอนพักอยู่เต็มไปหมด  

ฝูงปลาซิวหางกรรไกรมาออกันที่ปากห้วยที่จะขึ้นไปสู่ทุ่งน้ำท้วม  

ปลาซิวกาญจนบุรีก็มาเหมือนกัน  

พาคุณดำดิ่งลงใต้น้ำชมฝูงปลาเสีอข้างลาย และปลาซิวกาญฯ กับ VDO 28 วินาที (ใช้เวลาโหลดประมาณ 15 นาทีด้วย 56 K. Modem)  

นกกาบบัว นกน้ำขนาดใหญ่ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยยังพบได้ในแม่น้ำบีคี่  

แพที่พักของเจ้าหน้าที่กรมประมงในแม่น้ำบีคี่  

ต้นฝนที่แม่น้ำรันตีตอนล่าง พื้นดินรอบๆ น้ำเคยท้วม ทำให้ต้นไม้ตายหมด  

เมื่อไม่มีรากต้นไม้ใหญ่ยึดเหนี่ยว ดินก็ถล่ม  

เมื่อไม่มีดิน ไม้ใหญ่ก็โค่น  

ปลากระสูบขนาดใหญ่ที่ตกได้ตอนต้นฝน  

กลางฝนต้นแม่น้ำรันตี ยังมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นริมแม่น้ำ  

วัดกองหม่องทะแทรกตัวอยู่ในดงไม้ที่ร่มรื่น  

ท่าน้ำหมู่บ้านกองหม่องทะ ภาพนี้ถ่ายจากบนสะพาน  

แค่นี้ก็สนุกแล้ว  

บ้านชาวเกรี่ยงยกใต้ถุนสูง กันน้ำท้วม และสัตว์ต่างๆ  

ไกด์เพียบ!  

ผ่านทุ่งนาเชิงเขา ที่นี่ปลูกข้าวไร่ที่แสนจะอร่อย  

เฟิร์นต้นเล็กๆ ที่ขึ้นอยู่บนหิน  

ในดงไม้ด้านหลัง คือทีลอซูน้อย ด้านหน้า คือหมายจับปลา  

ปลาค้อสายพันธุ์ที่ชอบอยู่ตามต้นน้ำ โปรดสังเกตุสีปลาเหมือนกับสีหินข้างล่างเด๊ะเลย  

พื้นเป็นทราย และกรวดหินปูนเล็กๆ น้ำวัดค่า pH ได้ถึง 8.5  

นี่แหละครับน้ำตกกองหม่อง "โย้ววววววว"  

อีกสักภาพ สังเกตุละอองที่ลงมาหนามากๆ  

ดอกเทียนป่าสีสวยพบขึ้นอยู่ริมลำธาร  

ดอกกระเจียวสีชมภู ที่พบได้ทั่วไปในป่าแห่งนี้  

ดอกกระเจียวสีส้ม แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าผืนนี้  

ดอกไม้ป่าสีม่วงสดใสที่พบมากที่นี่  

ช้าง ช้าง ช้าง แต่ก่อนลากไม้ เดี๋ยวนี้ให้คนขี่เล่น  

ฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าจะต้องพิชิตให้ได้  

ความน่าจะไป (ซีไม่ไร้ แต่ใจรัก)

บ่น/เล่า/ภาพ นณณ์ ผาณิตวงศ์

18 กันยายน 2545

บทเริ่ม

เสาร์อาทิตย์นี้ฉันว่าง (จริงๆ แล้ววันเสาร์อาทิตย์มันก็ควรจะว่างทุกอาทิตย์อ่ะนะ แต่บางครั้งการงานมันก็ตามมารุมเร้าอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่ถ้าฉันว่างฉันก็จะออกต่างจังหวัดไปเที่ยวธรรมชาติหรือบางครั้งฉันก็ขี้เกียจไปไหนอยู่บ้านเที่ยวจตุจักรก็ดีเหมือนกัน แต่สุดสัปดาห์นี้ ท่านพ่อ และท่านแม่ชวนฉันไปเที่ยวแพที่สังขละบุรีกัน จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นอะไร เราไปที่นี่กันบ่อยมาก ไปกันมาเป็น 10 ปีแล้วโดยที่ไม่เคยเบื่อเลย พ่อของฉันมาแถวนี้ตั้ง แต่ยังไม่สร้างเขื่อน ตอนนั้นท่านมาทำแร่แถวเหมืองปิล๊อก ท่านว่าทำกิจการเจ๊งครั้งแรกก็ที่นี่แหละ พร้อมกับบทเรียนการเจ๊งในครั้งนั้น พ่อฉันก็ได้มี เพื่อนสนิทมิตรสหายอยู่แถวนี้มากมาย พอเริ่มสร้างเขื่อนใหม่ๆ เพื่อนๆ ก็เลยชวนท่านมาเที่ยว ตอนนั้นฉันก็ติดสอยหอยตามมาด้วย สมัยก่อนปลาเยอะมาก อยู่บนแพนี่แหละตีเหยื่อปลอมออกไปก็ได้ตัวแล้ว จริงๆ แล้วฉันว่าครอบครัวฉันอาจจะเป็นคนกลุ่มแรกที่เอาเบ็ดฝรั่ง และเหยื่อปลอมทำด้วยเหล็กมาตกปลาแถวนี้นะ

แต่ก่อนฝูงปลากระสูบว่ายกันให้พลุกพล่านไปหมด ก้มลงไปใต้แพก็เจอตัวแล้ว แต่ก่อนหลังแพเป็นชายฝั่งที่มีสาหร่ายหางกระรอกขึ้นรกๆ ฉันชอบพายเรือท้องแบนลำเล็กไปดูปลาตรงชายสาหร่าย จริงๆ แล้วพายไม่เป็นหรอก เลี้ยวซ้ายทีขวาที ต้องยกไม้พายข้ามไปข้ามมาเรือถึงจะไป ฉันเห็นชาวบ้านพายอยู่ข้างเดียวได้ตั้งไกล จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทำกันยังไง เพราะฉันหันมาพายคายัคซ่ะแล้ว กลับมาที่ชายสาหร่ายดีกว่า ตรงนี้จะเป็นจุดที่น้ำใสเอามากๆ เลย ปลาเล็กปลาน้อยว่ายเข้าออกเต็มไปหมดที่มีเยอะๆ ก็เห็นจะเป็นพวกปลาซิว ทั้งซิวหางแดง และซิวหางกรรไกร ฉันจำได้ว่าตื่นเต้นมากตอนที่เห็นปลาเสือสุมาตราเป็นครั้งแรก พวกเค้าเป็นปลาที่ฉันเคยเลี้ยงในตู้มาก่อน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาเจอตัวจริงในธรรมชาติ ฉันมารู้ตอนหลังว่าพวกเค้าไม่ใช่ปลาเสือสุมาตรา แต่เป็นปลาเสือข้างลายของไทย แต่ก็เอาเถอะถึงเรียกชื่อผิดไปบ้าง แต่เจตนาก็ไม่เปลี่ยนแปลง ปลาอีกตัวที่ฉันชอบมาก คือปลาแรด ใครไม่เคยเห็นปลาแรดในธรรมชาติไม่มีวันรู้หรอกว่าพวกเค้าสวยแค่ไหน ท้องออกเป็นสีส้มๆ ตัวสีแดงเลือดนก สวยมาก เวลาเอามาเลี้ยงทำยังไงสีก็ไม่สวยขนาดนั้น ใช่แล้วหล่ะฉันเคยพาพวกเค้ากลับบ้านมาเลี้ยงในตู้ที่บ้านในเมืองใหญ่ พวกเค้าเชื่องมากๆ เลยนะ เวลาฉันเดินผ่านตู้ก็จะคอยว่ายมาขออาหาร สายตาที่มองนั้นสื่อความหมายกันได้ทีเดียว ถ้าพวกเค้าออกมาจากตู้ได้ คงเล่นกันได้เหมือนลูกหมาเลยหล่ะ ตากลมโตของพวกเค้าส่อแววฉลาดเอามากๆ เลย นอกจากในตู้แล้วฉันมีปลาแรดอีกตัวที่เลี้ยงไว้ในอ่างบัวด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าไปเอาเค้ามาตอนตัวเล็กนิดเดียวเอง สักเล็บนิ้วก้อยได้มั๊ง เห็นเค้าแอบๆ อยู่ตรงสาหร่ายริมแพเลยเอาแก้วไปตักมา  กลับมาบ้านก็เทเค้าลงไปในอ่างบัวใบใหญ่ของพ่อแล้วก็ลืมเค้าไปเลย มารู้ตัวอีกทีก็เป็นวันที่พี่เลี้ยงมาบอกว่ามีปลาตัวใหญ่อยู่ในอ่างบัวด้วยหล่ะ วันนี้เค้าเปลี่ยนน้ำแล้วไปเจอเข้า ฉันนึกอยู่นานถึงนึกออกว่าคงเป็นเจ้าปลาแรดตัวน้อยตัวนั้นแน่ๆ เค้าโตขึ้นมาได้ยังไง เค้าหากินอะไรในอ่างบัวบ้างฉันไม่รู้หรอก แต่ในนั้นคงอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว เพราะตอนเย็นวันนั้นตอนที่ฉันเอาอาหารเม็ดๆ สีแดงสีเขียวไปให้เค้ากิน เค้าโผล่ขึ้นมาตัวเกือบฝ่ามือแล้ว ฉันงงเอามากๆ ว่าเค้าตัวโตขนาดนั้นขึ้นมาโดยไม่มีใครให้อาหารได้ไง นับ แต่นั้นมา เค้ากับฉันก็กลายเป็น เพื่อนเล่นกันไป ฉันสอนให้เค้าขึ้นมางับเศษเนื้อที่ฉันถือไว้ห่างจากผิวน้ำตั้งเยอะเค้าก็ทำเป็น อ่างบัวอ่างนั้นกลายเป็นบ้านของเค้าไปโดยสมบูรณ์ เพราะแม้ แต่เจ้าหมาจอมซนทั้งหลายที่ไปกินน้ำในอ่างบัวก็โดนเค้าตอดลิ้นเอาจนสะดุ้งโหยงกระโดดตัวลอยทั้งสี่ขา เอาเป็นว่าทุกตัวเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าห้ามกินน้ำในอ่างบัวอ่างที่ 3 เด็ดขาด จริงๆ แล้วนอกจากลิ้นหมา เค้าก็ตอดทุกอย่างแหละ จำได้ว่าฉันเคยแกล้ง เพื่อนให้เอานิ้วแหย่ลงไปในบ่อว่าน้ำมันเย็นรึเปล่า เพื่อนคนนั้นโดนเจ้าปลาแรดตอดนิ้วร้องจ๊ากลั่นบ้าน ฉันตลกแทบตาย นึกแล้วยังจำท่าทางของเจ้านั่นได้เลย ถึงแม้ว่าฉันจะจำไม่ได้ แล้วว่าเป็น เพื่อนคนไหน แต่ท่าทาง และเสียงร้องยังจำได้ติดตา ปลาแรดทั้ง 2 อยู่กับฉันหลายปี จนเค้าเริ่มโตเกินไปที่อยู่ในตู้ และในอ่างบัวแล้ว วันนึงฉันเลยพาเค้าทั้ง 2 ไปปล่อยที่บ่อในสวนลุมพินี ตอนนั้นจับเค้าใส่ถังพลาสติกขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไปกับพี่เลี้ยง หิ้วถังกันหลังแอ่นเลยกว่าจะไปถึง ฉันเทเค้าลงไปในบ่อ บอกลาแล้วก็กลับบ้าน ไม่มีน้ำตาให้กับ เพื่อนที่คงจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันอีก ฉันเชื่อว่าพวกเค้าคงชอบบ้านใหม่ จริงๆ แล้วฉันน่าจะปล่อยพวกเค้าคืนที่เขื่อนบ้านเกิดของพวกเค้า แต่ฉันกลัวว่าเค้าจะโดนจับไปกินนะสิ ทุกวันนี้ฉันไม่กินปลาแรด และจะไม่กินตลอดไปไม่ว่าใครจะบอกว่าอร่อยแค่ไหนก็ตาม ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ฉันไม่กินหมานั่นแหละ ฉันจะกิน เพื่อนลงได้ยังไง

วันนี้เขื่อนเขาแหลมเปลี่ยนไปมากแล้ว แม้ แต่ชื่อก็เปลี่ยนแล้ว ทุกวันนี้เขื่อนเขาแหลมใช้ชื่อ เขื่อวชิราลงกรณ  ตอนที่ฉันมาแรกๆ เขื่อนเต็มไปด้วยต้นไม้ยืนตายซากโด่เด่ไปหมด ขับเรือไปไหนก็ยังต้องขับตามร่องน้ำเก่าอยู่ ตามต้นไม้ยังต้องมีป้ายลูกศรบอกอยู่เลย ใครหลงทางก็แย่เลยหล่ะ จำได้ว่าต้นไม้บางต้นมีสีขาวพ่นกากบาทไว้ ฉันถามพ่อว่าเค้าพ่นกันไว้ทำไม พ่อบอกว่าพวกนี้เป็นไม้เนื้อดีเค้ากากบาทไว้จะได้ตัดนำไปใช้ประโยชน์ดีกว่าที่จะปล่อยให้ผุพังไปเฉยๆ ตอนนั้นป่าขอบอ่างก็สมบูรณ์มาก ฉันเคยเห็นเก้ง และหมูหริ่งว่ายข้ามน้ำ บนฟ้าฝูงนกกาฮังก็บินข้ามหัวเราไปมาทุกเช้าเย็น พวกเค้าตัวใหญ่มาก บางทีก็บินกันเป็นรูปตัววีเหมือนที่ฉันเห็นในหนังสือภาพของฝรั่งเลย แต่ในหนังสือนั่นเป็นห่านนะ ฉันอ่านไม่ออกหรอกแม่อ่านให้ฟังหน่ะ นึกกลับไปอีกทีตอนนั้นฉันมีหนังสือเกี่ยวกับสัตว์เต็มเลย จำได้ว่าเล่มแรกที่ขอให้แม่ซื้อเป็นหนังสือเกี่ยวกับเหยี่ยว เป็นหนังสือปกแข็งรูปสีสวยๆ แต่เป็นภาษาอังกฤษนะ ฉันอ่านไม่ออกหรอก ตอนนั้นโดเรมอนยังอ่านไม่ออกเลย  ฉันอ้อนให้แม่ซื้อให้อยู่นาน จำไม่ได้ แล้วว่าแผลงฤทธิ์อะไรไปบ้าง แต่ในที่สุดแม่ก็ซื้อให้โดยให้ฉันสัญญาว่าฉันต้องอ่านนะ ฉันหอบหิ้วหนังสือเล่มใหญ่กลับบ้านเฝ้าเปิดดูรูปต่างๆ แล้วในที่สุดก็เบื่อก็ลืมไป เจอเล่มใหม่ก็งอแงให้แม่ซื้อให้อีก จนอีกหลายปีต่อมาฉันเริ่มอ่านออกเขียนได้ และเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ฉันเจอหนังสือเหยี่ยวเล่มนั้นอีกครั้ง ฉันพยายามเอามาอ่าน แต่ก็ไม่รู้เรื่อง มี แต่ศัพท์ยากๆ ทั้งนั้น ฉันเปิดดิกชันนารีแล้วเขียนคำแปลไว้ให้พร้อยไปหมด แต่ในที่สุดก็ต้องยอมเลิกลา หนังสือเล่มนั้นก็ถูกเก็บไปอีกครั้ง.....วันนั้นฉันเพิ่งกลับมาจากมหาลัย จำไม่ได้ แล้วว่าฉันจะหาหนังสือเล่นไหนถึงไปค้นในลิ้นชักนั้น แต่ที่ฉันจำได้ คือฉันเจอเจ้าหนังสือเหยี่ยวเล่มนั้นอีกครั้ง ฉันหยิบเค้าขึ้นมาเปิดอ่านทุกตัวอักษรตั้ง แต่ปกหน้าจนถึงปกหลัง ฉันอ่านไปน้ำตาคลอไป นึกไปถึงวันนั้นที่ให้สัญญากับแม่ไว้ ถึงจะเป็นอีกหลายปีต่อมาฉันก็ได้ทำตามสัญญาแล้ว   เย็นวันนั้นฉันข้าไปกอดแม่ เอาหนังสือเล่มนั้นให้แม่ดูบอกแม่ว่าฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วนะ แม่พยักหน้า แม่คงจำไม่ได้หรอก ว่าแม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนรักการอ่านด้วยหนังสือเล่มนี้

กลับไปที่แพกันดีกว่า นกกาฮังกำลังบินผ่านไป ฉันมองแหงนคอตั้งบ่าจนพ่อแหย่ว่าระวังจะโดนเค้าอึลงมาใส่ตาบอด ตั้ง แต่นั้นมาฉันก็เลยมองนกกาฮังเฉียงๆ หน่อย อีกเรื่องที่ฉันจำได้ดี คือวันที่มีกะเหรี่ยงคนหนึ่งนำนกหกปากแดงตั้ง 57 ตัวมาขาย น่าแปลกที่ฉันยังจำตัวเลขนี้ได้จนถึงทุกวันนี้ เค้าจับนกใส่ชะลอมที่สานด้วยไม้ไผ่อย่างลวกๆ มา ฉันขอให้แม่ซื้อให้ แม่ฉันก็ใจดีซื้อเหมามาหมดเลยทั้ง 57 ตัว ตัวละ 7 บาท คูณเอาเองนะ ฉันเอาพวกเค้ามาเลี้ยงในกรงไม้ไผ่ที่ให้พี่ๆ ทำขึ้นมาอย่างลวกๆ ในวันนั้นเลย คอยให้น้ำให้กล้วย ตอนที่ฉันไม่ได้มาก็มีคนคอยเอาให้ ฉันกลับมาอีกทีนกตายไปหลายตัว จำไม่ได้หรอกว่ากี่ตัว แต่ก็มากพอที่จะ ทำให้ฉันเค้าใจว่าพวกเค้าไม่ชอบชีวิตในกรงแบบนี้  แม่แนะนำว่าให้ปล่อยพวกเค้าไปดีกว่าฉันพยักหน้า

วันนี้ฉันกลับมาที่แพอีกครั้ง ต้นไม้ต่างเน่าเปื่อยผุพังไปตามกาลเวลาเหลือ แต่ต้นตาลต้นเดี่ยวที่ยืนกลางน้ำมาหลายปีเต็มที ป่ารอบๆ เขื่อนก็กลายเป็นไร่เป็นนาไปเกือบหมด ส่วนนกกาฮัง ฉันไม่เห็นบินผ่านแพฉันหลายปีแล้ว ปลากระสูบก็หาไม่ได้ง่ายๆ แล้ว ตกกันทั้งวันบางทีไม่ได้สักตัวเดียว สังขละบุรีวันนี้มีถนนลาดยาง และคอนกรีตเข้ามาจนถึงหน้าแพ ผู้คนก็มากหน้าหลายตา ต่างคนต่างดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ ปลาเล็กปลาน้อยถูกจับด้วยยอตาถี่อย่างกับมุ้ง ปลาใหญ่ก็ถูกระเบิดบ้าง ช็อตบ้าง ที่รอดไปจนถึงหน้าวางไข่ก็โดนตะคัดที่ขึงขวางลำน้ำหลายรอบดักไปนอนอยู่ที่ตลาดหมด ปลาช่อนปลาชะโดที่มีลูกต้องดูแล ถูกนักตกปลามาตกไป เพื่อถ่ายรูป วันนี้มีหลายท่านที่ตกปลากันอย่างเป็นเกมส์กีฬา ตกได้ก็ปล่อยไปฉันคิดว่ามันดีมาก นอกจากนั้นก็ยังมีโครงการนำลูกปลาชะโดกำพร้าที่พ่อแม่ถูกตกไปแล้วมาเลี้ยงในกระชังให้โตหน่อยพอให้ช่วยเหลือป้องกันตัวเองได้แล้วถึงปล่อยออกไป เป็นโครงการที่คิดขึ้นโดยน้าสงบแห่งแพมิตรสัมพันธ์ ใครผ่านไปผ่านมาก็แวะสมทบทุนด้วยเน้อ ค่าอาหารมันแพง ถึงแม้ว่าฉันไม่เห็นด้วยที่จะไปจับพ่อแม่ปลาตั้ง แต่ต้น แต่มีโครงการอย่างนี้ก็ยังดีกว่าไม่มีเอาเสียเลย

พูดถึงโครงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาที่ฉันเห็นประสบความสำเร็จที่สุดก็คงเป็นโครงการปิดต้นแม่น้ำบีคี่ของกรมประมง และโครงการปลูกป่าต้นน้ำของกรมป่าไม้ แม่น้ำบีคี่เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในแถบนั้นการปิดแม่น้ำไม่ให้มีการทำประมง ทำให้ปลามีโอกาสได้ทำรังวางไข่กันอย่างเต็มที่ ปลาเยอะมากๆ เลย เมื่อหน้าน้ำที่แล้วฉันเข้าไปดู ปลาเยอะถึงขนาดว่าคลื่นจากเรือที่แล่นไปสาดเอาปลาขึ้นฝั่งไปดิ้นกันระยิบระยับเลย วันนั้นฉันได้เห็นฝูงปลาหมอช้างเหยียบกระโจนขึ้นไปตามลำธารสายเล็กๆ ที่ด้านบนเป็นน้ำท่วมทุ่ง เพื่อขึ้นไปวางไข่ ปลาซิวหางกรรไกร ปลาซิวกาญจนบุรี และเสือข้างลาย เพื่อนเก่าของฉันก็มากับเค้าด้วย อดคิดถึงเรื่องเล่าสมัยที่แม่น้ำเจ้าพระยาท่วมทุ่งรังสิต ทุ่งลาดพร้าว ไม่ได้ ขนาดทุ่งเล็กๆ แห่งนี้ยังมีปลาเยอะขนาดนี้แล้วทุ่งใหญ่ๆ จะขนาดไหน ไม่นับฝูงสมันที่คงจะ และเล็มหญ้ากันอย่างสบายอกสบายใจ  กลับมาที่บีคี่นะ นอกจากปลาที่มากมายแล้วก็ยังมีนกกาบบัวฝูงใหญ่มาอาศัยอยู่ให้ปลื้มใจด้วยนะ แต่ก็อย่างว่าแหละราชการเมืองไทย ไม่เคยทำอะไรได้ดีเต็มร้อยสักที วันก่อนฉันแวะไปนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ของกรมประมงที่เฝ้าแม่น้ำอยู่ เค้าบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งปล่อยปลาลงไปหลายหมื่นตัว ฉันนั้นนึกชื่นชมอยู่ในใจจนกระทั่งพี่เค้าบอกว่าได้ปล่อยปลาใน ปลายี่สกเทศ และปลานิลลงไปด้วย เฮ้ยยย.....เจ้าพวกนี้มันเป็นปลาพื้นเมืองของไทยซะเมื่อไหร่หล่ะ ปล่อยลงไปก็ไปแย่งที่อยู่ แย่งอาหารปลาพื้นเมืองให้พาลได้ลำบากไปตามๆ กัน ยี่สกไทยนั่นจะสูญพันธุ์ก็ เพราะโดนยี่สกเทศแย่งที่อยู่ที่กินรึเปล่าก็ไม่รู้ บางทีกรมประมงก็ทำอะไรแปลกๆ อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะโครงการปล่อยปลาพวกนี้ พี่คนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าทางกรมฯเอาปลาตะเพียนไปปล่อยในแม่น้ำสาละวิน ซึ่งตะเพียนนี้ก็เป็นปลาจากลุ่มแม่น้ำภาคกลางไม่เคยพบอยู่ในแม่น้ำสาละวินสักหน่อย พอกรมฯเอาไปปล่อยเจ้านี่เกิดชอบขึ้นมา ตอนนี้ก็เลยขยายพันธุ์กันยกใหญ่ ทุกวันนี้ก็จับปลาตะเพียนในแม่น้ำสาละวินได้เพิ่มมากขึ้นจนน่ากลัวว่าปลาท้องถิ่นจะโดนผลกระทบไปอย่างหนัก ไม่รู้ว่าปลาไข่อองจะสู้เจ้าตะเพียนไหวรึเปล่า นี่เป็นแค่ตัวอย่างนะ กรมฯยังทำอะไรแปลกๆ แบบนี้อีกเยอะเลย ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมถึงไม่เข้าใจวิชาชีพของตัวเองแท้ๆ ผู้ใหญ่บางคนยังออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องปลาซัคเกอร์บุกแม่น้ำเจ้าพระยาว่าไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช้ปลากินเนื้อ เหอ เหอ พูดถึงซัคเกอร์แล้วก็ยังมี พาคู อีกตัว ก็เจ้าจาละเม็ดน้ำจืดที่กรมฯเค้าส่งเสริมให้เลี้ยงนั่นแหละ เป็นปลาโตเร็วเลี้ยงง่าย ใช่ แต่รสชาติไม่ได้เรื่องเลยก้างฝอยก็แปลกๆ เลี้ยงไปเลี้ยงมาเหลือโลละ 15 บาท ชาวบ้านบางคนยอมรับหน้าชื่นตาบานว่าปล่อยลงแม่น้ำไปหมดแล้ว เลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยดีกว่า ตอนนี้ก็เริ่มมีคนจับตัวใหญ่ๆ ได้ในแม่น้ำของเราแล้วนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก พวกนี้มันเป็นปลากินพืช.......  ร้องไห้ดีกว่า

อีกหน่วยงานของรัฐที่ตอนนี้กำลังทำตัวน่ากลัวมาก คือ กรมควบคุมโรคติดต่อ สังกัดกระทรวงสาธารณะสุข กรมนี้กำลังระดมปล่อยปลาหางนกยูงทั่วราชอานาจักรแล้วยังมีการยุยงส่งเสริมให้เอกชน และบุคคลทั่วไปช่วยเลี้ยงอีกต่างหาก ด้วยความที่ปลาหางนกยูงนั้นกินง่าย อยู่ง่าย เพาะพันธุ์ง่าย   และกินลูกน้ำซึ่งจะโตเป็นยุงลาย และยุงแปลกๆ อื่นๆ ซึ่งเป็นภาหะนำเชื้อโรคที่เป็นอันตรายถึงตายได้ กรมฯจึงนำปลาหางนกยูงไปปล่อยตามแหล่งน้ำต่างๆ มากมาย จะไปปล่อยตามท่อตามคูน้ำเน่าในเมืองฉันก็พอจะรับได้อ่ะนะ แต่นี่เล่นเอาไปปล่อยในแหล่งน้ำในเขตป่าสงวนฯ อย่างที่เขาใหญ่ เขาค้อ หรือที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ฉันเห็นปลาหางนกยูงว่ายอยู่ในลำธารกลางป่าแล้วก็งงๆ ว่าคิดได้ยังไง เกิดมาฉันช้อนปลามาก็มาก ยังไม่เคยช้อนลูกน้ำได้ในแหล่งน้ำที่มีปลาอาศัยอยู่สักที ยุงในป่ามันก็ไข่อยู่ตามแหล่งน้ำท่วมขังชั่วคราว ไม่มาไข่อยู่ในลำธารพวกนี้หรอก  แล้วป่ามันก็ คือป่ายังไงก็ต้องมียุง เหมือนกรุงเทพฯเป็นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำใหญ่ ยังไงน้ำก็ท่วม ไอ้การเอาปลาหางนกยูงไปปล่อยเนี่ย ไม่รู้มันไปแย่งอะไรต่อมิอะไรไปจากปลาท้องถิ่นบ้าง ถึงแม้มันจะตัวเล็กๆ แต่มันก็ร้ายไม่เบานะ อย่างน้อยปลาข้าวสารของเราแถวมหาชัยก็ยอมไปแล้วหนึ่งหล่ะ ที่ส่งเสริมให้เลี้ยงในกระถางพลูด่างด้วย ปลากัดไทยๆ ก็มี ก็ส่งเสริมไปสิ ปลาหางนกยูงมีดีอะไรหนักหนา ฉันละงงจริงๆ

กลับมาที่แพอีกแล้ว วันนี้พ่อแม่ และฉันนั่งคุยอยู่กับพี่ยุ ลูกน้องชาวมอญที่อยู่ด้วยกันมาตั้ง แต่เด็กจนตอนนี้เค้าเป็นพ่อลูก 2 ไปแล้ว ฉันเป็นคนตั้งชื่อเล่นลูกสาวคนเล็กให้เค้าด้วยซ้ำไป เรากำลังพูดถึงฤดูทอดกฐินปีนี้ พี่ยุบอกว่าวัดที่หมู่บ้านกองหม่องทะ อยากได้เครื่องปั่นไฟ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงพุทธที่สงบสุข ตัวหมู่บ้านเดิมอยู่ลึกเข้าไปในป่าต้นแม่น้ำรันตี แต่ก่อนต้องเดินผ่านป่าสลับไร่นาขนาดเล็กหรือไม่ก็ต้องนั่งเรือผ่านเกาะแก่งโขดหินเข้าไป ฉัน และพ่อเองก็เคยเกือบจะมาสิ้นชื่อที่แม่น้ำแห่งนี้เมื่อเราพยายามจะขึ้นไปสำรวจแม่น้ำในส่วนที่เหนือหมู่บ้านขึ้นไป ตอนนั้นเรือหางยาวของเราล่มกลางแก่งหินที่เชี่ยวกราก ฉันจำได้แม่นเลยว่าฉันรีบคว้ากล่องอุปกรณ์ตกปลาซึ่งเป็นกล่องพลาสติกอันใหญ่ลอยน้ำตีขาเข้าฝั่งก่อนจะหลุดลงแก่งได้อย่างหวุดหวิด ส่วนพ่อฉันนั้นคว้าไม้พายมาพยายามจะพยุงเรือไว้ แต่เมื่อเห็นว่าจมแน่ๆ แล้วจึงคว้าคันเบ็ดหลายคันติดมือออกมาก่อนจะสละเรือ วันนั้นฉันถึงฝั่งพร้อมกับกล่องอุปกรณ์กล่องใหญ่ ส่วนพ่อของฉันว่ายไปว่ายมาเหลือไม้พายมาอันเดียว คันเบ็ดหลุดมือหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้  เรานั่งงงๆ กันอยู่สักพักใหญ่จนคนที่หมู่บ้านกองหม่องทะเห็นเศษเรือของเราลอยผ่านหมู่บ้านไปจึงขึ้นมาช่วยเหลือ ฉันประทับใจกับความมีน้ำใจ และความซื่อสัตย์ของคนที่นี่มาก เพราะข้าวของๆ เราที่ไหลตามน้ำไปนั้น ชาวบ้านก็ช่วยกันดักเก็บไว้ให้ แม้กระทั่งไม้กระดานเรือที่หลุดลอยไปก็เก็บไว้ได้เกือบครบ หลังจากวันนั้นฉันก็ไปที่หมู่บ้านนี้อีกหลายหน เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็พ่อแม่ฉันนี้แหละที่ถวายเครื่องปั่นไฟให้วัดแห่งนี้ ถ้าให้ฉันนึกไปถึงการทอดกฐินครั้งนั้น ที่ฉันจำแม่นที่สุดก็คงเป็นตอนกินข้าว ใครก็ไม่รู้ทำแกงลูกชิ้นน้ำข้นคลั่กมาให้กินกัน ฉันยังนึกชื่นชมว่าบ้านป่าอย่างนี้อุตสาห์มีลูกชิ้นให้กิน ฉันงับลูกชิ้นที่ว่าเข้าไปเต็มๆ ฟันเฟินโยกไปข้างนึง ลูกชิ้นของฉันแข็งยังกะหิน ฉันมารู้ทีหลังว่านั่นมันลูกมะกอกต่างหาก ก็แหมมมมมน้ำแกงมันข้นเคลือบไว้หมดอ่ะ  ตอนนี้เครื่องปั่นไฟที่ว่าก็พังไปเรียบร้อยแล้ว ปีนี้พวกเราคงจะถวายเครื่องใหม่ให้กับทางวัด แม่บอกว่ามอบแสงสว่างให้วัด และหมู่บ้านแบบนี้เราจะได้มีจิตใจ และสมองที่สว่าง

พี่ยุหัวเราะบอกว่ามีเครื่องไฟแล้วหมู่บ้านป่านี้ก็ครบครันหล่ะ ทั้งน้ำประปาทั้งไฟฟ้า ฉันถามงงๆ ว่าหมู่บ้านมีน้ำประปาด้วยเหรอ พี่ยุบอกว่าบนเขาหลังหมู่บ้านมีน้ำตกใหญ่อยู่ 2 แห่ง ชาวบ้านนำท่อไปดักน้ำจากน้ำตกบนเขาแล้วต่อเข้ามาในหมู่บ้าน น้ำประปาที่นี้จึงไหลแรงตลอดปี ไปมาก็หลายหนฉันไม่เคยรู้เลยว่าภูเขาหลังหมู่บ้านมีน้ำตกด้วย จริงๆ แล้วพี่ยุเองก็ไม่เคยไปหรอก แต่จำเขามาเล่าอีกที เห็นพี่แกบอกว่าน้ำตกชื่อ น้ำตกกองหม่อง แปลว่าอะไรฉันก็ไม่รู้ แต่จำฉันจะต้องไปให้เห็นกับตาว่าน้ำตกนั้นสวยแค่ไหน เผลอๆ อาจจะมีปลาแปลกๆ ก็ได้

มาที่นี่เป็น 10 ปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่นี่ก็ยังมีอะไรให้ค้นหาจริงๆ วันรุ่งขึ้นฉันออกเดินทาง แต่เช้า เรือหางยาวสีเหลืองติดเครื่องแบบบ๊อกเซอร์ของมิตซูบิชิ เสียงดังตึกๆ ๆ ๆ ๆ ทึบๆ แหวกผืนน้ำยามเช้าที่นิ่งเรียบราวกับแผ่นกระจกเป็นตัววีขนาดใหญ่ พี่ยุขับช้าลงเมื่อเรามาถึงช่วงสะพานข้ามแม่น้ำรันตี ซึ่งเป็นจุดที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่บนแพกันเยอะพอสมควร คลื่นของเราจะไปรบกวนคนบนแพถ้าเราไม่เบาเครื่อง ผ่านตรงนั้นแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ต้นแม่น้ำรันตีกัน ตอนนี้เป็นหน้าน้ำ ถึงแม่น้ำจะไหลแรง แต่ก็ลึก ทำให้ขับง่ายไม่ต้องกลัวเรือเกยหิน คนขับชำนาญทางระดับพี่ยุไม่มีปัญหาอยู่แล้วฉันวางใจ

แม่น้ำแห่งนี้เปลี่ยนไปเยอะจากวันแรกที่ฉันได้พบกับเค้า แต่ก่อนสองข้างทางเป็นป่าดงดิบรกทึบดูน่ากลัว ฉันจำได้ว่าเคยเห็นเสือดำวอบแวบด้วยซ้ำไป ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าอะนะ แต่งูเหลือมตัวยาวหลายเมตรว่ายข้ามแม่น้ำ กะเหี้ยตัวเบ้อเร่อนอนอาบแดดอยู่บนหาดกรวดนี่ฉันเห็นกับตาแน่ๆ วันนี้สองข้างแม่น้ำกลายเป็นไร่เป็นสวนไปหมดแล้ว จากที่มีหญ้าพงขึ้นรกๆ ก็โดนถางเหี้ยนหมด พอไม่มีพืชคลุมดิน ตลิ่งที่เป็นดินปนทรายก็เลยพังไปเรื่อย ถมแม่น้ำที่พื้นเคยเป็นกรวดจนกลายเป็นพื้นทรายตื้นเขินจนเดี๋ยวนี้หน้าแล้งใช้เรือสัญจรไปมาแทบไม่ได้ แล้วใครเดือดร้อนตรงๆ ก็พวกชาวบ้านนั่นแหละที่ต้องลงเข็นลงลากเรือหรือไม่ก็ต้องเดินเอา ต้นไม้ใหญ่ๆ ที่ขึ้นอยู่ริมน้ำก็ถูกเซาะล้มไปปีๆ หนึ่งหลายต้น ต้นไม้ก็เสียดาย พวกพืชอิงอาศัยบนต้นไม้ก็น่าเสียดาย ฉันเสียดายต้นไม้ใหญ่ๆ สวยๆ พวกนี้มากๆ เลย   นอกจากใช้สัญจรไม่ได้แล้วนะปลาก็ไม่ชอบน้ำที่ตื้นเขินแถมพื้นเป็นทรายพวกนี้ ฉันเคยตกปลากระสูบ ปลาพลวง ปลาเวียน ในแม่น้ำรันตีได้เยอะแยะ แต่เดี๋ยวนี้ได้ปีนึงไม่กี่ตัวเฉพาะในช่วงน้ำหลากที่น้ำจะลึกขึ้นมาหน่อยพอให้ลืมบาดแผลไปได้บ้าง ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตรงนั้นมันเป็นเขตอนุรักษ์อะไรกัน เห็นชาวบ้านตัดโค่นต้นไม้กันโต้งๆ จนหมดป่า ป้ายติดว่า “เขตพื้นที่อุทยานฯ” ก็มีเต็มไปหมด บางทีต้นไม้ที่มีป้ายที่ว่าก็โดนโค่นเหมือนกัน ที่หนักกว่านั้น คือตอนนี้ชาวบ้านรับจ้างตัดป่าแล้วนะสิ ตัดเสร็จแล้วก็ขายที่ให้นายทุนเอาไปทำสวนยางที่ตอนนี้รัฐบาลกำลังประกันราคา และทำสัญญาตกลงบิดเบือนตลาดกับประเทศ เพื่อนบ้านของเราไง การตลาดนำนโยบาย เอาใจพี่น้องสวนยางชาวใต้ดีกว่า ไทยรักใคร?  ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้อีกหน่อยป่าต้นน้ำแห่งนี้คงถูกทำลายจนสิ้นเชิง สิ้นเชิง...ช่างเป็นคำที่น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้ ถ้าธรรมชาติซึ่งเป็นครูผู้สอนเชิงทุกอย่างให้กับมนุษย์ต้องมาโดนล้างครูจนสิ้นเชิง แล้วมนุษย์เองที่คอยแอบพักลักจำจากคุณครูผู้มี แต่ให้จะเหลืออะไร? 

หลังจากเอียงตัวช่วยกันเลี้ยวเรือผ่านแก่งใหญ่น้อยจนเอวแทบเคล็ด ฉันก็มาถึงท่าเรือหมู่บ้านกองหม่องทะโดยสวัสดิภาพ ไม่ได้มาซะนานวันนี้หมู่บ้านมีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำด้วยนะ พี่ยุบอกว่าพระท่านสร้างสะพานแห่งนี้ด้วยเงินกฐินปี 2540 เจ๋งดีอ่ะ ฉันขึ้นไปยืนบนสะพานที่แขวนอยู่เหนือแม่น้ำรันตี เห็นสาวกะเหรี่ยงกำลังจะข้ามก็ทำทีเป็นสุภาพบุรุษจะหลบให้ เธอเดินมาได้ครึ่งทางคงทนความหล่อของฉันไม่ไหว เลยหันหลังกลับไป เหอ เหอ ความหล่อที่สาวกะเหรี่ยงยังขวย เออ....แล้วน้ำตกอยู่ที่ไหนหล่ะเนี่ย?  อย่าบอกนะว่าอยู่บนเขาที่เห็นอยู่ลิบๆ โน่น ฉันลองถามพวก เด็กๆ ที่เล่นน้ำกันอยู่แถวนั้นดู ก็ได้ความว่าอยู่ไม่ไกลนัก แต่ต้องไปขึ้นท่าถัดไป พวกเด็กๆ บอกฉันว่าพวกเค้าไปเที่ยวเล่นกันบ่อยๆ ถ้าเด็กๆ ไปกันบ่อยๆ คงไม่ไกลนัก เด็กกะเหรี่ยงพวกนี้พูดไทยสำเนียงแปลกๆ แต่ก็จับใจความได้ชัดเจน พวกเค้าอาสาจะเป็นไกด์พาฉันไปดูน้ำตก ซึ่งฉันก็ยินดีมาก ตอนที่คุยกันนั้นมีอยู่ 3 คน พอเริ่มคุยกันก็มีมาเพิ่มอีก 2 คน ตกลงเด็กทั้ง 5 คนก็กระโดดขึ้นเรือหางยาวลำเหลืองของฉัน ไปสู่ท่าน้ำถัดไปซึ่งต้องผ่านแก่งเล็กๆ ขึ้นไปอีกสักพัก คราวนี้ก็ใกล้เขาเข้าไปอีกหน่อยหล่ะ พอมาถึงเจ้าเด็กหน้ากลมก็กระโดดลงไปก่อน เพื่อน จัดแจงดึงเรือเข้าไปให้เกยฝั่ง แล้วเอาเชือกไปผู้กับต้นไม้เสร็จสับ เด็กตัวนิดเดียวก็ทำพวกนี้เป็นแล้ว พวกเค้าเดินนำฉันออกไป ผ่านบ้านไม้ยกพื้นสูงอีก 3-4 หลัง ผ่านหลังไหนก็ตะโกนโหวกเหวกกวักมือเรียกชวน เพื่อนไปเที่ยว เด็กน้อยโผล่หน้าออกมาดู เพื่อนที่ชานบ้านแล้วก็วิ่งลงบันไดมาต่อท้ายขบวน สรุปว่าในที่สุดฉันมีไกด์สัก 10 คนได้มั๊ง พวกเราออกเดินกันเป็นขบวน ผ่านสวน ผ่านบ่อเลี้ยงปลา ผ่านนา ผ่านป่าโล่ง ผ่านลำธาร 2 สาย จนในที่สุดก็มาถึงตีนเขา  ฉันเห็นเด็กผู้หญิง 3 คนยืนหลบอยู่ข้างทาง เห็นที่หลังคนนึงแบกเป้กะเหรี่ยงที่ทำจากไม้ไผ่ พวกเค้าคงเพิ่งไปเก็บของป่ากันมา ฉันหยุดถามว่าไปหาอะไรกัน แล้วตาก็เหลือบไปเห็นหน่อไม้ในเป้ ฉันถามว่าไปถึงน้ำตกกันไม๊ พวกเค้าพยักหน้า แหมถ้าเด็กผู้หญิงพวกนี้ไปถึงฉันคงไปรอดแหละ  วันนี้อุปกรณ์ครบมือเลยนะ ทั้งสวิง ถัง กล้องดิจิตอล กล้อง SLR บวกกับเลนส์ 300 มม. ตัวหนัก กะขาตั้งกล้องที่เป็นเหล็กทั้งดุ้น ที่ไม่ลืมเด็ดขาดถือถุงกันน้ำขนาดใหญ่เผื่อฝนฟ้าไม่เป็นใจขึ้นมา พี่ยุช่วยถือไปซะเยอะ แต่ฉันก็ยังอยากถือกล้องเองอยู่ดี ทั้งๆ ที่รู้ว่าอยู่กับพี่ยุปลอดภัยกว่าแน่ๆ

เด็กๆ ตัวเบาๆ ปีนกันชึ๊บๆ ฉันแหงนมองคอตั้งบ่า อย่างนี้มันขึ้นตลอดเกือบจะ 90 องศาเลยนะเนี่ย โชคดีที่พื้นที่แถวนี้เป็นเขาหินปูน รองเท้ายางรัดส้นที่ซ่อมมาแล้วก็เลยติดหนึบสบายไม่ต้องกลัวลื่น แผลเก่าที่ล้มมาจากน้ำตกชันตาเถรยังไม่หายเลย แต่รองเท้าฉันยังไงก็สู้หนังตีนล้วนๆ ของพวกเด็กๆ บางคนไม่ได้หรอกนะ เหยียบหินเหยียบไม้ก็ไม่เห็นจะเจ็บกัน ไปได้สักหน่อยฉันก็เริ่มเหนื่อย นี่แหละน๊าคนกรุง.. ไม่เคยได้ออกกำลัง ทุกวันนี้ออฟฟิสของฉันอยู่ชั้น 4 วิ่งขึ้นวิ่งลงทุกวันโดยไม่เคยใช้ลิบ ออกเสียงกันอย่างนี้จริงๆ นะ ใครออกเกินกว่านี้ กระแดะ ฉันก็นึกว่าตัวเองแน่มาเจอภูเขาจริงๆ เข้าไปเลยต้องฟอร์มหยุดถ่ายรูปดอกไม้อยู่หลายดอกกว่าจะมีแรงค่อยๆ ชืบบบบๆ ตามเด็กๆ ขึ้นไปต่อ  มาได้สักครึ่งทางก็เริ่มมีน้ำตกชั้นเล็กๆ ให้เห็นบ้างแล้ว แต่น้ำตกพวกนี้กระจายกันมาก ไหลกันลงมาต้องมีเป็นสิบๆ สายแน่ๆ ซึ่งยิ่งขึ้นสูงจำนวนก็ยิ่งน้อยลง และน้ำตกก็ใหญ่ขึ้น ดูแล้วไม่น่าจะมีปลาอะไรอยู่ได้เลย ทั้งเชี่ยวทั้งตื้นอย่างนี้ ตอนนี้ฉันหวังแค่อยากเห็นน้ำตกอย่างเดียวแหละ ไม่หวังจะจับปลาแล้ว

เด็กๆ นำฉันมาจนถึงน้ำตกของจริงซึ่งไหลลงมาจากหน้าผากว้าง มองดูเหมือนทีลอซูขนาดย่อม ลำธารที่น้ำไหลไม่แรงนักดูน่าจะมีปลา ฉันบอกให้เด็กๆ ช่วยกันหาปลาดู สักพักเด็กคนหนึ่งก็สะกิดบอกฉันว่า “ยา ยา” เป็นเหมือนเสียงสวรรค์ ไม่ใช่ใครเป็นอะไรแล้วจะมาขอยานะ หลายปีที่ฉันคลุกคลีอยู่กับชาวบ้านแถวนี้ ทั้งมอญ พม่า และ กระเหรี่ยงฉันเรียนรู้ว่า ยา ในภาษากะเหรี่ยงแปลว่า ปลา ฉันรีบตามเด็กไปดูเห็นปลาค้อสีจืดๆ หลบอยู่ข้างซอกหิน เลยให้เด็กๆ ช่วยกันต้อนมาเข้าสวิง ปลาค้อตัวนี้ดูๆ ไปก็เหมือนกับตัวที่พบอาศัยอยู่ในลำธารในไร่ที่ฉันเคยไปมา ซึ่งปลาค้อชนิดนี้มักจะพบในแถบต้นน้ำสูงๆ ที่ปลาตัวอื่นไม่ค่อยอยู่กัน ปลาชนิดนี้นับเป็นปลาชนิดใหม่อีกชนิดของไทยที่ฉันพบมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นชนิดที่ไม่เคยได้รับการบรรยายทางอนุกรมวิธานมาก่อนเลยไม่ได้เอาไปให้ใครดู จนกระทั่งมีอาจาร์ยท่านหนึ่งไปเจอปลาแบบนี้ที่น้ำตกอีกแห่ง  แต่ฉันว่าพวกเค้าที่เจอวันนี้ดูตัวสั้นๆ ป้อมๆ กว่าพวกที่เคยเจอนา ตอนนี้พวกเด็กจับยากันสนุกสนาน ในขณะที่เด็กอีกคนชี้ให้ฉันดูว่ายังมีน้ำตกสายที่ใหญ่กว่านี้อยู่ในป่ารกๆ ด้านซ้าย จริงๆ แล้วฉันก็รู้อยู่แล้วแหละ ก็แหมน้ำตกลงมาเสียงดังออกขนาดนั้น ฉันมัว แต่ตื่นเต้นอยู่กับยาก็เลยลืมไปหน่ะ

ระหว่างที่เด็กกำลังจับยากันอย่างสนุกสนาน  ฉันก็คว้าเจ้ากล้อง G1 คู่ใจมุดๆ เข้ารกเข้าพงไปคนเดียว เพื่อจะไปดูน้ำตกที่เด็กๆ บอกว่าสวยนักสวยหนา มุดๆ มุดๆ แล้วฉันก็โผล่ออกมากลางดงหญ้าสูงที่อยู่ท่ามกลางละอองน้ำจากน้ำตกที่กระเซ็นไปไกล ภาพข้างหน้าเป็นอีกภาพที่ ทำให้ฉันขอบคุณพ่อกับแม่ที่ให้กำเนิดฉันออกมาดูโลกใบนี้ ไม่ใหญ่ แต่สูงลิบ และน้ำก็ตกลงมาแรงมาก ฉันยืนตะลึงอยู่กับภาพเบื้องหน้า นกเด้าดินสีเหลืองอ๋อยตัวนึงบินมาเกาะที่กิ่งไม้ไผ่แห้งๆ หน้าน้ำตก เด้าลมดึ๊กๆ อยู่สองสามทีแล้วก็บินกลับไปทางเดิม ฉันว่าตอนที่ฉันขับรถไปดูน้ำตกไนแองการ่าฉันก็ไม่ประทับใจเท่ากับปีนเขาด้วยสองฝ่าตีนขึ้นมาดูน้ำตกเล็กๆ แห่งนี้ ฉันแหวกหญ้ากอสุดท้ายขึ้นไปยืนอยู่บนก้อนหินริมน้ำตก ซ่อนเจ้า G1 ไว้ข้างหลังแล้วหลับตาแหงนหน้ารับเอาละอองน้ำจากน้ำตกที่เย็นชื่นใจ นี่ถ้ามีแสงทะลุม่านไม้เป็นช่องลงมาตรงจุดที่ฉันยืนอยู่ แล้วมีตากล้องดีๆ สักคนวัดแสงให้แม่นๆ แล้วกดรูปนี้รับรองว่าต้องออกมาสวยมากๆ เลย พูดถึงรูปถ่ายน้ำตก หน้าฝนนี่หนังสือเล่มไหนๆ ก็พาไปเที่ยวน้ำตก ไปกันจนเฝือ เปิดเล่มไหนก็มี แต่รูปน้ำตกที่ถ่ายด้วยการเปิดชัตเตอร์นานๆ ให้น้ำตกกลายเป็นสายปุยๆ ขาวๆ เหมือนเส้นสายไหมลืมใส่สี จริงๆ ดูแล้วก็นุ่มตาดี แต่ฉันไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่หรอก ฉันว่าในทางกลับกัน รูปพวกนี้ดูแล้วหลอกๆ ตา มันเป็นภาพที่ตามนุษย์ไม่มีวันเห็นได้ และไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความแรงเร็วของสายน้ำเลย มันดูผิดธรรมชาติเอามากๆ ที่น่าหงุดหงิดอีกอย่างก็ คือ สเกล คือถ้าคุณถ่ายรูปน้ำตกมาเฉยๆ เนี่ย มันก็ลำบากต่อผู้ดูว่าน้ำตกนั้นสูงใหญ่เตี้ยต่ำแค่ไหน ตากล้องก็เลยต้องหาอะไรสักอย่างเข้าไปเป็นสเกลให้เราสามารถเปรียบเทียบได้ แล้วจะมีอะไรดีไปกว่าคนเล่า สังเกตดูเหอะ ภาพน้ำตกเดี๋ยวนี้ ยังไงๆ ก็ต้องมีคนเข้าไปยืน เข้าไปนั่งอยู่ บางทีก็ดูเป็นธรรมชาติ บางทีก็ดูตั้งใจจนเกินงาม ยืนหันหลังบิดเอวชูมือชูไม้อย่างไร้สาระ จะให้ไปยืนยิ้มล้วงกระเป๋าอยู่เฉยๆ ก็กระไรอยู่ แต่ก็น่าจะทำท่าให้เป็นธรรมชาติกว่านี้ ยิ่งไปน้ำตกไหนก็ยืนท่านั้น ยิ่งน่ารำคาญใหญ่

เสียงพี่ยุเรียกหา ฉันได้ยินแว่วๆ เพราะเสียงน้ำตกดังมาก ฉันตะโกนกลับไปว่าอยู่ที่น้ำตกใหญ่ สักพักพลพรรคทั้งหลายก็ตามกันขึ้นมา เห็นพวกเด็กๆ ปีนขึ้นไปเล่นกันแล้วฉันก็อดที่จะเรียกให้หันมายืนเรียงแถวถ่ายรูปเป็นสเกลไม่ได้ “โย้วววววววววววว” เป็นเสียงประกาศชัยชนะที่พวกเค้าพิชิตน้ำตกแห่งนี้ได้ในวันนี้ ฉันส่งกล้องให้พี่ยุ “เล็งให้ผมอยู่ด้านล่าง แล้วกดตรงนี้นะครับ หันกล้องมาถ่ายแล้วก็รีบเก็บกลับไปไว้ข้างหลัง เพราะละอองน้ำแรงมาก”  ว่าแล้วก็ปีนขึ้นไปสมทบกับพวกเด็กๆ บ้าง “โย้ววววววว บรู๊ววววววว” เสียงหลังนี่ไม่เด็กคนใดก็คนหนึ่งเกิดอยากโดนถีบตกน้ำตกขึ้นมาเลยหอนแซว  ฉันเห็นน้ำตกแล้วให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายในที่พระเอกต้องไปฝึกวิชาใต้น้ำตก ฉันเดินเข้าไปเอาหลังพิงลงกับหิน หลับตา แล้วปล่อยให้น้ำเย็นๆ ตกใส่หัว โอ...สบายดีแหะ ให้น้ำนวดหัวให้เนี่ย  สักพักฉันก็ค่อยๆ กระดึ๊บตัวไปทางขวา เพื่อจะไปตรงจุดที่น้ำตกลงมาแรงที่สุด บึ้กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ น้ำตกลงบนไหลฉัน ถ้าเอาหัวเข้าไปตรงๆ คอย่นแน่ๆ ฉันเลิกคิดแล้วกลับมาพิงอยู่ที่หินก้อนเดิม ไม่รู้พิงอยู่นานเท่าไหร่.....

“พี่ๆ กลับเหอะ หิวข้าว เดี๋ยวแม่หาไม่เจอด้วย” เด็กน้อยน่ากลม ท่าทางจะเป็นหัวโจกของกลุ่มบอกฉันด้วยสำเนียงไทยแปร่งๆ ก็จริงแฮะนี่ก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว กลับดีก่า ฉันเองก็หิวแล้วเหมือนกัน บอกลาน้ำตกเสร็จแล้วก็ค่อยๆ ถอยทัพกลับลงเขาไป แปลกที่คราวนี้มีดอกไม้สวยๆ โผล่ขึ้นมาตลอดทางทั้ง ดอกกระเจียวสีสวย และ ดอกเทียนป่าสีชมพูหวานซึ่งเป็นดอกไม้โปรดอีกอย่างของฉัน ขาขึ้นก้มหน้าปีนเขางุดเลยไม่ยักกะเห็นดอกพวกนี้ ฉันหยุดถ่ายภาพจนฟิล์มหมดม้วน เดินๆ หยุดๆ สักพัก ฝนก็เริ่มตกลงมา ฉันจำต้องเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพลงถุงกันน้ำแล้วเดินกลับ แต่โดยดี ขาลงใกล้นิดเดียวเอง ฉันว่าขาขึ้นพวกเด็กๆ ต้องแกล้งพาฉันปีนอ้อมแน่ๆ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยจริงๆ พับเผื่อยสิ

ตอนที่ฉันพาพวกเด็กๆ กลับไปส่งที่หมู่บ้านฝนก็หยุดตกแล้ว ฉันแวะร้านสวัสดิการที่มีชั้นขายของอยู่ 2 ชั้น เพื่อซื้อหมากฝรั่งตรานกแก้วให้กินคนละ 2 เม็ดบาท จำได้ว่าตรานกแก้วนี่ตอนเด็กๆ กินยัง 3 เม็ดบาทอยู่เลย ใครเคยกินเหมือนฉันบ้าง?  ที่กระดาษห่อข้างในเป็นรูปหุ่นยนต์ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาไง?  คุ้นๆ ยัง? ฉันหล่ะชอบมันมากเลย เดี๋ยวนี้ในกรุงหากินไม่ได้แล้ว ก็มีอยู่ตามต่างจังหวัดนี่แหละ ฉันร่ำลาเด็กๆ นัดหมายกันเป็นมั่นเหมาะว่าคงได้เจอกันอีกในวันทอดกฐิน

เรือหางยาวลำเหลืองติดเครื่องลูกสูบนอนองมิตซูฯ บ่ายหัวสู่แม่น้ำที่เชี่ยวกรากอีกครั้ง ฉันเอียงตัวช่วยเรือเลี้ยวผ่านไปได้ 2 โค้ง อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเขาที่เพิ่งไปผจญมา แอ๊ะ! อะไรขาวๆ โผล่ออกมาท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่ม น้ำตกไม่ใช่รึนั่น?  ฉันขอให้พี่ยุช่วยจอดที่หาดกรวดที่เหลืออยู่น้อยเต็มทีในแม่น้ำรันตี จัดแจงนำกล้อง และเลนส์ 300 มม. สีขาวที่เด็กๆ เรียกว่าปืนใหญ่ออกมาตั้งส่องดู เป็นน้ำตกจริงๆ ด้วย แว่บแรกฉันคิดว่าเป็นน้ำตกที่ฉันเพิ่งไปมา แต่เอ อันนี้มันดูใหญ่กว่า และมันเป็น 2 แฉก ที่ฉันไปมันมีแฉกเดียวนี่หว่า ฉันให้พี่ยุช่วยดู พี่ยุดูแล้วร้อง ฮ้อ! “ไม่ใช่อันที่เราไปหรอกครับ อันนี้ต้องขึ้นไปอีก เด็กมาบอกผมเหมือนกันว่ามีอันใหญ่กว่านี้อยู่ข้างบน แต่ผมลืมบอกคุณนณณ์ไป” เหอ เหอ แสดงว่าที่ปีนขึ้นไปแทบตายนั่นฉันยังไม่ได้เห็นชั้นที่สวยที่สุดของน้ำตกกองหม่องอ่ะดิ   ยังอีกๆ ที่นี่ยังมีอะไรให้ฉันต้องพิชิตอีก ฉันหล่ะชอบจริงๆ เชียว อยู่ในเมืองน่าเบื่อจะตาย) ฉันจึงไปเที่ยว

 

more survey ...

 

www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org