: Home : Board : Articles : Expeditions : About us : Privacy Policy :

 


คุณป้าขายปลากัดที่เพชรบุรี

ปลากัดเพชรฯขึ้นชื่อนักว่ากัดเก่ง (ไม่สนับสนุนนะคร๊าบ)  

หมายนี้แหละเด็กๆ บอกมีปลากัดแน่นอนพี่

เด็กๆ เล่นกันอยู่บนสะพาน

ปลาช่อน ปลานิล และถ้าดูดีๆ จะเห็นฝูงปลาซิวหางแดงด้วย

ภาพปลาซิวใต้น้ำ ก่อนน้ำจะซึม

หินรูปเป็ด (อีกมุมเป็นเต่า ลุงบอก)

ดอกชงโค

ค่างแว่นถิ่นใต้

เรือถ่อลำน้อยที่ชาวบ้านใช้กัน

ที่ทำการอุทยาน และขุนเขา

ลอบอยู่ในกอหญ้าตรงกลางของภาพ สังเกตุปมกอหญ้าที่มุมบนซ้าย

ปลาสลาด และปลานิลติดลอบ

คุณพี่ฝีถ่อกับบรรยากาศบึงบัว และขุนเขา

ดอกบัวหลวงใหญ่เทียมขุนเขา

Frog-eye view

ที่ทำการอุทยาน ณ บึงบัว

เจ้านายแอบขึ้นไปก่อน คนนั่งตรงกลางก็ คือเธอหล่ะ

 

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

เรื่อง: G1

ภาพ: G1, Elan, เจ้าขาว และ นณณ์ ผาณิตวงศ์


กุกๆ กักๆ ผมตื่นขึ้นมา เพราะเสียงกุกๆ กักๆ ที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในเช้ามืดวันอาทิตย์ เจ้านายละเมอแน่ๆ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาตั้งกะไก่ยังไม่โห่ในเช้าวันอาทิตย์แบบนี้ ปกติอีตานี่นาฬิกาปลุก 2 เครื่องยังไม่ยอมตื่นเลย กุกกักๆ เอ...ทำไมวันนี้เจ้านายตื่นเช้าจัง เหอ เหอ สงสัยจะได้ไปเที่ยวแฮะเรา อุดอู้อยู่ในบ้านมาหลายอาทิตย์
แล้ว ดีๆ

กุกกักๆ ผมยังอยู่ในกระเป๋า ไม่รู้ว่าเราจะไปไหนกัน ผมรู้สึกว่าเจ้านายจอดรถที่ไหนสักแห่งแล้วก็มีเสียงของเธอขึ้นรถมา แอบได้ยินเค้าคุยกันว่าจะไป อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โอ้ตื่นเต้นเกิดมาไม่เคยไป กุกๆ กักๆ ผมมาโผล่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นครั้งแรกก็เห็นเป็นร้านปลากัดเล็กๆ อยู่ริมถนน ได้ยินเจ้านายโม้
กับเธอว่าแถวเพชรบุรีคงเป็นที่เดียวในโลกที่มีร้านปลากัดขายอยู่ริมถนนใหอย่างนี้ ผมได้ดูปลากัดหม้อตัวใหญ่ๆ ที่ขึ้นชื่อว่ากัดเก่งนักหนาแถวนี้ โอ้ร้านนี้มีปลากัดทุ่งด้วยแฮะผมเคยเห็นบ่อยๆ ตัวนี้มัน Betta splendens หรือปลากัดทุ่งภาคกลางชัดๆ ป้าบอกว่าจับได้จากแถวนี้ อืมมม แสดงว่าปลากัดหน้าตาแบบแถวมหาชัยมาไม่ถึงแถวนี้ สงสัยจะมีอยู่แค่แถวๆ สมุทรสาครกะสมุทรสงครามอะนะ คิดว่าแม่น้ำแม่กลองอาจจะกั้นไว้ก็ได้ ได้ยินเจ้านายบ่นๆ ว่าจะลองมาหาจับดูหลายทีแล้วก็ไม่ได้ลองสักที

กุกกักๆ โดนเก็บลงกระเป๋าอีกแล้วผม คราวนี้นาาานนนนเลย โผล่มาอีกทีก็เห็นเป็นคูน้ำใสๆ ข้างถนนมีบัวสาย ต้นกก และสาหร่ายน้ำเยอะแยะ เห็นเจ้านายยืนคุยอยู่กับเด็กๆ ชาวบ้านแถวนั้น “ปลากัดทุ่งพอมีครับพี่ แต่ฝนตกบ่อยๆ หน้านี่มันไม่ค่อยก่อหวอดหาตัวยาก” ผมได้ยินเด็กคนนึงพูดแบบนั้น มีหรือเจ้านายจะยอมฟังดีๆ ผมเห็นพี่แกไล่ช้อนซ้ายช้อนขวาอยู่หลายที ได้ขึ้นมาทั้ง ปลาสลิด ปลาช่อน ปลาหมอไทย ปลาซิวสุมาตรา และปลาซิวหางแดง แต่ก็ไม่มีวี่แววของปลากัดเลย ช้อนอยู่ได้สักพักเจ้านายก็ยอมแพ้

กุกๆ กักๆ วู้ววววว บึงใหญ่สุดลูกหูลูกเล็นส์เลย สวยๆ ๆ นี่คงจะเป็นบึงบัวที่เจ้านายบอกว่าอยากจะมาเห็น มองไปด้านหลังก็เป็นภูเขาหินปูนสูงใหญ่ ที่ทำการอุทยานสีขาวยังก่อสร้างอยู่ แต่มีสะพานไม้ให้เดินเหนือบึงแถมยังมีป้ายภาพ และรายละเอียดของพันธุ์ไม้น้ำต่างๆ อย่างละเอียด ที่ปลายสะพานมีศาลาหลังเล็กมองไปเห็นหนุ่มสาวนั่งจู๋จี๋กันอยู่ มองลงไปน้ำใสแจ๋วเห็นต้นสาหร่ายขึ้นเป็นพื้นเขียวปึ๊ดไปหมด ปลาช่อนตัวเขื่องโผล่ออกมาจากกอสาหร่ายฮุบอากาศแล้วก็หลบหายไป พวกตัวเล็กๆ หน่อยก็ลอยตัวอยู่เหนือสาหร่าย ฝูงปลาซิวหางแดงว่ายผ่านไปผ่านมาก็ไม่สนใจ เค้าคงอิ่มแล้ว เกิดเป็นปลาช่อนในบ่อนี้ชีวิตช่างดูไม่ลำบากเลยมีบุฟเฟ่ต์ผ่านไปผ่านมา โอ้...นั่น! นั่น! ปลานิล โอ้ ปลาหางนกยูงก็มี ปลานิลยังเอาไว้กินได้ แต่ปลาหางนกยูง....เจอในแหล่งน้ำในอุทยานแห่งชาติอีกแล้ว อะไรกันนักกันหนาวุ้ย นึกยังไงก็นึกไม่ออกมาใครจะเอามาปล่อยไว้ทำอะไร จะว่าเอามากินลูกน้ำบึงอย่างนี้ยุงไม่ไข่หรอก ถึงไข่แล้วปลาซิวหางแดงกะปลาซิวสุมาตราตัวเบิ้มๆ ว่ายกันเป็นฝูงๆ นั่นเค้าไม่กินลูกน้ำกันรึงาายยยยย เฮ้ยยย ไม่รู้คิดยังไง

บุ๋งๆ เจ้านายจับผมใส่ถุงกันน้ำแล้วก็จุ่มผมลงไปถ่ายรูปฝูงปลาซิว อู้ววว สวยๆ น่าสงสารเธอไม่ยอมให้เจ้านายลงน้ำ อิ อิ แช๊ะๆ ๆ ๆ เจ้านายจับผมหันไปหันมาแล้วก็ถ่ายไปเรื่อย เอ....วันนี้มันเปียกๆ พิกล จ่ะแว๊กก "น้ำซึมว้อยยยย เอาผมขึ้นไปเร้ว" เรียบร้อย เอาเป็นว่าคุณๆ คงไม่ได้เห็นภาพใต้น้ำจากผม และเจ้านายอีกจนกว่าจะมีวิธีซ่อมถุงน้ำซึมครับ

แว้บว้าบ แดด 11 โมงกว่าแว้บว้าบ เจ้านายหยีตามองซ้ายมองขวาเห็นเรือถ่อรับจ้างลำน้อยนั่งได้คนเดียว(กะคนถ่อต้องยืน)ของชาวบ้านที่รับจ้างพาออกไปดูบัวหลวงที่กลางบึง เจ้านายมองหน้าคุณเธอ คุณเธอส่ายหน้าอย่างไม่เหลือเยื่อใย เหอ เหอ ไม่มีทางซะหละที่เธอจะยอมนั่งเรือแบบนั้น ว่ายน้ำก็ไม่ค่อยคล่อง เจ้านายเอามือป้องไว้เหนือตา(คราวนี้ฉลาดขึ้นอีกหน่อยไม่ต้องหยีตา) มองไปรอบๆ แล้วก็บ่นๆ ว่าแดดเปรี้ยงอย่างนี้ออกไปถ่ายรูปก็คงไม่สวย ไปเที่ยวส่วนอื่นของอุทยานก่อนดีกว่า อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดนี่มีพื้นที่ตั้ง 98.08 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศมีทั้งเป็นเขาหินปูนสูงชันมีถ้ำเยอะแยะบนเขามีเลียงผา และค่างแว่นถิ่นใต้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหายากของไทย แถมยังมีที่ราบริมฝั่งชายทะเลที่เป็นโคลนก็มีทรายก็มีเป็นที่หากิน และทำรังวางไข่ของนกชายเลนหลากหลายชนิด และที่ขาดไม่ได้ คือบึงน้ำจืดซึ่งเกิดจากที่ราบลุ่มขนาดใหญ่ที่
เจ้านายผมกำลังป้องตามองอยู่ตรงนี้ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 36.8 ตารางกิโลเมตร

กุกๆ กักๆ สัก20นาทีผมมาโผล่อีกทีก็เห็นหาดทรายขาวสะอาดตา และดงสนร่มครึ้ม ได้ยินเจ้านายพูดว่าที่นี่ คือหาดสามพระยา ตอนเกือบเที่ยงแดดจ้าร้อนเปรี้ยง เจ้านายควงคุณเธอเดินเอาเท้าแปะๆ น้ำมองซ้ายมองขวา(คราวนี้ไม่ต้องหยี และไม่ต้องป้อง เพราะใส่แว่นกันแดดลงมา ฉลาดจริงๆ เจ้านายผม) เห็นศาลาทุกหลังโดนจองหมดแล้ว ก็เลยกลับไปที่รถนั่งกินข้าวห่อที่เตรียมมาจากบ้าน กินเสร็จเราก็ออกเดินทางไปที่ทำการอุทยานซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ระหว่างทางเราเห็นพวกนกตีนเทียนหากินอยู่ตามนากุ้งข้างทางด้วย

กลุกๆ ถึงที่ทำการจู่ๆ ไม่รู้เมฆมาจากไหนบรรยากาศเริ่มครึ้ม เจ้านายพาผมเดินเข้าไปชมในที่ทำการอุทยานที่มีการจัดบอร์ดต่างๆ ไว้ดีพอสมควร มีพี่ผู้หญิงคนนึงมาอธิบายให้ซะละเอียดเลยว่าที่ไหนเป็นที่ไหน ผมมารู้ตอนนี้เองว่าที่นี้มีถ้ำดังๆ หลายที่รวมไปถึงถ้ำพระยานครซึ่งภายในถ้ำมีพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ และลายพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 5 และ 7 ซึ่งทางขึ้นถ้ำอยู่ที่หาดที่เราเพิ่งแวะกันมา ผมได้ยินเสียงเจ้านายกัดฟันกรอออดดดที่ไม่ได้อ่านคู่มือให้ละเอียดซะก่อน เจ้านายออกไปยืนนอกที่ทำการแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า (คราวนี้ไม่ต้องหยี ไม่ต้องป้อง และไม่ต้องใส่แว่นดำ เพราะเมฆบังพระอาทิตย์หมดแล้ว) จะย้อนกลับไปหาด เพื่อจะไปถ้ำก็อยู่ห่างจากเชิงเขาตั้ง 430 เมตรฝนตกขึ้นมาก็เปียกอีก ผมได้ยินเจ้านายบ่นพึมพำ เอาน่าๆ ยังไงก็คงได้กลับมาอีก เพราะเจ้านายยังจับปลากัดไม่ได้เลย เน๊อะ!

ต๊อกแต๊กๆ คุณลุงเจ้าหน้าที่คนนึงเดินเข้ามาคุยกับเจ้านาย “พอจะหาเลียงผาให้ถ่ายรูปได้ไม๊ครับ?” เจ้านายถาม “เออ ยากหน่อยนะ ต้องมาเช้าๆ นู้น อาจจะได้เห็นตัวบ้าง เนี่ยเมื่อต้นปีก็โดนล่าไป 3 ตัว เสียดายมากเลย โชคดีนะที่จับได้ แต่ถ้าคุณอยากดูสัตว์หายาก ผมพาไปดูค่างแว่นถิ่นใต้ได้นะ” ลุงตอบ “โห จริงเหรอครับ ไกลรึเปล่าครับ?” “ไม่ไกลเลย เดี๋ยวผมขับรถนำไป แต่ไม่รับประกันว่าจะเจอนะ ค่างมันก็มีตีน แต่เมื่อเช้าพาฝรั่งไปยังเจอเลย” “ครับ ครับ” เสียงเจ้านายรับคำตื่นเต้นเชียว

กุกกักๆ ลุงพาเรามาที่ป่าละเมาะริมเขาหินปูนใหญ่ ลุงชี้ให้เราดูหินที่ตั้งอยู่บนปลายหน้าผาอย่างหมิ่นเหม่ “คุณดูนะจากตรงนี้มันเหมือนเป็ด เดี๋ยวเดินไปเรื่อยๆ มันจะกลายเป็นเต่า” แล้วก็พาเราออกเดินไปตามทางสักพักก็มาหยุดที่ต้นมะขามใหญ่ เห็นลุงบอกเจ้านายว่าค่างมักจะมาหลบแดดกันแถวนี้ เรามองหากันอยู่สักพัก หน้าสีเทาแว่นตาขาวหางยาวๆ ก็โผล่ออกมาให้เห็นบนต้นไม้ใหญ่อีกต้นบนหน้าผา เจ้านายหน้าตาดีใจมากๆ ชี้ชวนให้เธอดู แหมเกิดมาผมก็ไม่นึกว่าจะได้เห็นสัตว์หายากชนิดนี้ได้ง่ายๆ แบบนี้ เจ้านายมองหน้าผม ให้เดาก็คงรู้ว่าตาผมนั้นสั้นไปสำหรับงานนี้ เจ้านายเลยใช้เจ้า เพื่อนซี้อีแลนที่ทำงานคู่กับเจ้าขาว300มม. มาถ่ายรูปค่างฝูงนี้ซึ่งเท่าที่เห็นมีตัวเล็กตัวน้อยอยู่พอสมควรเหมือนกัน เจ้านายถ่ายค่างฝูงนี้ไปพอสมควร ลุงก็ชวนเดินต่อ เห็นแกบอกว่าอาจจะมีฝูงที่ลงมาใกล้กว่านี้ เราเดินกันไปได้สักพักก็มีนกตัวใหญ่สีเทาบินตัดหน้าเรา “บั้งรอกใหญ่” เจ้านายกับลุงอุทานขึ้นมาเกือบพร้อมกัน เราเดินไปได้อีกหน่อยเราก็พบค่างแว่นถิ่นใต้อีกที ฝูงนี้อยู่กันในป่าทึบคอยโผล่หน้าออกมาดู เจ้านายส่ายหัวว่าถ่ายยังไงก็คงได้รูปไม่สวยเลยเดินกันต่อ ระหว่างทางลุงชี้ให้ดูต้นชงโคที่ออกดอกสีชมพูสะพรั่ง แล้วเราก็โชคดีเมื่อเราไปเจอฝูงค่างอยู่ในป่าละเมาะหลังบ้านพักอุทยานที่เชื่อง และอยู่บนกิ่งไม้ต่ำๆ ฝูงนี้เต๊ะท่าให้เจ้านายถ่ายกันจนหมดม้วน ระหว่างทางกลับ ลุงยังชี้ชวนให้ดูนกจาบคาหัวสีส้มที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้สูง ผม เจ้านาย และเธอต้องขอขอบคุณ คุณลุงละไม ทองสุข มากๆ ครับที่พาพวกเราเดินชมอุทยาน

เปาะแปะๆ เมฆที่เริ่มตั้งเค้าในที่สุดก็เทลงมาโชคดีชะมัดที่ไม่ตกตอนเราเดินดูค่างกัน ตอนนี้เรากำลังอยู่บนเส้นทางที่จะกลับไปบึงบัวอีกครั้ง ซึ่งต้องย้อนกลับไปทางถนนเพชรเกษมแล้วเลี้ยวเข้าไปตามป้ายโรงเจ เปาะแปะๆ เรามาถึงบึงบัวแล้ว แต่ฝนยังตกไม่ขาดสาย เจ้านายนั่งอยู่ในรถทำหน้าเซ็งๆ ได้ยินบ่นพึมพัมกับเธอว่า “ฟ้าหลังฝนต้องสวยมากแน่ๆ ดีไม่ดีจะได้เห็นรุ้งด้วย” ว่าพลางก็ฮัมเพลง”ฤดูที่แตกต่าง”ของคุณบอยด์

หยิมๆ ฝนตกหยิมๆ ฟ้าเริ่มเปิดบ้างแล้ว เจ้านายลงไปติดต่อที่ทำการอุทยาน เพื่อขอเช่าเรือลำใหญ่ออกไปดูบัวที่กลางบึง ก่อนหน้านี้ผมได้ยินเจ้านายคุยกับลุงละไมถึงเรือถ่อรับจ้างของชาวบ้านที่ลำเล็กจนน่ากลัว ซึ่งลุงก็บอกว่าที่ทำการจะมีเรือลำใหญ่หน่อยให้เช่า แต่สำหรับใครที่ต้องการบรรยากาศแบบทุ่งๆ จริงๆ ยังไงผมก็ว่าลำเล็กๆ ของชาวบ้านน่าสนุกกว่าครับ

ครูดดดด ซรวบๆ เสียงคุณพี่ที่จะพาเราไปดูที่กลางบึงวิดน้ำฝนออกจากเรือ กว่าพี่เค้าจะวิดเสร็จฝนก็หยุดตกพอดี ฟ้าหลังฝนมีเมฆบางๆ ปกคลุมอยู่ทั่วดูสวยไปอีกแบบ พี่คนนึงยืนถ่ออยู่ด้านหลังอีกคนนั่งพายอยู่ด้านหน้า ส่วนเจ้านาย และคุณเธอนั่งอยู่ตรงกลาง ฝูงนกนางแอ่นบินร่อนอยู่เหนือกอพง นกกระสานวลตัวใหญ่ยืนนิ่งสงบอยู่บนกอกกรอจับปลาโชคร้ายที่จะว่ายผ่านมา นกอีโก้งสีม่วงสดใสด้อมๆ มองๆ ผงกหัวหากินอยู่ไม่ไกลนัก เจ้านายสังเกตเห็นลอบนอนของชาวบ้านวางไว้เป็นจุดตามกอกกจึงขอให้พี่เค้าถ่อเรือเข้าไปยกดูว่ามีปลาอะไรติดอยู่บ้าง ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าลอบแบบนี้ถือเป็นความฉลาดของภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ เพราะแทนที่จะปล่อยนอนจมน้ำไปเฉยๆ ลอบที่นี้ ทำให้มีส่วนแหลมโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เพื่อให้ปลาที่ต้องหายใจอากาศอย่างปลาช่อน และปลาสลิดไม่จมน้ำตายเน่าเสียคาลอบไปเสียก่อน ข้อสำคัญ คือหาง่ายด้วยแหละ พูดถึงความหาง่ายชาวบ้านเค้าจะมัดกอหญ้ากอกกไว้เป็นปมๆ เหนือจุดที่เค้าวางลอบด้วยนะ

ขลุกขลักๆ ปลาดิ้นเมื่อเจ้านายยกลอบอันแรกขึ้นมาดู ปลานิลตัวขนาดฝ่ามือกางๆ และปลาสลาดขนาดกำลังดี 2 ตัวติดอยู่ในลอบอันแรก ขลุกๆ ขลักๆ ในลอบอันที่สองไม่ห่างออกไปนักมีปลาช่อนขนาดกำลังกินติดอยู่ตัวนึงพร้อมกับปลาสลิดตัวย่อมๆ อุดมสมบูรณ์จริงๆ ครับบึงบัวแห่งนี่ ไม่แปลกใจเลยที่มีการประมาณการณ์ว่าเกือบร้อยละ 90 ของปลาน้ำจืดที่ใช้ในการบริโภคในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มาจากบึงแห่งนี้

จ๋อมๆ แจ๋มๆ ฝีพาย และฝีถ่อบัดนี้ได้พาเรามาถึงใจกลางบึงที่มีบัวหลวงสีชมพู มองจากมุมนี้จะเห็นที่ทำการอุทยานสีขาวตัดกับขุนเขาสีเขียวชอุ่มดูเท่ห์ไปอีกแบบ เย็นๆ แบบนี้ดอกบัวใหม่ยังไม่ค่อยบาน ดอกที่บานเกินก็เริ่มโรยหมดแล้ว ฝีพายพาเราลัดเลาะไปตามส่วนต่างๆ ที่ถูกกั้นฉากไว้ด้วยกออ้อกอกก บัวบางต้นถูกถอนขึ้นมาลอยอยู่พี่เค้าบอกว่ามีคนมาถอนบัว เพื่อเอารากไปขายกัน จริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากให้ทำ แต่ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง ถ้าไม่ละโมบถอนกันมากจนเกินไปนักบัวก็คงขึ้นมาใหม่ให้ถอนได้เรื่อยๆ

ป๋อม! เขียดบัวตกใจกระโดดจากใบบัวลงสู่น้ำเบื้องล่าง เจ้านายมองตามเจ้าเขียดตัวนั้นจนเค้าไปโผล่ขึ้นที่ใบบัวอีกใบ “ค่อยๆ ถ่อเข้าไปช้าๆ นะครับ เฉียงๆ เข้าไปอย่าตรงเข้าไปหา ทางซ้ายครับไม่งั้นย้อนแสง” เจ้านายบอกกับพี่ถ่อแพ (พี่ครับ ผมผิดไปแล้ว ผมลืมชื่อพี่ไปซะแล้ว) เจ้านายถ่ายหนึ่งทีจากระยะไกล และอีกหนึ่งทีเมื่อเราเข้าไปใกล้เข้าเรื่อยๆ จนในที่สุดเราก็เข้าไปได้ใกล้มาก มากจนผมชักจะแหยงๆ ๆ “อย่าเอาผมเข้าไปใกล้นักสิคร๊าบบบบ เอ๊อะๆ ๆ จะลงน้ำแย้วววว สายจุ่มลงไปแย้ววววว อย่าเอียงมากสิเฟ้ยยยยเด่วเรือก็คว่ำกันพอดี” “Frog-eye view” เจ้านายบอก

.......เรือลอยนิ่งสงบ แดดก็ร่มลมก็ตก เจ้านายมองดูหยดน้ำบนใบบัว เมื่อต้องลมเพียงเล็กน้อยน้ำก็กลิ้ง จากหยดเล็กๆ หลายหยดก็กลายเป็นหยดใหญ่หยดเดียว กลิ้งไปกลิ้งมา แต่ก็ยังเกาะกันเป็นกลุ่มก้อน กลิ้งมากไปก็พลาดท่าเสียทีตกลงบึงใหญ่ถูกกลืนกินลงไปในน้ำหมู่มาก พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว พรุ่งนี้วันจันทร์เจ้านาย และเธอต้องไปทำงาน ถึงเวลาถูกกลืนกินอีกครั้ง......



คำนิยม

ผมกลับมานั่งเขียนเรื่องนี้ได้สักสามย่อหน้า นั่งอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมตื่นนอน ผมขับรถ ผมไปจับปลา ผมเจอปลานู้นปลานี้ ช่างน่าเบื่อ..... ผมไฮไลท์แล้วลบทั้งหมดทิ้ง ผมเบื่อแล้ว ผมเซ็งกับ ผมตื่นนอน ผมขับรถ ฯลฯ ผมนั่งมองหน้าเจ้า G1 เอ็งก็ไปมานี่หว่า ข้าเบื่อแล้วคราวนี้ตาเอ็งเขียนบ้าง เออ...เอ็งก็เขียนได้ เออ.....เอ็งเก่ง เออ....ตูมันเป็นน้ำที่ถูกกลืน คุณๆ อย่ายอมถูกกลืน

นณณ์ ผาณิตวงศ์ 12 ตุลาคม 2545

 

more survey ...

 

www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org