จับปลากัดเมืองอุบลฯวันฝนฉ่ำฟ้า
เรื่อง และรูป:
ชัยวุฒิ กรุดพันธ์
บ่ายแก่ๆ
ของวันที่ท้องฟ้าเมืองอุบลฯชุ่มโชกไปด้วยฝน
20 กันยายน 2545
หลังจากเสร็จจากการ
จัดการกับตัวอย่างปลาที่ซื้อมาจากตลาดสด เทศบาลวารินชำราบ
ในห้องปฏิบัติการอนุกรมวิธานของปลา ของคณะเกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และนำอาจารย์พิเศษซึ่งมาจากกรุงเทพฯ
เข้าพักในที่พักเรียบร้อยแล้ว
ตัวผมซึ่งหน้าที่การงานประจำเป็นอาจารย์บ้านนอกซึ่งมีงานไม่ต่างกับครูปิยะในหนังไทยเมื่อหลายปีก่อนเท่าไร
ก็กลับไปเตรียมตัว และเตรียมอุปกรณ์ เพื่อเก็บรวบรวมตัวอย่าง
เพราะวันนี้นัดแนะกับลูกศิษย์ ว่าเราจะไปช้อนปลากัดกัน (Betta
smaragdina Ladiges, 1972)
ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าลูกศิษย์ผมกลุ่มนี้เรียนวิชาอนุกรมวิธานของปลา
Fishes Taxonomy
และทำรายงานปลาในวงศ์ปลากระดี่ปลากัด Family Belontiidae
บอกก็แล้วแนะแหล่งก็แล้วเจ้าพวกนี้ก็เก็บรวบรวมปลากัดจากท้องนาข้างๆ
ห้องพักของตัวเองไม่ได้สักที โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา บางคนก็ว่า
อาจ้าน ให้ผมไปท่อมๆ หาปลายังนี้น่ะ ผมอายสาวบ้างหล่ะ บางคนก็กลัวปลิงบ้างหล่ะ
สารพัดจะยกมาอ้าง
แต่ในที่สุดบุญที่เจ้าพวกนี้พอจะมีบ้าง แต่ปางก่อนก็ดลบันดาลให้เจอพรานปลากัดอาวุโสมือฉมัง
ของเมืองอุบลฯ ถึงสามท่าน โดย แต่ละท่านอีกประมาณ 50
ปีก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว
ประสบการณ์การจับปลากัดนี่มีกันเพียบพร้อมลุยกันเต็มที่
พอได้เวลานัดหมายเจ้าลูกศิษย์ที่รักก็นำยานพาหนะ
ประกอบด้วยรถขบวนซึ่งเป็น มอเตอร์ไซด์ห้าง
3 คัน
มารับผมกับ เพื่อนซึ่งมาจากกรุงเทพฯ ไปแหล่งปลากันซึ่งพื้นบ้านจะเรียกว่า
คำ
ซึ่งหมายถึงบริเวณที่มีน้ำขังตามธรรมชาติ โดยจะมีซากใบไม้ทับถมกัน น้ำงี้สีชาเหมือนพรุยังงัยยังงั้น
เลยได้สอนเกี่ยวกับสภาพพรุไปในตัว หลังจากควบบุเลงๆ จากมหาลัยมาไม่ถึง
5
นาทีก็ถึงที่นัดหมายกับพรานปลากัดอาวุโสทั้งสามท่านของเรา แต่เอาหล่ะสิ
พญาแถนเพิ้นไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าใด ฝนตกพรำๆ ตลอดเลย
ไอ้ผมเองไม่เป็นไรหรอก แต่กล้อง Digital ของหลวงน่ะสิ
หลายหมื่นเลยเจอฝนหล่ะก็เป็นเรื่อง
แต่ไม่เป็นไรลองวัดใจกับพญาแถนดูสักตั้ง
หลังจากนั้นคณะหมู่เขาเด็กบ้านนอก 3
คน ครูบ้านนอก เพื่อนครู
และคณะพรานมือฉมังก็ควบมอเตอร์ไซด์ห้างไปตามถนนยางต่อ (ดีหน่อยที่ไม่เป็นทางลูกรังเหมือนในเพลง
ขอขอบคุณ อบต. ครับ)
บริเวณนี้เป็นท้องนาเขียวขจีสุดสายตาที่วันนี้บรรยากาศดูเศร้าๆ
เนื่องจากฟ้าฉ่ำฝน ส่วนตัวผมแล้วบรรยากาศแบบนี้ผมชอบมาก
เพราะ ทำให้เราได้ประสากับกลิ่นไอดิน รับรู้ความเย็นจากไอฝนได้เต็มๆ
ซึ่งถ้าอยู่เมืองกรุงไม่มีหวัง กำลังดื่มด่ำกำซาบกับสเปร์ย เอ้ยบ่แม่น
กับไอดินได้ไม่นาน เราก็มาถึงที่หมาย ซึ่งมีพื้นที่แค่ 200
ตารางวา เท่านั้น หลังจากถ่ายรูปหวอด
ถ่ายรูปแหล่งที่อาศัยของปลาพอหอมปากหอมคอ
เราก็เริ่มช้อนหาปลากัดโดยพรานมือฉมังทั้งสามที่มากับคณะเรา
ไม่นานนักเราก็ได้ปลากัดมาเชยชม โดยเป็น Betta smaragdina
ที่เป็นปลากัดที่มีการกระจายพันธุ์ในบริเวณภาคอีสานของไทย ในลาว
ตัวผมเองเคยเจอกับเจ้านี่ในจุดที่ไม่คิดว่าจะมี คือที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า
800 เมตร ที่ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ
อย่างไรก็ดีปลากัดชนิดนี้พบได้ในระบบนิเวศภาคอีสานที่หลากหลายตั้ง แต่ท้องนา
พะลานหิน จนถึงภูดอย ชาวบ้านมีการช้อนมากัดกันเป็นบางฤดู
แต่จะไม่นิยมนำมาเลี้ยงหรือเพาะพันธุ์
ตื่นตาตื่นใจกันได้ไม่นาน
เราโดยเฉพาะผมเริ่มมีปัญหาที่อวัยวะสำคัญที่ค้ำชูผมมาตั้ง แต่เดินได้
เพราะบริเวณที่ยืนอยู่ดันเป็นรังมดคันไฟ
คงไม่ต้องบรรยายอารมณ์ความรู้สึก สำหรับปลาอื่นที่เราได้จากที่นี่ ก็มี
ซิวหนวดยาวหางแดง Esomus cf.
metallicus
ลูกครอกปลาช่อน Channa striata
ได้แค่เท่านั้นพญาแถนก็สั่งพญานาคส่งฝนลงมา
ผมเห็นไม่ได้การกล้องหลวงบรรลัยแน่ จึงสั่งหมู่เฮาเซาซะก่อน
รีบเผ่นกลับไปที่บ้านพักนักศึกษา โดยที่นี่ผมได้ถ่ายภาพปลากริม
Trichopsis vittatus
ที่มีสีน้ำเงินสวยไม่ใช่เล่นซึ่งพรานของเราพาไปช้อนมาจากหมายอื่น
คนก่อเรื่อง:
เจ้าโอ๋ วุฒิชัย คูณมี
เจ้าแอ๊ด สุพะชัย เสาศิริ
และ บรรจง ชุ่มเสนา
ขอขอบคุณ:
พรานปลากัดทั้งสาม
และท่านพญาแถน แห่งเมืองแมนสรวง
ที่เมตตาให้ฝนตกรินๆ ไม่มากนัก
more survey ...