: Home : Board : Articles : Expeditions : About us : Privacy Policy :
 

 

จะไปน้ำตกก็ต้องเดินผ่านป่าไผ่นี่ไป

คลองวังเจ้าจุดแรกที่ไปถึงเป็นจุดที่น้ำไหลช้าๆ เอ่อๆ

ลูกปลาพลวง (Neolissochilus sp.) หาอาหารในอยู่ในลำธาร

ลูกปลาจาดหน้ายาว (Paropuntius sp.) เลาะเล็มตะไคร่ที่ขึ้นอยู่บนก้อนหินริมตลิ่ง

เดินทวนน้ำขึ้นไปตรงจุดที่น้ำแรงสักหน่อย

ในน้ำมีฝูงลูกปลาเลียหิน (Garra sp.)มากมาย

และปลาค้อ (Schistura sp.) หน้าตาสีสันน่าสนใจ

ป้ายนี้เขียนว่าจะปรับ 500 บาทสำหรับคนที่ลงไปเล่นน้ำตรงนี้ จ้างผม 5,000 ผมยังไม่ลงเลยครับ

น้ำตกคลองวังเจ้ามองจากด้านบน ส่วน ด้านล่างมองไม่เห็นเลยครับ น่าเสียดาย

แอ่งน้ำขังริมน้ำตก ในนี้มีลูกน้ำอยู่ด้วย ในป่ายุงก็ไข่ตามแหล่งน้ำนิ่งแบบนี้แหล่ะครับ ไม่ใช่ไข่ในลำธาร

ปลาเข็มตัวนี้อยู่ในลำธารกะเค้าด้วย

ต้นบุก (Amorphophallus sp.) ริมทางเดิน

ย่านลิเภา (Lygodium sp.)

Tectaria sp. ใบปกติ (sterile frond) ที่ไม่สร้างสปอร์

Tectaria sp. ใบสปอร์ (fertile frond)

ดอกกระเจียวสีขาว (Curcuma sp.)

ดอกเข้าพรรษา

จิ้งเหลนห้วย (Sphenomorphus maculatus) พบชุกชุมมากที่นี่

ปลาในตลาดเช้าในตัวเมืองจังหวัดกำแพงเพชรเป็นปลาที่จับได้จากแม่น้ำปิงมีความหลากหลายชนิดสูงมากทีเดียว ที่เห็นในภาพนี่มี

แรด (Osphronemus goramy),
สร้อยนกเขา (Osteochilus hasselti),
ซ่า (Dangila sp.),
กะแห (Barbodes schwanenfeldi),
พรม (Osteochilus melanopleura),
กะสูบ (Hampala macrolepidota),
ตะพาก (Hypsibarbus wetmorei),
กาดำ (Morulius chrysophaekadion),
ซิวอ้าว (Luciosoma bleekeri),


 

ปลากระแหบอลลูน(ตัวสั้น) น่าแปลกที่พบ ปลาบอลลูนเยอะพอสมควรในแม่น้ำปิงแถบนี้ เพราะเมื่อปีที่แล้วผมก็พบปลาแก้มช้ำบอลลูนหลายตัวในตลาดเดียวกันนี้

 

 

อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า

 เรื่อง/ภาพ นณณ์ ผาณิตวงศ์

หน้าที่การงานพาผมมาถึงเมืองชากังราว (ชื่อเดิมของจังหวัดกำแพงเพชร) อีกครั้ง คราวนี้เนื่องจากเวลาน้อย ผมเลยหนีไปเที่ยวไกลๆ ไม่ได้ แต่ผมก็มีแผนอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว เพราะทุกครั้งที่ผมขับรถจาก จ. กำแพงเพชร ขึ้นเหนือไปทาง จ.ตาก ป้ายชื่ออุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าก็จะโผล่ออกมาหลอกหลอนอยู่ริมทางเสียทุกครั้งไป กะๆ ดูแล้วจากตัวเมืองกำแพงเพชรไปบนถนนสายเอเซียไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงทางเลี้ยว แล้วหนังสือบอกว่าต้องต่อเข้าไปอีกแค่ ๓๐ กิโลเมตรเท่านั้นก็จะถึงน้ำตกพอดิบพอดี ไม่ไกลๆ ฮ่า ฮ่า ผมแอบวางแผนไว้ในใจเงียบๆ  

แล้วในตอนเที่ยงวันจันทร์หลังจากสะสางงานเสร็จแล้วโอกาสก็เป็นของผม เทปเพลงม้วนใหม่(ของผม แต่เก่าของคนอื่น)ที่เพิ่งซื้อมาจากร้านแบกะดินของวง Queen เปิดดังก้องรถ ปลุกให้ผมคึกคักขึ้นไปอีก และก็เป็นไปจริงตามคาด คือไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็มาถึงทางแยก เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ ๓๐ กิโลเมตรจริงๆ ก็ถึงด่านของอุทยานฯ ไปอีกสักพักก็เจอที่ทำการอุทยานฯผมเลยแวะไปขอข้อมูลของอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าเพิ่มเติมเสียหน่อย

“อ.ช. คลองวังเจ้าได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ ๖๓ ของประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ มีขนาดพื้นที่ประมาณ ๔๖๖,๕๗๔ ไร่ อยู่ในเขต อ.คลองลาน, อ.เมือง จ.กำแพงเพชร และ อ.เมือง จังหวัดตาก

ด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า โดยเฉพาะป่าสักผืนใหญ่ที่หายากในภาคเหนือตอนล่าง ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเช่น น้ำตกคลองวังเจ้า น้ำตกเต่าดำ น้ำตกคลองน้ำแดง และน้ำตกคลองสมอกล้วย ทำให้นักเดินทางรุ่นแล้วรุ่นเล่าเข้ามาเยือนมาสัมผัสความงามที่บริสุทธิ์ของผืนป่าแห่งนี้ไม่ขาดสาย

สภาพภูมิประเทศของ อ.ช. คลองวังเจ้าเป็นเทือกเขาสลับสับซ้อนวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย มีที่ราบอยู่ทางตอนกลางของพื้นที่ ๒ แอ่ง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๓๐๐-๒,๐๐๐ เมตร

สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ คือน้ำตกคลองวังเจ้า (ซึ่งผมกำลังจะไปในวันนี้ เพราะอยู่ใกล้ที่สุด และรถเข้าถึงได้) น้ำตกเต่าดำซึ่งมีทั้งหมด ๓ ชั้น แต่ละชั้นสูงกว่า ๒๐๐ เมตร สวยอลังการณ์แน่ๆ แต่ด้วยความยากลำบากของเส้นทางผมจึงต้องขอบายไปก่อนในคราวนี้ น้ำตกที่น่าสนใจอีกแห่ง คือน้ำตกคลองโป่งซึ่งเป็นน้ำตกหินฉนวนแห่งเดียวของเมืองไทย แต่ถ้าอยากดูต้องเดินป่าเข้าไปถึง ๒ วัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมอดไปอีกเช่นกัน”

ผมจอดรถในลานจอดที่กว้างขวาง แต่วันนี้มีรถผมจอดอยู่คันเดียว (ว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า อุทยานแห่งชาติส่วนตัว) ผมจัดการเปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงผ้าร่มแบบที่ไม่อมน้ำ จัดเตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูป แล้วก็แบกทั้งหมดบนหลัง และอีก ๒ มือเดินตามทางลงสู่น้ำตกซึ่งตอนนี้ได้ยินเสียงซู่ซ่าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะยืนยันว่าฝนไม่ตกมาหลายวันแล้ว แต่กลางหน้าฝนอย่างนี้ผมก็ไม่หวังว่าน้ำจะใส เส้นทางตัดผ่านป่าไผ่โปร่งๆ ในที่สุดก็พาผมมาถึงริมลำธารซึ่งเป็นลานหินขนาดใหญ่ น้ำในลำธารใสใช้ได้เลยทีเดียว ผิดคาดในทางที่ดีแบบนี้ค่อยน่าชื่นใจหน่อย คลองวังเจ้าซึ่งกว้างสัก ๑๐ เมตร วันนี้ใสแจ๊วไร้ซึ่งฝุ่นตะกอน จะมีก็ แต่เพียงติดสีเหลืองๆ ซึ่งเป็นปกติของน้ำตกที่ไหลผ่านป่าดงดิบสมบูรณ์ผ่านซากพืชที่ทับถมกันหลายชั้นแบบนี้ที่จะมีการละลายของสารแทนนินลงมาในน้ำ ทำให้เป็นสีเหลืองๆ ลดค่าความเป็นกรด/ด่างลงมาหน่อย และเป็นสารต่อต้านเชื้อโรคในธรรมชาติอย่างอ่อนๆ ช่วยให้ปลาอยู่สบาย แต่ผมขัดใจในการถ่ายภาพ

ในน้ำฝูงปลาสีเงินๆ กำลัง และเล็มตะไคร่อยู่ริมก้อนหินใหญ่ๆ ทุกครั้งที่มันผลิกตัว เพื่อชอนไชตะไคร่เกล็ดสีเงินก็จะสะท้อนกับแสงอาทิตย์มาเข้าตาผม ปลาตัวสีเงินๆ แบนข้างเล็กน้อยหัวแหลมๆ อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำไหลแบบนี้ ลูกปลาจาดแน่นอนไม่มีผิดพลาด ที่คลองวังเจ้าแห่งนี้มีจำนวนลูกปลาจาดหนาแน่นที่สุดตั้ง แต่ผมเคยเห็นมา และข้อน่าสังเกตอีกอย่าง คือที่นี่มีลูกปลาพลวงให้เห็นน้อยกว่าปลาจาดมาก (โดยปกติแล้วผมจะพบลูกปลาพลวงมากกว่าปลาจาด)

ผมถอดเสื้อยืดออก มองไปรอบๆ อีกครั้ง ไม่มีคนก็ดีเหมือนกัน ทำอะไรได้สะดวกสบายดี บางครั้งพอมีนักท่องเที่ยวมากๆ แล้วผมไปคนเดียว ผมก็ไม่ค่อยกล้าจะทิ้งอุปกรณ์กล้องไปดำน้ำต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง แต่คนเยอะๆ ก็ดีตรงที่มี เพื่อนอยู่ด้วย มาคนเดียวเดี่ยวๆ แบบนี้ต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะถ้าเป็นอะไรขึ้นมาลำบากแน่ๆ แต่เอาเหอะโตจนป่านนี้แล้วบ่นหงุ่มหงิ๋มๆ อยู่ได้ ลงน้ำได้แล้วเฟ้ย

บริเวณที่ผมลงไปจุดแรกเป็นจุดที่น้ำค่อนข้างลึก และไหลเอื่อยๆ ผมว่ายวนไปรอบๆ ก็มี แต่หน้าแหลมๆ เดิมๆ ของพวกปลาเวียน ผมเลยโผตัวออกไปตรงจุดที่น้ำไหลแรงขึ้น หินก้อนใหญ่ๆ สองก้อนวางขนานไปกับทางน้ำ ซึ่งถูกรีดจนน้ำในช่องนั้นไหลแรงเป็นพิเศษ ลูกปลาเลียหิน (นกกระจอก) ขนาดเล็กๆ สักนิ้วกว่าๆ ตัวกำลังน่ารักหลายสิบตัวเลาะเล็มหาอาหารกันอยู่ (ขนาดพอๆ กับที่มีมาขายที่สวนจตุจักรเป็นปลาตู้ แต่พวกนั้นเป็นปลาที่ได้จากการผสมเทียมครับ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความพยายามที่ดีในการไม่รบกวนธรรมชาติ และเพิ่มผลผลิต เพื่อการส่งออก) ปกติผมไม่เคยเห็นลูกปลาของปลาชนิดนี้เยอะขนาดนี้ในธรรมชาติ รู้ แต่ว่าพวกมันผสมพันธุ์วางไข่ในหน้าฝน มาเจอตัวเยอะๆ ก็คราวนี้เอง ลูกปลาตัวเล็กๆ จะมีแถบสีทอง และดำคาดอยู่พลิกตัวไปมาอยู่ในน้ำที่ไหลเชี่ยว แถมยังเชื่องไม่ตื่นคน ดูสวยงามมาก ผิดกับตัวใหญ่ที่จะกลายเป็นสีเขียวมะกอก และมีลายสีทึมๆ พาดไปตามข้างตัวเท่านั้น

ยังมีปลาอีกชนิดที่ผมตามหา ปลาสกุลโปรดของผม ปลาค้อ ปลาค้อ ปลาค้อ ผมค่อยๆ ลัดเลาะไปตามซอกน้ำไหล เพื่อไปให้ถึงแก่งเล็กๆ ข้างหน้า แล้วในที่สุดปลาค้อตัวแรกก็ปรากฏต่อสายตาให้ผมได้ยินดี พวกมันเป็นปลาค้อลายปล้องสีเขียวมะกอกตัดกับสีเหลืองตุ่นๆ ขอบหางทั้งบน และล่างมีสีแดงเรื่อยๆ ที่ต้นครีบหลังมีจุดประสีแดง-ดำ เป็นลายคลาสสิคของปลาค้อ ซึ่งมีลักษณะอย่างนี้หลายชนิดมากๆ เกินปัญญาผมจะเดาได้ จึงต้องทำการเก็บตัวอย่างถ่ายรูปกับมาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบต่อไป

ผมเกาะหินเฝ้าดูพวกปลาค้อตัวเล็กใหญ่อยู่พักใหญ่ เมื่อเงยตัวขึ้นก็พบว่ามีวัตถุยาวๆ รีๆ และเปียกๆ พาดอยู่บนหัว และไหล่ ผมตกใจรีบสะบัดออกแล้วก็พบว่าวัตถุดังกล่าวคืนเถาวัลย์ที่ขาดลอยน้ำมาหลอกให้ตกใจเล่น

เนื่องจากจุดที่ผมลงมานี้เป็นจุดเหนือน้ำตก ผมเลยขึ้นจากน้ำแล้วก็กระโดดฉึบๆ ไปบนลานหิน ข้ามน้ำเล็กๆ อีก ๒-๓ ทีก็มายืนอยู่ตรงจุดที่น้ำตกคลองวังเจ้าตกลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่าง ป้ายเหนือน้ำตกติดไว้อย่างเอาการเอางานว่า (น้ำลึกห้ามลงเล่น ฝ่าฝืนปรับ ๕๐๐ บาท) มองดูแล้วคนจะลงไปเล่นตรงจุดนี้ไม่โง่มากๆ ก็บ้าแน่ เพราะน้ำไหลเชี่ยวจนขาว และตกลงไปอีกตั้ง ๒๐ กว่าเมตร อย่าว่า แต่ปรับ ๕๐๐ บาทเลยครับ จ้างให้ผมลงไปเล่น ๕,๐๐๐ ผมยังไม่ลงเลย

ผมยืนอยู่บนหน้าผามองลงไปด้านล่างเห็นมีหาดเล็กๆ อยู่ เล็งดูว่าจากมุมนั้นน่าจะเห็นน้ำตกได้ชัดเจน นึกแปลกใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงทำทางให้มาโผล่อยู่เหนือน้ำตก ผมเลยคว้ากล้องตัวเก่ง ลองเดินอ้อมลงไปดู แต่ก็ปรากฏว่าไม่ได้เรื่อง เพราะน้ำตกทำมุมหลบอยู่ในซอกหินอย่างน่าเสียดาย แต่การลงมาก็ไม่ถือว่าเสียเที่ยวซ่ะทีเดียว เพราะริมทางเดินมีเฟิร์นสวยๆ ขึ้นอยู่หลายต้น นอกจากนั้นยังมีต้นไม้กลุ่มที่ผมสนใจอย่างต้นบุก, ต้นเข้าพรรษาดอกสีเหลือง และดอกกระเจียวสีขาวต้นเล็กๆ แถมที่หน้าผาหินที่ผมลงมายังมีซอกเหลือบพอสมควรดูแล้วน่าจะเป็นที่อยู่ของจิ้งจก,ตุ๊กแก,ตุ๊กกาย, และ สัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ ได้ดีผมเลยเล็งไว้ว่าพลบค่ำเมื่อไหร่จะลองมาสำรวจดูเสียหน่อย

เริ่มเย็นแล้ว ผมกลับไปดำน้ำเล่นอีกครั้ง คราวนี้ผมพบว่าปลาค้อหลายตัวย้ายมาหากินกันอยู่บริเวณที่น้ำไหลเอื่อยๆ เป็นฝูงกับพวกปลาเวียนในขณะที่ตรงจุดน้ำเชี่ยวมีตัวน้อยลง (ก่อนหน้านี้ตอนช่วงบ่ายผมไม่เห็นปลาค้อในบริเวณน้ำไหลเอื่อยๆ เลย) พื้นน้ำบริเวณดังกล่าวเป็นทรายเม็ดหยาบๆ ถึงแม้ผมจะค่อยๆ เดินก็ ทำให้ทรายปลิวขึ้นมาเสียทุกครั้ง หลังจากเดินวนดูไปรอบๆ ผมก็พบว่าฝูงลูกปลาเวียนว่ายตามหลังผมไปเรื่อยๆ คอยรอเก็บกินอาหารที่ผมเตะฟุ้งขึ้นมา ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเจ้าทุยที่นกเอี้ยงเกาะหลังรอให้ลุยหญ้าให้แมลงตื่นออกมาให้จับกินเหลือเกิน

เริ่มเย็นมาก ผมนำอุปกรณ์ดำน้ำ และอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นในการเดินสำรวจตอนกลางคืนไปเก็บรถแล้วก็ถือโอกาสงีบรอเวลาอยู่ตรงท้ายรถนั้นเอง

ผมตื่นขึ้นมา เพราะเสียงบีบแตรรถดังลั่นจากบนถนน ลุกขึ้นมาจึงเห็นรถของเจ้าหน้าที่กำลังขับผ่านไป และมองมา พี่เค้าคงเห็นผมนอนท่าแปลกๆ และหวงว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่าเลยลองบีบแตรเรียกดู (ผมคิดว่านะ) ผมเลยโบกไม้โบกมือกลับเป็นการบอกว่าสบายดี และขอบคุณที่เป็นหวง (ซึ่งผมคิดว่าเจ้าหน้าที่คงเข้าใจ) ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว และพระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว แต่ยังไม่มืดสนิท ผมซึ่งกล้าๆ กลัวๆ แต่ความบ้ามีมากกว่าเลยเดินย้อนกลับลงไปทางด้านใต้น้ำตก เพื่อเป็นการเตรียมตัว( เพราะส่องขึ้นเห็นชัดกว่าส่องลง)

ผมเลือกนั่งอยู่บนหินริมน้ำก้อนหนึ่งนั่งหลับตาฟังเสียงน้ำตกกับเสียงไม้ไผ่ที่เสียดสีกันดังเอี๊ยดอ๊าดเป็นระยะ เสียงแซกซากในพงหญ้าข้างๆ ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมาพบกับลูกจิ้งเหลนห้วยตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง บนฟ้า ค้างคาวขนาดเล็กมากๆ กะประมาณด้วยสายตาความยาวสองข้างปีกไม่น่าจะเกิน ๓-๔ นิ้วบินฉวัดเฉวียนไปมาอยู่หลายตัวดูเผินๆ จะคล้ายผีเสื้อมากกว่าค้างคาวด้วยซ้ำไป นี่ถ้าเป็นแถว อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี ผมคงฟันธงไป แล้วว่าเป็นค้างคาวคุณกิตติ แต่นี้ดันเป็นป่าในจังหวัดตาก ผมก็เลยจนใจไม่ทราบชนิดต่อไป

หนึ่งทุ่มตรง มืดสนิทแล้ว ผมเริ่มเดินขึ้นหน้าผาไปทีละขั้นๆ ส่องไปรอบๆ อย่างละเอียดลออ แต่ก็ไม่เจอตัวอะไรน่าตื่นเต้นนอกจากตั๊กแตน ตามป่าไผ่ก็ไม่มีตัวอะไรโผล่ออกมาให้เห็น ผมซึ่งปอดๆ อยู่แล้วก็เลยตัดสินใจกลับดีกว่า

 

ขอขอบคุณ

พี่หมี, พี่แทน (fernsiam.com), และ น้องป๊าก สำหรับ ID ครับ

 

more survey ...

 

www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org