ดงวี่
ห้วยมหัศจรรย์กลางป่ามรดกโลก
เรื่อง/ภาพ:
นณณ์ ผาณิตวงศ์
ผมยืนกระโดดดึ๊งๆ อยู่บนหาดกรวดริมห้วยดงวี้ ด้วยความดีใจ
เมื่อเห็นปลาน้อยใหญ่มากมายแหวกว่ายอยู่ในห้วยขนาดกลางสายนั้น
หลังจากที่คณะทอดกฐินสามัคคีเดินทางกันบนรถออฟโรดมาได้เป็นวันที่ ๓
แล้ว ก่อนหน้านี้คณะของเรา ซึ่งประกอบไปด้วยคุณพ่อของผม
เพื่อนคุณพ่อหลายท่าน และ รถท้องถิ่น รวมแล้ว ๗
คันได้เริ่มออกเดินทางจากอำเภอสังขละบุรีในจังหวัดกาญจนบุรี
ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น
มีหมู่บ้านชนพื้นเมืองอยู่ด้วยกันหลายแห่ง
เส้นทางติดต่อกับโลกภายนอกของพวกเค้าเหล่านั้น คือถนนดินที่ตัดผ่านหุบเขา
หน้าผา และแม่น้ำ ระยะทางหลายกิโลเมตร
คดเคี้ยวไปในป่าหลากหลายประเภท ในหน้าฝน
เส้นทางเหล่านี้จะกลายเป็นดินโคลนเฉอะแฉะ มี แต่รถที่ แต่งมาอย่างดี
หรือคนที่มีฝีมือ และประสบการณ์เท่านั้นถึงจะฝ่าฟันเข้าไปได้
เพราะนอกจากรอยล้อรถในหน้าฝน
น้ำฝนที่จะกัดเซาะถนนจนเป็นล่องลึกแล้ว
บางครั้งต้นไม้ก็อาจจะล้มขวางถนนจนไม่สามารถไปต่อได้
ทุกๆ ปีเมื่อหมดฤดูฝน
กำนัน และผู้ใหญ่ในพื้นที่จะร่วมมือกันกับชาวบ้าน แต่ละหมู่บ้านร่วมกันซ่อมแซมถนนสายนี้ เพื่อให้พวกเค้าได้สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ง่ายขึ้น
และในทางกลับกันก็ เพื่อให้โลกภายนอกเข้ามาติดต่อกับพวกเขาได้ง่ายขึ้น
ทุกปีอีกเช่นกันที่ปัญหาการขาดแคลนเครื่องมือพื้นฐานในการซ่อมแซมถนนเช่น
จอบ เสียม มีดพร้า
หรือแม้ แต่พลังงานง่ายๆ อย่างบะหมี่สำเร็จรูปที่จะใช้เลี้ยงชาวบ้านที่มาช่วยกันมักจะเป็นปัญหาที่ ทำให้งานซ่อมช้า และไม่สมบูรณ์
พวกเราทราบปัญหานี้แล้วจากการไปเยือนทุ่งใหญ่ฯเมื่อปีที่แล้ว
ปีนี้หลังหมดหน้าฝน
เราจึงติดต่อกับกำนันในท้องถิ่น เพื่อบริจาคอุปกรณ์จำเป็นง่ายๆ พวกนี้ให้กับชาวบ้าน เพื่อที่การซ่อมแซมถนนจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น และเรียบร้อย
เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ทั้งชาวบ้าน และแขกต่างถิ่นอย่างพวกเรา
ปีนี้นอกจากฝั่งไทยแล้ว
เรายังวางแผนจะเข้าไปเยี่ยมประเทศ เพื่อนบ้านด้วย
วันแรกของการเดินทางครั้งนี้ ช่วงเช้าเราแวะทอดกฐินที่วัดเกาะสะเดิ่งซึ่งเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยญ
(พวกเค้าก็เรียกตัวเองว่า กะเหรี่ยญ ไม่ใช่ กะเหรียง) กลางป่า
ในคืนแรกเราแวะพักที่หน่วยพิทักษ์ป่าลังกา ริมลำน้ำกษัตริย์
ซึ่งผมได้เขียนถึงไปแล้ว และในคราวนี้ก็ไม่ได้พบปลาใหม่ที่น่าสนใจจะเขียนซ้ำ
วันที่ ๒
เราเริ่มเข้าเขตพม่าซึ่งชายแดนในช่วงนี้เป็นรั่วไม้ไผ่ และป้ายเก่าๆ อันเดียวบอกไว้
เราทำบุญที่วัดพม่าซึ่งอยู่ในหมู่บ้านชายแดน
จากนั้นก็พยายามจะเข้าไปทำบุญในหมู่บ้านพม่าลึกเข้าไปตามที่ทางเจ้าอาวาศวัดกองหม่องทะ
ซึ่งร่วมขบวนมากับเราด้วยได้ติดต่อไว้แล้ว
กับทหารพม่าที่คุมชายแดนอยู่ แต่โชคร้ายที่ทหารชุดที่เราติดต่อไว้
ได้เปลี่ยนเวรไปโดยที่ไม่ได้ฝากเรื่องไว้กับทหารชุดใหม่
จน ทำให้คณะของเราซึ่งทะเล้อทะล้าขับเข้าไปในเขตแดนของ เพื่อนบ้านโดนกักตัวอยู่ในประเทศพม่าโดยทหารที่ถือปืนกลกระบอกโตห้อยลูกระเบิดเต็มเอวนั้บสิบคน
กลางแดดเปรี้ยงๆ ของดงไผ่แล้งๆ ถึง ๗ ชั่วโมง
ท่ามกลางความอึดอัด,ความไม่แน่นอน
และความที่พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง จะคุยกันทีต้องผ่านล่ามถึง ๒ ต่อ
คือ จากพม่าเป็นกะเหรียญ จากกะเหรียญเป็นไทย
ในที่สุดทหารพม่าก็ปล่อยตัวพวกเรากลับฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพเมื่อตอนใกล้ค่ำ
การเดินทางที่ตั้งใจว่าจะเข้าไปในเขตพม่าจึงต้องยุติไปเท่านั้น
หันหัวกลับเข้าไปในเขตไทย คืนที่ ๒
เรานอนพักกันที่หน่วยพิทักษ์ป่าจะแก ซึ่งลำธารเล็กๆ ที่ไหลผ่านแคมป์เป็นส่วนหนึ่งของลำน้ำสุริยะที่เราไปไม่ถึง
ปลาที่พบในลำธารสายนั้นคล้ายๆ กับปลาในลำน้ำกษัตริย์
จึงไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนักนอกจากปลาติดหิน ๒-๓
ตัวที่เกาะนอนอยู่ตรงจุดที่เป็นน้ำตกเล็กๆ เชี่ยว และชันเกือบ ๔๕
องศา
หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้วในคืนนั้นผมก็เข้านอนไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในเต็นท์หลังเล็กๆ ของตัวเอง
ในเตนท์ถัดไปเสียงพี่หมี (อ.ชัยวุฒิ กรุดพันธ์)
มัจฉามิตรที่ร่วมเดินทางด้วยกันหลายครั้งแล้วนอนกรนครอกๆ ไปเรียบร้อยแล้ว
กำลังจะเคลิ้มๆ
ผมก็ต้องลืมตาขึ้น เพราะเสียงโวยวายจากนอกเต็นท์ของชาวคณะ
เฮ้ย
งูๆ ๆ ๆ ระวัง
เสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้น แล้วก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาที่เต็นท์ผม
บอกว่าเจองูสามเหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ภายในบริเวณที่ตั้งแคมป์
อยากให้ผมไปถ่ายรูป ผมหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
คว้ากล้องได้ก็ออกไปถ่ายภาพเจ้างูสามเหลี่ยมตัวนั้นไว้
จัดการใช้ไม้ยาวๆ เขี่ยให้มันพ้นทางออกไปนอกบริเวณแคมป์
แล้วคืนนั้นผมก็หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
วันรุ่งขึ้นเป้าหมายของเรา คือห้วยดงวี้
ซึ่งในการมาทุ่งใหญ่นเรศวรเมื่อปีที่แล้ว
เราได้ แต่ขับผ่านไปโดยมีผมนั่งลิ้นห้อยอยู่ในรถด้วยความเสียดาย
บ่ายคล้อยวันที่ ๓ หลังจากที่กระเด็นกระดอนมาในรถบนเส้นทางที่แสนทุรกันดาลระดับปราบเซียนของทุ่งใหญ่นเรศวรซึ่งถ้าเป็นหน้าฝนคงลำบากกว่านี้มาก
สองข้างทางตอนนี้เป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่บนเนินเขาสูงเกือบพันเมตรจากระดับน้ำทะเล
ต้นไม้เด่นๆ คือต้นปรง และต้นเป้ง มีไม้ใหญ่พวกเต็ง,รัง,
เสี้ยวดอกขาว และ โมกหลวง สลับเป็นหย่อมๆ
บางจุดเพิ่งโดนไฟป่าเผาพลาญกำลังมีหญ้าระบับขึ้นสีเขียวอ่อนตัดกับถ่านขี้เถ้าสีดำๆ
หญ้าอ่อนๆ พวกนี้สัตว์ชอบกินมากซึ่งถ้าผ่านมาส่องไฟตอนกลางคืนอาจจะได้เห็นสัตว์ใหญ่
อย่างกระทิงบ้าง
แต่เราก็ไม่อยากจะรบกวนสัตว์ให้มากนัก เพราะที่นี้เป็นบ้านของพวกเขา
ในขณะที่พวกเราควรจะทำตัวเป็นแขกที่ดีไม่จุ้นจ้านจนเกินเลย
ปรง และเป้งที่ถูกไฟไหม้ ทิ้งใบเก่าแล้วก็แตกใบใหม่ที่ส่วนยอด
ไม้ใหญ่วิวัฒนาการคู่กับไฟป่าให้มีเปลือกหนา
จึงไม่เป็นอันตรายอะไรมากนัก
พวกเราหยุดรถเป็นครั้งคราว เพื่อดูฝูงชะนีที่อยู่ต้นบนไม้สูงริมทาง
บางครั้งก็มีนกกาฮัง นกเงือกขนาดใหญ่เกาะอยู่บนต้นไม้
เก้งวิ่งตัดหน้ารถเราไป ๒-๓ ครั้ง อีกไม่นานเราก็มาถึงห้วยดงวี้
เป้าหมายของเราในวันนี้
จอดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เลยพี่
ผมตะโกนลั่นรถบอกพี่คนขับซึ่งวันนี้ผลัดเวรกับผมหลังจากที่ผมขับจนเมื่อยมาแล้วถึง
๒ วัน ขณะนั้นรถกำลังแล่นผ่านลำห้วย เพื่อไปที่จุดตั้งแคมป์อีกฝากหนึ่ง
ผมเปิดประตูกระโดดลงไปยืนอยู่กลางลำห้วยสัมผัสกับน้ำใสไหลเย็นผ่านเท้าไป
ลูกปลาพลวงตัวเล็กๆ ฝูงใหญ่ว่ายผ่านไป ปลาซิวใบไผ่ตัวใหญ่ๆ
อีกฝูงว่ายตามหลังมาติดๆ บนพื้นกรวด ปลาค้อกำลังก้มหน้างุดๆ ๆ ๆ
หาอาหารกินกันอยู่ ผมเดินทวนน้ำขึ้นไปตรงหินใหญ่วักน้ำล้างหน้า
แล้วก็พบว่าในบริเวณนั้นมีปลาค้อขนาดใหญ่สีสวยอีกหลายสิบตัวหาอาหารกันอยู่เต็มแก่งไปหมด
ผมค่อยๆ เดินไปสำรวจที่ตื้นๆ บ้างก็พบว่ามีปลาค้ออีกชนิดอาศัยหากินอยู่
ผมตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า กระโดดดึ๊งๆ ๆ อยู่ริมหาดกรวดแห่งนั้น
สุดยอดๆ ๆ ๆ ๆ
ผมบอกพี่หมี
เมื่อพี่หมีตามมาสมทบหลังจากรถได้ไปจอดในที่ๆ สมควรจอดแล้ว
หลังจากรอให้รถของชาวคณะทุกคันจอดกันเข้าที่เรียบร้อยแล้ว
ผมก็รีบไปจัดแจงกางเต็นท์ของตัวเองให้เรียบร้อย
เนื่องจากเป็นเต็นท์เล็กๆ ที่ไม่มีอะไรวิลิสมาหร่ามากนัก
ผมจึงใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
ด้วยความกลัวว่าแสงจะหมดเสียก่อน
ผมจึงเรียบเปลี่ยนกางเกงจากขาก๊วยเป็นขาสั้นผ้าร่มแบบที่เปียกน้ำแล้วแห้งง่าย
ส่วนเสื้อนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นเสื้อยืดตัวเก่าที่หนาสักหน่อย
จัดแจงคาดสายรัดส้นรองเท้าแตะให้แน่นแล้วผมก็พร้อมที่จะลง
ดำน้ำ
ดูปลา คุณอาจจสงสัยว่าทำไม้ผมถึงใส่เสื้อลงดำน้ำ แหะ แหะ
พุงของกระผมนั้นนับวันก็ชักจะมากขึ้นทุกที
หินตามลำธารบางจุดก็คมเสียด้วย
ดังนั้นการใส่เสื้อ และสวมรองเท้าป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็นครับ
โดยเฉพาะตามแก่งน้ำไหล
ซึ่งไม่รู้ว่าจะเสียหลักโดนพัดเอาพุงไปขูดหินเมื่อไหร่
แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้น
ผมเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าลืมนำหน้ากากดำน้ำมาด้วย
พี่หมีคร๊าบ
ผมลืมเอาหน้ากากดำน้ำมา พี่หมีเอามาหรือเปล่า?
ผมหันไปถามพี่หมีที่จัดของอยู่ข้างๆ
เต็นท์ของพี่หมีนั้นเป็นแบบที่มีลวดเป็นแกน แกะออกมาจากซองแล้ว
สะบับพรึบเดียวก็เป็นเต็นท์แล้ว
ตอนนี้ท่านพี่เลยกำลังจัดของอยู่ในขณะที่ผมยังทิ้งไว้ในรถก่อน
มีนณณ์
แต่ไม่มีท่อหายใจนะ
พี่หมีตอบ ซึ่งก็ผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก
เพราะเคยไปดำน้ำลำธารเล่นกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
โดยที่พี่หมีไม่ชอบใช้ท่อหายใจ แต่ชอบกลั้นใจเอามากกว่า
ในขณะที่ผมกลั้นได้ไม่ทนนัก แต่ก็เอาน่า ดีกว่าไม่มีเอาเสียเลย
ในลำห้วยดงวี้ น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา แหวกว่ายธาราอยู่ไหวๆ
ผมเดินไปตรงจุดที่น้ำลึกเกือบถึงเอว แล้วค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ
ค่อยๆ ปรับตัวให้ชินกับอุณหภูมิแสนเย็นเจี๊ยบของน้ำ
จะตื่นเต้นอยากดูปลาแค่ไหน แต่ยังไงๆ น้ำก็ยังหนาวเกินไปอยู่ดี
แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อโดนสาดน้ำโครมใหญ่มาจากด้านหลัง
หันไปเจอพี่ยุลูกน้องชาวมอญที่อยู่กันมานานยืนยิ้มเผล่อยู่บนหาดกรวดใกล้ๆ
คุณนณณ์ชักช้าไม่เปียกสักที
ผมจัดการให้เอง
ว่าแล้วก็ยืนยิ้มฟันขาวตั้งท่าจะสาดอีกรอบ
แต่ผมรู้ทันรีบชิงนั่งลงไปยอมเปียกเองเสียดีกว่า
อู้ยยยสสสสส
ผมใช้เวลาอยู่สักพัก ปรับตัวให้เป็นสัตว์เลือดเย็น
แล้วก็ค่อยๆ เริ่มแหวกว่ายดูปลาในห้วยดงวี้
ปลาที่เด่นๆ ในลำธารต้นน้ำก็ยังเป็นปลาในกลุ่มปลาค้อเหมือนเคย
ที่ห้วยแห่งนี้ มีค้อหน้าตาสีสันแปลกๆ อยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กๆ เพรียวบางลายสีเท่าสลับเหลืองหม่นๆ
โดยมีแถบสีทองจางๆ พาดกลางลำตัวที่มักจะเกาะหากินอยู่บนยอดหินในจุดที่น้ำไหลแรงผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นปลาค้อชนิดไหนกันแน่
ปลาค้ออีกชนิดมีลำตัวเป็นลายปล้องขนาดใหญ่ สีเหลืองสลับเขียว
หางสีส้มเรื่อยๆ พวกนี้ตัวใหญ่กว่าชนิดแรกมาก
และหากินอยู่ในส่วนล่างของลำธารที่เป็นพื้นกรวดมากกว่าไม่ใคร่ขึ้นมาเกาะตามยอดหินหรือชายหินมากนัก
ในบริเวณเดียวกัน
ปลาค้อตัวที่สวยที่สุดในลำธารแห่งนี้ก็กำลังหากินอยู่
ปลาชนิดนี้ผมเจอหลายครั้งแล้วในลำธารแถบต้นแม่น้ำแม่กลอง
แต่ที่นี้พวกมันตัวใหญ่มาก
ด้วยลายสีน้ำตาลเข้มที่เป็นซี่กรงถี่ๆ ในช่วงหลังเหงือก
แล้วค่อยๆ กลายเป็นซี่กรงที่ห่างขึ้น
ส่วนหลังของพวกมันเป็นสีทองประกายระยิบระยับเมื่ออยู่ในน้ำ และเมื่อบวกกับหางสีแดงสดใส
เจ้าพวกนี้จึงกลายเป็นปลาค้อที่สวยที่สุดสำหรับผมในห้วยแห่งนี้
ตรงจุดที่ตื้นขึ้นไปอีกใกล้ๆ กับหาดกรวดตรงจุดที่น้ำไหลไม่แรงมากนักมีปลาค้อลวดลายอีกแบบอาศัยอยู่
พวกมันมีลายเป็นตารางๆ สีน้ำตาลอ่อนๆ ไม่เด่นอะไรนัก
ผมดำไปได้สักพักก็รู้สึกว่าการดำโดยไม่มีท่อสายใจนั้นเหนื่อยมาก
เพราะต้องกลั้นหายใจทีละนานๆ
ว่าแล้วผมก็เลยไปเรียบๆ เคียงๆ บริเวณที่ตั้งแคมป์ของคณะถามหาสายยางว่าใครมีบ้าง
พลางตาก็เหลือบไปเห็นสายยางท่อเตาแก๊สไปถามเรียบๆ เคียงๆ ดู
แต่พ่อครัวหัวป่าจำเป็นของคณะเราก็แยกเขี้ยวบอกว่าห้ามแตะต้องเด็ดขาดพลางยกอีโต้ที่กำลังหั่นเนื้อขึ้นมากวัดแกว่ง
เห็นท่าจะไม่ดีผมก็เลยหันไปพึ่งสายยางเติมน้ำมันรถแทนซึ่งก็ได้ผลเมื่อถามไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามีของคันหนึ่งที่เป็นสายยางใหม่ และยังไม่ได้ใช้
ผมจัดการตัดสายยางให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
มัดสายยางที่ว่าไว้กับสายแว่นดำน้ำด้วยหนังยางแล้วก็เริ่มดำน้ำต่อ
คราวนี้ผมดำได้นานขึ้น เพราะมี
ท่อหายใจ
แล้ว แต่ปัญหาใหม่ก็ คือปกติท่อหายใจมันจะโค้งๆ มาเข้าปากพอดี
แต่ท่ออันนี้กลับแข็งทื้อ ผมเลยต้องอมเฉียงๆ จนปากแทบฉีก
ตอนหลังพี่หมีก็ตามมาร่วมวงดำน้ำเย็นกับเค้าด้วย
ในขณะที่น้องๆ เยาวชนรุ่นประถมลูกๆ เพื่อนของคุณพ่อผมที่มาเที่ยวกับคณะด้วยก็พบความสุขด้วยการสาดน้ำใส่ผมที่กำลังดูปลา
บางครั้งก็ตักน้ำมาหยอดลงไปตามสายยางจนผมต้องโผล่ขึ้นมาสาดสู้อย่างดุเดือดจนแตกกระเจิง
ว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เจ้าปลาม่ำพม่าขนาดใหญ่ที่ผมเห็นโฉบกินตะไคร่อยู่บนหินก้อนใหญ่ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เอาเสียเลย
พวกมันดูจะเป็นปลาที่ตื่นที่สุดในลำธาร
(หรือถ้ามีชนิดที่ตื่นกว่าผมก็คงไม่ได้เห็นมันอยู่แล้ว)
ปลาพวกนี้เมื่อตอนอยู่บนหาดกรวด
ผมเห็นพฤติกรรมกินตะไคร่ๆ แปลกๆ ของพวกมัน
นั่นก็ คือการลอยตัวอยู่เหนือหินแล้วสะบับหัว
โฉบ
ลงไปกินตะไคร่เป็นแนวๆ เฉียงๆ
ไม่เหมือนการกินตะไคร่ของปลากินตะไคร่ทั่วๆ ไปที่จะใช้ปากดูดๆ ๆ ๆ ไปเรื่อยๆ
น่าเสียดายที่พวกมันตื่นเกินกว่าที่จะยอมให้ผมดูใต้น้ำว่าพวกมันทำอะไรกันแน่
จะมีก็เพียงกลุ่มลูกปลาม่ำตัวเล็กๆ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจโฉบตะไคร่มากนัก
แต่กลับมาหากินอยู่กลางน้ำ
กินอะไรต่อมิอะไรที่ลอยมากับน้ำเท่านั้นที่ยอมให้ผมดูพวกมันใกล้ๆ
นอกจากปลาม่ำแล้ว
ปลาโหลๆ ประจำลำธารก็มีพวกปลาซิวใบไผ่ที่เป็นโรคจุดดำๆ กันเกือบทุกตัว
ผมเองก็ไม่ทราบว่าพวกมันเป็นโรคอะไรกันแน่
และโรคนี้ก็เป็นโรคที่ไม่คุ้นเคยนักสำหรับปลาตู้
ปลาพลวงก็มีอยู่ตั้ง แต่ตัวเล็กๆ ไปจนถึงตัวเป็นฟุต
ปลาพลวงก็เช่นกันที่ผมสังเกตว่าตัวเล็กๆ จะไม่ใคร่กลัวผมมากนัก
แต่ยิ่งตัวโตก็จะยิ่งไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้มากขึ้นเหมือนเจ้าปลาม่ำ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ห้วยดงวี้เมื่อมองมาจากที่ราบบนทุ่งใหญ่นเรศวรก่อน
จะเห็นว่าเป็นห้วยที่ไหลอยู่ในหุบเขา สองข้างเป็นหน้าผาสูงชัน
ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาทึบ และดูเขียวชะอุ่มอยู่เป็นดง
แตกต่างจากบริเวณรอบข้างที่บัดนี้แห้งแล้งจนเกิดไฟป่าไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
และด้วยความที่อยู่ในหุบเขานี่เอง บริเวณห้วยดงวี้จึงมืดเร็วกว่าปกติ
เพราะพอพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาเมื่อไหร่ก็เรียบร้อยเมื่อนั้น
ผมเลิกดำน้ำดูปลา เพราะแสงเริ่มน้อยลง และก็เริ่มหนาว
ถือโอกาสถูสบู่สระผมเรียบร้อยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าคว้าไฟฉายมาเดินดูปลาต่อให้เป็นที่แปลกใจแก่ เพื่อนร่วมคณะหลายคนว่าทำไมผมถึงจะบ้าขนาดนั้น
พี่ครับคนบ้ามีหลายแบบครับ
ผมบอกพี่คนหนึ่งที่ชอบดูพระเครื่อง
เออก็จริงหว่ะ
นี่ได้พระมาจากหมู่บ้านกระเหรียญเมื่อวาน
พี่นั่งดูอยู่เกือบเที่ยงคืนแหน่ะ
ช่วงใกล้ค่ำฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา ถ้าตกหนักจริงๆ
นอกจากจะ ทำให้ถนนเละตุ้มแป๊ะเดินทางยากแล้ว
คืนนี้เราอาจจะไม่มีที่นอนกันก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ล้วนแล้ว แต่เป็นเตนท์ที่กางอยู่กับพื้นดินทั้งสิ้น
คณะของเราต่างคนต่างก็มองขึ้นฟ้า เอามือลองฝนลุ้นขออย่าให้ตกลงมาแรงเลย
ผมแอบเห็นหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดกองหม่องทะ
ยืนอยู่ริมลำธารด้านเหนือสุดซึ่งท่านไปปักกรดอยู่ หลับตา
มือขวาชี้ขึ้นฟ้า วนไปวนมาที่ลำดับไหล่
ปากก็พึมพำ แต่ผมอยู่ไกลเกินกว่าที่จะได้ยิน
ผมไม่กล้าเข้าไปถามว่าท่านทำอะไร
แต่ให้เดาก็คงรู้ว่าท่านเองก็ไม่อยากให้ฝนตกเหมือนกัน
ใครบางคนในกลุ่มเรา มีนาฬิกาแบบที่สามารถพยากรอากาศได้บอกว่าไม่ต้องห่วง
นาฬิกาของเค้าบอกว่าฝนจะไม่ตก แต่อีกไม่นานฝนก็เริ่มตกหนักขึ้น
นาฬิกาบอกว่ายังไงบ้างครับตอนนี้?
ผมถาม ยังบอกว่าฝนจะไม่ตกเหมือนเดิมครับ
เค้าตอบหน้าตาย จนทั้งคณะหัวเราะกันลั่น
ฝนยังตกพรำๆ ในระหว่างที่เรากินข้าวเย็นกันใต้ผ้าใบผื่นใหญ่ที่จัดกางขึ้น
เย็นวันนี้เป็นวันสุดท้าย
อาหารที่ขนกันเข้ามาจึงถูกนำออกมารับประทานกันอย่างเต็มที่
นอกจากนั้นวันนี้เรายังมี ข้าวไร่หลาม
ที่เผามาในไม้ไผ่จนหอมกลุ่น และหวานอย่างไม่น่าเชื่อโดยไม่มีน้ำตาลด้วย
ข้าวไร่นี้เป็นข่าวที่ชนพื้นเมืองทางแถบนี้นิยมปลูก
เป็นข้าวชนิดที่ไม่ต้องการน้ำขัง
ดังนั้นจึงสามารถปลูกบนเนินเขาโดยไม่ต้องทำขั้นบันไดเลย
เป็นข้าวเม็ดเล็กๆ สั้นๆ ที่มียางมาก มีรสแป้งๆ
และถ้าหุงให้ดีจะมีกลิ่นหอมทีเดียว พอเริ่มอิ่มฝนก็เริ่มหยุด
ต่างคนต่างก็โล่งใจไปตามๆ กันผมอดจะนึกไปถึงภาพหลวงพ่อยืนหลับตาบ่นพึมพำมือชี้ฟ้าไม่ได้
อาจจะบังเอิญ หรืออาจจะได้ผลจริงๆ ก็ได้ใครจะไปรู้
เห็นไหมก็นาฬิกาผมบอกว่าฝนจะไม่ตกก็ไม่ตกจริงๆ
เจ้าของนาฬิกาได้ที
สำหรับผม, พี่หมี และ พี่ยุ
ฝนหยุดท้องอิ่มก็หมายถึงการเริ่มต้นหากบจับปลากันเสียที
ในตอนกลางคืนนั้นปลาบางชนิดที่ตื่นคนจะเชื่องลงอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้เราสามารถจับมันขึ้นมาดูได้ง่ายขึ้น และปลาที่อยู่ในลิสของผมในคืนนี้ก็ คือเจ้าปลาม่ำซึ่งเล่นตัวเหลือเกินเมื่อตอนเย็น
ไม่นานนักผมก็ส่องไฟพบปลาม่ำขนาดสักเกือบๆ ฟุตตัวหนึ่งแอบหลับอยู่ริมหินก้อนใหญ่ในบริเวณที่น้ำไหลแรงพอสมควร
ผมสังเกตว่าปลาม่ำจะชอบอยู่ในบริเวณที่น้ำไหลแรงมากกว่าปลาพลวง
เราจับปลาตัวนั้นขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แล้วผมก็พบว่าปลาม่ำเป็นปลาที่สวยมากทีเดียว
โดยเฉพาะสีเขียวเหลือบชมภูอ่อนๆ ซึ่งกระเดียดไปทางสีของ เรนโบว์เทราท์
ปลาลำธารซึ่งมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ
ด้านปลายสุดส่วนหัวของปลาแทนที่จะเป็นปากกลับเป็นส่วนเนื้อก้อนๆ ที่มีจุดๆ ตุ่มๆ ขึ้นเต็มไปหมด
เจ้าจุดๆ ตุ่มๆ ที่ว่านี้เป็นลักษณะของปลาตัวผู้ขนาดโตเต็มวัยที่พร้อมจะผสมพันธุ์ของปลาหลายชนิด
ส่วนปากที่อยู่ด้านใต้ของส่วนโหนกที่ยื่นออกไปก็ดูโค้งๆ ตลกๆ
ดูแล้วก็ไม่แปลกใจที่ปลาชนิดนี้มีพฤติกรรมกินอาหารแปลกๆ แบบนั้น
อีกสักครู่เราก็จับปลาม่ำขนาดไล่เลี่ยกับตัวแรกได้อีกตัว
ตัวหลังนี่ไม่มีตุ่มๆ ที่ว่าเหมือนตัวแรก และโหนกเหนือปากก็มีน้อยกว่า
น่าจะเป็นปลาม่ำตัวเมีย ปลาอีก ๒-๓
ชนิดที่ผมไม่เห็นตอนดำน้ำเมื่อตอนเย็นที่เราจับได้ก็มี
ปลาตะเพียนน้ำตก, ปลาจาด, ปลาแค้ห้วย และปลากระทิงลาย
นอกจากนั้นเรายังพบกบอีก ๒ ชนิด และจ่งโคร่งตัวใหญ่ด้วย
เช้าวันนั้นคงเป็นการตื่นที่เป็นสิริมงคลมาก เพราะบริเวณที่ผมกางเตนท์อยู่นั้น
ใกล้กับบริเวณที่หลวงพ่อ และพระลูกวัดได้ปักกรดอยู่
ผมนอนฟังเสียงท่านสวดมนต์จำวัดตั้ง แต่ ๖ โมงกว่าๆ
จนท่านสวดเสร็จตอนประมาณ ๗
โมงเช้าจึงตื่นมุดหัวออกมาบิดขี้เกียจนอกเต็นท์
ซึ่งผมมาทราบทีหลังจาก เพื่อนร่วมคณะว่าทุกเช้าท่านจะเริ่มสวดตั้ง แต่ตอนตี
๕ เป็นเช้าที่อากาศดีไม่หนาวจนเกินไปนัก
เสียงชะนีร้องมาจากป่าสูงตรงบริเวณหัวโค้งของลำห้วยห่างออกไปจากจุดที่เราตั้งเตนท์สัก
๒๐๐ เมตร ผมคว้ากล้องได้ก็ค่อยเดินเรียบริมน้ำไปเรื่อยๆ
บางจุดที่น้ำตื้นๆ ผมก็ถือโอกาสลงไปเดินเล่นในน้ำดูปลาเสียเลย
ผมพบว่าตรงบริเวณโค้งแห่งนี้เป็นวังขนาดใหญ่
ปลาพลวงตัวใหญ่มากมายหลายตัวแหวกว่ายช้าๆ
อย่างไม่ขัดเขินผู้มาเยือนมากนัก
ผมลองแกล้งโยนกรวดก้อนเล็กๆ ลงด้านหน้ากลุ่มของพวกมัน
และก็พบว่าพวกมันรีบพุ่งตัวมายังจุดที่หินตกกันอย่างรวดเร็วแสดงว่าคงจะพร้อมกันอยู่เสมอกับอาหารที่จะตกลงมาจากฟ้า
ผมยืนมองอยู่สักครู่แมลงตัวใหญ่ตัวนึงก็บินแป้วๆ ๆ ๆ ๆ
มาตกลงน้ำตรงหน้าของผม และมันก็ถูกปลาพลวงขนาดเล็กที่ว่ายอยู่แถวนั้นจัดการไปด้วยเวลาอันรวดเร็วจนผมไม่ทันมองว่าเป็นแมลงอะไร
เสียง ผั๊วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ของชะนียังดังก้องมาจากหุบเขาด้านบน แต่พยายามมองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
จะนั่งหลบจะยืนเบิ่งก็หาไม่เจอ ในที่สุดผมก็ยอมเดินกลับไปที่บริเวณแคมป์ เพราะพบว่าเริ่มมีการทอดไส้กรอกทำอาหารเช้ากันแล้ว
วันนี้เรามีโปรแกรมจะออกจากห้วยดงวี้ตอน ๑๐ โมงเช้า
ผมจะต้องรีบกินข้าวเช้าให้เสร็จ เก็บเต็นท์เก็บของให้เรียบร้อย
และฉวยโอกาสตอนที่แดดเริ่มพ้นยอดไม้ตอนประมาณ ๙
โมงเช้าในการถ่ายภาพใต้น้ำ
โชคดีที่แสงมาตามนัดจริงๆ ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า
จัดการประกอบกล้องเรียบร้อยก็ชวนพี่หมีไปดำน้ำดูปลากันอีกครั้ง แต่คราวนี้พี่มีส่ายหัว
ขอรอดูผมอยู่บนฝั่งดีกว่า
น้ำตอนเช้าหนาวกว่าตอนเย็น แต่ก็ไม่หนาวเกินกว่าความบ้าของคนๆ หนึ่งที่จะลงไปถ่ายภาพปลา
ผมกัดเจ้าสายยางเติมน้ำมันไว้
กันไม่ให้มันฉีกปากผมแล้วก็ค่อยๆ กลับลงไปสู่โลกใต้น้ำ (ตื้น)
อีกครั้ง
ปลาค้อหลากหลายชนิดยังอยู่ที่เดิม
ผมจัดการถ่ายรูปพวกมันจนครบทุกตัว จึงลองไปถ่ายปลาอื่นๆ ดูบ้าง
แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนักปลาพวกนั้นว่ายเร็วเกินไปที่กล้องดิจิตอลปัญญาอ่อนจะโฟกัสได้ทันในสภาพแสงน้อยแบบนี้
หรือถ้าทันพวกมันก็ว่ายน้ำเร็วเกินไปอยู่ดี
ในที่สุดผมก็เลยมี แต่ภาพเหล่าปลานอนพื้นอีกครั้ง
สิบโมงกว่าๆ ผมก็ยืนอ้อยสร้อย อำลาอาลัยห้วยดงวี้อย่างเสียไม่ได้
วักน้ำล้างหน้าแล้วก็ ปีน
ขึ้นรถออกเดินทางอีกครั้ง
ซึ่งในตอนขากลับนี้ก็มีเรื่องให้ออกแรงบ้างเล็กน้อยเมื่อเราพบว่ามีต้นไม้แห้งขนาดใหญ่ล้มขวางทางอยู่
แต่เราก็เตรียมตัวมีเลื้อยขนาดใหญ่มาด้วย
จึงจัดการต้นไม้ต้นนั้นให้พ้นทางไปอย่างไม่ยากเย็นนัก
ไปได้อีกสักครู่หนึ่ง จากที่เป็นทุ่งหญ้าไฟใหม้ๆ เราก็พบว่าถนนช่วงนี้ค่อยๆ ไต่ลงเขาไปเรื่อยๆ
จากที่เป็นทุ่งหญ้าก็เริ่มเป็นป่าที่มีไม้ใหญ่ขึ้น
แล้วเราก็ได้ตื่นเต้นกันอีกเมื่อรถคันหน้าวิทยุมาว่าพบกวางขนาดใหญ่ถูกเสือกินอยู่ริมถนน
เมื่อรถของผมไปถึง
จึงพบว่าเป็นกวางเพศเมียขนาดโตเต็มวัยที่ตรงท้องถูกกัดกินจนกลวงโบ๋
นอกจากน้ำส่วนก้น และลูกตาก็โดนควักไปด้วย
ซากยังใหม่อยู่มากคะเนว่าคงจะเป็นช่วงหัวค่ำของเมื่อคืนนี้
อาจจะเป็นตอนที่เรากำลังกินข้าวเย็นกันอยู่ ตัวอะไรสักอย่าง
ไล่กวางตัวนี้มาจนมุมที่ริมถนนแล้วก็ลงเขี้ยวกัดกินอยู่ตรงนี้
พวกเรายืนดูอยู่สักครู่จึงพบว่าลักษณะการกินแบบนี้ไม่น่าจะเป็นเสือ เพราะถ้าเป็นเสือโดยปกติแล้วจะกินเนื้อตะโพก และส่วนอื่นๆ ก่อน
นอกจากนั้นเสือไม่ค่อยจะกินในที่โล่งแบบนี้
ส่วนใหญ่เสือจะลากเหยื่อไปกินหลบๆ กว่านี้
แต่กวางตัวนี้กลับมีส่วนเนื้อเหลือยู่ครบถ้วน
มี แต่ไส้ใน และลูกตาที่โดนกินไป เข้าลักษณะการกินของหมาไนมากกว่า
และเราก็สรุปได้อย่างแน่นอนเมื่อพี่หมีพบรอยเท้าหมาไนประทับชัดเจนอยู่บนพื้นทรายกลางถนน
เอ้า
ไม่ตัดตะโพกไปย่างหน่อยเร๊อะ
ใครบางคนแซวขึ้น ไม่เอาหลอกพี่สัตว์มันล่าได้ก็ปล่อยให้มันกินกันไปเถอะ
แล้วนี่มันก็เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้วย
เจอเจ้าหน้าที่เค้าจะได้จับผมให้
ผมตอบ
นี่ถ้ามีเวลาผมอยากจะขัดห้างนั่งดูเหลือเกินว่าจะมีสัตว์อะไรมากินซากกวางบ้าง
คืนนี้ และอีกหลายๆ คืนต่อจากนี้คงจะมีปาร์ตี้บนซากกวางตัวนี้แน่ๆ
ชีวิตในป่าก็อย่างนี้แหล่ะ
ชีวิตหนึ่งสูญเสียไป เพื่อให้อีกหลายๆ ชีวิตได้อยู่รอด
ทางช่วงสุดท้ายเป็นป่าดิบต่ำที่รกทึบ และอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เราก็กลับมาอยู่บนถนนดำอีกครั้งจากป่าทึบตอนนี้เราเห็นการตัดไม้
เผาป่า เพื่อทำกสิกรรมกันจนป่าเหี้ยนเป็นแปลงใหญ่ๆ เห็นแล้วสุดแสนจะเสียดายป่า
เสียงของพี่ชาวกะเหรียญจากรถคันหน้าเรียกมาจากวิทยุสื่อสาร
ดูพื้นที่สองข้างทางตอนนี้นะครับ
เปรียบเทียบกับที่หมู่บ้านกะเหรียญในป่า
ทำไมกะเหรียญถึงเรียนรู้ที่จะอยู่กับป่าได้
อยู่กันมาไม่รู้กี่อายุคนป่าก็ยังอยู่
นั่งในหมู่บ้านก็ยังได้ยินเสียงชะนี เสียงช้าง
แต่ทำไมคนไทยอยู่กับป่าไม่เป็นมาถึงก็ทำลายป่าหมด
ใครตอบผมได้บ้างครับ?
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบจากรถคนไทยคันไหน
more survey ...