งูแสงอาทิตย์ เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่
เขียนโดย knotsnake Authenticated user เมื่อ 17 ตุลาคม 2553
งูแสงอาทิตย์ (Sunbeam Snake: Xenopeltis unicolor)
โดย มนตรี สุมณฑา
กาลครั้งหนึ่ง..นานมาแล้ว มีชาวนาเพื่อนคู่หูอยู่ 2 คนไปงานวัดที่หมู่บ้านใกล้เคียง แล้วตอนดึกชาวนาทั้งสองเกิดไปมีเรื่องกับจิ๊กโก๋เจ้าถิ่นเลยต้องวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงตามคันนาภายใต้แสงจันทร์เดือนเพ็ญจนกระทั่งเกือบมาถึงหมู่บ้านของตน ชาวนาคนนึงก็รู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มที่ข้อเท้า(ที่จริงเป็นกิ่งไผ่สีสุกที่มันเองเอามาโยนทิ้งไว้ตอนไปงานวัด)แล้วก็ล้มลงไปข้างคันนาเพื่อนอีกคนรีบปรี่มาช่วยพลันสายตาก็เหลือบเห็นวัตถุยาวๆสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายรุ้งระยับ
“งูแสงอาทิตย์! กรูโดนงูแสงอาทิตย์กัด”
หลังจากเพื่อนตะโกนออกมาดังนั้นชาวนาคนที่ล้มซึ่งมีอาการของโรคหัวใจเป็นทุนเดิมก็ตกใจหน้าซีด
(ที่จริงซีดตั้งแต่โดนไล่กระทืบแล้ว)หมดสติไปในที่สุดงูแสงอาทิตย์โชคร้ายนั้นก็โดนตีตายและถูกเก็บเป็นหลักฐานว่าทำให้เพื่อนต้องเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ พอหิ้วปีกเพื่อนมาถึงบ้านก็ตะโกนเรียกคนในบ้านให้มาช่วยแล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดให้ทุกคนฟังตามที่ตนเข้าใจพร้อมแสดงหลักฐาน
คืนนั้นชาวนาผู้โชคร้ายมีไข้สูงพร้อมกับเพ้อ ใจสั่น แล้วชีพจรก็อ่อนลงๆครั้นพอแสงอาทิตย์ทอแสงผ่านช่องหน้าต่างบ้านมาโดนผู้ป่วยทุกคนในที่นั้นก็พบว่าชาวนาคนนั้นสิ้นใจแล้ว นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็เป็นที่โจษขานกันปากต่อปากว่า
“หากใครถูกงูแสงอาทิตย์กัดแล้วเมื่อต้องแสงอาทิตย์ แล้วจักต้องตายในทันใด”
ข้างบนนี้เป็นเรื่องที่ผมแต่งจากข้อสันนิษฐานความเชื่อของคนที่มีต่องูแสงอาทิตย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นผมก็ไม่อาจทราบได้รู้แต่ว่าผมได้ยินเรื่องนี้จากคนหลายๆรุ่น หลายๆวัยที่ผมรู้จักไม่ว่าในเมืองหรือชนบทก็ตาม แต่ด้วยความดื้อของผม ก็เลยไม่ยอมเชื่อก็ได้แต่เออออห่อหมกไปตามนั้นก่อน(กลัวโดนตื้บ)จนกระทั่งผมได้เรียนรู้เข้าใจความจริงที่แท้จริงของมันว่าอะไรเป็นอะไรมันต้องกลายเป็นแพะ(ทั้ง ๆ ที่เป็นงู)เป็นนักโทษประหารโดยไม่มีความผิดใดๆทั้งสิ้น...
งูแสงอาทิตย์จัดเป็นงูโบราณจากลักษณะที่ยังคงปอดทั้งสองข้างเอาไว้ซึ่งงูทั่วไปจะเหลือปอดซ้ายเพียงข้างเดียวเพื่อความสะดวกในการเก็บปอดภายในลำตัวแคบๆยาวๆ ด้วยสีตัวดำๆขัดกับชื่อแสงอาทิตย์ที่น่าจะมีสีแดงสดใสจนหลายคนข้องใจแต่เมื่อตัวดำๆนี้ต้องแสงสว่างอย่างแสงอาทิตย์มันกลับส่งแสงทะท้อนออกมาเป็นสีรุ้งคนก็ดันเข้าใจว่าเป็นพญานาคไปเสียอีกอย่างที่ลงเป็นข่าวหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆแต่นั่นแหละ สิ่งนั้นเป็นที่มาของชื่อแสงอาทิตย์นั่นเอง
งูแสงอาทิตย์เป็นงูไม่มีพิษ หัวมีลักษณะแบน ตามีขนาดเล็ก เกล็ดแข็งแรงเป็นมันลื่นลำตัวตั้งแต่คอจรดโคนหางเป็นทรงกระบอกเสมอกันเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เราทราบว่ามัน เป็นงูที่ขุดอาศัยใต้ดินได้เป็นอย่างดีหากดินนั้นร่วนไม่เหนียวหรือแข็งแต่บ่อยครั้งที่มันใช้บริการของหนูเข้าไปอยู่ในรูแล้วก็รวมร่างกับเจ้าของรูเป็นหนึ่งเดียวกัน สีที่ดำสนิทของมันก็บอกว่ามันเป็นงูที่ออกหากินเวลากลางคืนเป็นหลักเพื่อให้ตัวมันกลืนไปกับความมืดส่วนท้องสีขาวนั้นผมก็ไม่ทราบเหตุผล แต่ที่รู้ๆคือมันใช้ชีวิตใต้ดินกับผิวดินดังนั้นมันเลยไม่จำเป็นต้องพลางตัวจากด้านท้องอ้อ..แต่เมื่อยามน้ำท่วมนี่มันก็สามารถขึ้นไปหลบภัยบนต้นไม้ได้เช่นกันหากใครบอกว่างูแสงอาทิตย์ขึ้นต้นไม้ไม่เป็นนี่อย่าไปเชื่อนะ จะบอกให้ ต่อๆๆๆๆงูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ไม่มีพิษแต่มันมีความสามารถในการกินสูงมากๆ กินได้สารพัดจะกินทั้งนก หนู กบ เขียด ลูกไก่ หรือแม้กระทั่งงูเห่าที่มีขนาดเล็กกว่าโดยใช้การซุ่มรอแล้วกัดหรือไล่กัดเอาดื้อๆก็ได้ทั้งนั้นแล้วค่อยโอบรัดจนเหยื่อหมดแรงหรือตายแล้วค่อยกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย ออกลูกโดยการวางไข่แล้วทิ้งไข่ไว้ตามใต้เศษใบไม้แห้งที่ชื้นๆเพื่ออาศัยความร้อนจากขบวนการย่อยสลายซากใบไม้เหล่านั้นในการบ่มฟักไข่ระยะเวลาเกือบสามเดือนนั้นนานพอที่จะให้พัฒนาการของตัวอ่อนในไข่
เป็นตัวงูโดยสมบูรณ์เมื่อมันฟักออกมามันมีลักษณะแทบทุกอย่างเหมือนพ่อแม่ของมันเว้นเพียงแต่ลูกงูนั้นจะมีลายขวั้นที่คอสีขาวๆแล้วค่อยจางลงไปเมื่อมันโตขึ้น
งูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ไม่มีความดุร้ายเลยปฏิกิริยาตอบโต้ของมันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคน มันเลือกการอยู่เฉยเลื้อยหนีหรืออาจมีการขู่ด้วยเสียงคล้ายงูเห่าแล้วทำตัวแบนๆแนบไปกับพื้นโดยไม่มีการกัดเลยไม่ว่ากรณีใดๆต่อให้เอานิ้วแหย่ไปที่ปากมันก็ไม่กัด ด้วยคุณลักษณะเหล่านี้งูแสงอาทิตย์จึงควรเป็นทางเลือกที่สำคัญในการจัดการประชากรหนูเพราะไม่มีกับดักหรือสัตว์ชนิดใดที่มีประสิทธิภาพเท่าโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อระบบนิเวศอย่างแมวนั้นไม่สามารถจับหนูในรูได้ แต่งูแสงอาทิตย์ทำได้ งูเหลือมกับงูเห่าก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนได้แต่งูแสงอาทิตย์นั้นไม่ งูสิงกับงูทางมะพร้าวแม้จะกินหนูนอกรูได้เก่งกว่างูแสงอาทิตย์แต่หลังจากปล่อยเพื่อให้มันกินหนูแล้วก็มักเป็นที่หมายปองของนักเปิบทั้งหลายจนจำนวนงูร่อยหรอลงอย่างน่าใจหายก่อนหนูจะลดลง
เห็นหรือยังว่างูแสงอาทิตย์มีความสำคัญขนาดไหนแล้วเราจะให้ความสำคัญกับมันได้หรือยังที่นอกเหนือไปจากเอามันใส่ในบัญชีรายชื่อสัตว์คุ้มครองของไทยที่เป็นเพียงตัวอักษรบนกระดาษเท่านั้นและให้มันหลุดจากบัญชีรายชื่อแพะที่สำคัญในความเชื่อที่มีกันมายาวนานจนฝังรากในสังคมไทย
มนตรี สุมณฑา
1 พ.ย. 2548
โดย มนตรี สุมณฑา
กาลครั้งหนึ่ง..นานมาแล้ว มีชาวนาเพื่อนคู่หูอยู่ 2 คนไปงานวัดที่หมู่บ้านใกล้เคียง แล้วตอนดึกชาวนาทั้งสองเกิดไปมีเรื่องกับจิ๊กโก๋เจ้าถิ่นเลยต้องวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงตามคันนาภายใต้แสงจันทร์เดือนเพ็ญจนกระทั่งเกือบมาถึงหมู่บ้านของตน ชาวนาคนนึงก็รู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มที่ข้อเท้า(ที่จริงเป็นกิ่งไผ่สีสุกที่มันเองเอามาโยนทิ้งไว้ตอนไปงานวัด)แล้วก็ล้มลงไปข้างคันนาเพื่อนอีกคนรีบปรี่มาช่วยพลันสายตาก็เหลือบเห็นวัตถุยาวๆสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายรุ้งระยับ
“งูแสงอาทิตย์! กรูโดนงูแสงอาทิตย์กัด”
หลังจากเพื่อนตะโกนออกมาดังนั้นชาวนาคนที่ล้มซึ่งมีอาการของโรคหัวใจเป็นทุนเดิมก็ตกใจหน้าซีด
(ที่จริงซีดตั้งแต่โดนไล่กระทืบแล้ว)หมดสติไปในที่สุดงูแสงอาทิตย์โชคร้ายนั้นก็โดนตีตายและถูกเก็บเป็นหลักฐานว่าทำให้เพื่อนต้องเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ พอหิ้วปีกเพื่อนมาถึงบ้านก็ตะโกนเรียกคนในบ้านให้มาช่วยแล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดให้ทุกคนฟังตามที่ตนเข้าใจพร้อมแสดงหลักฐาน
คืนนั้นชาวนาผู้โชคร้ายมีไข้สูงพร้อมกับเพ้อ ใจสั่น แล้วชีพจรก็อ่อนลงๆครั้นพอแสงอาทิตย์ทอแสงผ่านช่องหน้าต่างบ้านมาโดนผู้ป่วยทุกคนในที่นั้นก็พบว่าชาวนาคนนั้นสิ้นใจแล้ว นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็เป็นที่โจษขานกันปากต่อปากว่า
“หากใครถูกงูแสงอาทิตย์กัดแล้วเมื่อต้องแสงอาทิตย์ แล้วจักต้องตายในทันใด”
ข้างบนนี้เป็นเรื่องที่ผมแต่งจากข้อสันนิษฐานความเชื่อของคนที่มีต่องูแสงอาทิตย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นผมก็ไม่อาจทราบได้รู้แต่ว่าผมได้ยินเรื่องนี้จากคนหลายๆรุ่น หลายๆวัยที่ผมรู้จักไม่ว่าในเมืองหรือชนบทก็ตาม แต่ด้วยความดื้อของผม ก็เลยไม่ยอมเชื่อก็ได้แต่เออออห่อหมกไปตามนั้นก่อน(กลัวโดนตื้บ)จนกระทั่งผมได้เรียนรู้เข้าใจความจริงที่แท้จริงของมันว่าอะไรเป็นอะไรมันต้องกลายเป็นแพะ(ทั้ง ๆ ที่เป็นงู)เป็นนักโทษประหารโดยไม่มีความผิดใดๆทั้งสิ้น...
งูแสงอาทิตย์จัดเป็นงูโบราณจากลักษณะที่ยังคงปอดทั้งสองข้างเอาไว้ซึ่งงูทั่วไปจะเหลือปอดซ้ายเพียงข้างเดียวเพื่อความสะดวกในการเก็บปอดภายในลำตัวแคบๆยาวๆ ด้วยสีตัวดำๆขัดกับชื่อแสงอาทิตย์ที่น่าจะมีสีแดงสดใสจนหลายคนข้องใจแต่เมื่อตัวดำๆนี้ต้องแสงสว่างอย่างแสงอาทิตย์มันกลับส่งแสงทะท้อนออกมาเป็นสีรุ้งคนก็ดันเข้าใจว่าเป็นพญานาคไปเสียอีกอย่างที่ลงเป็นข่าวหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆแต่นั่นแหละ สิ่งนั้นเป็นที่มาของชื่อแสงอาทิตย์นั่นเอง
งูแสงอาทิตย์เป็นงูไม่มีพิษ หัวมีลักษณะแบน ตามีขนาดเล็ก เกล็ดแข็งแรงเป็นมันลื่นลำตัวตั้งแต่คอจรดโคนหางเป็นทรงกระบอกเสมอกันเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เราทราบว่ามัน เป็นงูที่ขุดอาศัยใต้ดินได้เป็นอย่างดีหากดินนั้นร่วนไม่เหนียวหรือแข็งแต่บ่อยครั้งที่มันใช้บริการของหนูเข้าไปอยู่ในรูแล้วก็รวมร่างกับเจ้าของรูเป็นหนึ่งเดียวกัน สีที่ดำสนิทของมันก็บอกว่ามันเป็นงูที่ออกหากินเวลากลางคืนเป็นหลักเพื่อให้ตัวมันกลืนไปกับความมืดส่วนท้องสีขาวนั้นผมก็ไม่ทราบเหตุผล แต่ที่รู้ๆคือมันใช้ชีวิตใต้ดินกับผิวดินดังนั้นมันเลยไม่จำเป็นต้องพลางตัวจากด้านท้องอ้อ..แต่เมื่อยามน้ำท่วมนี่มันก็สามารถขึ้นไปหลบภัยบนต้นไม้ได้เช่นกันหากใครบอกว่างูแสงอาทิตย์ขึ้นต้นไม้ไม่เป็นนี่อย่าไปเชื่อนะ จะบอกให้ ต่อๆๆๆๆงูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ไม่มีพิษแต่มันมีความสามารถในการกินสูงมากๆ กินได้สารพัดจะกินทั้งนก หนู กบ เขียด ลูกไก่ หรือแม้กระทั่งงูเห่าที่มีขนาดเล็กกว่าโดยใช้การซุ่มรอแล้วกัดหรือไล่กัดเอาดื้อๆก็ได้ทั้งนั้นแล้วค่อยโอบรัดจนเหยื่อหมดแรงหรือตายแล้วค่อยกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย ออกลูกโดยการวางไข่แล้วทิ้งไข่ไว้ตามใต้เศษใบไม้แห้งที่ชื้นๆเพื่ออาศัยความร้อนจากขบวนการย่อยสลายซากใบไม้เหล่านั้นในการบ่มฟักไข่ระยะเวลาเกือบสามเดือนนั้นนานพอที่จะให้พัฒนาการของตัวอ่อนในไข่
เป็นตัวงูโดยสมบูรณ์เมื่อมันฟักออกมามันมีลักษณะแทบทุกอย่างเหมือนพ่อแม่ของมันเว้นเพียงแต่ลูกงูนั้นจะมีลายขวั้นที่คอสีขาวๆแล้วค่อยจางลงไปเมื่อมันโตขึ้น
งูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ไม่มีความดุร้ายเลยปฏิกิริยาตอบโต้ของมันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคน มันเลือกการอยู่เฉยเลื้อยหนีหรืออาจมีการขู่ด้วยเสียงคล้ายงูเห่าแล้วทำตัวแบนๆแนบไปกับพื้นโดยไม่มีการกัดเลยไม่ว่ากรณีใดๆต่อให้เอานิ้วแหย่ไปที่ปากมันก็ไม่กัด ด้วยคุณลักษณะเหล่านี้งูแสงอาทิตย์จึงควรเป็นทางเลือกที่สำคัญในการจัดการประชากรหนูเพราะไม่มีกับดักหรือสัตว์ชนิดใดที่มีประสิทธิภาพเท่าโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อระบบนิเวศอย่างแมวนั้นไม่สามารถจับหนูในรูได้ แต่งูแสงอาทิตย์ทำได้ งูเหลือมกับงูเห่าก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนได้แต่งูแสงอาทิตย์นั้นไม่ งูสิงกับงูทางมะพร้าวแม้จะกินหนูนอกรูได้เก่งกว่างูแสงอาทิตย์แต่หลังจากปล่อยเพื่อให้มันกินหนูแล้วก็มักเป็นที่หมายปองของนักเปิบทั้งหลายจนจำนวนงูร่อยหรอลงอย่างน่าใจหายก่อนหนูจะลดลง
เห็นหรือยังว่างูแสงอาทิตย์มีความสำคัญขนาดไหนแล้วเราจะให้ความสำคัญกับมันได้หรือยังที่นอกเหนือไปจากเอามันใส่ในบัญชีรายชื่อสัตว์คุ้มครองของไทยที่เป็นเพียงตัวอักษรบนกระดาษเท่านั้นและให้มันหลุดจากบัญชีรายชื่อแพะที่สำคัญในความเชื่อที่มีกันมายาวนานจนฝังรากในสังคมไทย
มนตรี สุมณฑา
1 พ.ย. 2548
Comments
ความเห็นที่ 1
นกแสกก็เอาไม่ออกเหมือนกัน ทั้งที่ +ความน่ารักไปด้วยนะเนี่ย 55555
ความเห็นที่ 1.1
น่ากลัวมากกกเลย ใครได้โดนมันกัดคงตอยน๊
อยากรู้จังถ้าโดนกัดแล้วมีสิทธิ์ รอดไหม??
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 2.1
ความเห็นที่ 3
ความเห็นที่ 4
พี่ชายเรา รู้ทันพี่นณณ์จิงๆ อิๆ
ปล.เป็นไปได้มั๊ยว่าชาวนาไม่ได้ตายเพราะพิษงูแสงอาทิตย์ แต่ตายเพราะเป็นบาดทะยัก
*ไม่ได้ล้างแผลหลังงูกัด
ความเห็นที่ 5
ความเห็นที่ 6
ความเห็นที่ 6.1
ขอโทษที่ตอบช้า ไม่มีพิษครับ
ความเห็นที่ 7
งูเคยเข้าบ้านตกใจมากตัวเท่าแขนแต่ไม่ทำอันตรายใครเลย....ตัวดำมันวาวเท่าแขนยาวเป็นวาแต่ก็ยังกลัวอยู่ดีแหล่ะ
ความเห็นที่ 8
อะ
ดิฉัน ชื่อ ด.ญ. อาทิตยา คงกะพันธ์ ป6/1 เลขที่?
รักพ่อแม่ที่สุดเล้ย
ความเห็นที่ 9
ขอคำอธิบายพฤติกรรม นี้ ได้ไหมครับ