ออกไปหา...มิตรภาพ

เขียนบทความเมื่อครั้งไปเที่ยวทองผาภูมิน่ะครับ แต่ไม่อาจกล้าเอาไปรวมกับบทความน่าอ่าน เพราะมันเป็นบันทึกมากกว่าที่จะอาจหาญเป็นงานเขียนด้านท่องเที่ยว เอามาฝากกัน

ภาพโดยอัครวัช สมไกรสีห์ครับ

Comments

ความเห็นที่ 1

 

ออกไปหา...มิตรภาพ

                อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอไม่ใช่อารมณ์ดีมาจากไหน จนฮัมเพลง ฤดูที่แตกต่างออกมา แต่ทว่ามันช่างเข้ากันดีกับสถานการณ์ฝนพรำในขณะที่เราอยู่ในเตนท์นอนกลางลานกางเตนท์กูดดอย ของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ต้องอดทนและคอยลุ้น เพราะหากท่านพิรุณเมตตาไพร่ฟ้ามากไปกว่านี้ ผ้าใบที่คลุมไฟล์ชีลกันเตนท์อีกชั้นอาจต้านไม่ไหว ทีนี้ ทั้งคืน คงไม่ต้องหวังนอนกัน

                และแล้ว ฝนก็พรำลงมาแค่ช่วงสั้นๆ เพียงว่าทายทักกับอึ่งอ่างในธารป่าเท่านั้น ก่อนที่ใครจะล้มตัวลงนอน อำลารัตติกาลของคืนนี้ไป ผมมีนิทานก่อนนอนจะเล่าให้ฟัง ไม่สิ, เรื่องจริงที่เพิ่งผ่านมาแบบอุ่นๆ นี้แหละ

                ก่อนที่สายฝนจะโปรย ความมืดเพิ่งครอบคลุมป่าดิบเขาบนเนินกูดดอยได้ไม่นาน หากคู่รักสักคู่ อย่าง หนุ่มหน้าตี๋ชวนสาวหน้าหวานแหงนคอมองฟ้า หวังมองดาวด้วยกัน คงต้องชวดความหวาน เพราะท้องฟ้าต้นวสันตฤดูครึ้มไปด้วยเมฆฝน ยังกับหน้าหญิงสาวคนข้างๆ เวลาอารมณ์เสียยังไงยังงั้น เอะ! แต่ทำไมเรายังเห็นแสงดาวอยู่ เพียงแต่เรี่ยต่ำลงมา ต่ำขนาดไหนน่ะเหรอ? สูงกว่ายอดหญ้าหน่อยเดียว แต่เป็นยอดหญ้าบนหน้าผาตรงเนินกูดดอยน่ะ กระพริบระยิบระยับอ่อนแรงราวกับหมดแสงในตัวเอง หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่งแสงระยิบระยับกัน สว่างไสวไปทั้งต้นลำพูเหมือนหูแว่วได้ยินเสียงเพลง นิทานหิ่งห้อยของวงเฉลียงมาที่ไหนสักแห่ง อาจเป็นจากช่องเขาช้างเผือกตรงข้ามเนินในความมืดกระมัง หรือเราคิดไปเอง

                สายฝนทักทายเราตั้งแต่ช่วงบ่ายสามที่เรามาถึงยังตัวอุทยานฯได้ไม่นาน พูดได้ว่า มีเวลาพอแค่กางผ้าใบคลุมโต๊ะไม้ที่ทางอุทยานฯ มีให้ กาแฟและโอวัลตินร้อน ถูกเรียกมาบริการเป็นลำดับแรก ท่ามกลางสายฝนไหลย้อยลงมาตามมุมผืนผ้าใบ หลังจากนั้น พ่อครัวต้อง และแม่ครัวแป้งก็เริ่มร่ายฝีมือทำอาหารเย็น

                ไหม้ก้นนิดหนึ่งว่ะ แต่กินได้ สุกอยู่พ่อครัวต้อง หนุ่มช่างภาพของเราวางกล้องถ่ายรูปมาควงหม้อสนามเปิดเตาแก๊สกระป๋องหุงข้าวสำหรับเราสี่คน นั่นไง กูว่าแล้วผมได้ที พูดขึ้นมาอย่างตอกย้ำเพื่อน โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่าเอาร่างอวบๆ บังลมกั้นไฟดับเท่านั้น

                แม่ครัวแป้ง จากเชียงรายไม่พูดพร่ำทำเพลง เพราะเมนูแน่นอนในเย็นนี้ มี ไข่ตุ๋นเชียงรายอยู่ในนั้นด้วย เธอเริ่มตอกไข่ ตีไข่ ใส่ซอสลงไปอย่างชำนิชำนาญ แต่ไข่ตุ๋นเชียงรายก็ยังไม่ได้ขึ้นเตาสักที ไม่ใช่อะไร เรารออีกสาวคนหนึ่ง น้องนิ่ม นิสิตคณะศึกษาศาสตร์ จากเมืองชัยนาทแต่น้ำเสียงฟ้องว่า ไม่พ่อหรือแม่ของเธอสักคนต้องมาจากสุพรรณฯหรือราชบุรีเป็นแน่ เธอกำลังบรรจงหั่นเห็ดและฝานมะนาวสำหรับกับข้าวมื้อเย็นอีกอย่าง คือ ต้มยำปลากระป๋องโดยผู้ปรุงเป็นหนุ่มต้องของเราเช่นเดิม ไข่ตุ๋นใส่บนลิ้นชั้นในของหม้อสนาม วางบนหม้อสนามต้มยำอีกที ไม่นานเกินกระเพาะทนทรมานไหว อาหารเย็นชนค่ำก็ได้เวลาเดินทางสู่ท่ออาหารของเรา

                เอาซอสภูเขาทอง ที่พี่เตรียมมาให้เร็ว เอามานี่หน่อย ได้ซอสช่วยชีวิต รอดตายไปอีกหนึ่งมื้อผมพูดออกไปด้วยอาการก้มหน้า น้ำเสียงไม่เต็มลำคอ ด้วยเกรงว่า จะเป็นการลบหลู่ไข่ตุ๋นเชียงรายและต้มยำปลากระป๋องของทั้งคู่

                ...........................

                ยามเช้า ใช่, ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าบอกเราเช่นนั้น หมอกลอยละเรี่ยคลอเคลียแก้มพระอาทิตย์และเนินไหล่ของขุนเขา เนินกูดดอยตรงนี้สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล สุดปลายสายตา ด้านล่างนั้น คือ เลน้ำกว้างของเขื่อนวชิราลงกรณ ช่างภาพหลายคน รวมทั้งเจ้าต้อง กำลังหามุมบันทึกภาพอยู่ตรงสะพานไม้ ที่ทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิทำไว้ยื่นออกไปนอกหน้าผา ผมอยากได้อุปกรณ์ละเลงสีน้ำวาดภาพสักชุด ไม่ใช่อารมณ์จิตรกรมาจากไหนหรอก เพียงแต่ว่า ภาพตรงหน้านั้น งดงามจนอยากนั่งละเลียดมองเสียเหลือเกิน

                มีใครสักมากน้อยกี่คนกัน ที่เคยมาสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ มีใครสักเท่าไหร่กัน ที่ยอมเลี่ยงออกจากข้ออ้างว่า ยังไม่พร้อม ยังไม่มีเวลา ขอสร้างตัวก่อน มีเงิน มีรถ พร้อมแล้วจะเดินทางไปสัมผัสมันให้ทั่วเลย เมื่อชีวิตนี้ เป็นเรื่องชั่วคราว เรายังรออะไรกันอยู่อีก

                หากรอขนาดนั้น นิสิตกำลังเรียนอยู่อย่างพวกเราคงต้องรอไปอีกนาน กว่าจะได้กอดขุนเขา กอดเมฆหมอก กอดใบไม้ชุ่มอุ้มมอสเขียวบนเนินดอย แต่ไม่ใช่ เราเลือกที่จะแบกเป้ โบกรถขึ้นมายังที่นี่ ที่ห่างจากกรุงเทพฯ หลายร้อยกิโลเมตร ตลอดรายทางที่โบกรถอาศัยน้ำใจจากคนเดินทางตัวเล็กๆ บ้างเป็นชาวสวนที่กำลังจะไปดูแลผลิตผลยามฤดูฝนมาถึง บ้างเป็นชาวบ้านที่กำลังจะไปทำบุญในเช้าวันวิสาขบูชา อย่างคุณลุงชาวสวนใจดี ยอมแวะรถเพื่อรอเราซื้อเสบียงอาหาร พี่รถคันสุดท้ายที่เราอาศัยมาจนถึงตัวอุทยานฯ ยอมมาส่งพวกเรา ทั้งๆ ที่ทางที่เขาต้องเดินทางไปนั้น เป็นอีกเส้นทางหนึ่ง คงสงสารเรา หากปล่อยให้เรายืนรออย่างนั้นคงมีเหงือกแห้งกันบ้าง เพราะรถสองแถวที่ผ่านตัวอุทยานฯ จะมาอีกหน ตอนสี่โมงเย็น ซึ่งเวลาขณะนั้น เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆ เอง

                หากไม่ออกเดินทาง ก็ไม่รู้ว่า มีมิตรภาพรออยู่ข้างทาง ตลอดการเดินทาง พวกเราเสียเงินค่าเดินทางในครั้งนี้ไปไม่มาก ไม่ใช่ตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมขึ้นรถประจำทาง แต่รู้อยู่เต็มอกว่า บางสิ่งบางอย่าง มันซื้อหา หรือแลกกันด้วยเงินไม่ได้   

 

IMG_4464.JPG

ความเห็นที่ 2

นี่แหละครับ ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเมืองไทย และนี่แหละคือความยิ่งใหญ่ในน้ำใจของคนไทย

ความเห็นที่ 3

เคยเจอแบบนี้มาเหมือนกัน น้ำใจและรอยยิ้มยังหาได้ในเมืองไทยครับ แต่บางครังถ้ามีผู้หญิงไปด้วยโบกรถก็ต้องระวังเหมือนกันนะครับ เพราะในความมีน้ำใจ ก็ยังมีพวกมารสังคมแอบแฝง

ความเห็นที่ 3.1

เห็นด้วยกับคุณตะขาบยักษ์ครับ แต่จากสถิติเท่าที่สังเกตถ้ามีผู้หญิงอยู่ในกลุ่มด้วยจะได้รับน้ำใจบนท้องถนนมากกว่าชายครับซึ่งจะแปรผันตรงกับความน่ารักด้วย เทคนิคนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้โดยให้กลุ่มผู้หญิงชูสัญญาณขอน้ำใจ ส่วนผู้ชายหลบไว้ก่อน พอจอดค่อยออกจากที่ซ่อนไปด้วยกัน ไปได้ไกล อิอิ

ความเห็นที่ 4

ไปเถอะค่ะ ถ้าตอนนี้ยังมีแรง และทื่สำคัญมีเพื่อนร่วมทางดีๆ รับรองการได้ไปกอดสายลม ที่โอบล้อมขุนเขา และใบไม้เขียวๆ จะมีคุณค่าและความประทับใจเสนอค่ะ

ความเห็นที่ 5

วัยที่น่าอิจฉาที่สุดคือวัยเรียนเนี่ยแหล่ะครับ

ความเห็นที่ 5.1

แต่วัยผมตอนนี้งานหนักจนไม่มีเวลาออกไปโบกรถเลยนะพี่อ้อม 55

*การเดินทางแบบโบกรถตลอดทาง น่าลิ้มลองเหมือนกันครับ แต่พก Mr.prutodang

ไปด้วย เขาจะจอดรับพวกเราไหมหนอ :D

ความเห็นที่ 5.1.1

เดี๋ยวจบออกไปทำงานเมื่อไหร่จะรู้ว่าอะไรหนักกว่ากัน

ความเห็นที่ 6

อยากย้อนเวลาไปสักเมื่อ 30 ปีก่อน มันสนุกและมีความสุขมากๆ ชีวิตนักศึกษา

ความเห็นที่ 7

เฮ้ออออ เริ่มพ้นวัย -*-

ความเห็นที่ 8

ยังอยุ่ในวัย ฮีๆๆๆๆ

ความเห็นที่ 9

พก Mr.prutodang ไป รถกระบะเค้าไม่รับ แต่รถขน "ช้าง" ดันรับ

ความเห็นที่ 10

อช.ทองผาภูมิ...สวยจับใจ...เนินกูดดอย...สุดโรแมนติก...ตื่นมายามเช้าสัมผัสกับไอหมอก และแสงแรกยามเช้าสีทอง...อาบบนเทือกดอยช้างเผือก...รักป่าตะวันตกขึ้นมาจับใจเลยครับ...

(ปล...ได้เจอเจ้ากาฮัง...บินมาทักทายตอนเช้าไหนเอ่ย..??)

ความเห็นที่ 11

เลยวัยมานานมากแล้ว เห็นหนุ่มๆสาวๆเที่ยวกันแบบนี้แล้วอิจฉา...เก็บเกี่ยวไว้ให้เยอะๆนะน้อง

ความเห็นที่ 12

โบกรถ...ความประทับใจ

ประสบการณ์ รอยยิ้ม มิตรภาพ

จะยังคงอยู่ตลอดไป

ขอให้สนุกกับทุกการเดินทาง