แบกขา .. ตามหาฝัน ตอน ภูกระดึง ยังคงคิดถึงเสมอ
เขียนโดย Portrait Authenticated user เมื่อ 8 ธันวาคม 2554
ทริปนี้เป็นการเดินทางไปสู่อุทยานแห่งชาติ ที่มีคนเข้ามาเยี่ยม และพักผ่อน
เป็นจำนวนต้นๆของประเทศก็เป็นได้ เนื่องจากต้องมีการออกแรงในการเดินทาง
สักเล็กน้อย วิวข้างบนก็สวยคุ้มค่ามาก อากาศก็ดี เหมาะกับการตากอากาศในแบบลุยๆ
ขอเปิดด้วยภาพที่ชอบที่สุดก็แล้วกัน แต่เป็นที่ไหนนั้น รอดูต่อไปเรื่อยๆ
Comments
ความเห็นที่ 1
ถึงผานกเค้าเวลาประมาณตีห้า ลงมาอากาศก็หนาวเหน็บแล้วล่ะ
อันนี้ภาพบรรยากาศร้านที่คนมาภูกระดึงต้องแวะ เพื่อต่อรถไปสู่ภูกระดึง ร้านเจ๊กิม
ทำไมถึงเรียกผานกเค้าหรอ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะลักษณะเหมือน
จะงอยปาก หรือว่าด้านบนมีนกเค้ากระจายกันอยู่เยอะก็เป็นได้
ต้องเหมารถจากร้านเจ๊กิมไปยังที่ทำการ อช.ภูกระดึงด้านล่าง คันละ 200 บาท
ถ้าไม่เหมาก็นั่งรอจนคนขึ้นเต็มคันรถ แล้วเสียคนละ 20 บาท
.. แต่ไหงรถที่ผมนั่งเขาเก็บ 25 หว่า
ความเห็นที่ 2
ไปถึงที่ทำการก็ล้างหน้าแปรงฟันเสียให้เรียบร้อย จากนั้นก็เสียค่าเข้าอุทยาน
ค่ายบำรุงสถานที่กางเตนท์ ใครไม่มีเตนท์มาก็เสียค่าเช่าเตนท์รายคืนไป
ป้ายเส้นทางการเดิน เก้ากิโลเมตรจากด้านล่าง ถึงที่ทำการด้านบน
ระหว่างทางจะมีจุดพักและร้านค้ารายทาง ซึ่งเรียกแต่ละจุดว่า "ซำ"
ทางเดินขึ้นก็มีง่ายบ้าง ลำบากบ้าง ..คนเดินตัวปล่าวยังเหนื่อยเลย
ตามทางผมก็เห็นผู้สูงอายุพักนั่งคุยกันเรื่อย
บางช่วงก็เป็นเหมือนบันไดให้เดินสบายๆ แต่ผมว่าเดินตามคันดินง่ายกว่านะ
ความเห็นที่ 3
พี่ผมบอกมาว่า ซำ=แหล่งน้ำที่ซึมมาจากผิวดิน, แฮก=แรก
วิวบริเวณซำแฮก .. วันนี้อากาศกำลังดีเลย ไม่ร้อน หรือเพราะมีร่มไม้แดดส่องไม่ถึงกันนะ
ตามจุดพักต่างๆ ก็จะมีร้านค้าอยู่ ราคาก็สูงกว่าปกติด้านล่างแล้ว เข้าใจว่าฃ
ต้องจ้างลูกหาบแบกของขึ้นมา ทำให้บวกค่าจ้าง ค่าแรงไปด้วย
ความเห็นที่ 4
ระหว่างเดินขึ้น ก็มีคนเดินลงสวนมาเรื่อยๆ ..มีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนกันเรื่อยๆนั่นเอง
ลูกหาบ แบกของกันที่ 50-70 กิโลกรัมได้เลย
คนไปตัวเปล่ายังเหนื่อยกันเป็นแถบๆ นับถือจริงๆครับ กับลูกหาบ
ความเห็นที่ 5
ความเห็นที่ 6
ที่นี่จะมีป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" ส่วนนี่ภาพต้นสนบริเวณหลังแป
จากนั้นจะเป็นทางเดินในแนวราบ ไปเรื่อยๆอีกราว 3.5 กิโล เพื่อไปยังที่ทำการด้านบน
บอกได้เลยว่าแดดร้อนมาก ถ้าไม่มีอะไรกันแดดนี่ไหม้แน่ครับ
ระหว่างทาง ก็มีต้นหยาดน้ำค้าง สดใสอยู่บริเวณแห้งแล้งแดดส่อง
แม้จะร้อนเพียงใด ดอกไม้ก็ยังคงออกดอกได้เสมอ
เทียนหญ้า Impatiens chinensis ถ้าโลกนี้ขาดดอกไม้ คงหดหู่พิลึก
วิวข้างทางจากหลังแปถึงที่ทำการอุทยาน เป็นทางเดินทรายไปเรื่อยๆ ข้างทางก็เป็น
พวกเฟินเตี้ยๆ ต้นสน จะมองให้สวยก็สวยเหมือนกัน แต่ร้อนเหลือเกิน
ความเห็นที่ 7
แมลงปอบ้านปานปีกทอง Paplopleura sexmaculata
แมลงปอบ้านเสือหน้าดำ Orthetrum glaucum
แมลงปอบ้านใต้ผู้ม่วง Trithemis aurora
ความเห็นที่ 7.1
เจ้าหมู(ป่า)อี๊ด
กลุ่มชะมด-อีเห็น
ความเห็นที่ 8
ความเห็นที่ 9
เมื่อตอนผมไปถึง ก็หาข้าวกินไปเรื่อย แล้วก็เดินไปดูลูกหายที่แบกของขึ้นมา
จัดแจกรับของ จ่ายค่าแรง กางเตนท์แล้ว ก็เริ่มใกล้เย็น
เลยไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่ผาหมากดูก เดินจากลานกางเตนท์ไป
ระยะทาง 2 กิโล มีรถจักรยานให้เช่าด้วยนะ
ความเห็นที่ 10
ความเห็นที่ 11
ช่วยคลายหนาวได้ด้วย เสร็จแล้วก็เดินกลับเตนท์ อ้อ เตรียมเสื้อกันหนาวไว้ด้วยนะครับ
ขาเดินกลับนี่หนาวมากจริงๆ เดี๋ยวจะเดินไปสั่นไปแบบผม
ที่ลานกางเตนท์ มีนักท่องเที่ยวมานอนกันเยอะมากเลย แถมฟ้าเปิดดวงดาวสวยงาม
ความเห็นที่ 12
ก็จะได้เห็นดวงดาวบนดินครับ ถ้าอาทิตย์ขึ้น ไฟจะเริ่มดับกันแล้ว
นักท่องเที่ยวมารอชมเยอะพอสมควรเลยครับ ต้องตื่นเช้าๆ เจ้าหน้าที่จะนัดเวลา
กับนักท่องเที่ยวครับ เว้นแต่ว่าถ้ามีช้างอยู่บริเวณนั้น คงจะอดไปกัน
ความเห็นที่ 13
ความเห็นที่ 14
ความเห็นที่ 15
ความเห็นที่ 16
และแวะมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาเหยียบเมฆแทน คนไม่เยอะและสวยเหมือนกัน
ความเห็นที่ 17
ปิดท้ายด้วยภาพนี้แล้วกันครับ บ๊ายบายภูกระดึง แล้วฉันจะกลับมาเยี่ยมอีกครา
ความเห็นที่ 18
ความเห็นที่ 19
ไปช่วงปลายฝนสิ สดชื่น ชุ่มชื่น ทางเดินขึ้นประหนึ่งลำธาร ทากน้อยคอยเกาะตามทาง โน่นนี่ทั้งบานทั้งบิน สวยงามไปหมด เอิ๊กๆ
ความเห็นที่ 20
ผมยังไม่เคยได้ขึ้นไปดูเมเปิ้ลที่ภูกระดึงสักทีเลยอ่ะ.
ความเห็นที่ 21
ความเห็นที่ 22
ความเห็นที่ 23
ความเห็นที่ 23.1
ไว้ไปครั้งหน้าเมื่อใด คงได้ไปรบกวนแน่ครับ
..ไม่ได้ลงภาพจากเชียงใหม่ เพราะมันไม่ค่อยจะมีอะไรเท่าใดนัก ฮาๆ
ความเห็นที่ 24
ความเห็นที่ 25