ทำไมการขายนกป่าที่ JJ กลับถุกละเลย???? หรือ WFFT เป็นเป้านิ่ง เล่นงานเอาหน้าได้ง่ายดี
เขียนโดย waterpanda Authenticated user เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2555
siamensis.org เป็นสังคมเครื่อข่ายความร่วมมือเกี่ยวกับการให้ข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย
Independence Non-Profit Organization Since 1999
ร่วมพัฒนาเว็บไซต์โดย โอเพ่นดรีม
Comments
ความเห็นที่ 1
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 3
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329826010_decode_entit...
ความเห็นที่ 4
ความเห็นที่ 5
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded_decode_entities("",...!
ความเห็นที่ 6
ความเห็นที่ 7
ความเห็นที่ 8
ดูแล้วเค้าก็เป็นคนจริงจัง ว่าไปตามกฏหมาย
แต่!!!!!!!!! ไอ้ที่ทำผิดอยู่ใกล้ๆ กรมฯ น่ะ กฏหมายมันไปไม่ถึงหรืออย่างไร ????????
แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีครับ
ความเห็นที่ 9
แล้วคนทางบ้านก็ด่าๆเบ๊คนนั้นจนสะใจแล้วก็เลิกสน แต่คนข้างก็ไม่โดนอะไรเลย
เมื่อไหร่ที่คนต้นตอโดนสาวถึงตัวนั่นแหละครับทุกอย่างก็ใกล้จะจบ แต่เรื่องแบบนั้นมันมาไม่เคยถึงเลย
มีแต่พวกเบ๊กับแพะรับแทนทั้งนั้น
ความเห็นที่ 10
+Very Hate แด่กรมอุทยาน >> บัดซบที่สุด!!!
ความเห็นที่ 11
<ดูแล้วเค้าก็เป็นคนจริงจัง ว่าไปตามกฏหมาย>
ไม่อยากจะสาวใส้ คนที่เคยเอางบฯ หลวง เวลาหลวง เกณฑ์ จนท. ของเขตฯ อุทยานฯ ต่างๆ เกือบทั่วประเทศ ไปทำตัวเป็นอันธพาลทางการเมืองสมัย "เมืองไทยรายสัปดน" กำลังฮิต ที่สวนลุมฯ (ประมาณ 2548-49) ไม่รู้ว่ายึดตามระเบียบ กม. รึป่าว??????
ความเห็นที่ 11.1
ผมมองแค่ผิวเผิน จากคนนอกที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ครับอาจารย์
ผมว่าตาสียายสา ก็คงรู้จักแค่ในทีวีอย่างผมนี่แหละครับ
เพราะฉนั้น ทำอย่างไรเราถึงจะทำให้คนทั่วไปรู้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ครับ
ความเห็นที่ 12
ข่าวมติชน <คลิ๊ก
โดยส่วนตัวรู้สึกว่า "สัตว์นะไม่ใช่สิ่งของ ที่จะเอาไปก่อนแล้วค่อยตรวจสอบ" เพราะพูดเหมือนจับไปก่อนตรวจทีหลัง ?
มีหลายประเด็น
1 ทางมูลนิธิ มีใบอนุญาติครอบครองครบหรือไม่
2 ทางมูลนิธิ แจ้ง อช ไปแล้วให้เอาสัตว์ไปปล่อย แต่ทาง อช ยังไม่มาซะที (รอไป 5 ปี 6 ปี มีเอกสารด้วย ) โดยอธิบดีตอบว่ามันต้องรอตามคิว ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้ามันอยู่ระหว่างรอ แล้วจะหาว่าเขาเลี้ยงไว้ไม่เอาไปปล่อยได้อย่างไร
3 สัตว์ที่ัคนจับมาเลี้ยงหรือบาดเจ็บมา ปล่อยคืนป่าได้โดยไม่ต้องกลัวเชื้อโรคจริงหรือ ? หรือ มันกลับไปอยู่ป่าได้จริงหรือ เพราะเท่าที่รู้มา มันไม่ใช่อย่างงั้น
ความเห็นที่ 12.1
ความเห็นที่ 12.2
เพิ่งได้ดูเต็มๆ ปรี๊ดแตกเลยครับ
ทำอย่างไรกับพวกถือกฏหมายจอมปลอมพวกนี่กันดีครับ
ความเห็นที่ 12.3
ความเห็นที่ 13
WFFT - Tom Dundee
http://www.youtube.com/watch?NR=1&v=33tvLbBora0&feature=endscreenความเห็นที่ 14
ถ้าฟ้องกลับ ศาลก็จะอยู่ข้างรัฐบาลอีก ห่วยแตกสิ้นดี
ความเห็นที่ 15
ที่อธิบดีบอกว่าทำไมไม่เอาไปปล่อย... คุณเคยรู้มั้ยว่าสัตว์ป่าที่มาอยู่กับคนแล้วก่อนปล่อยมันต้องปรับพฤติกรรมเค้าก่อนเค้าถึงจะเอาตัวรอดอยู่ในธรรมชาติได้ การปล่อยสัตว์ไม่ใช่คิดอยากจะปล่อยตรงไหนก็ปล่อยต้องคิดถึงสัตว์เจ้าถิ่นที่มีอยู่ก่อนด้วย ปล่อยไปแล้วก็ต้องคอยมาตามดูว่ามันสามารถเข้ากับฝูงใหม่ได้หรือไม่ หาอาหารได้มั้ย ไม่ใช่แค่ปล่อยๆไปก็จบ นั่น = ส่งเค้าไปตายชัดๆ... แล้วที่บอกว่าปล่อยไปแล้วหลายตัวนี่ไม่รู้ว่าปล่อยแบบไหนกันแน่
ความเห็นที่ 15.1
ความเห็นที่ 16
ลองฟังๆดูครับ ผมนั่งฟังจนหมดคลิปอ่ะ
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=_IH_hMJho_Q
ความเห็นที่ 17
ความเห็นที่ 18
สำหรับอธิบดีฯ ผมก็มองว่าท่านตรงไปตรงมา ต้องการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งก็เป็นที่ชื่นชมมาตลอด แต่มาครั้งนี้ท่านลืมดูลูกน้องของท่าน (ผมเชื่ออย่างนั้น) ทำให้การตัดสินใจของท่านในครั้งนี้เป็นตราบาปในใจของท่าน (ทั้งที่ไม่เจตนาให้เป็น) หากท่านได้รับรู้ความจริงที่เพียงพอ
ความเห็นที่ 19
เจาะข่าวเด่น
http://www.youtube.com/watch?v=pt3dQr--Ycsความเห็นที่ 20
สงสัยต้องเปลี่ยนจากสถานรักษาพยาบาลสัตว์เป็นสถานที่ค้าขายแทน จะได้ไม่โดนบุกจับ ฮาๆๆ
ใครจะทำกับผมบ้าง รวยนะครับ เอิ๊กๆๆ
ความเห็นที่ 21
ทีนี่มาพิจารณาคดีนี้ จากเท่าที่รุ้เห็นและตามพี่สัตวแพทย์ไปจับสัตว์มา มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่ามีสัตว์จำนวนมาก และบางตัวไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง ใบรับรองบางอันก็ไม่ใช่เอกสารราชการซึ่งจะใช้นำมายืนยันไม่ได้ ตามกฎหมายแล้วทางมูลนิธิต้องมีสัตวแพทย์ชำนาญการซึ่งเป็นคนไทย แต่ทางมูลนิธิก็ไม่มี มูลนิธิมีการติดป้ายรับรักษาสัตว์พร้อมราคาที่เรียกเก็บซึ่งจริงๆแล้วไม่สามารถทำได้เนื่องจากจดทะเบียนเป็นมูลนิธิไม่ได้จดเป็นสถานประกอบการรักษาสัตว์
ทางมูลนิธิมีการเลี้ยงหรือปล่อยชะนีไว้ที่เกาะกลางแหล่งน้ำ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้แหล่งน้ำในพื้นที่ได้ อาจทำให้เกิดโรคติดต่อหากใช้แหล่งน้ำร่วมกันสัตว์
สัตว์ที่หายดีแล้วก็ไม่มีการนำปล่อยสู่ป่าจริงๆ หรือใครเคยร่วมกิจกรรมการปล่อยสัตว์คืนสู่ป่าของมูลนิธิก็มาบอกเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ เพราะถามจากหลายๆคนที่เคยร่วมงานกับมูลนิธิก็ไม่มีใครรุ้ว่าปล่อยสัตว์คืนสู่ป่าที่ไหน อย่างไรบ้าง
ส่วนมองต่างมุม อาสาสมัครชาวต่างชาติได้รับข้อมูลด้านเดียวจากทางคุณเอ็ดวิน เพราะเขาสื่อสารภาษาไทยไม่ได้และอีกแง่หนึ่งคือไม่ยอมรับฟัง เขามองว่าเจ้าหน้าที่ทารุณสัตว์ ไม่ยอมยิงยาสลบ ซึ่งจริงๆแล้วสัตว์ที่อยู่ในกรงก็ไม่ควรเสี่ยงที่จะยิงยาสลบเพราะการให้ยาก็มีผลเสี่ยงต่อสัตว์ด้วย หากช่วยกันไล่ต้อนก็จับได้ไม่ยาก แต่อาสาสมัครมาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ หากยิงยาสลบแต่ยังส่งเสียงดังยังตะโกนนอกจากจะยิงไม่โดน อาจจะโดนส่วนอื่นซึ่งเป็นอันตรายแล้ว สัตว์ก็อาจจะไม่หลับก็ได้ เหมือนคนโดนยานอนหลับแต่มีคนมาตะโกนอยู่ข้างหูก็ยังตื่นกลัวตลอดเวลา
เรื่องการดูแลสัตว์ของเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าสถานที่ฝากขังของทางราชการคงจะดีสู่ที่มุลนิธิไม่ได้ สัตว์อาจจะไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก คิดว่าควรจะเป็นแรงผลักดันให้ราชการพัฒนาระบบและการดูแลรักษาให้ดีขึ้นด้วย...แต่สุดท้ายอย่างไรกฎหมายก็ย่อมเป็นกฎหมาย อยากให้มีการตรวจสอบให้ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่เกิดกระบวนการสวมรอย เลี้ยงเพราะชอบ รัก หรืออื่นๆ ซึ่งก็จะเป็นการกักขังสัตว์อยู่ดี
"เรื่องของคนทะเลาะกัน แต่สัตว์ซวย"
ความเห็นที่ 21.1
ในไทยมีหลายแห่งมากเลยครับ ที่พอจะรู้ก็ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง และผิดกฎหมายด้วย
ในสถานศึกษาก็มี เอิ๊กๆๆ
ความเห็นที่ 22
ความเห็นที่ 23
โลกปัจจุบันเขาทำงานกันเป็นเครือข่ายกันหมดแล้ว การจัดการสัตว์ป่านั้นไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยกรมเพียงกรมเดียวหรอกครับ ขอให้กฎหมายเป็นแนวทางในการดำเนินการ แต่ไม่ใช่เอามาเป็นกะลาครอบความคิดที่สร้างสรรค์ในการบริหารจัดการเลยครับ
ปล. กะลากับกฎหมาย ผมรวมถึงกรมอื่นๆด้วยนะครับไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงไหนก็ตาม
ความเห็นที่ 23.1
+
เจตนาของกฎหมายไม่ว่าที่ใดในโลก >> คือแก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา
ความเห็นที่ 23.2
ความเห็นที่ 24
ความเห็นที่ 25
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded_decode_entities("",...
ความเห็นที่ 26
สงสารเหล่าสรรพสัตว์เขาไม่เคยรู้เรื่องอะไรด้วย ที่ต้องมาซวยซ้ำซ้อน ครั้งแรกถูกจับมา แล้วมีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น กลับถูกกลุ่มคนที่บอกว่าต้องทำเพื่อรักษากฎหมาย (ที่ต้องรักษาไว้ไม่ให้เข้าตัว ที่เขาบอกว่า "เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นนั่นใช่เลย) ที่่ไม่สามารถโอนอ่อนผ่อนปนให้ได้ แต่กลับมาทำให้ชีวิตของสัตว์ที่เริ่มดีขึ้นล่มสลายในบัดดล สุดท้ายต้องกลับมาอยู่ในสภาพเดิมๆหรือแย่กว่าเดิมอีก โอ้ย ! อะไรกันวะประเทศไทย นี่คือการทำตามกฎหมาย สัตว์อยู่อย่างไรไม่เกี่ยวกับกู กูทำตามหน้าที่เท่านั้นเป็นพอ แค่นั้นหรืออย่างไร สัตว์ถูกกักขังมานานพอมาอยู่ที่ๆเปรียบเสมือนบ้าน มีที่วิ่งเล่น ที่ปีนป่าย อาหารการกินไม่ลำบากลำบนค้นแค้น แล้วทำไม่ทำกับเขาแบบนี้ มันเป็นข้อหาที่ร้ายแรงขนาดนั้นเชี่ยวหริอ (ไม่ได้มาโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น) มาเพื่อบอกว่าคนส่วนใหญ่เขาคิดเขารู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลายหน่วยงานกำกับดูแลถือกฎหมายฉบับเดียวกัน แต่ปฏิบัติไม่เหมือนกัน อะไรวะ แล้วต่อไป(กู)จะเชื่อหน่วยไหนดี นี่แหละระบบการทำงานของไทย ฮ่วย ! ถ้าคิดได้แค่นี้ ลูกผมก็คิดได้ว่ะ นี่เป็นคำถามเล็กๆน้อยๆจากลูกสาวผมระหว่างนั่งดูทีวีด้วยกัน (ถาม พ่อๆเขาเอาช้างขึ้นรถทำไมอ่ะ ตอบ เขาเอาช้างไปดูแลครับ ถาม ช้างเป็นอะไรหรือคะ ตอบ ช้างเป็นของกลางค่ะ ถาม ของกลางคืออะไรคะ ตอบ ของกลางคือของที่คนทำผิดแล้วถูกตำรวจยึดค่ะ ถาม อ้าวแล้วช้างทำผิดอะไรหรือคะ ตอบ ช้างไม่ได้ทำผิดค่ะ แต่เจ้าของช้างอาจจะทำผิด ตอบ อ้าวแล้วทำไมจับช้างล่ะคะ ทำไมไม่จับคนทำผิด (เอ่อ!ใบ้แดกซิขอรับ) เพื่อย่นย่อคำถาม เลยสรุปมาให้ฟังว่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสัตว์ไม่ได้ทำผิด แต่ทำไมสัตว์ต้องถูกจับไปขัง (ที่ท่านอธิบดี ดำรงค์ เรียกว่าเอาไปดูแลแหละครับ)