ระดมสมอง เรื่องสัตว์ป่าในป่าแม่วงก์
เขียนโดย นณณ์ Authenticated user เมื่อ 24 มิถุนายน 2555
ต้องไปพูดในงานสัมมนาของมูลนิธิสืบ วันพฤหัสบดีนี้ ที่ KU Home ใครมีไอเดียว่าควรจะไปพูดอย่างไร ขอด่วนครับ คือมีในใจบ้างแล้วแต่อยากได้จากหลายๆฝ่ายครับ หรือใครอยากฝากให้พูดอะไร ว่ากันมาเลยครับ
Comments
ความเห็นที่ 1
นอกจากนกยูงไทย Pavo muticus ที่มีสถานภาพ EN ทั้งในไทยเราและระดับโลก (IUCN) นกใกล้สูญพันธุ์ชนิดอื่นๆที่คิดว่าจะได้รับผลกระทบแน่ๆก็มีดังนี้ (ขอใส่ conservation status ห้อยไว้ด้วยละกัน)
- นกเปล้าขาเหลือง Treron phoenicoptera: VU (ONEP)
- นกเงือกกรามช้างปากเรียบ Rhyticeros subruficollis: EN (ONEP), VU (IUCN)
- นกกะเต็นน้อยแถบอกดำ Alcedo euryzona: VU (ONEP, IUCN)
- นกกะเต็นขาวดำใหญ่ Megaceryle lugubris: EN (ONEP)
- นกหัวขวานด่างท้องน้ำตาลแดง Dendrocopos hyperythrus: VU (ONEP)
- นกหัวขวานใหญ่สีเทา Mulleripicus pulverulentus: VU (IUCN), NT (ONEP)
- นกหัวขวานเขียวท้องลาย Picus xanthopygaeus: EN (ONEP)
- เหยี่ยวเล็กตะโพกขาว Polihierax insignis: VU (ONEP), NT (IUCN)
- นกอีแพรดคิ้วขาว Rhipidura aureola: VU (ONEP)
- นกจับแมลงอกสีน้ำตาลอ่อน Cyornis (Rhinomyias) brunneatus: VU (ONEP, IUCN)
รายชื่อนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อิงจากสภาพพื้นที่และรายงานในป่าเต็งรัง/ป่าเบญจพรรณในละแวกเดียวกัน อาจจะมีตกหล่นบางตัวไปบ้าง บางตัวในนี้เมื่อสำรวจแล้วอาจจะไม่เจอ หรือไม่มีจริงๆก็ได้ความเห็นที่ 2
ข้อมูลเป็นเช่นไรยังไม่ทราบครับ
แต่พื้นที่ป่าที่ราบแบบนั้น เป็นแหล่งอาศัยของเสือแน่นอนอยู่แล้ว
เรื่องเสือก็น่าจะพอเป็นประเด็นหลักให้ยุติการสร้างได้รึเปล่าครับ ^^
ความเห็นที่ 3
ประเด็นอ่างฯ เป็นช่องทางในการบุกรุก
ผลกระทบขณะสร้างต่อสัตว์
และความเสี่ยงต่อการได้น้ำที่ไม่คุ้มทุน (นิเวศ + เงิน) น่าจะมีน้ำหนักกว่าตัวจำนวนสัตว์ในที่นี้
ทางเลือกอื่นที่อาจจะแพงกว่า (น้ำ/ต้นทุน) แต่รักษาป่า (ที่จะกลายเป็นป่าสมบูรณ์ ในอีก 30-50ปีหน้า: เท่าๆกับอายุอ่างเก็บน้ำ, ถ้าสร้าง)
ความเห็นที่ 4
ความเห็นที่ 5
ความเห็นที่ 6
ความเห็นที่ 7
อายุใช้งานของเขือน = 50-200?? ปี
คำณวนที่ 30 ปีก็น่าจะเห็นผลทางเศรษฐกิจชัดแล้ว
ความเห็นที่ 8
นกแว่นสีเทา นกสุดหายากก็หาพบได้ที่แม่วงก์ครับ แต่บริเวณที่จะสร้างเขื่อนอาจจะกระทบนกเหล่านี้ไม่มากนัก
ความเห็นที่ 8.1
ความเห็นที่ 9
เกี่ยวกับการสร้างเขื่อนแม่วงศ์ แน่นอนว่าไม่มีความคุ้มค่าแน่ๆ กับสิ่งที่จะสูญเสียไป พื้นที่ป่าลุ่ม
เป็นการทำลายแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์ป่า ที่จะส่งผลเป็นลูกโซ่ไปถึงสังคมทางชีวภาพของป่า
เริ่มด้วยการสูญเสียเนื้อที่ป่ากว่า 13000 ไร่ ส่งผลกระทบต่อที่ยู่อาศัยของสัตว์บางชนิด และเสียความสมดุลทางด้านอาหาร สัตว์กินพืชจะเริ่มขาดแคลนอาหาร และต้องอพยพไปหาแหล่งอาหารในพื้นที่อื่น
ซึ่งอาจต้องไปแก่งแย่งกับเจ้าของพื้นที่เดิม สัตว์กินเนื้ออย่างเช่นเสือก็ต้องโยกย้ายตามไป และอาจเกิด
ปัญหาเรื่องการซ้อนทับพื้นที่การหากินกับเสือเจ้าถิ่น เพราะเสือโคร่งเป็นสัตว์ที่หวงอาณาเขตอยู่แล้ว
และอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งกับผลผลิตทางการเกษตรของมนุษย์ เช่นในบางพื้นที่เกิดปัญหา
สัตว์หลายๆชนิด เข้ามากินผลผลิตทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น กระทิง เลียงผา กวาง หรือที่เด่นๆ
"ช้าง" ที่ปัจจุบันก็กลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก จนต้องมีนโยบายปลูกพืชอาหารช้างขึ้นมาทดแทน
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ลำบากและต้องใช้งบประมาณอีกมากมาย และเวลาที่ยาวนาน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว
การดูแลรักษานั้นง่ายกว่าการสร้างเพื่อทดแทน แต่กลับละเลยไม่เห็นคุณค่ากัน
โดยรวมแล้วสัตว์ป่าก็จะลดจำนวนลงในระดับหนึ่ง ตามการสูญหายไปของพื้นที่อาหาร และเมื่อสภาพภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไป ก็จะอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมในสัตว์บางชนิดที่ต้องปรับสภาพตามพื้นที่ สัตว์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็ต้องไปแก่งแย่งพื้นที่ในป่าส่วนอื่น หรือไม่ก็ตายลงไป ในสัตว์บางชนิดอาจจะเข้าไปรบกวนพืชผลทางการเกษตรของมนุษย์ จนเกิดเป็นปัญหาใหม่ๆอุบัติตามมา
ความเห็นที่ 10
ความเห็นที่ 11