- อยากชวนคุยกัน เรื่องลูกอ๊อดที่บ้านผมหน่อย ^^
เขียนโดย GreenEyes Authenticated user เมื่อ 29 กรกฎาคม 2555
เรื่องก็มีอยู่ว่า
ที่บ้านผมนั้น ปกติแล้ว แต่ละปี จะมีคางคกมาไข่ไว้ในบ่อปลาทั้งหลาย ไม่ว่าจะบ่อเล็ก บ่อใหญ่ บ่อดิน บ่อพลาสติก บ่อปูน มันไข่ได้ทุกที่
และแต่ละครอก ก็จะได้ผลผลิตออกมาเป็น ลูกคางคกตัวน้อยๆ หลายร้อยตัวทุกครั้งไป
แต่ ปีนี้ ไม่เป็นเช่นนั้น
เหตุเกิดครั้งแรก เดือน เม.ย. 2555
เกิดเหตุการณ์ลูกอ๊อดที่คางคกมาไข่ไว้ในบ้าน ตายยกบ่อ
ซึ่งทีแรก ผมคิดว่า เป็นเพราะ สารเคมี จากท่อนไม้(มีสีทาบ้านทาไว้)ที่ผมเอาไปวางไว้ให้มันเกาะตอนเป็นตัว
แต่เรือ่งไม่จบแค่นั้น ลูกอ๊อดในฝั่งนั้นของบ้าน ทุกบ่อ ก็ทยอยตายทั้งหมด
ผมจึงเกิดข้อสัณนิษฐานใหม่ว่า เกิดจากอุณหภูมิที่สูงมากในช่วงนั้น (แตะ 40 องศาเซลเซียส)
แต่เหตุการณืก็ไม่ได้จบแค่นั้น และล่วงเลยมาถึงบัดนี้
ลูกอ๊อดทั้งหมดที่คางคกมาไข่ไว้ ไม่ว่าจะที่ไหน บ่อไหน รอบบ้าน และนอกบ้าน ก็ตายทั้งหมด ไม่เคยได้เห็นเป็นตัวเลย
ล่าสุด มาวางไข่ไว้สามบ่อ
เป็นลูกอ๊อดแล้วหนึ่งบ่อ ว่ายไปว่ายมาได้สองสามวัน ก็ตายทั้งหมด
กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาเป็นตัวอ่อน อีกสองบ่อ คาดว่าจะประสพชะตากรรมเดียวกัน
ตอนนี้ผมคิดถึงโรคระบาดบางอย่าง เพราะผมมักซื้อไม้น้ำ หรือกุ้ง หรือปลา มาใส่บ่อเป็นพักๆ อาจติดมาทางนั้น
และสาหร่ายในบ่อผม ก็มักถูกนำไปใส่บ่อนู้นบ่อนี้รอบบ้าน เลยติดกันหมด
ผมไม่รุ้ว่าสถานการณ์ของเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นกับผมคนเดียว หรือมันกระจายไปที่อื่นๆในประเทศมากน้อยเพียงไร
แต่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อย่างน้อยที่สุด คางคกบริเวณบ้านผม จะสูญพันธุ์อย่างแน่นอน
ข้อสังเกตเพิ่มเติม ลูกอ๊อดจะเติบโตได้ถึงช่วงที่เป็นลูกอ๊อดว่ายไปมา ได้สักพัก แล้วจึงตาย ไม่ตายก่อนนั้น และไม่ทันได้มีขา
ที่บ้านผมนั้น ปกติแล้ว แต่ละปี จะมีคางคกมาไข่ไว้ในบ่อปลาทั้งหลาย ไม่ว่าจะบ่อเล็ก บ่อใหญ่ บ่อดิน บ่อพลาสติก บ่อปูน มันไข่ได้ทุกที่
และแต่ละครอก ก็จะได้ผลผลิตออกมาเป็น ลูกคางคกตัวน้อยๆ หลายร้อยตัวทุกครั้งไป
แต่ ปีนี้ ไม่เป็นเช่นนั้น
เหตุเกิดครั้งแรก เดือน เม.ย. 2555
เกิดเหตุการณ์ลูกอ๊อดที่คางคกมาไข่ไว้ในบ้าน ตายยกบ่อ
ซึ่งทีแรก ผมคิดว่า เป็นเพราะ สารเคมี จากท่อนไม้(มีสีทาบ้านทาไว้)ที่ผมเอาไปวางไว้ให้มันเกาะตอนเป็นตัว
แต่เรือ่งไม่จบแค่นั้น ลูกอ๊อดในฝั่งนั้นของบ้าน ทุกบ่อ ก็ทยอยตายทั้งหมด
ผมจึงเกิดข้อสัณนิษฐานใหม่ว่า เกิดจากอุณหภูมิที่สูงมากในช่วงนั้น (แตะ 40 องศาเซลเซียส)
แต่เหตุการณืก็ไม่ได้จบแค่นั้น และล่วงเลยมาถึงบัดนี้
ลูกอ๊อดทั้งหมดที่คางคกมาไข่ไว้ ไม่ว่าจะที่ไหน บ่อไหน รอบบ้าน และนอกบ้าน ก็ตายทั้งหมด ไม่เคยได้เห็นเป็นตัวเลย
ล่าสุด มาวางไข่ไว้สามบ่อ
เป็นลูกอ๊อดแล้วหนึ่งบ่อ ว่ายไปว่ายมาได้สองสามวัน ก็ตายทั้งหมด
กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาเป็นตัวอ่อน อีกสองบ่อ คาดว่าจะประสพชะตากรรมเดียวกัน
ตอนนี้ผมคิดถึงโรคระบาดบางอย่าง เพราะผมมักซื้อไม้น้ำ หรือกุ้ง หรือปลา มาใส่บ่อเป็นพักๆ อาจติดมาทางนั้น
และสาหร่ายในบ่อผม ก็มักถูกนำไปใส่บ่อนู้นบ่อนี้รอบบ้าน เลยติดกันหมด
ผมไม่รุ้ว่าสถานการณ์ของเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นกับผมคนเดียว หรือมันกระจายไปที่อื่นๆในประเทศมากน้อยเพียงไร
แต่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อย่างน้อยที่สุด คางคกบริเวณบ้านผม จะสูญพันธุ์อย่างแน่นอน
ข้อสังเกตเพิ่มเติม ลูกอ๊อดจะเติบโตได้ถึงช่วงที่เป็นลูกอ๊อดว่ายไปมา ได้สักพัก แล้วจึงตาย ไม่ตายก่อนนั้น และไม่ทันได้มีขา
Comments
ความเห็นที่ 1
แต่มันต่างกันตรงที่ Chytrid Fungus จะฆ่ากบที่เป็นตัวเต็มวัยแล้ว แต่ไม่ฆ่าลูกอ๊อด
ความเห็นที่ 2
หอย ปลา กุ้ง ในบ่อเป็นปกติ ที่ตายมีเฉพาะ ลูกอ๊อดเท่านั้น
ความเห็นที่ 3
ตอนนี้ ผมไปตักลูกอ๊อด แบบพึ่งออกจากไข่มา เป็นระยะ ออกจากไข่ใหม่ๆเลย ยังจมน้ำ ไม่ค่อยกระดิก
ผมเอามาล้างน้ำเปล่า และใส่ถังน้ำสองถัง น้ำเป็นน้ำประปาแบบหมดคลอรีนแล้ว แต่มันอาจติดเชื้อมาแล้วตั้งแต่เป็นไข่
พรุ่งนึ้ จะมีถังหนึ่งใส่ยารักษาแผลเชื้่อราของปลาลงไป ในปริมาณครึ่งหนึ่งของคำแนะนำ จะใส่สามวันติดกัน เปลี่ยนน้ำทุกวัน
โดยคาดว่า อาจฆ่าเชื้อนั้นได้ ซึ่งถ้าเป็นตามนั้น ถังหนึ่งจะรอด อีกถังจะไม่รอด (ถ้าติดเชื้อมาตั้งแต่เป็นไข่)
แล้วจะรอดูผล
ปล ควรเริ่มให้อาหารลูกอ๊อดเมื่อไรดี ช่วงนี้น่าจะยังไม่กิน เลยไม่อยากใส่ รอเหงือกหดก่อนรึเปล่า?
ความเห็นที่ 4
ความเห็นที่ 4.1
ความเห็นที่ 5
1. อ๊อกซิเจน พอไหม?
2. คุณภาพน้ำ เป็นอย่างไร?
3. เป็นโรคอะไรไหม?
4. ได้รับอาหารเพียงพอไหม?
ความเห็นที่ 5.1
(เคยเชค pH กับแอมโมเนีย ก็ปกติดี)
เลยเหลือ เชื้อโรค ที่ยังสงสัย
จุดสังเกตอีกอย่าง เวลามันตาย มันตายแทบจะพร้อมๆกันหมด คือตายหมดบ่อภายใน 2-3 วันหลังเริ่มมีตาย
ความเห็นที่ 6
ความเห็นที่ 6.1
นั้นสิ ไม่ใช่กลไกการทำลายของซิทริด
ความเห็นที่ 6.2
เดี๋ยวถ้าลูกอ๊อดที่แยกมาเลี้ยงในน้ำใหม่ที่ว่ามันตาย ไม่ต่างจากในบ่อ จะเก็บตัวอย่างส่งดู
คือแค่แช่เย็นเฉยๆหรอ
ที่นี่ใช่ไหม
องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์
ที่อยุ่ เลขที่ 71 ถนนพระราม 5 แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
เบอร์ติดต่อ 02-2827111-3 โทรสาร 02-2826125
ความเห็นที่ 7
ส่วนคางคกบ้าน ในคูหลังบ้านยังอยู่ ส่วนตามบ่อ ปาดบ้านยึดครองหมดแล้ว
ความเห็นที่ 7.1
ความเห็นที่ 8
ความเห็นที่ 9
ตอนแยกออกมาอยู่ในสภาพ พึ่งออกจากไข่ ตัวดำๆรีๆ จมน้ำ ยังไม่ว่าย
1. เกือบทั้งหมดปล่อยไว้ในบ่อ
2. สิบกว่าตัว อยู่ในถังน้ำ ที่ใช้น้ำสะอาด ให้อาหารเม็ด
3. สิบกว่าตัว อยู่ในถังน้ำ ที่ใช้น้ำสะอาด ให้อาหารเม็ด และใส่ยาฆ่าเชื้อราสำหรับปลา
ผ่านไปหนึ่งคืน เย็นวันนี้ ว่ายน้ำแล้วทั้ง 3 ส่วน ยังไม่มีการตาย
----
การทดลองคราวก่อน
แยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งปล่อยไว้ในบ่อ อีกส่วนหนึ่ง เอามาเลี้ยงในถัง แต่ไม่ได้เปลี่ยนน้ำใหม่
วันรุ่งขึ้นเกิดเหตุทันที ลูกอ๊อดทั้งสองส่วน ตายพร้อมๆกันเกือบทั้งหมด และตายหมด ในวันถัดมา
ความเห็นที่ 10
ซิทริด มาถึงไทยแล้วหรอครับ
ความเห็นที่ 10.1
ความเห็นที่ 11
ความเห็นที่ 12
ความเห็นที่ 13
ความเห็นที่ 14
วางไข่ วันที่ 26/07
แยกออกมาวันที่ 30/07 สภาพมันตอนแยกออกมาเป็นลักษณะที่เพึ่งออกจากไข่ ยังไม่ว่ายน้ำ
:: ในบ่อปลาที่มันวางไข่ จำนวนเริ่มบางตา 04/08 ตายเกือบทั้งหมด วันที่ 05/08
สรุปว่ามันจะมีชีวิตได้ราวๆ 5 วัน แล้วตาย
:: ลูกอ๊อดที่แยกไว้ในน้ำสะอาด ไม่ใส่ยา เริ่ม 20 ตัว
วันที่ 05/08 พบตาย 1 ตัว
:: ลูกอ๊อดที่แยกไว้ในน้ำสะอาด ใส่ยา เริ่ม 70 ตัว
วันที่ 04/08 พบตาย 3 ตัว
วันที่ 05/08 พบตาย 14 ตัว
ความเห็นที่ 15
ความเห็นที่ 16
ความเห็นที่ 16.1
ลองมาช่วยกันดูนะครับ ^^
(ผมนี่ก็บังเอิญว่า ชอบเอามาเลี้ยงในบ้าน เลยได้เห็นมันโตเป็นตัวมาหลายต่อหลายปี เลยรู้สึกผิดสังเกต)
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตัวอย่างส่งไปที่ฝ่ายอนุรักษ์และวิจัย สวนสัตว์ดุสิตครับ
และตอนนี้มีลูกคางคกชุดใหม่แล้ว อายุ 6 วัน แล้ว มีแววจะรอด
ความเห็นที่ 17
ความเห็นที่ 18
เหลืออีกสองบ่อ ยังลุ้นต่อไป
ความเห็นที่ 19
ฝนตกทีไรเสียงเจ้าพวกนี้ดังระงมทุกที
อยากทราบวิธีแยกเสียงไหนเป็น กบ คางคก อึ่งอ่าง
เคยสังเกตว่าไม่เห็นตัวอ่อนของเจ้าพวกนี้เช่นกัน
เคยเห็นไข่ลอยเป็นแพ เห็นตัวอ่อนว่ายไม่กี่ตัว สักพักก็ไม่เห็นตัวอีก
สักพักก็มีไข่ใหม่
ความเห็นที่ 19.1
อึ่งอ่าง แยกง่าย เพราะมันร้อง อึ่งงงง อ่างงงง
ส่วนตัวอื่นๆ พิมพ์ออกมาไม่ได้
เอาง่ายๆ ก็เริ่มจากแถวบ้าน พอได้ยินเสียง ก็ออกมาส่องไฟดูว่าเสียงนี้ตัวไหนครับ
ค่อยๆจำไปทีละตัว
ความเห็นที่ 20