รบกวนดูให้หน่อยค่ะ ใช่ งูคุด เปล่าคะ
ขอบคุณค่ะ
อีกรูปค่ะ
น่าจะเป็นงูปี่แก้วลายแต้ม Oligodon fasciolatus มากกว่าครับ ว่าไปแล้วลายฟอร์มนี้ผมก็ยังไม่เคยเจอเหมือนกัน
ตัวนี้เจอที่ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม ค่ะ
ถ้างั้นยิ่งมั่นใจว่าใช่ชนิดที่บอกไปแหละครับ
ขอบคุณมากค่ะ
ช่วยสอนวิธีแยกงูชนิดนี้หน่อยค่ะ
ว่าจำแนกชนิดยังไง ทำไมถึงคิดว่าเป็นงูชนิดนี้ มีจุดสังเกตอย่างไรคะ
มันมีคู่เหมือนหรือไม่ แล้วต่างจากงูคุดอย่างไรคะ
ประเด็นแรกที่ทำให้ตัดความเป็นงูคุดออกคือ เกล็ดมีความถี่มาก ซึ่งแสดงถึงจำนวนแถวเกล็ดที่จะเกิน 19 แถว (การใช้วิธีนี้จำเป็นต้องเคยเห็นตัวอย่างเปรียบเทียบมาก่อนแล้วเท่านั้น แล้วจะรู้ว่ามันถี่มากน้อยอย่างไร ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถเพ่งนับเกล็ดจากภาพได้)
ประเด็นต่อมา ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นงูคุดลายนี้เลย รวมทั้งโทนสีที่จะต้องออกไปทางแดงๆ แดงอมม่วง หรือไปทางน้ำตาลเข้มๆ ลายงูคุดที่พบก็จะมี 2 กลุ่มลาย คือ ลายแต้มใหญ่ๆคล้ายๆกับ O. fasciolatus ที่เป็นฟอร์มหลัก (แต่ก็ไม่เหมือน) กับกลุ่มลายขวาง ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่เหมือนกันครับ
ต่อมาอีก..งูตัวในรูปแสดงแนวโน้มว่าสีที่ท้องจะเป็นโทนสีอ่อน (ขาวนวลๆ หรืออาจเป็นขาวอมเหลือง) และไม่มีลาย(อย่างน้อยก็ที่ขอบเกล็ดท้อง) ซึ่งเป็นภาคบังคับที่งูคุดต้องมีลายที่ขอบท้อง และท้องมีสีเข้ม(ไม่เห็นสีท้องจากภาพนี้)
ประเด็นสุดท้ายที่ผมใช้ประกอบการพิจารณา ไม่ใช่ตัดสิน คือ การกระจายพันธุ์ครับ ในพื้นที่กำแพงแสนจะมีงูปี่แก้วขนาดใหญ่เด่นชนิดเดียวก็คือเจ้า O. fasciolatus นี่แหละ นอกนั้นจะเป็นงูงอดเล็กๆ ซึ่งการกระจายพันธุ์นั้น ผมไม่ได้พิจารณาที่เขตจังหวัดหรืออำเภอ แต่ดูจาก habitat ของแต่ละพื้นที่เป็นเกณฑ์ครับ
ปล. ข้างบนนี้ผมใช้แยกระหว่างงูคุด (O. purpurascaens) กับ งูปี่แก้วลายแต้ม (O. fasciolatus) เท่านั้น หากจะจำแนกงูสกุลนี้ทั้งหมดของไทย จำเป็นต้องมีพื้นฐานและประสบการณ์กับงูกลุ่มนี้มากพอสมควร หรือสามารถใช้ keys จำแนกของ Pauwels et al., 2002 ร่วมกับ David et al., 2008 (ลองไปค้นๆดู ที่มี Oligodon น่ะ ถ้าไม่สำเร็จช่วยแจ้งด้วย จะช่วยอีกที)
Comments
ความเห็นที่ 1
อีกรูปค่ะ
ความเห็นที่ 2
น่าจะเป็นงูปี่แก้วลายแต้ม Oligodon fasciolatus มากกว่าครับ ว่าไปแล้วลายฟอร์มนี้ผมก็ยังไม่เคยเจอเหมือนกัน
ความเห็นที่ 3
ตัวนี้เจอที่ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม ค่ะ
ความเห็นที่ 4
ถ้างั้นยิ่งมั่นใจว่าใช่ชนิดที่บอกไปแหละครับ
ความเห็นที่ 5
ขอบคุณมากค่ะ
ความเห็นที่ 6
ช่วยสอนวิธีแยกงูชนิดนี้หน่อยค่ะ
ว่าจำแนกชนิดยังไง ทำไมถึงคิดว่าเป็นงูชนิดนี้ มีจุดสังเกตอย่างไรคะ
มันมีคู่เหมือนหรือไม่ แล้วต่างจากงูคุดอย่างไรคะ
ความเห็นที่ 7
ประเด็นแรกที่ทำให้ตัดความเป็นงูคุดออกคือ เกล็ดมีความถี่มาก ซึ่งแสดงถึงจำนวนแถวเกล็ดที่จะเกิน 19 แถว (การใช้วิธีนี้จำเป็นต้องเคยเห็นตัวอย่างเปรียบเทียบมาก่อนแล้วเท่านั้น แล้วจะรู้ว่ามันถี่มากน้อยอย่างไร ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถเพ่งนับเกล็ดจากภาพได้)
ประเด็นต่อมา ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นงูคุดลายนี้เลย รวมทั้งโทนสีที่จะต้องออกไปทางแดงๆ แดงอมม่วง หรือไปทางน้ำตาลเข้มๆ ลายงูคุดที่พบก็จะมี 2 กลุ่มลาย คือ ลายแต้มใหญ่ๆคล้ายๆกับ O. fasciolatus ที่เป็นฟอร์มหลัก (แต่ก็ไม่เหมือน) กับกลุ่มลายขวาง ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่เหมือนกันครับ
ต่อมาอีก..งูตัวในรูปแสดงแนวโน้มว่าสีที่ท้องจะเป็นโทนสีอ่อน (ขาวนวลๆ หรืออาจเป็นขาวอมเหลือง) และไม่มีลาย(อย่างน้อยก็ที่ขอบเกล็ดท้อง) ซึ่งเป็นภาคบังคับที่งูคุดต้องมีลายที่ขอบท้อง และท้องมีสีเข้ม(ไม่เห็นสีท้องจากภาพนี้)
ประเด็นสุดท้ายที่ผมใช้ประกอบการพิจารณา ไม่ใช่ตัดสิน คือ การกระจายพันธุ์ครับ ในพื้นที่กำแพงแสนจะมีงูปี่แก้วขนาดใหญ่เด่นชนิดเดียวก็คือเจ้า O. fasciolatus นี่แหละ นอกนั้นจะเป็นงูงอดเล็กๆ ซึ่งการกระจายพันธุ์นั้น ผมไม่ได้พิจารณาที่เขตจังหวัดหรืออำเภอ แต่ดูจาก habitat ของแต่ละพื้นที่เป็นเกณฑ์ครับ
ปล. ข้างบนนี้ผมใช้แยกระหว่างงูคุด (O. purpurascaens) กับ งูปี่แก้วลายแต้ม (O. fasciolatus) เท่านั้น หากจะจำแนกงูสกุลนี้ทั้งหมดของไทย จำเป็นต้องมีพื้นฐานและประสบการณ์กับงูกลุ่มนี้มากพอสมควร หรือสามารถใช้ keys จำแนกของ Pauwels et al., 2002 ร่วมกับ David et al., 2008 (ลองไปค้นๆดู ที่มี Oligodon น่ะ ถ้าไม่สำเร็จช่วยแจ้งด้วย จะช่วยอีกที)