ลมหายใจของห้วยส่วนตัว..

ห้วยส่วนตัว เป็นชื่อเรียกเล่นๆของลำธารเล็กๆที่ไหลมาจากต้นน้ำโดยตรงซึ่งมีชื่อจริงว่า ห้วยตาดผางาม ลำธารเล็กๆนี้ไหลลงสู่คลองหาดส้มแป้น ณ จุดที่เรียกว่า น้ำตกตาดผางาม

ห้วยส่วนตัวแห่งนี้ถูกซุกอยู่ในป่าดิบชื้น แม้เป็นเพียงลำธารเล็กๆ แต่น้ำไม่เคยขาดเลยตลอดทั้งปี แม้กระทั่งช่วงที่เคยแล้งที่สุดตั้งแต่สร้างเมืองระนองก็ตาม ห้วยแห่งนี้มีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินแกรนิต ที่ชั้นเหนือขึ้นไปอาจพบริมตลิ่งเป็นทรายบ้าง นานๆถึงจะมีคนมาเที่ยวห้วยแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงคงความเป็นส่วนตัวให้ผมยามค่ำคืน

การใช้ประโยชน์เบื้องต้นจากห้วยแห่งนี้ก็มีการสร้างทำนบหินเพื่อผันน้ำในการอุปโภค บริโภค และการเกษตรในพื้นที่ใกล้เคียง

Comments

ความเห็นที่ 1

ความเป็นห้วยส่วนตัวได้เริ่มถูกรบกวนอย่างหนักหลังจากมีการปลุกกระแสฝายชะลอน้ำ โดยอ้างพระราชดำริ ในช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยในครั้งนั้นมีการนำกระสอบทรายมาทำเป็นฝายส่วนทรายที่ใส่กระสอบนะรึ ก็เอาจากในลำธารนั่นแหละ และมีการรื้อหินที่ระเกะระกะกลางลำธารที่เคยทำหน้าที่ชะลอความเร็วน้ำตามธรรมชาติอยู่แล้วออกไป หลังจากสร้างฝายไม่นานก็เกิดน้ำป่าหลากหน้าร้อน ฝายชะลอน้ำที่รื้อหินชะลอน้ำธรรมชาติออกไปไม่สามารถทานแรงน้ำได้ก็พังเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงขยะกระสอบทรายประดับลำธาร


เวลาผ่านไปประมาณ ๑ ปี ก็เกิดฝายถาวรขึ้น ๑ แห่ง ณ จุดที่เคยใช้ฝายหินเพื่อผันน้ำไปใช้ พร้อมๆกับการตัดต้นไม้ริมธารออกบางส่วนเพื่อให้ดูโล่ง สวยงาม? 
h03.jpg h04.jpg h05.jpg

ความเห็นที่ 2

ไม่รู้ว่า ป่าชุ่มชื้นเพราะมีฝายนี้หรือ?

h06.jpg h12.jpg

ความเห็นที่ 3

ปัจจุบัน ฝายมีอายุปีเศษ อืม..น้ำเต็มฝายดีแฮะ

แต่หากย้อนกลับไปดู คห.๑ ภาพที่ ๓ จะเห็นว่าทำไมน้ำไหลผ่านฝายทางท่อน้อยจัง
h07.jpg

ความเห็นที่ 4

สงสัยเขาทำเครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่..น้ำที่ผ่านท่อนั้นมาได้ คงเป็นน้ำสะอาดไม่น้อย เพราะต้องผ่านชั้นทรายหนาเมตรเศษ การสะสมของใบไม้แห้งที่ปลาไหลเกล็ด ลูกอ๊อดอึ่งกรายขายาว (Xenophrys longipes) ตัวอ่อนแมลงปอ ใช้เป็นที่พักพิงและหาอาหาร หรือกระทั่งซอกใต้หินที่ลูกอ๊อดอึ่งกรายตาขาว (Leptobrachium sp.) อึ่งกรายท้องลาย (Leptolalax melanoleucus) ใช้ซ่อนตัว ยังไม่พอๆ หินระเกะระกะที่น้ำไหลผ่านส่วนบนของหินเชี่ยวๆบริเวณที่มีการลดระดับของลำธารที่ลูกอ๊อดกบลายหินปัญหา (Amolops panhai) คางคกห้วยระนอง (Ansonia kraensis) เกาะหากินก็มลายหายไปด้วย
ทรายเต็มหลังฝาย ท่อที่ผันน้ำใช้ ทรายก็เกือบปิดมิด ดูเทียบหน้าและหลังฝาย มีนายแบบไว้เทียบสเกลฝายว่าอลังการแค่ไหน

ความเห็นที่ 5

ลองมาทบทวนดูกันหน่อยเถิดว่าฝายในรูปแบบที่เราสร้างๆกันมันทำหน้าที่ได้ตามวัตถุประสงค์หรือเปล่า
๑. หากเพื่อผันน้ำไว้ใช้..ฝายหินทิ้งไม่มีแกนอย่างครั้งแรกที่ทำ ก็สามารถสนองวัตถุประสงค์ได้ หรือหากเกรงว่าช่วงแล้งน้ำจะไม่พอก็อาจเสริมแกนในระดับต่ำๆได้ แต่ระดับน้ำท่วมปากท่อก็พอแล้ว แต่ฝายนี้ในปัจจุบัน ระดับปากท่อที่อุตส่าห์ยกสูงเพื่อรับแต่น้ำใสๆก็อยู่ในระดับต่ำกว่าผิวทรายแล้ว ดังนั้นที่ลงทุนมาก็ไม่เกิดประโยชน์เพิ่มเลยแม้แต่น้อย
๒. หากเพื่อเก็บกักน้ำ (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อ ๑) จะเห็นว่าน้ำเหนือฝายก็ไม่ได้มีปริมาณสะสมมากขึ้นเลย เพราะตะกอนทรายทับถมแทนที่น้ำที่จะกักหมดแล้ว
๓. ชะลอเพื่อให้น้ำดูดซับคืนสู่ป่า แต่..ลำธารนี้มีโครงสร้างเป็นหินแกรนิต แม้มันต้องมีรอยแตกของหิน แต่การดูดซับน้ำก็คงมีไม่มากนัก ประกอบกับที่นี่ความชื้นอากาศและดินสูงมากอยู่แล้วแม้ในหน้าแล้ง ดินทรายที่พอดูดซับน้ำได้ก็คงอยู่ในระดับที่อิ่มตัวเกือบตลอดเวลาอยู่แล้ว
๔. ชะลอเพื่อลดความแรง และการกัดเซาะตลิ่ง อืม..มันคงใช้เวลานานมากที่จะกัดเซาะหินให้พัง แต่ที่น่าสนใจคือต้นไม้ที่ถูกตัด ราน นี่สิ กับก้อนหินที่ถูกรื้อเพื่อทำฝาย ตลอดจนหินที่ต้องจมอยู่ใต้ทราย เหลือพื้นใต้น้ำเรียบๆ ผมเลยไม่แน่ใจว่าก่อนมีฝายกับสร้างแล้ว อย่างไหนจะชะลอกระแสน้ำได้ดีกว่ากัน ตอนนี้ทรายก็เต็มสันฝายแล้ว ดังนั้นหากน้ำป่าหลากมาปริมาตรเท่าไหร่ ความเร็วเท่าใด ก็จะผ่านฝายนี้ได้โดยไม่สูญเสีญพลังงานเลยทั้งหมด ตกลงว่าฝายทำหน้าที่ของมันหรือเปล่า
๕. เพื่อผลาญงบประมาณ หรือใช้สร้างภาพว่าดูแลสิ่งแวดล้อม...อันนี้คงทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แบบแล้ว
ดูว่ามันจะช่วยกักน้ำ หรือชะลอน้ำได้หรือเปล่าเนี่ย เมื่อทรายอยู่เป็นพื้นเท่าๆระดับสันฝายแล้ว ถ่ายจากสันฝายไปทางหลังฝาย เมื่อก่อนบริเวณนี้จะมีหินเกะกะเต็มไปหมดทำหน้าที่ลดความแรงกระแสน้ำ แต่ตอนนี้มันอยู่ใต้ทรายเรียบๆแล้ว ตรงนี้เคยมีการสร้างฝายกระสอบทราย ปัจจุบันพังแล้ว เหลือหลักฐานขาวๆทางขวามือ

ความเห็นที่ 6

ปกติแล้วในธรรมชาติจะมีฝายอยู่แล้ว มาดูทางนี้ ผมจะพาไปดู
h16.jpg

ความเห็นที่ 7

นี่ไง หินที่ขวางทางน้ำระเกะระกะเหล่านี้จะกักน้ำให้ยกสูงขึ้นได้ชั่วคราว ตะกอนที่ไหลมากับน้ำสามารถไหลผ่านช่องระหว่างหินได้จึงไม่มีการกักตะกอนมากเกินไปในลำธาร สัตว์น้ำสามารถอาศัยได้ หรือเดินทางไปมาได้อย่างสะดวกตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องใช้ความสามารถพิเศษมากนัก ผิวปะทะน้ำก็ไม่เรียบจึงลดแรงปะทะโดยตรงได้ก่อน และเป็นการชะลอให้น้ำไหลผ่านไปไม่แรงมาก แล้วหากความเร็วเพิ่มอีกตามหลักกลศาสตร์ มันก็จะไปปะทะหินก้อนต่อๆไปอีก ดังนั้นความเร็วกระแสน้ำจึงเพิ่มๆลดๆ ไม่มีแต่เพิ่มไปเรื่อยๆจากการไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำกว่า
h17.jpg

ความเห็นที่ 8

วันนี้ท่านผู้มีอำนาจ และสร้างภาพทั้งหลาย ได้หันกลับมาทบทวน คุณค่า และหน้าที่ของฝายที่พวกท่านสร้างไว้หรือยัง(ตะแบง)
มองจากจุดที่มีความหลากหลายของสัตว์เลื้อยคลานและสะเทินสูงสุด เท่าที่ได้เดินสำรวจมากว่า ๘ ปี ออกมายังทางเข้าห้วย มองย้อนกลับมาดูการพัฒนาของประเทศไทย สุดท้าย..มองย้อนกลับมาดูคนข้างหลังของเรา

ความเห็นที่ 9

เสียดายพื้นที่จัง เสียหมด

ความเห็นที่ 10

คนค้าน ค้านจนท้อ คนค้านมีไม่กี่คน คนอยากสร้างเยอะเหลือเกิน แต่อย่างน้อย จากที่ได้รับรู้มาก็มีคนที่เข้าใจมากขึ้น

ไม่ทราบว่า รู้ชัดเจนไหมครับว่าหน่วยงานใดเป็นผู้สร้างฝาย ผมว่าทำหนังสือถึงเขาหน่อยก็น่าสนใจดีครับ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย 


ความเห็นที่ 11

ผมว่าจะไปสำรวจน้องปอที่ห้วยส่วนตัวพี่น็อตนะเนี่ยยย แอบเสียดายครับ

ความเห็นที่ 12

เห็นแล้วเศร้า - -*

ความเห็นที่ 13

ที่จริงห้วยส่วนตัวก็ยังถือว่าโชคดีที่ไม่โดนยำมากนัก มีหนักๆก็ฝายนี้ฝายเดียว แต่ก็สร้างปัญหาให้ปลาไม่น้อย อย่างปลาค้อนี่ถ้าลงมาใต้ฝายแล้วกลับขึ้นไปยากครับ แต่ว่าไปแล้วปลาค้อที่ห้วยนี้ก็น่าถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวพันธุกรรมมาหลายสิบปีแล้ว เพราะปลาค้อจากคลองหาดส้มแป้นไม่สามารถขึ้นห้วยได้ ก็อาจเหลือแต่ปลาตูหนาดอกไม้ที่ยังฝ่าไปได้ หากมันตั้งใจและพยายามไปจริงๆ ห้วยแห่งนี้ไม่มีปลาก้างและปลาซิว คาดว่าเพราะถูกตัดขาดจากคลองหาดส้มแป้น ที่มันลงได้อย่างเดียว ไม่มีทางย้อนกลับครับ ส่วนแมลงปอก็ยังมีครับ เพราะบริเวณอื่นๆยังอยู่ได้

ความเห็นที่ 14

ปลาค้อ ก็ท้อเป็น....
พอเห็นขนาดของฝายแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ว่ามันต่างจากเขื่อนตรงไหน?
ในเมื่อหลักการสร้างฝาย พื้นที่หน้าตัดต้องแคบ...

ความเห็นที่ 15


เราคงต้องหาทางทำการตลาด เพื่อต่อสู้การสร้างฝายที่หลับหูหลับตาสร้างแล้วมั้งครับ (ผมยังเชื่อว่า ฝายดี ต้องอยู่ในพื้นที่ ที่เหมาะสม ในรูปแบบที่เหมาะสม)

ความเห็นที่ 16

ห้วยแห่งนี้มีชีวิต และน้ำเปรียบเหมือนลมหายใจ แต่ลมหายใจนี้คงแผ่วเต็มที (เมื่อไหร่จะหยุดเสียที่กับฝายที่สร้าง โดย.....ฟาย) สร้างเอาหน้าตะบี้ตะบันสร้าง ไม่เคยนึกถึงระบบนิเวศน์ไม่มีการศึกษาหาผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้น สร้างเสร็จแล้ว ึงก็ไป ทิ้งปัญหาไว้มากมาย (ฟายเอ้ย!) 

ความเห็นที่ 17

อยากให้ตอบโดยไม่ใช้อารมณ์ครับ เพราะยังไงผมก็เชื่อว่าทุกฝ่ายก็คำนึงถึงระบบนิเวศ เพียงแต่เขามองแค่เปลือกของมัน ไม่แน่นะ ถ้าผมอยู่จุดนั้น(คนสร้างฝาย)โดยไม่ได้มาสัมผัสส่วนนี้มาก่อน ผมก็อาจเป็นหนึ่งในฟายก็ได้ ผมไม่ได้ตั้งกระทู้ให้มาด่าใครทั้งนั้นครับ

ความเห็นที่ 18

ผมขอโทษครับอาจารย์น๊อต หลายครั้งหลายคราที่เสียงตัดพ้อเรื่องของฝายไม่เคยได้รับการเหลียวแลหรือใส่ใจ(มีบ้างบางที่) ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังสูญเสียอะไรไปเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน คนสร้างไม่เคยรับรู้ถึงผลเสียที่มันจะเกิดขึ้นกับคนพื้นที่ บางครั้งทำให้เกิดอารมณ์ ขอบคุณอาจารย์ครับต่อไปผมจะใช้สติและเหตุผลให้มากกว่านี้ครับ

ความเห็นที่ 19


เขียนโครงการเขาก็มีหลักการและเหตุผล แต่ไม่รู้ว่าต้นคิดเขาเขียนไว้ยังไง
เราอาจจะชี้แจงแย้งไปที่จุดนี้ได้นะครับ ว่าหลักการและเหตุผลของเขายังไม่มองปัญหารอบด้านและเมื่อดำเนินโครงการไปแล้วกลับส่งผลกระทบด้านลบกลับมามากกว่าด้านบวก
ทำให้เจตนารมย์ของเขาที่มีความปรารถนาดีต่อธรรมชาตินั้นมีความผิดเพี้ยนไปในที่สุด

ส่วนการไปประชาสัมพันธ์ให้เขาหน้าแตกมันคงไม่ค่อยจะทำให้ได้รับความร่วมมือหรือการยอมรับในการแก้ปัญหาสักเท่าไหร่
รังแต่จะทำให้เกิดการต่อต้านด้านชาเพราะธรรมดาคนเรามันย่อมมีทิฐิกันอยู่แล้ว
ผมว่าคุยกันอย่างคนที่มีความห่วงใยในธรรมชาติเหมือนกันน่าจะได้ประสิทธิผลมากกว่าด่ากันไกลๆนะครับ
แถมอาจจะได้มิตรใหม่มีอะไรให้ทำร่วมกันต่อไปในอนาคตก็ได้นะครับ

ความเห็นที่ 20

งั้นรบกวนคุณนนท์ทำหนังสือ ทักท้วงการสร้างฝายชะลอน้ำลักษณะคล้ายคลึงกกันแบบนี้ มาที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ด้วยอีกแห่งนะครับ ก่อนที่จะไปสร้างฝายแบบนี้ในปี 54 และ 55 อีกหลายแห่ง ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ

ความเห็นที่ 21

สงสัยว่าฝายที่ผู้ใดทำนี่ ไม่เห็นมีป้ายประกาศงบประมาณอะไรเลยครับ?

ความเห็นที่ 22

สภาพเมื่อหกปีที่แล้ว

ไม่มีป้ายหน่วยงานใดๆครับ
huay.jpg