เยือนงามธรรมชาติวิทยา ณ Airt Scinece Museum Singapore
งานดี ๆ เอามาเก็บไว้ที่นี่ดีกว่า จะได้ง่ายต่อการสืบค้น โพสต์ลงเฟส แป้บ ๆ หายขนาดคนโพสต์ไปค้นหาอีกทียังหาไม่เจอ
จุดเริ่มต้นการเดินทาง
......ต้นเดือน พฤษภาคม ขณะเดินทางกลับภูเก็ตกะน้องหางแดง ระหว่างการเดินทาง นั่งเปิดนิตยสารประจำเครื่องอ่านแก้เบื่อ สายตาไปจ๊ะเอ๋กับบทความเล๊กกกกกกก เล็ก ( เล็กมาก ) แนะนำงาน Exhibition สำคัญด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ การจัดแสดงตัวอย่างสะสม สมุดบันทึก รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ Natural History Museum มาจัดแสดงที่ Art Scince Museum สิงค์โปร์ โดยมีตัวอย่างพันธุ์พิช พันธุ์สัตว์ และของสะสมต่าง ๆ มาจัดแสดงมากกว่า 200 ชิ้น
....เฮ้ยใกล้บ้านเรานิดเดียว ค่าใชจ่ายไม่ได้หนักมาก ดีกว่าบินไปดูถึงอังกฤษเป็นไหน ๆ ผมจึงไม่รอช้า จัดการแปลนการเดินทางเร่งด่วน เพื่อบินไปดูงานนี้ แต่ก็มีอุปสรรค์บ้างที่ค่าตั๋วเครื่องบินดันดีดไปแพงเหลือเกิน มาได้ตั๋วถูกแบบ ฟลุค ๆก่อนเดินทาง 1 อาทิตย์ (ถอดใจไปแล้วไง อิ อิ ) การเดินทางครั้งนี้ จึงเริ่มต้นขึ้น
Comments
ความเห็นที่ 1
งานนี้ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ Natural History Museum London ตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ในช่วงศตวรรษที่ 16 จนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อตั้งโดย Sir Hans Sloane ( ไม่ใช่พ่อ ฮาน โซโล นะจ้ะ ) ซึ่งหนึ่งในสมาชิกของพิพิธภัณฑ์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ก็คือ พ่อ ชาร์ล ดาร์วิน เจ้าของ ทฤษฎีวิวัฒนาการยังไงล่ะจ้ะ สำหรับการจัดแสดงครั้งนี้ ทาง ์Natural History Museum London คนตัวอย่างพันธุ์พิช พันธุ์สัตว์ และของสะสมมากมาย มาจัดแสดงให้ชมเป็นน้ำจิ้มกว่า 200 ชิ้น ส่วนแต่ละชิ้นจะซี๊ดอู้ยคุ้มค่าขนาดไหน โปรดติดตาม
.....งานนี้เค้าจัดกันตั้งแต่ไก์โห่ 25 พฤศิกายน - 29 เมษายน เป็นวันสุดท้าย นั่นแสดงว่า จบสัปดาห์นี้ก็ไม่มีแล้วจรา้ บินไปดูที่อังกฤษกันเองนะ ส่วนค่าบัตรเขามชม สนนราคาที่ 17 $ เท่านั้น คิดเก็นเงินไทยก็ประมาณ 400 บาท แอบแพงไปนิด ( แต่หลังจากนั้นจึงรู้ความจริว่า นี่คือราคามาตรฐานของพิพิธภัณฑ์ในสิงค์โปร์ แพงฉิบ )
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 3
กรี๊ดที่ 1 ภาพต้นฉบับหนังสือ Bird Of America
ภาพนี้เป็นภาพต้นฉบับจริง ๆของหนังสือ Bird Of America ที่วาดโดย John James Audoon ในปี 1837 ซึ่งหนังสือเล่มนี้เคยแว้บเข้ามาในเพจห้องขายหนังสือเก่าบ้านเราในราคา 800 บาท ด้วยความซึ่งตึงของเจ้าตัว เห็นแล้วไม่ซื้อถึงได้รู้ว่าพลาดงานสำคัญระดับมาสเตอร์พีซทางะรรมชาติวิทยาไปซะแล้ว ในภาพเป็นรูปนก Scarlet Ibis จร้า
ความเห็นที่ 4
ความเห็นที่ 5
ในส่วนของการจัดแสดง แบ่งออกเป็นห้าโซนด้วยกันครับ แบ่งตามยุคต่าง ๆ ตามบรรดาเหล่านักสำรวจที่ออกไปเก็บข้อมูบทั่วโลก ขออนุญาตไม่พิมพ์ชื่อนะครับ เพราะมันไม่เก็ตกะตัวอย่างจัดแสดงนั้น ๆ เลย เอาเ็ฯว่า ขอรีวิวเฉพาะ ของเด็ดของว้าวละกัน
......สิ่งหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจว่า แหมมมมมม อังกฤษรักสิงค์โปร์จัง คือ เค้าแบบเอาสิงโตหินที่วางหน้าอาคารที่อังกฤษมาจัดแสดงด้วย โอ้วแม่เจ้า ยกกันมาทั้งยวงเลย
ความเห็นที่ 6
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะพลาด เพราะตรงนี้มี กรี๊ด2222222 ก็คือมัมมี่แมวครับ !!!! มัมมี่แมวของแท้จากอียิปต์ ( ก็เลยไปหยิบของเขามา อิ อิ )เป็นตัวอย่างธรรมชาติวิทยา ที่เจือปนกลิ่นอายของวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ นับถือแมวเป็นเทพเจ้าเรียกว่าเทพ Bastet ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการทำมัมมี่แมวขึ้นมา ของชิ้นนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก Sir Willam Matthew Flinders มอบให้จร้า
.....แต่เพราะดันวางไว้กะเจ้าสิงโตหิน คนเลยเดินผ่านกันเยอะ ไม่ได้สังเกตุ ทั้ง ๆ ที่ มันคือ Masterpiece นะเฟ้ยยยย
ความเห็นที่ 7
ความเห็นที่ 8
ความเห็นที่ 9
ความเห็นที่ 10
ความเห็นที่ 11