มะเขือเทศเป็นสัตว์

จากการสนทนากับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง ได้คุยกันถึงเรื่องรายงานการวิจัยใหม่เรื่องมะเขือเทศ
สิ่งที่น่าสนใจคือ จริงๆ แล้ว มะเขือเทศนั้น เป็นสัตว์ !!!

จริงเท็จอย่างไร ลองมาดูกัน 555



Comments

ความเห็นที่ 1

หลายๆ คนบอกว่า การ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนเสื่อมเรื่องแรกๆ แ่ต่ถ้าใครมีอยู่ในครอบครองก็ช่วยส่งเสียงด้วยนะคะ เพราะบางทีอัจฉริยะกับความบ้า ก็มีเส้นคั่นบางๆ นิดเดียว อิฉันเองไม่เคยอ่านทั้งเล่ม แต่สนใจอยากลองเสพดู

เรื่องที่นำมาให้อ่านกันนี้ เป็นตัวอย่างชวนหัว ดูงี่เง่า แต่ขณะเดียวกันมันมีเสียงเตือนเล็กๆ แบบเดียวกับเรื่องตลกหลายๆ เรื่อง

หากยกเอาเรื่องจริง ไม่จริงออกไป เรื่องนี้ก็ดูมีสาระพอใช้ มีทั้งแผนผังอนาโตมี แผนผังกล้ามเนื้อให้เห็นอย่างชัดเจน แบบเดียวกับที่เราเห็นเครื่องในของคนหรือของสัตว์อื่นๆ ที่ก็เอาสัตว์ีีที่ตายแล้ว มาแผ่ออกแล้วชี้ตรงโน้นตรงนี้บอกว่าเป็นอวัยวะส่วนต่างๆ เหมือนกัน


พี่ๆ น้องๆ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างคะ


ความเห็นที่ 2

วันก่อนแวะร้านหนังสือ เจอการ์ตูน(ญี่ปุ่น) เรื่อง หมีบ้าฮาลั่นป่า อ่านแล้วกึ่งสนุกกึ่งเครียด ก็ไม่เลวครับ

ว่าแต่มะเขือเทศนี่มันเรื่องอะไร? 

ความเห็นที่ 3

555 ไ่ม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ ออมเกิดไม่ทัน แต่คุยกับอาจารย์เรื่องที่ว่าการศึกษาของเรา เป็นแค่ภาพบางส่วนของภาพทั้งหมด อาจารย์เคยตั้งคำถามเพื่อนออมที่ทำมดว่า เรารู้ได้อย่างไรว่ามดมันมีพฤติกรรมการอพยพแบบนี้ เราอาจจะไปเห็นแค่ตอนที่มันอพยพก็ได้ หรือในการวัดค่าการเคลื่อนที่ของอิเล็คตรอน จะได้แค่ค่าประมาณจากสมการ ไม่มีทางได้ค่าจริงๆ เพราะตัวเครื่องมือที่เอาไปวัด ก็มีอิทธิลพลต่อตัวอิเล็คตรอนด้วย แล้วแกก็ยกตัวอย่างมะเขือเทศ ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นสัตว์ เคลื่อนที่ได้ แต่พอมันรู้ว่าคนสังเกตมันอยู่ มันก็จะหยุดเคลื่อนที่ ให้คนเข้าใจว่ามันเป็นพืชนั่นเอง

ความเห็นที่ 4

ยังไม่"เคย"อ่านครับ

ความเห็นที่ 4.1

ตอนนี้ก็ "เคย" แล้ว อิอิอิ

ความเห็นที่ 5

เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนมอปลาย และได้เรียนวิชาชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกอาณาจักรครั้งแรก ยังจำได้ถึงคำถามที่คุณครูถามในชั่วโมงเรียนว่า สัตว์กับพืชนั้นต่างกันอย่างไร ผมตอบไปมั่วๆ ว่าสัตว์เคลื่อนที่ได้ พืชเคลื่อนที่ไม่ได้ ซึ่งเป็นคำตอบที่ฟลุ๊กถูกเสียด้วยสิ มันจึงทำให้ผมจำนิยามตรงนี้ค่อนข้างแม่น ซึ่งนอกเหนือไปจากการเคลื่อนที่แล้วยังมีเรื่องประเด็นของการมีรงควัตถุที่ใช้เพื่อการสังเคราะห์แสง และการมีหรือไม่มีผนังเซลล์ ที่สามารถใช้ในการบ่งชี้เรื่องพืชและสัตว์ได้ ซึ่งความรู้เหล่านี้ามีประโยชน์มากเมื่อได้เข้ามาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่......สรรพสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง เมื่อเรียนสูงขึ้น ๆ เรากลับพบว่า มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มันมีลักษณะผสมของพืชและสัตว์ มีสิ่งมีชิวิตที่เรียกว่าจุลินทรีย์ แล้วก็มีสาหร่ายบางกลุ่มที่เดิมคิดว่ามันเป็นพืช แต่ภายหลังมีหลักฐานก็บ่งชี้ว่ามันเป็นจุลินทรีย์ยักษ์.....

ที่เพ้อเจ้อมาข้างต้นนั้นมิใช่เป็นการเล่าเรื่องอดีตแต่จะชี้ให้เห็นว่า ความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์นั้นมันอาจไม่ตายตัว มันเปลี่ยนแปลงได้ไม่เที่ยง ความเชื่อว่าจริงนั้น มันขึ้นอยู่กับหลักฐานที่นำมาประกอบความคิดว่า สิ่งที่เขาเชื่อนั้นมันถูกต้องและน่าเชื่อถือปานไหน...และเราจะคล้อยเชื่อไปตามความคิดนั้น ว่าเป็นจริง ดังนั้นความจริงในทางวิทยาศาสตร์จึงสามารถเปลี่ยนไปได้เรื่อยตามหลักฐานที่ทำให้เราเชื่อได้ว่า............

วกเข้าประเด็นของมะเขือเทศ......ผู้เล่าเขาก็พยายามนำเสนอหลักฐานต่างๆ เพื่อมาประกอบความคิดผสมกับจินตนาการเข้าไป ทำให้เราเคลิ้มว่า อืม....มะเขือเทศนั้นก็น่าจะเป็นสัตว์จริงๆ อย่างที่เขาคิด ...ซึ่งถ้าเช่นนั้นแล้วมะเขือเทศคงเป็นเช่นเดียวกับมักกะรีผล ที่เหล่าเทวดาบนสวรรค์มาแย่งชิงกันไปครอบครอง.....แต่เมื่อใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ตรองดูกลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ มะเขือเทศเป็นผลไม้ แล้วเป็นผลไม้ที่มีเครื่องใน แล้วเครื่องในเหล่านั้นมันทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องในสัตว์หรือเปล่า มะเขือเทศกินอาหารทางไหน มะเขือเทศเดินได้ด้วยอะไร มะเขือเทศออกมาล่าอาหารอย่างไร แล้วมะเขือเทศแอบไปเข้ายิมที่ไหนถึงทำให้ได้กล้ามเนื้อสวยได้รูปขนาดนั้น แล้วทำไมมัดกล้ามเนื้อของมะเขือเทศถึงไม่เหมือนกล้ามเนื้อของสัตว์ทั่วไปที่พอสุกแล้วสามารถฉีกเ็ป็นเส้นๆ ได้ ฯลฯ ........

ผมคิดว่าเรื่องการ์ตูนมะเขือเทศนั้นเป็นการนำเสนอความคิดและจินตนาการรูปแบบหนึ่งเท่านั้น อาจเป็นการเล่าเรืื่องเพื่อความบันเทิง หรือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้หลอกให้เด็กที่ไม่กินผักหันมากินมะเขือเทศโดยคิดว่ามันเป็นสัตว์ หรืออะไรก็ตามแต่ และท้ายที่สุดการ์ตูนมะเขือเทศทำใ้ห้เกิดกระทู้นี้และทำให้ผมพล่ามได้ยาวเหมือนกันนะเนี่ย...๕๕๕๕๕

ความเห็นที่ 5.1

พูดถึงเรื่องรายงานใหม่ๆ(แบบหักมุมพลิกฟ้า) บางอันแม้จะมีคล้ายๆเปเปอร์ออกมา แต่สำหรับผมยังยากที่จะเชื่อ

http://en.wikipedia.org/wiki/Falconiformes 
There is a recent theory based on gene studies that the falcons are more closely related to the parrots and passerines than to other birds including the Accipitridae, and that thus the Falconiformes are not monophyletic even if the Cathartidae are excluded

ยอมรับครับว่า ผมไม่มีความรู้ว่าเค้าจำแนก DNA สัตว์ยังไง 
แต่ดูๆไปแล้ว ในมุมมองผมเอง Falcon ก็คล้ายเหยี่ยวทั่วไปมากกว่านกแก้ว ไม่ใช่แค่กายวิภาค อย่างจงอยปากและกรงเล็บ(ซึ่งอาจถูก convergent กันได้ง่าย) > แต่รวมไปถึงสรีระวิทยาด้วย(อย่างนกกระเรียน ถึงจะ convergent นกกระสาในแง่รูปลักษณ์เพียงใด ก็ไม่อาจเลียนแบบไปถึงระดับสรีระวิทยาได้ เพราะกลไกการย่อยอาหาร+กลไกการเจริญเติบโต ของนกสองกลุ่มนี้ก็ต่างกันอยู่ดี)
นกแก้วกับนกจับคอน เกิดมาตัวเปลือยๆไม่มีขน+ตาปิด จากนั้นก็ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และส่วนมากไม่ว่าจะเป็นชนิดเล็กหรือชนิดใหญ่ > มักจะผลัดขนจนเหมือนตัวเต็มวัยภายใน 1 ปี จะไม่คงลักษณะขนวัยรุ่นไว้นานข้ามปีเหมือนพวกเหยี่ยว
แต่พวก falcon มีรูปแบบการเจริญเติบโตเหมือนเหยี่ยวทั่วไปทุกประการ เกิดมามีขนเต็ม ลืมตา(แต่ยังยืนไม่ได้) มีช่วงระยะชุดขนวัยรุ่นที่ยาวนานข้ามปี จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นชุดขนวัยผู้ใหญ่ในปีที่ 2 หรือ 3...ระบบสายตาก็มองได้ไกลและเฉียบคมไม่ต่างกับเหยี่ยวทั่วไป

ความเห็นที่ 5.1.1

ประเด็นนี้น่าสนใจค่ะ เพราะ character ที่จะเอามาใช้มันมีตั้งแต่ morphology, biology, behaviour, ecology, biogeography, molecular ซึ่งอันหลังนี้ก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐาน แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแน่ๆ (ส่วนตัวแอบเทใจให้ morphology, biogeography กับ behaviour อยู่ไม่น้อย เพราะมันค่อนข้างสมเหตุสมผลในกลุ่มแอมฟิพอด ที่อายุสั้น ช่วง planktonic larvae สั้นมากจนหลายๆ ตัวการกระจายแยกกันขาด ไม่ค่อยจะข้ามเขตกัน) ไม่ทราบว่า systematic ฝั่งนกตอนนี้เค้ายึดจากหลักฐานอันไหนบ้างคะ
fancyisopod.png

ความเห็นที่ 6

เรื่องสิ่งมีชีวิตเคลื่อนที่ได้ สิ่งไม่มีชีวิตเคลื่อนที่ไม่ได้ ผมเคยเอาไปสอนลูก(อนุบาล 3) ตอนเค้าเรียนเรื่องสัตว์กับสิ่งของเหมือนกันครับ ก็เลยตัวอย่างก้อนหินว่ามันเคลื่อนที่ไม่ได้มันเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เค้าเลยถามกลับมาว่าแล้วทำไมก้อนหินในหนังมันถึงกลิ้งไล่ทับคนได้ละพ่อแสดงว่ามันมีชีวิตสิ ผมอึ้งเลย เล่าให้ฟังขำๆ ครับ ต้องอธิบายกันยาวเลย

ความเห็นที่ 6.1

เรื่องจริงที่ก้อนหินเคลื่อนที่ได้ก็มีนะครับ รู้สึกจะอยู่ในรัฐฟอร์เนียของอเมริกาครับ ลองหาดูจากอากู๋นะครับ(ใช้คำค้นหาว่าก้อนหินเดินได้)

ความเห็นที่ 7

ผมว่ามันก็แค่ "การ์ตูน" เป็นจินตนาการอย่างหนึ่ง การ์ตูนตลกๆ ผมยกให้ ครอบครัวตัวฮ. เป็นการ์ตูนที่ท้าทายความเป็นไปไม่ได้มากกว่ามะเขือเทศอีกนะครับผมว่า ฮะๆ

ความเห็นที่ 8

อย่างที่อาจารย์ตั้งข้อสังเกตุนั่นแหล่ะ...บางเรื่องที่เรารู้ก้ใช่ว่าจะทั้งหมดที่มันเป็นเนอะ
มุมมองที่แตกต่าง ความคิดแปลกๆ ก้ทำให้ค้นพบอะไรๆ เพิ่มขึ้นเสมอๆ

ไม่เคยอ่านเรื่องนี้เหมือนกันแฮะ...อิอิ