มีคนบอกว่านี่คือ "ขนุนดิน"

ออกตามหาบัวผุด แต่ได้เจอเจ้าสิ่งนี้ด้วย
คนนำทางบอกว่า นี่คือขนุนดิน
ผิดพลาดประการใดขออภัย
 

Comments

ความเห็นที่ 1

ภาพชุดนี้ถ่ายเก็บเอาไว้เมื่อ 1 ก.พ. 2552
เข้าไปในภูเขา บ้านฝายท่า ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง

ความเห็นที่ 2

ผมก็เคยเจอครับ หลายๆ ที่เลย เจ้าหน้าที่นำทางก็บอกอย่างนี้ครับ แถมบอกว่าเอาไปทำยาสำหรับท่านชายได้ด้วยนะ รอผู้รู้มาเฉลยด้วยคนครับ cool

ความเห็นที่ 3

ขนุนดินแน่ๆ แต่ก็ไม่ทราบชนิด

ความเห็นที่ 3.1

ยืนยันตามครูเล็กครับ หาหนังสือที่ไหนมาคีย์กลุ่มนี้ดีครับ น่าสนุกดีเหมือนกันนะ

ความเห็นที่ 3.1.1

Balanophora papuana แน่นอนครับ

Erwin

ความเห็นที่ 4

ผมก็พอจะมีรูปอยู่บ้าง แต่รู้แค่ว่ามันคือ -ขนุนดิน- เหมือนกันครับ

ความเห็นที่ 5

ทางใต้สีออกน้ำตาลแฮะ ทางเหนือนี้แดงสดเลย
khnundin15.jpg

ความเห็นที่ 6


เป็นขนุนดินครับ ที่บ้านพ่อเป็นหมอยาสมุนไพร

เอามาตากแดดแล้วเอามาฝนกับสมุนไพรอีกหลายชนิด
เป็นยาคล้าย ๆ ยาแก้ขับลม

ความเห็นที่ 7

      บ้านเรามีพืชสกุลนี้ 5-6 ชนิด ครับ ปัจจุบันมีข้อมูลตามสื่อต่างๆออกมาเพียง 2 ชนิด คือ
    กากหมากตาฤาษี(ดูรูปประกอบของคุณเก่งนะครับ)

ชื่อท้องถิ่น : กกหมากพาสี(ภาคเหนือ) ; เห็ดหิน(เลย) ; ว่านดอกดิน(สระบุรี) ; ขนุนดิน(ภาคกลาง) ; ดอกกฤษณารากไม้(ประจวบฯ) ; บัวผุด(ชุมพร)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Balanophora fungosa J.R. et G.Forst. ssp. indica B.Hansen

ลักษณะลำต้น : ไม้ล้มลุก สูงราวๆ 10-25 ซม. สีชมพูคล้ำจนถึงสีม่วงคล้ำ บริเวณที่ติดกับรากของพืชที่อาศัยอยู่จะเป็นก้อนปุ่มปมที่มีลักษณะไม่แน่นอน ประกอบด้วยก้อนขนาดเล็กหลายก้อนติดกันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ ก้อนย่อยรูปกลมรี ขนาด 3-5 ซม. ผิวเป็นสะเก็ดหยาบๆรูปดาว

ลักษณะใบ : ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว ใบลดรูปจนมีลักษณะเป็นกาบหุ้มลำต้นและโคนช่อดอก จำนวน 10-20 ใบ ความกว้างยาวของใบไม่แน่นอน ใบไม่มีสีเขียว แต่มีสีเหลืองอ่อนหรือสีเหลือง เพราะเป็นพืชเบียนที่ไม่ต้องสังเคราะห์แสง

ลักษณะดอก : ออกดอกเป็นช่อตามปลายยอด ต้นหนึ่งมีเพียงช่อเดียวหรือมากกว่า มีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก และดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น กลิ่นหอมเอียน ช่อดอกเพศผู้รูปรีถึงยาวรี กว้าง 2-6 ซม. ยาว 4-15 ซม. ดอกสีขาวหรือสีเหลืองอมเขียวอ่อนเรียงติดกันอยู่เป็นระยะที่ปลายช่อ ดอกไม่เบี้ยว กลีบดอก5กลีบมีขนาดเท่ากัน เกสรตัวผู้ 4-5 อัน กาบรองดอกรูปเหลี่ยมหรือมน ส่วนช่อดอกเพศเมียค่อนข้างกลมเป็นรูปไข่กลับ ขนาด 2-10 ซม. ดอกสีน้ำตาลแดงขนาดเล็กๆเรียงตัวอัดกันแน่นอยู่บนก้านช่อดอก ก้านดอกยาวเพียง 7-10 มม. ออกดอกในราวเดือน ก.. – .. และพบออกดอกนอกฤดูกาลบ้าง แต่มีน้อย

แหล่งที่พบในไทย : เป็นพืชเบียนหรือพืชกาฝากที่อาศัยเกาะกินน้ำและอาหารอยู่บนรากพืชในวงศ์LEGUMINOSAEและวงศ์VITIDACEAEตามป่าดิบบนภูเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 300 เมตร ขึ้นไป ทั่วทุกภาค

แหล่งกำเนิดและแพร่กระจาย : จีนตอนใต้ อินเดีย พม่า ภูมิภาคอินโดจีน(ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) มาเลเซีย และออสเตรเลีย
      อีกชนิดหนึ่ง คือ กากหมาก

ชื่อท้องถิ่น : ว่านดอกดินขาว(ภาคเหนือ) ; โหราเท้าสุนัข

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Balanophora latisepala (Tiegh.) Lec.

ลักษณะลำต้น : เช่นเดียวกับกากหมากตาฤาษี แต่มีสีอ่อนและขนาดเล็กกว่า โดยสูงราว 6-8 ซม.

ลักษณะใบ : ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว ใบลดรูปจนมีลักษณะเช่นเดียวกับกากหมากตาฤาษี แต่ต่างกันตรงที่มีใบจำนวน 6-12 ใบ

ลักษณะดอก : เช่นเดียวกับกากหมากตาฤาษี แต่ต่างกันตรงที่ช่อดอกเพศผู้รูปยาวคล้ายไม้กระบอง หรือรูปไข่แกมรี กว้าง 2-6 ซม. ยาว 3-10 ซม. ขนาดดอก 0.5-1 ซม. ดอกสีขาวหรือสีขาวครีมติดอยู่เป็นระยะที่ปลายช่อ รูปดอกเบี้ยว กลีบดอก 4-6 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กาบรองดอกรูปลิ่มหรือเกือบสี่เหลี่ยม ส่วนช่อดอกเพศเมียรูปไข่ยาวๆ รูปรี หรือรูปไข่กลับ กว้าง 1-4 ซม. ยาว 1-6 ซม. ดอกสีน้ำตาลดำๆขนาดเล็กราวปลายดินสอดำเรียงตัวอัดกันแน่นอยู่บนก้านช่อดอก ออกดอกในราวเดือน ก.. – .. และพบออกดอกนอกฤดูกาลบ้าง แต่มีน้อย

แหล่งที่พบในไทย : เป็นพืชเบียนหรือพืชกาฝากที่อาศัยเกาะกินน้ำและอาหารอยู่บนรากพืชในวงศ์LEGUMINOSAE วงศ์VITIDACEAE และสกุลFicus วงศ์MORACEAE ตามป่าดิบบนภูเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 200-1,500 เมตร ทั่วทุกภาค

แหล่งกำเนิดและแพร่กระจาย : พม่า ภูมิภาคอินโดจีน(ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) มาเลเซีย และเกาะสุมาตราจนถึงเกาะบอร์เนียว

 

p.กากหมาก(ตัวผู้และตัวเมีย).jpg p.กากหมากตัวผู้.jpg