ตะลึง และก็ ! อึ้ง(กิมกี่)

ลูกน้องเลยบอกว่า หัวหน้าครับมาทานด้วยกัน

มันหอมจริงๆ เลยถามเขาว่าอะไรหรือครับหอมจัง พอลูกน้องบอกร้องอ๋อเลยครับแต่ยังไม่เฉลยครับ
แต่ขอบอกวิธีการปรุงก่อน นะครับ
ขั้นตอนแรก รวบรวมให้ได้ปริมาณมากพอ
ขั้นตอนที่สอง ขังไว้ซักสองวันให้มันคายของเสียก่อน
ขั้นตอนที่สาม  ตั้งน้ำให้เดือดใส่เจ้านี่ลงไปพร้อมใบกราะเพราและเกลือนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาดและกลิ่นที่เย้ายวน
ขั้นตอนที่สี่ ตำน้ำจิ้มรสเด็ด(สูตรใครสูตรมัน)
 

ดูใกล้ๆนะครับ (อ้อลืมบอกไปที่ถ่ายรูปนี่ ไม่ได้ดูถูกเขานะครับ ปกติผมจะมีเจ้าตัวเล็กติดกระเป๋าอยู่แล้ว เวลาเดินตรวจงานก็จะถ่ายแล้วมาบอกให้ที่ประชุมแถวตอนเช้าว่าวันนี้จะทำอะไรกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เขาเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะอยู่กับผมเขาก็จะเห็นผมผมถ่ายอะไรเรื่อยเปิ่อยทุกวันอยู่แล้ว แล้วก่อนถ่ายก็ขออนุญาตเขาแล้ว) พล่ามเสียยาว เอ้าดูต่อนะครับ

ขอชี้แจง ในการนำเรื่องนี้มาแปะให้ชม มิได้มีที่เจตนาที่จะดูถูกหรือรังเกียจในการกระทำของลูกน้องผม และผมก็ได้ขออนุญาตเขาแล้ว แต่กลับภูมิใจในการที่เขาสามารถที่จะเข้าใจในสรรพสิ่งต่างๆที่สามารถนำมาใช้ประโยนช์ได้ โดยที่ผมไม่เคยคิดและไม่เคยรู้มาก่อน สุดท้ายเขายังบอกถึงวิธีการทานที่ถูกต้องมาด้วย
ขั้นตอนแรก ต้องทำให้สุก(ต้องแน่ใจว่าสุก อันนี้เขาบอกมา)
ขั้นตอนที่สอง ให้กินเฉพาะส่วนที่เป็นหัว(เท่าที่สังเกตุก็คือส่วนที่อยู่ด้านนอกสุด,ส่วนที่ใช้คลาน)
ขั้นตอนที่สาม  อย่ากินไส้และไข่
ตอนที่เขาชวนผมกินผมยอมรับว่าไม่กล้าจริงๆครับ

มีคำถามอีกนิดนึงครับ การทานเจ้าตัวนี้ จะมีผลเสียไหมครับ(ถ้าทำให้สุก)ถ้าไม่ดีจะได้นำไปบอกเขา

ไม่เคยรู้ว่าเจ้าตัวกินได้ รู้แต่ว่าเป็นผู้รุกรานต่างถิ่น คุณนณณ์เคยบอกเอาเกลือใส่แล้วจะละลายไปเลย มาวันนี้ พึ่งรู้ว่ามีวิธีใหม่ อิ่มด้วย เย้

ถามเขาว่า อ้าวแล้วเจ้าตัวนี้รอดมาได้ไง เขาตอบแบบ(หน้าแตก)ตรงๆว่า ผมเอามากินแค่พอกินครับ ที่เหลือปล่อยให้โตให้แพร่พันธ์ จะได้มีให้กินอีก นี่แหละครับ ที่จั่วหัว ว่าอึ้ง(กิมกี่)