ฝากให้คนเลี้ยงนกกรงหัวจุกครับ...

Comments

ความเห็นที่ 1

yesyes

ความเห็นที่ 2

เห็นแล้วสงสาร 

ความเห็นที่ 3

ไปภูหินร่องกล้า ตามที่โลงบนลานหิน แทนที่จะได้เจอเจ้าหัวจุกมากมาย แต่ไม่มีซักตัว T_T

ความเห็นที่ 3.1

เมื่อก่อนเยอะมากเลยพี่ แถวริมแม่น้ำพระปรง

ความเห็นที่ 4

โดนใจมากครับyes

ความเห็นที่ 5

เห็นแล้วพูดไม่ออกเลย ในฐานะคนเลี้ยงนก

ความเห็นที่ 6

+1

ความเห็นที่ 7

ว่าจะเข้ามาตั้งกระทู้ใหม่
แต่เจอกระทู้นี้แล้วฝากไว้ด้วยแล้วกันค่ะ
ยายอ้วนเขียนเอง อาจมีคำผิด หรือประโยคที่ยังไม่สละสลวยนัก
(แถมยังแก้ไม่ได้ด้วย -___-'')

http://www.facebook.com/profile.php?id=633127213#!/notes/porpla-wannobon/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87-%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%EF%BF%BD/10150097629332227


ความเห็นที่ 7.1

ดูไม่ไ้ด้ ไม่ได้เล่นเฟส 555+ 

ความเห็นที่ 7.1.1

น้องไผ่
เดี๋ยวว่างๆ พี่จะเอาลงในส่วนบทความให้อ่านแล้วกันนะ
อ้อ หรือไปอ่านที่พันทิปละกัน

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10304089/E10304089.html

ความเห็นที่ 7.1.1.1

เข้าไปอ่านแล้วครับ โดนอย่างแรง  ^^

ความเห็นที่ 8

และสุดท้าย

“อย่าให้โลกที่คุณพร่ำพูดบอกพวกเราอยู่เสมอว่านี่คือโลกกว้างใหญ่นอกกะลา

แท้จริงแล้วกลับมีโอ่งมังกรราชบุรีใบใหญ่ครอบทับโดยไม่รู้ตัว(หรือรู้แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้)

 

กะลามะพร้าวใบนิดเดียว ใช้แรงยกขึ้นและกระโดดออกมาได้ไม่ยาก

แต่โอ่งใบใหญ่ยากที่จะยกขึ้น และหลุดออกมาพบโลกที่กว้างใหญ่ที่แท้จริงได้”  

 

 เพราะถ้ายังออกมาไม่ได้ ก็อย่าเรียกตัวเองว่ากบนอกกะลา

 

 โดนครับ ! โดนกลางใจเลย ขอบคุณยายอ้วนมากครับ มีมุมมองครบทุกประเด็นเลย แต่ผมเข้าใจน้องพิธีกรนะครับ ว่าเขาต้องทำตามที่ได้รับมอบหมายมา ซึ่งเขาอาจจะไม่รู้ข้อมูลของนกปรอดหัวโขนมากนัก แต่สำหรับผู้บริหารน่าจะมีข้อมูลพอสมควร และสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารจะต้องมีคือ "จิตสำนึก"ในการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะชนที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ (ปล.แล้วครอบครัวสยามเอ็นสิสคิดว่ากบ....เสนอข้อมูลด้านไหนมากกว่าากันครับ)

ความเห็นที่ 9

น้องเขามารับงานแรกก็เจอผมที่ระนองเลย หลังจากนั้นผมแทบไม่ได้แตะรายการนี้ จนมาเรื่องนกฯตอนแรก ผมก็ได้เห็นโดยบังเอิญ ก้รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไป

ความเห็นที่ 10

ผมว่าเค้าทำการตลาดมาก ที่ทำให้เจ้านกชนิดนี้โด่งดังได้ขนาดนี้ ถ้าถามคนว่ารู้จัก นกปรอดหัวโขนมั้ย ส่วนใหญ่จะส่ายหน้า ต้องบอกว่ากรงหัวจุก ฟังแล้วละเหี่ยใจจริง

ความเห็นที่ 11

ผมพบว่าจำนวนนกที่เลี้ยงกันนั้นพบว่านกที่มีคุณสมบัติตามที่ผู้เลี้ยงต้องการมีเพียง 30 %ของจำนวนนกทั้งหมดที่ถูกนำมาเลี้ยง ที่เหลือคือเลี้ยงไปเพราะว่า มันคือนกชนิดนี้ มันเป็นค่านิยม
และ การเพาะพันธุ์นกชนิดนี้ในกรงเลี้ยง ทำได้อย่างได้ผลดีมาก บางคู่ให้ลูกนกถึง 3 รัง/ปี เฉลี่ยรังละ 2.5 ตัว แต่เนื่องจากกระบวนการตั้งแต่ลูกนกออกจากไข่จนต่อพอที่จะส่งเสียงร้องได้ตามคุณสมบัติที่ผู้เลี้ยงต้องการ นั้นกินระยะเวลายาวนานถึง 2.5 ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับการนำนกที่ดักจับได้จากป่ามาเลี่ยง แล้วฝึกให้เชื่องจะใช้ระยะเวลาสั้นกว่าคือใช้เวลาประมาณ 0.5 ปี นกที่ดักจับมาเลี้ยงนั้นทั้งหมดถูกนำมาจากพื้นที่เหนือคอคอดกระ (ประจวบฯ) ขึ้นไปกล่าวคือ นกชนิดนี้สูยพันธุ์ไปจากธรรมชาติในภาคใต้แล้ว และที่สำคัญผู้เลี้ยงนก ถึง 80 % ไม่ได้ทำการเพาะพันธุ์นก เคยมีแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้โดยการจัดโควต้าการครอบครองนกไว้ว่าบุคคลสสามารถครองครองนกได้กี่ตัว/คน แต่แนวทางนี้จะไม่ได้ผลหากผู้เลี้ยงให้บุคคลอื่นสวมสิทธิ์การครอบครอง

ความเห็นที่ 12

นกในวงศ์ นกปรอดทั้งหมด ในภาคใต้จะเรียกว่า นกกรงนำหน้า เช่น นกกรงหัวดำ = นกปรอดเหลืองหัวจุก , นกกรงดอกแตง = นกปรอดคอลาย  , นกปรอดแม่ทะ = นกกรงแม่ทะ  สาเหตุเพราะว่านกชนิดนี้นิยมเลี้ยงกันมากในภาคใต้มากว่า 300 ปีแล้ว จากบันทึกของต้นตระกูลตระกูลหนึ่ง และในอดีตมันคือวิถีชีวิต แต่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน มันน่าเศร้าเพราะจากวิถีชีวิตเปลี่ยนเป็นการค้า มันผิดกันที่ระบบ มันโชคร้ายที่นกชนิดนี้มาถูกนิยมในสังคมไทย เพราะสังคมไทยผิดพลาดตั้งแต่จิตสำนึก(ของผู้เลี้ยง) การรักษากฎหมาย และมาตรการอื่นๆ มันผิดทุกๆเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องนก ส่วนเรื่องใบอนุญาตไม่ต้องพูดถึง 90 % เป็นนกที่ไม่ทีใบอนุญาต ทั้งนั้น มันก็เหมือนกับผู้ไม่มีใบขัขขี่แต่ขับรถกันทั้งเมือง หากสิ่งจะช่วยนกชนิดนี้ได้ผมเหก็นแต่การ รณรงค์เท่านั้น และคิดว่าน่าจะได้ผลแต่ต้องใช้เวลาและต้องได้รัลบความร่วมมือจากสังคม(เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ทำได้เสรี แต่ปัจจุบันการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ จากความสำเร็จของ การสร้างมาตรการจากสังคม) แต่ในเมื่อเรื่องของนกยังเป็นเรื่องของนักอนุรักษ์ กับนักเลี้ยงนก สุดท้าย นักเลี้ยงนกย่อมมีจำนวนมากกว่านักอนุรักษ์ สุดท้ายเลยไม่รู้ว่า บางทีกว่าการรณรรงค์จะสำเร็จ กระแสการเลี้ยงนกชนิดนี้ก็อาจตกไป เหลือแต่ว่านกชนิดใดจะเป็นผู้โชคร้ายรายต่อไป กางเขนดง หรือเขียวก้านตอง หรือ กะรางคอดำ สุดท้ายขอให้กำลังใจทุกๆท่านที่รักธรรมชาติแลเป็นห่วงสังคม ดีเสียกว่าเราไม่ได้ร่วมมือกันกระทำการอย่างใดเลย ใช่มั้ย

ความเห็นที่ 13

นึกถึงปรอทแม่ทะแล้ว ใจหาย ว่าหายไปหมดแล้ว

ความเห็นที่ 13.1

เดือนก่อนเห็นสองตัว (อยู่ในกรง) เจ้าของบอกว่าเอามาจากพังงา

ความเห็นที่ 14

อยากให้กบ มาอ่านกระทู้นี้จังเลย เผื่อจะได้ข้อคิดอะไรบ้างสักนิดก็ยังดี

ความเห็นที่ 15

อันที่จริงคุณ อนุรักษ์ผมก้เห้นด้วย คนที่เลี้ยง มันก็เท่ากับอนุรัษ์ เพียง แต่ ความต้อง การที่มากทำให้มันขาดวงจร ธรรมชาติ แต่ เท่าที่เป้น มานกหัวจุกไม่เคยสูยพันธ์ไป แต่ถ้าปล่อยให้ อยู่ตามธรรมชาติ อาจจะสูญพันธ์ไป เพราะ นกปรอทหัวจุกมักจะหากินไกล้มนุษ และแหล่ง อาหารส่วนใหญ่ก็เป้นผลไม้ป่า แต่ปัจุบัน คุนบอกว่า อนุ รรักษื รักษา...ผมมีบ้านอยู่แล้ว บ้านผมสวยกว่าบ้านที่คุนทำตั้งเยอะ..น่าตลกที่คุนยังไม่รู้ว่า บ้าน นกหัวจุก เกือบจะไม่มีแล้วครับ  สาร เคมี ที่คุน ใส่ ลงไปในพืช สวน  ผลไม่ตามธรรมชาติ แหล่ง น้ำ  ที่ถู มนุษ รุก ราน จน ไม่เหลือแล้วครับ  ลอง มอง และสังเกตุ ว่า นก ในวง ปรอทหัวจุกสิ  มันหายไปไหน หมด บาง สายพัน เกือบ จะไม่มีให้เห็นแล้ว  เพราะความต้องการในตัว สัตว์ นก ที่คุนว่า หรือ พวกคุน ที่ อนุรักษื สุดกู่  ว่าตัวเอง อนุรักษ์ พัน นก แต่ไม่เคย ใส่ใจใน ธรรม ชาติ ละ มีหลายอย่าง ที่ พวกคุน คิดว่าคุนรู้ ดีแล้วเกียวกับ นก หัวจุก ที่คุนไม่รู้ แต่ คุน คิด ว่า คน ที่เลี้ยง นก หัวจุก จะขังมัน ทุกตัว ที่จับได้ หรือ ผมว่าคุนคิดผิดนะ มันไม่มีความผิดอะไรครับ แต่เราเลี้ยง มันตามธรรมชาติของนกที่รักการต่อสู้ นะครับ  ยก ตัวอย่ง  ไก้ชน  ปลากัด วัวชน ยังมีสัตวืหลายชนิด ที่ธรรมชาติ เร่งให้มัน ต่อสู้ เพื่อแย่งสิทธิผสมตัวเมืย เพียง แต่คนเลี้ยงนกเอาประโยชน์จากข้อนี้มาใช้  ยังมีการเพาะพันธื ที่คนเลี้ยงนกสามารถ เพาะพันธุ์ ได้  แล้ว แบบที่เพาะพันได้ นี้เขาเรียกอนุรักษ์ไหมละ  คุนก็สัก แต่บอก ว่า ...ผมมีบ้านอยู่แล้วบ้านผมสวยกว่าบ้านที่คุนสร้างตั้งเยอะ ... มันมีหรือบ้านที่คุนบอกว่าสวยกว่าตั้งเยอะ..ยังเหลืออยู่หรือ นกพวกนี้ เป้น นกอพยบ ตามแหล่ง อาหารครับ ถ้ายัง มีแหล่งอาหาร มันก็จะอยู่ แต่เมื่อไหร่ไม่มี มัน ก็อพยบ ไปเรื่อย และตอนนี้ แหล่ง อาหาร ของมันเกือบ จะไม่มีแล้วครับ หน้าที่สำคัญของนกพวกนี้ คือการ ช่วยกระจายเมล็ดพันธ์ ครับ มันเป้นสัตว์ไม่นิยม เนื้อครับหมายถึงแมลง แต่ก็กินบ้าง และตอนนี้ เมล็ดพัน ที่ว่า ไม่มี ให้ช่วยขยายพันธ์ แล้ว ผม ว่าตราบใดที่มนุษ ยังเลี้ยงนกพวกนี้ไว้ ไม่มีวันสูญหายไปจากประเทศไทยครับ ขอให้มีป่าที่พวกคุนอนุรักษ์ เถอะ นกที่ไม่ดี ไม่เหมาะจะขังกรง ที่ปล่อยเยอะไปครับ  ก็ นี่แหละที่เขาเรียกว่าสักแต่เรียกร้อง เราก็รู้ว่าไม่เหมาะที่จะกักขังใคร แต่เราก็ไม่ใช้ตัวทำลาย นิเวช ของสัตว์  บางทีเราก็งงนะ ว่าสัตว์บางชนิดเกือบจะสูญ พันธ์ ทำไมหนอ ทำมัยไม่นำมันมาเพาะพันธ์ละ เช่น นกแต้วแล้วท้องดำ ทำไมหนอทำไม ไม่เอามันมาขยายพันธ์ละ หรือจะรอให้มันสูญพันธ์ ผมว่ามันน่าจะเพาะพันธ์ได้แม้ที่อยู่ไม่เหมือนธรรมชาติ อนุรักษ์หรือเร่งให้มันสูญพันธื ละ ผมมีบ้านอยู่แล้วบ้านผมสวยกว่าบ้านคุนสร้างตั้งเยอะ แล้วบ้านที่ว่านะ มีหรือ