เจอ เณรแดง ไหมครับ
เห็นว่าออกอากาศ 23 เมษาฯ ครับ รูปของผมยังไม่ได้ทำเล้ย คอมเข้าโรงบาล เหอๆ
ผีเสื้อม้าเขียว เป็นชื่อเดิม ที่ใช้เรียกผีเสื้อชนิดนี้ แต่ส่วนใหญ๋คงจะคุ้นกับชื่อผีเสื้อเหลืองหนาม (เช่นเหลืองหนามประดับเพขร เหลืองหนามโคนปีกดำ เป็นต้น) หากใช้หนังสือของพี่เกรียงไกร จะใช้เหลืองหนาม (พิมพ์จำหน่ายก่อน) หากใช้ข้อมูลจาหหนังสืออาจารย์พิสุทธิ์ จะใช้ม้าเขียว เคยรู้สึกขัดใจกับชื่อ ม้าเขียว ว่าทำไมอาจารย์พิสุทธิ์ ท่านจึงใช้ชื่อนี้ แต่ตอนหลังได้ข้อมูลจากพวกอดีตจับผีเสื้อขายเป็นอาชีพ (ตอนนี้เป็นพวกผู้ช่วยวิจัยไปแล้ว) ว่าแต่เดิม ในวงการค้าผีเสื้อใช้ชื่อ "ม้าเขียว" มานานแล้ว
ครับ ผมก็ต้องการเอาข้อมูลมาเสริม ๆ เท่านั้นครับ ชื่อสามามัญ ยังไงก็หลากหลายอยู่ดี
น่าจะเป็นชนิดที่ใช้ชื่อคนญี่ปุ่นนะเนี่ย
ตัวนี้เป็นกลุ่มแมงมุมครับพี่ Storenomorpha sp.
Eye shadow สีเหลือง งามมากเลย ตัวเมียรึเปล่าเนี่ย ตาหวานเชียว
ภาพงามๆ ทั้งนั้นนนน ลำน้ำน่าสำรวจน้องปอมากขอรับ เห็นแล้วก็อยากไป ^^'
ถ้างั้นอะไรเป็นปัจจัยให้ตามันหายล่ะครับ? แสงหรอ?
เออแหะ ย้อนกลับไปดูตัวเล็กของแมนดารินก็ไม่มีตานี่นา ขอโทษในความสะเพร่าครับ
อารมณ์อยากตามดูปลาถ้ำในไทยมันพุ่งปรี๊ดดดดด
การหายไปของตาปลาถ้ำคาดว่าเป็นลักษณะการวิวัฒนาการที่เรียกว่า use-disuse เป็น genetic drift ในรูปแบบหนึ่ง ที่การเปลี่ยนแปลงในลักษณะของสิ่งมีชีวิต เกิดขึ้นแล้วไม่ก่อให้เกิดผลเสียและ/หรือ อาจจะมีผลดี เช่นในกรณีไม่มีตาก็เป็นการประหยัดพลังงานส่วนหนึ่งที่จะเอามาสร้าง/ดูแลตา ก็ส่งผลให้ ลักษณะการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ สะสมอยู่ในประชากรของสัตว์มากขึ้น มันเป็นลักษณะแบบ complex trait variation ไม่ได้ปิด/เปิด แบบสีดอกไม้ เลยไม่ได้มีปลาแบ่งเป็นสองกลุ่มชัดเจน แต่จะเกิดขึ้นเป็นแบบคละกัน และจะน้อยลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลาและสถานะการณ์
ขอบคุณครับ
Comments
ความเห็นที่ 1
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 3
ความเห็นที่ 4
ความเห็นที่ 5
นี่คือสิ่งที่พวกเราตามหา
ความเห็นที่ 6
ลงรถมาเจอสิ่งนี้
ความเห็นที่ 7
จากนั้นก็ไปอีกหมายนึง เป็นจุดที่พบจระเข้สายพันธุ์ไทยในธรรมชาติ
เดินทางกันอย่างทุลักทุเลพอสมควร
ความเห็นที่ 8
หลังจากที่นั่งรถกระบะ ผ่านเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ บวกกับเดินเท้ามาได้ระยะนึงก็หนึงที่หมาย
ความเห็นที่ 9
สภาพเป็นแก่งหิน น้ำไหล และน้ำใสมาก
ความเห็นที่ 10
อันนี้น่าจะเป็นไลเคน พบเกาะอยู่บนหิน
ความเห็นที่ 11
ใครบางคนที่พยายามทำตัวเป็นไกรทอง
ความเห็นที่ 11.1
ความเห็นที่ 12
เเนื่องจากมีเวลาไม่มาก ทำให้เรารอดูอยู่ตรงจุดนี้ได้ไม่นาน ก็ต้องรีบกลับไปให้ทันอีกทีมที่จะเข้าไปหาตุ๊กกาย
ระหว่างทางเจอกล้วยไม้กับเฟิร์นมากมาย แต่... ถ่ายมาแค่รูปเดียว
ความเห็นที่ 13
แล้วเราก็ไปเจอกับทางทีมงานรายการบางอ้อ ที่นัดกันไว้ว่าจะพาเคาไปดูตุ๊กกายปล้องทอง
(Cyrtodactylus auribalteatus) แต่ผมดันลืมชื่อถ้ำไปแล้วว่าชื่อถ้ำอะไร
ความเห็นที่ 13.1
ความเห็นที่ 14
เข้าไปพักใหญ่ๆ พวกเราก็เจอตัวเป้าหมาย
ความเห็นที่ 15
ตุ๊กกายปล้องทอง (Cyrtodactylus auribalteatus)
ความเห็นที่ 16
พอเสร็จจากจุดนี้ ก็เดินลึกลงไปอีกเพื่อไปดูปลาค้อถ้ำ(Schistura spiesi ) และปลาพวงถ้ำ
(Neolissochilus subterraneus) ซึ่งก็พบตามความคาดหมาย
ความเห็นที่ 17
และแล้วคืนนี้ก็จบลงไปได้ วันต่อมาก็ไปตามหาแมงกะพรุนน้ำจืดที่ลำน้ำเข็ก
จังหวัดเพชรบูรณ์ บรรยากาศเป็นอย่างไรก็รอท่านอื่นๆที่ไปด้วยกันมาเสรฺมละกันนะครับ
ขอปิดด้วยภาพ ตุ๊กกายอีกตัวหลังจากที่ทีมงาน ออกไปจากถ้ำแล้วละกันครับ
ความเห็นที่ 17.1
ได้เช็คเพศไหมอ่ะ?
ความเห็นที่ 17.1.1
ความเห็นที่ 17.2
มาไว้อาลัย...
ความเห็นที่ 17.2.1
ความเห็นที่ 18
ความเห็นที่ 19
ตกลงรายการออกอากาศวันที่เท่าไหร่? จะได้รอชม
ความเห็นที่ 20
เจอ เณรแดง ไหมครับ
ความเห็นที่ 21
เห็นว่าออกอากาศ 23 เมษาฯ ครับ
รูปของผมยังไม่ได้ทำเล้ย คอมเข้าโรงบาล เหอๆ
ความเห็นที่ 22
พี่ดิว โน๊ตบุคยังซ่อมไม่เสร็จอีกเหรอพี่ ๕๕๕
ความเห็นที่ 23
ต่อกันที่ลำน้ำเข็กจังหวัดเพชรบูรณ์ เป้าหมายคือแมงกะพรุนน้ำจืด
ความเห็นที่ 24
ข้อมูลทั่วๆไป
ความเห็นที่ 25
ความเห็นที่ 26
ข้อมูลของแมงกะพรุน
ความเห็นที่ 26.1
ความเห็นที่ 26.1.1
ถามถึงอ.ชัยวัฒน์ก็ไม่รู้จักอีกแหะ นานาจิตตังครับ
ความเห็นที่ 27
เรือที่ใช้ในการเดินทาง
ความเห็นที่ 27.1
ความเห็นที่ 28
บรรยากาศ
ความเห็นที่ 29
ถึงที่หมายแล้ว
ความเห็นที่ 30
เราพบแมงกะพรุนระหว่างทางจำนวนสองตัว หน้าตามันเป็นแบบนี้ ไม่ต่างจากพวกที่อยู่ในทะเลซักเท่าไหร่ แต่ขนาดตัวนี่ถือว่าเล็กมาก ถ้าเทียบกับพวกที่อยู่ในทะเล (ขนาดมันประมาณเหรียญบาทเท่านั้นเอง)
ความเห็นที่ 31
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีผีเสื้ออีกหลายชนิด แต่สามารถถ่ายมาได้ชัดๆแค่ไม่กี่ภาพเอง รบกวนID ด้วยนะครับ
ความเห็นที่ 31.1
#3 Zeltus amasa ผีเสื้อหางพริ้ว?
#4 Polyura eudamippus ผีเสื้อมาเขียว?
*รอผู้รู้จริงมายืนยันอีกทีนะครับ.
ความเห็นที่ 31.1.1
ผีเสื้อม้าเขียว เป็นชื่อเดิม ที่ใช้เรียกผีเสื้อชนิดนี้ แต่ส่วนใหญ๋คงจะคุ้นกับชื่อผีเสื้อเหลืองหนาม (เช่นเหลืองหนามประดับเพขร เหลืองหนามโคนปีกดำ เป็นต้น)
หากใช้หนังสือของพี่เกรียงไกร จะใช้เหลืองหนาม (พิมพ์จำหน่ายก่อน) หากใช้ข้อมูลจาหหนังสืออาจารย์พิสุทธิ์ จะใช้ม้าเขียว เคยรู้สึกขัดใจกับชื่อ ม้าเขียว ว่าทำไมอาจารย์พิสุทธิ์ ท่านจึงใช้ชื่อนี้ แต่ตอนหลังได้ข้อมูลจากพวกอดีตจับผีเสื้อขายเป็นอาชีพ (ตอนนี้เป็นพวกผู้ช่วยวิจัยไปแล้ว) ว่าแต่เดิม ในวงการค้าผีเสื้อใช้ชื่อ "ม้าเขียว" มานานแล้ว
ความเห็นที่ 31.1.1.1
ความเห็นที่ 31.1.1.1.1
ครับ ผมก็ต้องการเอาข้อมูลมาเสริม ๆ เท่านั้นครับ ชื่อสามามัญ ยังไงก็หลากหลายอยู่ดี
ความเห็นที่ 32
สุดท้ายทริปนี้ก็สำเร็จลงไปได้ด้วยดี พบสิ่งที่อยากจะเจอครบทุกอย่าง คุ้มมากๆที่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ลากันด้วยร้านกาแฟอร่อยๆที่เขาค้อละกันนะครับ ^^
ความเห็นที่ 33
แมงกระพรุนน้ำจืด ลำบากกว่าที่คิดแหะ!!
ความเห็นที่ 34
ความเห็นที่ 35
ความเห็นที่ 36
ความเห็นที่ 37
ความเห็นที่ 38
ความเห็นที่ 39
.
ความเห็นที่ 40
.
ความเห็นที่ 41
.
ความเห็นที่ 41.1
น่าจะเป็นชนิดที่ใช้ชื่อคนญี่ปุ่นนะเนี่ย
ความเห็นที่ 42
Bufo macrotisIngerophrynus macrotis.
ความเห็นที่ 43
.
ความเห็นที่ 44
.
ความเห็นที่ 45
.
ความเห็นที่ 45.1
ความเห็นที่ 46
ถ่ายมาแบบน้ำขุ่นๆ จะเห็นซิวม้ามุก Danio albolineatus
.
ความเห็นที่ 47
.
ความเห็นที่ 48
.
ความเห็นที่ 48.1
ความเห็นที่ 48.1.1
ความเห็นที่ 49
.
ความเห็นที่ 50
.
ความเห็นที่ 51
.
ความเห็นที่ 52
.
ความเห็นที่ 52.1
ตัวนี้เป็นกลุ่มแมงมุมครับพี่ Storenomorpha sp.
ความเห็นที่ 53
.
ความเห็นที่ 54
การถ่ายทำขั้นตอนและการเข้าในถ้ำทุกอย่างอยู่ในสายตาและการพิจารณาของจนท.พิทักษ์ป่าไม้ สล.5 ชาวบ้านชมพูและรองหัวหน้าอช.ทุ่งแสลงหลวง นะครับ
.
ความเห็นที่ 55
คางคกหัวราบ Ingerophrynus macrotis
ความเห็นที่ 55.1
Eye shadow สีเหลือง งามมากเลย ตัวเมียรึเปล่าเนี่ย ตาหวานเชียว
ความเห็นที่ 55.2
ความเห็นที่ 56
ภาพงามๆ ทั้งนั้นนนน ลำน้ำน่าสำรวจน้องปอมากขอรับ
เห็นแล้วก็อยากไป ^^'
ความเห็นที่ 56.1
ความเห็นที่ 57
ความเห็นที่ 57.1
ถ้างั้นอะไรเป็นปัจจัยให้ตามันหายล่ะครับ? แสงหรอ?
ความเห็นที่ 57.2
เออแหะ ย้อนกลับไปดูตัวเล็กของแมนดารินก็ไม่มีตานี่นา ขอโทษในความสะเพร่าครับ
อารมณ์อยากตามดูปลาถ้ำในไทยมันพุ่งปรี๊ดดดดด
ความเห็นที่ 58
ความเห็นที่ 59
การหายไปของตาปลาถ้ำคาดว่าเป็นลักษณะการวิวัฒนาการที่เรียกว่า use-disuse เป็น genetic drift ในรูปแบบหนึ่ง ที่การเปลี่ยนแปลงในลักษณะของสิ่งมีชีวิต เกิดขึ้นแล้วไม่ก่อให้เกิดผลเสียและ/หรือ อาจจะมีผลดี เช่นในกรณีไม่มีตาก็เป็นการประหยัดพลังงานส่วนหนึ่งที่จะเอามาสร้าง/ดูแลตา ก็ส่งผลให้ ลักษณะการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ สะสมอยู่ในประชากรของสัตว์มากขึ้น มันเป็นลักษณะแบบ complex trait variation ไม่ได้ปิด/เปิด แบบสีดอกไม้ เลยไม่ได้มีปลาแบ่งเป็นสองกลุ่มชัดเจน แต่จะเกิดขึ้นเป็นแบบคละกัน และจะน้อยลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลาและสถานะการณ์
ความเห็นที่ 59.1
ขอบคุณครับ