ขออนุญาต ระบายเรื่องการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตทางทะเลสักนิดเถอะนะครับ
เรื่องการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตทางทะเลสักนิดเถอะนะครับ
ว่าด้วยร้านขายปะการังที่สิงคโปร์..บ้านเค้ากฎหมายรุนแรงมาก.. ปลาทะเล ปะการังเพาะพันธุ์ได้แล้ว..ยังขายได้
บ้านเรา พี่ไทย กฎหมายห้ามมีไว้ในครอบครอง ยังไม่ยอมแก้พรบ.กันอีก ใช้มาตั้งแต่พระเจ้าหูรูด แล้วยังจะมีหน้ามาสนับสนุนให้คนทำเกษตรกรรมด้านสัตว์น้ำ ..พอเจ้าหน้าที่จับ ปรับ ปล่อย ของกลางเอาออกมาขาย รับส่วยตามร้านวางขายดาดดื่น เห้อ..คนไทยรึเปล่า!
คนไทยทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก เป็นแค่สโลแกนของสินค้าขนิดหนึ่งหรือเปล่า
ลองดูอีกสักนิดนะคับ.. www.youtube.com/embed/3Z8bkD19kQY" frameborder="0"
ปัจจุบัน..ปะการังถูกนำขึ้นมาขายให้กลุ่มคนที่ชื่นชอบการเลี้ยงปลาทะเลสวยงามไม่มากก็น้อย.. โดยจะเลี่ยงไม่ได้เลยว่ามันเป็นการทำลายทั้งทางตรงและทางอ้อม หากแต่มันก็มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอีกทางหนึ่ง..ซึ่งดูขัดแย้ง หากมองด้านที่เป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจแล้ว..พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายต้องจ้างนายหน้าและคนในท้องถิ่นที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับทะเลทำการลักลอบจับปลาสวยงามและนำปะการังขึ้นมาจำนวนมากในแต่ละปี..พูดง่ายๆแทบจะทุกสัปดาห์ ในเมื่อคนเอาขึ้นมามีมากกว่าคนจับ(เจ้าหน้าที่)แล้วกฏหมายก็ทำได้แค่จับ ปรับ ปล่อย หรืออย่างมากก็ดำเนินคดีแล้วก็มี คนลักลอบคนที่2 ที่3 มาแทนที่ ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเป็นการเพิ่มการหาวิธีลักลอบรูปแบบใหม่ๆยิ่งขึ้นไปอีก เป็นการแก้ปัญหาด้านเดียว เหตุการณ์ต่อมา..หลายปีที่แล้วมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยเริ่มก่อตัวในทางที่ดีรวมตัวกันจัดตั้งชมรมเพื่อสังคมและส่วนรวมให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลาและปะการังจนสามารถขยายพันธุ์ได้ในระบบปิด..แน่นอนว่ากฏหมายก็ยังจำกัดไม่ให้มีปะการังหลายชนิดไว้ในครอบครอง นักเลี้ยงปะการังหลายคนเริ่มส่งสัญญาณโดยการแบ่งปันการแฟรกก้นตู้แบ่ง แจก แลก ขายให้กับเพื่อนในสังคมคนเลี้ยงสิ่งมีชีวิตจากท้องทะเล..นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการแก้ปัญหาทางอ้อมที่ยั่งยืน ..อย่างน้อยเราก็สามารถลดจำนวนการนำปะการังขึ้นมาได้อีกทาง และไม่แน่ว่า หากการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่เบียดเบียนธรรมชาติในทศวรรศนี้ เมื่อไหร่ที่ทะเลฟอกขาวปะการัง กลุ่มคนจำนวนไม่น้อยอาจยังหลงเหลือสิ่งมีชีวิตจากท้องทะเลเพียงแหล่งเดียว |
5/12/53 | ..จอมพงศ์ |
ทุกวันนี้ของกลางที่ถูกจับ(จากการนำเข้ามา) ก็ยังถูกนำมาประมูลจำหน่ายให้นายทุนส่งต่อไปยังพ่อค้ากลายเป็นสินค้าเวียนเทียน เนื่องด้วยไม่มีนโยบายสนับสนุนใช้งบหลวงนำไปเพาะเลี้ยงต่อ(เนื่องจากต้องนำกลับไปคืนแหล่งธรรมชาติเดิม)
ถ้ามันถูกนำมาจากอีกซีกโลกฝั่งหนึ่ง..กว่าจะได้คืนกลับไปคงสูญเสียก่อน ..ทำไม ทำอย่างไร พรบ.เกี่ยวกับปะการังที่สามารถขยายพันธุ์ได้ถึงจะมีไว้ในครอบครองอย่างถูกกฎหมาย
..หรือจะรอ ปล่อยให้เป็นช่องทางทำมาหากินของมิฉาชีพในร่างเจ้าหน้าที่บางกลุ่ม "ปลาตายตัวเดียว เน่าไปทั้งบ่อ" ฤาชื่อเสียงเจ้าหน้าที่ไทยจะป่นปี้ก็คราวนี้
4/07/54 จอมพงศ์
Comments
ความเห็นที่ 1
ความเห็นที่ 1.1
ขอบคุณครับ คุณนณณ์
ถ้าผมมีโอกาส และเลือกทางเดินถูก คงถึงจุดหมายในไม่ช้า
ความเห็นที่ 2
ปัญหาที่เจ้าของกระทู้บ่นมานั้น มันเป็นปัญหาโลกแตกที่เกิดขึ้นมานาน ในความเห็นของผม
เหตุการณ์แบบนี้ จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้า...ต้้นทุนในการผลิตปะการังและสัตว์ทะเลในเครือญาติจากการเพาะเลี้ยงมันถูกมากกว่าที่ได้จากธรรมชาติมากๆ และที่สำคัญที่สุดคนในวงการค้าสัตว์กลุ่มนี้ไม่เห็นแก่ตัวและมีจิตสำนึกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในระดับขั้นเทพ
ระบบราชการของไทยเองก็มีส่วนสำคัญมาก การแก้ปัญหาพวกนี้ก็เป็นการแก้ด้วยการห้ามอย่างเดียวและยึุดมั่นในตัวหนังสือมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและมีอยู่จริง อย่างเช่นมุมมองเกี่ยวกับปะการัง ภาคราชการเป็นห่วงว่ามันเป็นกลุ่มสัตว์ที่เปราะบาง และต้องการเก็บมันไว้โดยให้ถูกทำลายโดนน้ำมือมนุษย์น้อยที่สุด โดยภาคราชการก็มองว่าห้ามซื้อ ห้ามขาย ห้ามครอบครองก็เป็นมาตรการหนึ่่งที่จะทำให้สามารถควบคุมการทำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แต่ความเป็นจริงก็คืออย่างที่คุณเจ้าของกระทู้เล่าให้ฟัง และความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายของประเทศนี้อย่างหนึ่ง ถ้าเกิดมีการอนุญาตให้เพาะเลี้ยงได้ ต้องมีคนสวมรอย เอาปะการังที่เก็บจากธรรมชาติมาอ้างว่าเป็นของเพาะเลี้ยงแล้วขาย เพราะว่าทำอย่างนี้ตุ้นทุนมันต่ำมากๆ และพอมีคนแบบนี้เพียงคนเดียวเท่าัน้้น มาตรการที่ได้อนุญาตเพื่อการเพาะก็คงมีอันต้องพับเข้าไปในซอกหลืบที่ลึกลับในลิ้นชักต่อไป แต่ผมยังเชื่อในวิวัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถผลิตปะการังพวกนี้ในเชิงการค้าได้ ผมมีโอกาสได้ไปชม Shedd aqarium ที่ชิคาโก และ Pitsburg zoo and aqurium ทั้งสองแห่งสามารถเพาะปะการังจากเขตร้อนให้ดูสุขภาพดีจนสามารถนำมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมได้ แต่ว่าค่าดำเนินการในการเพาะเลี้ยงนี้สูงมาก และด้วยงบประมาณอย่างประเทศของเราคงอีกนานกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้แบบเขา
เคยมีฝรั่งคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของบริษัททำฟาร์มปะการังเพื่อส่งออก ฐานการผลิตของเขาอยู่ในอินโดนีเซีย มาคุยกับผมเพื่อหาแนวทางในการติดต่อกับกรมประมง เพื่อขอใบอนุญาตตั้งฟาร์มปะการังในไทย โดยเขาเสนอแผนที่น่าสนใจมากคือเดิมเขาจะเก็บท่อนพันธุ์จากธรรมชาติมาส่วนหนึ่งก่อน เมื่อเพาะเลี้ยงได้ เขาจะคืนทุกๆ 20% ของผลผลิตที่เขาเพาะเลี้ยงได้ให้กับธรรมชาติ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปลูกทดแทนในแหล่งน้ำธรรมชาติ เท่าที่ทราบ โครงการของเขาไม่ได้รับการอนุมัติเพราะว่ากฏหมายของบ้านเราไม่สามารถอนุญาตให้ทำกิจกรรมแบบที่ว่าได้
และที่ร่ายยาวมานี้ขอสรุปสั้น ๆ แบบคุณนณณ์ว่า ถ้าเราแน่จริงเพาะเลี้ยงได้ผลผลิตที่แน่นอนและมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าทำการผลิตได้อย่างจริงจัง ภาครัฐก็คงจะพิจารณาให้อนุญาตเองแต่มันต้องใช้เวลาครับ ไม่สามารถบันดาลอะไรให้เกิดขึ้นได้ในบัดดล
ความเห็นที่ 2.1
...ต้้นทุนเป็นเรื่องของการจัดการ สามารถทำได้ ผู้ที่มีโอกาสเพาะเลี้ยงจะรู้ดีที่สุด เรื่องจิตสำนึกเห็นด้วย..และคงเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะอาชีพไหนถ้าคิดบวก ทำอะไรก็เป็นสิ่งดีงามและมีประโยชน์ครับ
... ถ้าเกิดมีการอนุญาตให้เพาะเลี้ยงได้ ต้องมีคนสวมรอย เอาปะการังที่เก็บจากธรรมชาติมาอ้างว่าเป็นของเพาะเลี้ยงแล้วขาย นั่นเป็นวิธีการของกลุ่มคนที่คิดตรงกันข้ามกับพวกเรา ถึงได้มีกรีนพีซ มีกลุ่มอนุรักษ์อย่างพวกเราดูแลกัน
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถผลิตปะการังพวกนี้ในเชิงการค้าได้ ผมรู้จักคนไทยคนหนึ่งใช้งบหลักร่วมสิบล้านทำตู้ปลาทะเลในบ้านตัวเองแล้วเปิดให้ฝรั่งมาชม..ทุกวันนี้ ก็ทำไปเพาะใจรักไม่มีรายได้จากการเพาะเลี้ยงเข้ามาแม้แต่บาทเดียว
โครงการขอใบอนุญาตตั้งฟาร์มปะการังในไทยของฝรั่งคนดังกล่าว ไม่ได้รับการอนุมัติเพราะดูแล้ว..มีผลประโยชน์ทางพานิชย์มาก่อนการอนุรักษ์
ครับอย่างน้อยเราก็ได้ต่อสู้และถ้ามันไม่สำเร็จเสร็จในคนรุ่นเรา..สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบัดไดปูทางให้คนรุ่นหลังจากเรา..สานต่อแบบไม่ต้องนับเลข1
ความเห็นที่ 3
ปล. สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่จิตสำนึกละครับ เฮ้อย
ความเห็นที่ 3.1
ความเห็นที่ 4
คนไทยทำงานฝืมือได้ปราณีตงดงามครับ ..
ความเห็นที่ 4.1
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ
ไม่ใช่ปะการังยากครับ..แต่ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ อย่างเรียนหมอนี่ถ้าถามว่ายากไหม..ยากตรงที่ต้องจำศัพท์ทางแพทย์ ต้องเก่งและฉลาด หมอเอง อาจจะมองเห็นศิลปะยากยิ่งกว่าเพราะต้องตวัดปลายพูกันจากจานสีด้วยพลังจิตนาการจากภายในออกมาเป็นผลงานอันล้ำลึกด้วยฝีมือของศิลปิน
ทุกคนมีความต่างและความถนัด..ซึ่งเกิดจากสิ่งที่ รัก ชอบ เรียนรู้มัน และเชี่ยวชาญในที่สุด
......คนที่เรียนหมอ เพราะเห็นว่าเป็นรายได้ที่เยอะ
...จะไม่เก่งไปกว่าคนที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จากการเรียนหมอ
ไม่ต้องแอบครับ เราร่วมกันต่อสู้เพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์กว่า ไม่ดีเหรอครับ
ความเห็นที่ 5
เวลาขายก็ติดป้ายว่า ปะการังร้านนี้เป็นปะการังเพาะ ไม่ทำลายธรรมชาติ มีใบอนุญาติแปะไว้ คนรักธรรมชาติยินดีสนับสนุนนะ แม้ว่าจะแพงกว่า
และถ้ามีการลักลอบก็จัดหนักๆสัก 5 ปี และยึดทรัพย์ ก็น่าจะช่วยได้ส่วนหนึ่งนะ
ความเห็นที่ 5.1
ความเห็นที่ 5.1.1
เห็นด้วย และขอบคุณครับ^^
ความเห็นที่ 5.2
..ใครต้องการซื้อปะการังนำเข้ามาให้ถูกต้องก็มีการจัดเก็บภาษีแพงๆ ให้คนที่มีความพร้อมเลี้ยงเพื่อนำรายได้เข้าสู่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำรายได้กลับมาใช้ในการอนุรักษ์ ...อย่าเสียรายได้ ไปกับเบี้ยรายทางให้สูญเปล่ายังจะดีเสียกว่า
ความเห็นที่ 6
ความเห็นที่ 6.1
ทุนในการสร้างระบบเพาะเลี้ยง ปะการัง ..ยอมรับว่าใช้ตังค์เยอะมาก ถ้าทำเป็นเป็นอุตสาหกรรม
..แต่ตัวปะการังเองมันขยายแตกตัวได้เร็วในระบบที่สมบูรณ์..จนแทบไม่เชื่อ ถ้าไม่ได้เฝ้าดูตัวเป็นๆ
ด้วยความจริงที่ว่ามานี้จำต้องมีขบวนการสร้างจากทีมงานที่เก่ง ด้วยความเข้าใจถูกตรง มีหลายท่านในเวลานี้พร้อมที่จะสนับสนุนและให้การเผยแพร่ความรู้ ไม่ใช่แค่จากตัวหนังสื่อ แต่มองเห็นจับต้องได้
เรื่องเก็บจากธรรมชาติง่ายกว่า..เอาขึ้นมาจากทะเลนี่2-3วันก็เริ่มแย่แล้ว ถ้าให้ความรู้ชัดเจน ไม่มีลูกค้าคนไหนยอมซื้อหรอกครับ ที่เลี้ยงได้มีเป็นบางอย่าง(แต่ก็หลากชนิด) ทุกวันนี้ที่ขายๆกันก็หลอกขายว่าเลี้ยงได้เลี้ยงรอด มันเป็นช่องทางของพ่อค้าจริงๆ..
ความจริงอีกอย่างในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน..เพื่อให้คนทั้งโลกไม่มีทางซื้อมาครอบครองอย่างมักง่าย
ผมสมมุติให้เห็นคร่าวๆ..นกบางชนิดต้องมีห่วงใส่ปลอกไว้ที่ขา..เพื่ออ้างสิทธิในการขึ้นทะเบียนว่าเจ้านกตัวนี้ได้นำมาจากฟาร์มจดทะเบียนขึ้นบัญชีเป็นฟาร์มที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถมีไว้ขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายต่อ
ปะการัง .. ทำได้
มาตรการเท่าที่่จำเป็น ...ถ้าจะต้องทำ ..ก็รีบๆเถอะนะครับ ก่อนที่พวกเราจะหมดไฟ
ไม่อย่างนั้นแล้วอนาคตคงได้จดจำ... คนไทย ทำอะรัย ไม่แพ้จ่ายส่วย(ให้เจ้าหน้าที่)เท่าชาติใดในโลก
ความเห็นที่ 7
แต่รู้สึกว่าจะเห็นอย่างอื่นๆ ที่ผมก็เรียกไม่ถูก ดอกไม้ทะเล?ฟองน้ำ? สาหร่ายทะเล? หรืออะไรไม่รู้ มีขายกันใน jj อยู่หลายร้านเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเพาะเองหรือจับมา
ซึ่งผมว่าเหมาะกว่าปะการังนะ ทั้งในเชิงพานิชและนำไปเลี้ยง
ความเห็นที่ 7.1
ขอบคุณครับ^^
เคยเห็น นก ..นกเลิฟเบิร์ด ข้างบ้านเลี้ยงอยู่แล้วมันออกลูก
ปะการังเวลาที่มันจะให้ผลผลิตก็มีระยะเวลาต่างกัน แต่ปะการังหลายชนิด ใช้เวลาในการแบ่งตัวเร็วมาก
ถ้าเพื่อนๆ หรือใครที่สนใจลองศึกษาดูจะทราบ
สรุปง่ายๆ ..คือ เลี้ยง เพาะพันธุ์ แบ่งตัว และ ลามได้
ปะการัง ไม่ใช่พืชแต่เป็นสัตว์ ที่มีเนื้อเยื่อ..ในเนื้อเยื่อ ..มีพืชอาศัยอยู่ เมื่อให้แสงเพียงพอ อุณหภูมิเย็นคงที่ มีกระแสน้ำ อาหารจากการสังเคราะห์แสงและแร่ธาตุจากน้ำ
ปรับค่าเคมีในน้ำเหมาะสม ตัวมันเองสามารถเจริญพันธุ์อย่างง่ายๆคล้ายเราปลูกพืชในกระถาง(เพียงแต่วิธีการมันไม่ง่าย) คร่าวๆเอาแค่นี้ ..ไม่อยากให้หลงประเด็นไปนะครับ
ผมเคยเรียนรู้..ว่าหากเราว่ายน้ำเป็น ไปพบคนตกน้ำ..เราจะช่วย(หรือไม่)
กฏหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่า ...ถ้าไม่ช่วย มีความผิดไหม
แต่กฏหมายระหว่างประเทศ ถ้าเรือเดินมหาสมุทร พบเรือล่ม หรือคนตกน้ำ จะมีความผิดหากละเลยไม่ทำการช่วยเหลือ
ก่อนถูกตัดสิน ศาลจะถามว่า ถ้าช่วยได้ทำไมไม่ช่วย
เช่นเดียวกัน ...........เมื่อทำได้ทำไมไม่ทำ(ให้มันถูกต้อง)
อีกครั้ง ...เมื่อทำได้ ทำไมไม่ทำ
ความเห็นที่ 7.1.1
เป็นเหตุผลที่ดูแล้วทำให้คิดถึง กฎหมายบ้านเราจริงๆครับ กฎหมายเมื่อสมัยพระเจ้าเหาแต่ไม่เคยที่จะปรับปรุงให้ทันสมัยเหมือนใครๆเขาเลย กฎหมายบ้านเราไม่มีรูรั่วสำหรับคนที่คิดดี แต่มีรูพรุนสำหรับคนคิดร้าย ไม่มีช่องโหว่สำหรับคนดี แต่มีประตูให้กับพวก......ครับ(จุดนั้นละไว้โดยฐานที่เข้าใจ ก็พวกใหญ่ๆในกระทรวงแหละครับ)
ความเห็นที่ 7.1.1.1
"กฎหมายบ้านเราไม่มีรูรั่วสำหรับคนที่คิดดี แต่มีรูพรุนสำหรับคนคิดร้าย" ตุ้ม siamensis
อิอิ
ความเห็นที่ 8
ลป. กรุณาอย่าเอาข้อความนี้ไปขยายต่อ เพราะไม่เกิดผลดีกับใคร และอาจเกิดผลร้ายกว่าสำหรับคนที่มีเจตนาดีในอนาคต ทั้งๆที่มันคือข้อเท็จจริงก็ตาม
ความเห็นที่ 8.1
ขอบคุณครับ^^
เมื่อวานได้คุยกับรุ่นพี่ที่น่านับถือ..เขาเป็นผู้ชายที่คิดดี อยู่ในราชการ เล่าใ้ห้ผมฟัง... ว่า" ตู้สินค้าเนี่ย..ตู้คอนเทนเนอร์ เนี่ยนะถ้าไม่สำแดงและไม่อยากให้ถูกเปิดตรวจแบบให้ผ่านฉลุยเลย เสียแปดแสน จบ จบเลยนะ"
เลยถามต่อไปว่าอ้าว แล้วถ้าจากนั้นถูกจับได้ภายหลังล่ะ ...ก็จบ เจ้าหน้าที่รับใต้โต๊ะ เซ็นต์ให้ผ่าน เด้งเลย ยอมเสี่ยงเข้าแลกกับอาชีพ ..ล่อแหลมมาก
วิธีนี้ก็แก้ก็ไม่ยาก..หากจับได้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย เอาเงินราวัลจากงบหน่วยงานไปเลย...ทีนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะตั้งหน้าตั้งตาตรวจ ดีกว่าจะปล่อยให้อาวุธสงคราม ยาเสพติด หรืออะรัยก็ตาม ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ผลร้ายที่ตามมายิ่งกว่า
สรุปว่าเรื่องเพาะพันธุ์ปะการังจบประเด็นไป แต่ที่ยากกว่าคือการผลักดันกฎหมายที่ไม่ทันสมัยให้ใช้ได้จริงเหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน
ปัญหาที่คน ใช้คนแก้ ปัญหาที่เงิน แก้ไม่ได้จริงๆ ถ้าจะต้องสร้างความลำบากให้คนทำมาหากิน(โดยปิดกั้นกฎหมาย) ต่อให้คิดดีไปไกลแค่ไหน...ก็ติดอยู่ที่ผู้ใหญ่ ไม่ใช่กฎหมาย
ติดที่คน ไม่ใช่้สิ ติดที่เงิน
ความเห็นที่ 9
ความเห็นที่ 9.1
ขอบคุณมากครับ..
ภาพที่เห็น ทะเลฟอกขาว มีนักดำน้ำทำการตัดแฟรกเพื่อขยายพันธุ์ แล้วคืนกลับสู่ท้องทะเล เห็นแล้วรู้สึกประทับใจและคิดว่าเรายังต้องต่อสู้อยู่อีกหรือเปล่า
...แต่พอมานั่งทบทวนดู ...เห็นว่าคนลักลอบก็ยังต้องทำอาชีพนี้เพื่อเลี้ยงปากท้องคนเหล่านั้นไม่ได้เรียนแพทย์ ไม่ได้จบวิศวะ ความโชคดีทางฐานะสังคม สิ่งอื่นใดที่เราไม่สามารถช่วยแบ่งปันแบ่งเบาภาระหน้าที่แทนได้ คงไม่มีใครที่อยากทำผิดกฎหมาย ไม่อยากเป็นคนทำลายทรัพยากร
... นอกจากพวกเราทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและไม่เพียงแก้ปัญหาที่ต้นเหตุหรือปลายเหตุ ...อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการปลุกจิตสำนึกไปพร้อมกับสนับสนุนให้มีการนำขึ้นมาอย่างถูกวิธีโดยไม่ต้องลักลอบ..เพื่อให้ยังมีทรัพยากรที่ทดแทนมากขึ้น และมากขึ้น เพราะหากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องยังอยู่เฉยในบ้าน..นับวันสิ่งที่ท่านคิดว่าไม่เปลี่ยนอะไรเลยปล่อยให้ขบวนการจัดการด้วยกฎหมายซึ่งมันใช้ไม่ได้จริงในการแก้ปัญหาเพราะเจ้าหน้าที่หรือนายทุนบางกลุ่มต่างก็รู้เห็นเป็นใจ เท่ากับยอมให้ทรัพยากรถูกทำลายต่อไปไม่ต่า่งจากละทิ้งหน้าที่และความรับผิดชอบนะครับ
...เราได้แสดงเจตนาด้วยตัวหนังสือ..จากวิธีคิด หนึ่งในกลุ่มเพื่อนพี่น้องนักเลี้ยงที่เฝ้าดูแลกันอยู่อย่างรอความหวัง ว่าสักวัน อยากทำให้มันถูกต้อง เป็นจริง เพื่อประโยชน์ของทรัพยากรโลก ไม่ว่าจะเป็น คน พืช และสัตว์ ต่างก็ต้องพึงพาอาศัยกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ความเห็นที่ 10
มีเพื่อนสมาชิกนักเลี้ยงท่านหนึ่งกล่าวทิ้งไว้...(ขออนุญาติออกสื่อ)
ว่า...
ประเทศเราไม่มีนโยบายพัฒนาคน เน้นแต่สร้างวัตถุ
เรื่องไหนทำแล้วไม่ได้หน้าในระยะสั้น หรือได้ประโยชน์แฝง
คนออกกม. มันขี้เกียจคิด ขี้เกียจทำครับ
ผมเห็นด้วยว่ามันเป็นเรื่องจริง และไม่เห็นด้วยกับคนที่ดองกฏหมายเอาไว้
..แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไร
ความเห็นที่ 10.1
ตามนั้น เพื่อนผมพึ่งมาบ่นให้ฟัง คณะทำงานของสถาบันการศึกษาร่างแผนส่งไปให้หน่วยงานของรัฐบาล หน่วยงานไม่สนใจ (ทั้งที่เป็นฝ่ายขอวิธีแก้ปัญหามา) เพราะแผนที่ส่งไป ไม่ได้เน้นแก้ปัญหาระยะสั้นและไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากนัก (แต่มันสำคัญมาก)
ความเห็นที่ 11
ความเห็นที่ 11.1