ขออนุญาต ระบายเรื่องการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตทางทะเลสักนิดเถอะนะครับ


 เรื่องการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตทางทะเลสักนิดเถอะนะครับ

ว่าด้วยร้านขายปะการังที่สิงคโปร์..บ้านเค้ากฎหมายรุนแรงมาก..broken heart ปลาทะเล ปะการังเพาะพันธุ์ได้แล้ว..ยังขายได้
บ้านเรา พี่ไทย กฎหมายห้ามมีไว้ในครอบครอง ยังไม่ยอมแก้พรบ.กันอีก ใช้มาตั้งแต่พระเจ้าหูรูด แล้วยังจะมีหน้ามาสนับสนุนให้คน
ทำเกษตรกรรมด้านสัตว์น้ำ ..พอเจ้าหน้าที่จับ ปรับ ปล่อย ของกลางเอาออกมาขาย รับส่วยตามร้านวางขายดาดดื่น เห้อ..คนไทยรึเปล่า!

คนไทยทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก เป็นแค่สโลแกนของสินค้าขนิดหนึ่งหรือเปล่า


ลองดูอีกสักนิดนะคับ.. www.youtube.com/embed/3Z8bkD19kQY" frameborder="0" 

ปัจจุบัน..ปะการังถูกนำขึ้นมาขายให้กลุ่มคนที่ชื่นชอบการเลี้ยงปลาทะเลสวยงามไม่มากก็น้อย.. โดยจะเลี่ยงไม่ได้เลยว่ามันเป็นการทำลายทั้งทางตรงและทางอ้อม หากแต่มันก็มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอีกทางหนึ่ง..ซึ่งดูขัดแย้ง หากมองด้านที่เป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจแล้ว..พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายต้องจ้างนายหน้าและคนในท้องถิ่นที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับทะเลทำการลักลอบจับปลาสวยงามและนำปะการังขึ้นมาจำนวนมากในแต่ละปี..พูดง่ายๆแทบจะทุกสัปดาห์ ในเมื่อคนเอาขึ้นมามีมากกว่าคนจับ(เจ้าหน้าที่)แล้วกฏหมายก็ทำได้แค่จับ ปรับ ปล่อย หรืออย่างมากก็ดำเนินคดีแล้วก็มี คนลักลอบคนที่2 ที่3 มาแทนที่ ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเป็นการเพิ่มการหาวิธีลักลอบรูปแบบใหม่ๆยิ่งขึ้นไปอีก เป็นการแก้ปัญหาด้านเดียว เหตุการณ์ต่อมา..หลายปีที่แล้วมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยเริ่มก่อตัวในทางที่ดีรวมตัวกันจัดตั้งชมรมเพื่อสังคมและส่วนรวมให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลาและปะการังจนสามารถขยายพันธุ์ได้ในระบบปิด..แน่นอนว่ากฏหมายก็ยังจำกัดไม่ให้มีปะการังหลายชนิดไว้ในครอบครอง นักเลี้ยงปะการังหลายคนเริ่มส่งสัญญาณโดยการแบ่งปันการแฟรกก้นตู้แบ่ง แจก แลก ขายให้กับเพื่อนในสังคมคนเลี้ยงสิ่งมีชีวิตจากท้องทะเล..นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการแก้ปัญหาทางอ้อมที่ยั่งยืน ..อย่างน้อยเราก็สามารถลดจำนวนการนำปะการังขึ้นมาได้อีกทาง และไม่แน่ว่า หากการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่เบียดเบียนธรรมชาติในทศวรรศนี้ เมื่อไหร่ที่ทะเลฟอกขาวปะการัง กลุ่มคนจำนวนไม่น้อยอาจยังหลงเหลือสิ่งมีชีวิตจากท้องทะเลเพียงแหล่งเดียว

5/12/53

..จอมพงศ์

 
ทุกวันนี้ร้านในสวนยังต้องจ่ายค่าส่วยทุกเดือนให้กับเจ้าหน้าที่บางกลุ่ม    เพื่อแลกกับอาชีพที่ไม่อาจเอื้อมไปแก้กฎหมาย ทั้งที่ก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง
        ทุกวันนี้ของกลางที่ถูกจับ(จากการนำเข้ามา) ก็ยังถูกนำมาประมูลจำหน่ายให้นายทุนส่งต่อไปยังพ่อค้ากลายเป็นสินค้าเวียนเทียน      เนื่องด้วยไม่มีนโยบายสนับสนุนใช้งบหลวงนำไปเพาะเลี้ยงต่อ(เนื่องจากต้องนำกลับไปคืนแหล่งธรรมชาติเดิม)
ถ้ามันถูกนำมาจากอีกซีกโลกฝั่งหนึ่ง..กว่าจะได้คืนกลับไปคงสูญเสียก่อน ..ทำไม ทำอย่างไร พรบ.เกี่ยวกับปะการังที่สามารถขยายพันธุ์ได้ถึงจะมีไว้ในครอบครองอย่างถูกกฎหมาย 

..หรือจะรอ ปล่อยให้เป็นช่องทางทำมาหากินของมิฉาชีพในร่างเจ้าหน้าที่บางกลุ่ม "ปลาตายตัวเดียว เน่าไปทั้งบ่อ" ฤาชื่อเสียงเจ้าหน้าที่ไทยจะป่นปี้ก็คราวนี้

 4/07/54 จอมพงศ์

Comments

ความเห็นที่ 1

ค่อยๆทำ ค่อยพิสูจน์ตัวเองครับ มีตัวอย่างของสัตว์หลายชนิดที่ในที่สุดแล้วก็อนุญาตให้เพาะพันธุ์ได้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ถ้าเสียงดังพอ ความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นเอง แต่มันต้องมั่นคง และมั่นใจ ว่าสามารถควบคุมและแยกแยะระหว่างของเพาะกับของหยิบได้

ความเห็นที่ 1.1


ขอบคุณครับ คุณนณณ์
ถ้าผมมีโอกาส  และเลือกทางเดินถูก คงถึงจุดหมายในไม่ช้า

ความเห็นที่ 2

ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะึีครับ ไม่ได้ชวนใครทะเลาะ ผิดถูกอย่างไรก็อย่าว่ากันนะครับ

ปัญหาที่เจ้าของกระทู้บ่นมานั้น มันเป็นปัญหาโลกแตกที่เกิดขึ้นมานาน ในความเห็นของผม
เหตุการณ์แบบนี้ จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้า...ต้้นทุนในการผลิตปะการังและสัตว์ทะเลในเครือญาติจากการเพาะเลี้ยงมันถูกมากกว่าที่ได้จากธรรมชาติมากๆ และที่สำคัญที่สุดคนในวงการค้าสัตว์กลุ่มนี้ไม่เห็นแก่ตัวและมีจิตสำนึกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในระดับขั้นเทพ

ระบบราชการของไทยเองก็มีส่วนสำคัญมาก การแก้ปัญหาพวกนี้ก็เป็นการแก้ด้วยการห้ามอย่างเดียวและยึุดมั่นในตัวหนังสือมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและมีอยู่จริง อย่างเช่นมุมมองเกี่ยวกับปะการัง  ภาคราชการเป็นห่วงว่ามันเป็นกลุ่มสัตว์ที่เปราะบาง และต้องการเก็บมันไว้โดยให้ถูกทำลายโดนน้ำมือมนุษย์น้อยที่สุด โดยภาคราชการก็มองว่าห้ามซื้อ ห้ามขาย ห้ามครอบครองก็เป็นมาตรการหนึ่่งที่จะทำให้สามารถควบคุมการทำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แต่ความเป็นจริงก็คืออย่างที่คุณเจ้าของกระทู้เล่าให้ฟัง และความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายของประเทศนี้อย่างหนึ่ง ถ้าเกิดมีการอนุญาตให้เพาะเลี้ยงได้ ต้องมีคนสวมรอย เอาปะการังที่เก็บจากธรรมชาติมาอ้างว่าเป็นของเพาะเลี้ยงแล้วขาย เพราะว่าทำอย่างนี้ตุ้นทุนมันต่ำมากๆ และพอมีคนแบบนี้เพียงคนเดียวเท่าัน้้น มาตรการที่ได้อนุญาตเพื่อการเพาะก็คงมีอันต้องพับเข้าไปในซอกหลืบที่ลึกลับในลิ้นชักต่อไป แต่ผมยังเชื่อในวิวัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถผลิตปะการังพวกนี้ในเชิงการค้าได้ ผมมีโอกาสได้ไปชม Shedd aqarium ที่ชิคาโก และ Pitsburg zoo and aqurium ทั้งสองแห่งสามารถเพาะปะการังจากเขตร้อนให้ดูสุขภาพดีจนสามารถนำมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมได้ แต่ว่าค่าดำเนินการในการเพาะเลี้ยงนี้สูงมาก และด้วยงบประมาณอย่างประเทศของเราคงอีกนานกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้แบบเขา

เคยมีฝรั่งคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของบริษัททำฟาร์มปะการังเพื่อส่งออก ฐานการผลิตของเขาอยู่ในอินโดนีเซีย มาคุยกับผมเพื่อหาแนวทางในการติดต่อกับกรมประมง เพื่อขอใบอนุญาตตั้งฟาร์มปะการังในไทย โดยเขาเสนอแผนที่น่าสนใจมากคือเดิมเขาจะเก็บท่อนพันธุ์จากธรรมชาติมาส่วนหนึ่งก่อน เมื่อเพาะเลี้ยงได้ เขาจะคืนทุกๆ 20% ของผลผลิตที่เขาเพาะเลี้ยงได้ให้กับธรรมชาติ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปลูกทดแทนในแหล่งน้ำธรรมชาติ เท่าที่ทราบ โครงการของเขาไม่ได้รับการอนุมัติเพราะว่ากฏหมายของบ้านเราไม่สามารถอนุญาตให้ทำกิจกรรมแบบที่ว่าได้

และที่ร่ายยาวมานี้ขอสรุปสั้น ๆ แบบคุณนณณ์ว่า ถ้าเราแน่จริงเพาะเลี้ยงได้ผลผลิตที่แน่นอนและมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าทำการผลิตได้อย่างจริงจัง ภาครัฐก็คงจะพิจารณาให้อนุญาตเองแต่มันต้องใช้เวลาครับ ไม่สามารถบันดาลอะไรให้เกิดขึ้นได้ในบัดดล

ความเห็นที่ 2.1

ขอบคุณ คุณสมหมายครับ
...ต้้นทุนเป็นเรื่องของการจัดการ สามารถทำได้ ผู้ที่มีโอกาสเพาะเลี้ยงจะรู้ดีที่สุด   เรื่องจิตสำนึกเห็นด้วย..และคงเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะอาชีพไหนถ้าคิดบวก ทำอะไรก็เป็นสิ่งดีงามและมีประโยชน์ครับ

... ถ้าเกิดมีการอนุญาตให้เพาะเลี้ยงได้ ต้องมีคนสวมรอย เอาปะการังที่เก็บจากธรรมชาติมาอ้างว่าเป็นของเพาะเลี้ยงแล้วขาย   นั่นเป็นวิธีการของกลุ่มคนที่คิดตรงกันข้ามกับพวกเรา ถึงได้มีกรีนพีซ มีกลุ่มอนุรักษ์อย่างพวกเราดูแลกัน

  วิวัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถผลิตปะการังพวกนี้ในเชิงการค้าได้ ผมรู้จักคนไทยคนหนึ่งใช้งบหลักร่วมสิบล้านทำตู้ปลาทะเลในบ้านตัวเองแล้วเปิดให้ฝรั่งมาชม..ทุกวันนี้ ก็ทำไปเพาะใจรักไม่มีรายได้จากการเพาะเลี้ยงเข้ามาแม้แต่บาทเดียว

โครงการขอใบอนุญาตตั้งฟาร์มปะการังในไทยของฝรั่งคนดังกล่าว  ไม่ได้รับการอนุมัติเพราะดูแล้ว..มีผลประโยชน์ทางพานิชย์มาก่อนการอนุรักษ์

ครับอย่างน้อยเราก็ได้ต่อสู้และถ้ามันไม่สำเร็จเสร็จในคนรุ่นเรา..สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบัดไดปูทางให้คนรุ่นหลังจากเรา..สานต่อแบบไม่ต้องนับเลข1

ความเห็นที่ 3

กรณีศึกษาแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากปลาการ์ตูนครับ(แต่อาจจะยากกว่า เพราะมันคือปะการัง) ต้องใช้เวลา
ปล. สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่จิตสำนึกละครับ เฮ้อย

ความเห็นที่ 3.1

ขอบคุณครับ^^

ความเห็นที่ 4

ขอคิดด้วยคน..ถ้าอยากทำต้องแอบทำใช่ไหม  แต่มันเลี้ยงยากกว่าปลามากนักแล้วราคาปะการังเลี้ยงคงใช้เวลานาน ต้นทุนผลิตคงแพงหูฉี่..ใครจะไปซื้อ..หาหยิบง่ายกว่าถูกกว่า ทำไปก็ไม่มีใครซื้อหรอกครับ มองไปที่วัสดุทดแทนดีกว่าครับ
คนไทยทำงานฝืมือได้ปราณีตงดงามครับ ..

ความเห็นที่ 4.1


ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ

ไม่ใช่ปะการังยากครับ..แต่ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ อย่างเรียนหมอนี่ถ้าถามว่ายากไหม..ยากตรงที่ต้องจำศัพท์ทางแพทย์ ต้องเก่งและฉลาด หมอเอง อาจจะมองเห็นศิลปะยากยิ่งกว่าเพราะต้องตวัดปลายพูกันจากจานสีด้วยพลังจิตนาการจากภายในออกมาเป็นผลงานอันล้ำลึกด้วยฝีมือของศิลปิน
ทุกคนมีความต่างและความถนัด..ซึ่งเกิดจากสิ่งที่ รัก ชอบ เรียนรู้มัน และเชี่ยวชาญในที่สุด

         ......คนที่เรียนหมอ เพราะเห็นว่าเป็นรายได้ที่เยอะ
                        ...จะไม่เก่งไปกว่าคนที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จากการเรียนหมอ

ไม่ต้องแอบครับ เราร่วมกันต่อสู้เพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์กว่า ไม่ดีเหรอครับ

ความเห็นที่ 5

เชื่อว่า ถ้าทำได้จริง

เวลาขายก็ติดป้ายว่า ปะการังร้านนี้เป็นปะการังเพาะ ไม่ทำลายธรรมชาติ มีใบอนุญาติแปะไว้ คนรักธรรมชาติยินดีสนับสนุนนะ แม้ว่าจะแพงกว่า

และถ้ามีการลักลอบก็จัดหนักๆสัก 5 ปี และยึดทรัพย์ ก็น่าจะช่วยได้ส่วนหนึ่งนะ

ความเห็นที่ 5.1

ตามพี่ GreenEyes ครับ

ความเห็นที่ 5.1.1


เห็นด้วย และขอบคุณครับ^^

ความเห็นที่ 5.2

 ขอบคุณ คุณ GreenEyes นะครับ

  ..ใครต้องการซื้อปะการังนำเข้ามาให้ถูกต้องก็มีการจัดเก็บภาษีแพงๆ  ให้คนที่มีความพร้อมเลี้ยงเพื่อนำรายได้เข้าสู่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำรายได้กลับมาใช้ในการอนุรักษ์    ...อย่าเสียรายได้ ไปกับเบี้ยรายทางให้สูญเปล่ายังจะดีเสียกว่า 

ความเห็นที่ 6

เป็นข้อคิดเห็นที่หลากหลายมากเลยครับ เป็นประโยชน์ทั้งนั้นเลย ผมอ่านแล้วคิดตามทุกความเห็นมีความเป็นไปได้ครับ มาติดอยู่ที่ พวกพ่อค้าที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และเจ้าหน้าที่กังฉินบางคน ผมลองมองต่างมุม ในเรื่องของการเพาะปะการัง คนนี้เพาะได้ดี อีกคนไม่ค่อยประสบความสำเร็จซะเท่าไหร่ ก็จะเกิดกรณีปะการังสวมตอ โดยมีเจ้าหน้าที่กังฉินบางคนคอยอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งผมก็เชื่อว่าไม่ใช่ระดับลูกกระจ๊อกอย่างแน่นอน แล้วพฤติกรรมเลียนแบบของคนไทยที่ฝังรากลึก มันก็จะทำให้กลับเข้ามาสู่วงจรอุบาตแบบเดิมๆ ถ้าเมื่อใดการสร้างจิตสำนึกในการให้ความสำคัญต่อธรรมชาติของคนไทย ยังไม่ยาวไปกว่าหางอึ่ง(ปล.อันนี้ประชดสุดๆ) คงต้องเหนื่อยนานและเหนื่อยยาวครับ แต่ผมยังภูมิใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนไทยส่วนหนึ่งคิดถึงเรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มอนุรักษ์ต่างเริ่มมีมากขึ้น ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เห็นความสำคัญของธรรมชาติครับ (อันนี้เป็นข้อคิดเห็นที่ผมคิดในทางลบนะครับ ปลูกยากเพาะยากก็เก็บเอาซิไม่เป็นไรตูเคลียได้ ขออนุญาตแล้วเพาะไม่ทันก็สวมตอซิ ไม่ไหวใช้เวลานานก็ไม่ทันขายก็ใช้ลูกข่ายเก็บมาซิ เก็บภาษีแพงอ่ะ ก้เอาของเถื่อนสิถูกกว่ากำไรเยอะดี ของเทียมใช้ได้แต่มันไม่ใช่อ่ะ มันต้องของจริง นี่แหละครับ ยากที่สุดคือการล้างความคิดความเคยชินที่ผิดๆของคนครับ)

ความเห็นที่ 6.1

ขอบคุณครับ คุณตุ้ม ^^

     ทุนในการสร้างระบบเพาะเลี้ยง ปะการัง ..ยอมรับว่าใช้ตังค์เยอะมาก ถ้าทำเป็นเป็นอุตสาหกรรม
..แต่ตัวปะการังเองมันขยายแตกตัวได้เร็วในระบบที่สมบูรณ์..จนแทบไม่เชื่อ ถ้าไม่ได้เฝ้าดูตัวเป็นๆ 

  ด้วยความจริงที่ว่ามานี้จำต้องมีขบวนการสร้างจากทีมงานที่เก่ง ด้วยความเข้าใจถูกตรง มีหลายท่านในเวลานี้พร้อมที่จะสนับสนุนและให้การเผยแพร่ความรู้ ไม่ใช่แค่จากตัวหนังสื่อ แต่มองเห็นจับต้องได้

เรื่องเก็บจากธรรมชาติง่ายกว่า..เอาขึ้นมาจากทะเลนี่2-3วันก็เริ่มแย่แล้ว ถ้าให้ความรู้ชัดเจน ไม่มีลูกค้าคนไหนยอมซื้อหรอกครับ ที่เลี้ยงได้มีเป็นบางอย่าง(แต่ก็หลากชนิด) ทุกวันนี้ที่ขายๆกันก็หลอกขายว่าเลี้ยงได้เลี้ยงรอด มันเป็นช่องทางของพ่อค้าจริงๆ.. 

ความจริงอีกอย่างในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน..เพื่อให้คนทั้งโลกไม่มีทางซื้อมาครอบครองอย่างมักง่าย
ผมสมมุติให้เห็นคร่าวๆ..นกบางชนิดต้องมีห่วงใส่ปลอกไว้ที่ขา..เพื่ออ้างสิทธิในการขึ้นทะเบียนว่าเจ้านกตัวนี้ได้นำมาจากฟาร์มจดทะเบียนขึ้นบัญชีเป็นฟาร์มที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถมีไว้ขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายต่อ 

 ปะการัง  .. ทำได้  

         มาตรการเท่าที่่จำเป็น  ...ถ้าจะต้องทำ ..ก็รีบๆเถอะนะครับ ก่อนที่พวกเราจะหมดไฟ 

 ไม่อย่างนั้นแล้วอนาคตคงได้จดจำ...    คนไทย ทำอะรัย ไม่แพ้จ่ายส่วย(ให้เจ้าหน้าที่)เท่าชาติใดในโลก 

ความเห็นที่ 7

แต่ปะการังนี้มันโตช้ามากเลยนะครับ อาจจะไม่เหมาะในเชิงพานิช

แต่รู้สึกว่าจะเห็นอย่างอื่นๆ ที่ผมก็เรียกไม่ถูก ดอกไม้ทะเล?ฟองน้ำ? สาหร่ายทะเล? หรืออะไรไม่รู้ มีขายกันใน jj อยู่หลายร้านเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเพาะเองหรือจับมา

ซึ่งผมว่าเหมาะกว่าปะการังนะ ทั้งในเชิงพานิชและนำไปเลี้ยง

ความเห็นที่ 7.1


 ขอบคุณครับ^^

 เคยเห็น นก ..นกเลิฟเบิร์ด ข้างบ้านเลี้ยงอยู่แล้วมันออกลูก 

  ปะการังเวลาที่มันจะให้ผลผลิตก็มีระยะเวลาต่างกัน แต่ปะการังหลายชนิด ใช้เวลาในการแบ่งตัวเร็วมาก
ถ้าเพื่อนๆ หรือใครที่สนใจลองศึกษาดูจะทราบ 

สรุปง่ายๆ ..คือ เลี้ยง เพาะพันธุ์ แบ่งตัว และ ลามได้
ปะการัง ไม่ใช่พืชแต่เป็นสัตว์ ที่มีเนื้อเยื่อ..ในเนื้อเยื่อ ..มีพืชอาศัยอยู่ เมื่อให้แสงเพียงพอ อุณหภูมิเย็นคงที่ มีกระแสน้ำ อาหารจากการสังเคราะห์แสงและแร่ธาตุจากน้ำ
ปรับค่าเคมีในน้ำเหมาะสม ตัวมันเองสามารถเจริญพันธุ์อย่างง่ายๆคล้ายเราปลูกพืชในกระถาง(เพียงแต่วิธีการมันไม่ง่าย) คร่าวๆเอาแค่นี้ ..ไม่อยากให้หลงประเด็นไปนะครับ 

       ผมเคยเรียนรู้..ว่าหากเราว่ายน้ำเป็น ไปพบคนตกน้ำ..เราจะช่วย(หรือไม่)
 
กฏหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่า  ...ถ้าไม่ช่วย มีความผิดไหม
 
แต่กฏหมายระหว่างประเทศ ถ้าเรือเดินมหาสมุทร พบเรือล่ม หรือคนตกน้ำ จะมีความผิดหากละเลยไม่ทำการช่วยเหลือ

ก่อนถูกตัดสิน   ศาลจะถามว่า ถ้าช่วยได้ทำไมไม่ช่วย


            เช่นเดียวกัน  ...........เมื่อทำได้ทำไมไม่ทำ(ให้มันถูกต้อง) 

                                      อีกครั้ง  ...เมื่อทำได้    ทำไมไม่ทำ

ความเห็นที่ 7.1.1

เป็นเหตุผลที่ดูแล้วทำให้คิดถึง กฎหมายบ้านเราจริงๆครับ กฎหมายเมื่อสมัยพระเจ้าเหาแต่ไม่เคยที่จะปรับปรุงให้ทันสมัยเหมือนใครๆเขาเลย กฎหมายบ้านเราไม่มีรูรั่วสำหรับคนที่คิดดี แต่มีรูพรุนสำหรับคนคิดร้าย ไม่มีช่องโหว่สำหรับคนดี แต่มีประตูให้กับพวก......ครับ(จุดนั้นละไว้โดยฐานที่เข้าใจ ก็พวกใหญ่ๆในกระทรวงแหละครับ)

ความเห็นที่ 7.1.1.1

quote

"กฎหมายบ้านเราไม่มีรูรั่วสำหรับคนที่คิดดี แต่มีรูพรุนสำหรับคนคิดร้าย"  ตุ้ม siamensis

อิอิ

ความเห็นที่ 8

บอกตรงๆว่าถ้าผมเป็นรัฐมนตรีของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ผมจะไม่รีรอที่จะสนับสนุนเลย แต่ในช่วงที่ผ่านมาก็มีกลุ่มคนที่เพาะพันธุ์สัตว์ที่ติด พรบ. และไซเตส (ไม่ใช่นก) ได้ทำอยู่เช่นกัน และทำท่าไปได้ด้วยดีเพราะระดับอธิบดีก็เห็นดีด้วย แต่พอถึงระดับหนึ่งเขาถามสั้นๆว่า "คุณจะให้ผมเท่าไหร่" ตอนนี้เรื่องดังหล่าวถูกเตะถ่วงอยู่ ก็หวังว่ารัฐบาลใหม่อาจทำให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ โดยเราไม่มุ่งอคติ แต่ถ้ามาเรียกเงินอีก ก็ตัวใครตัวมันแหละครับ

ลป. กรุณาอย่าเอาข้อความนี้ไปขยายต่อ เพราะไม่เกิดผลดีกับใคร และอาจเกิดผลร้ายกว่าสำหรับคนที่มีเจตนาดีในอนาคต ทั้งๆที่มันคือข้อเท็จจริงก็ตาม

ความเห็นที่ 8.1


ขอบคุณครับ^^ 

      เมื่อวานได้คุยกับรุ่นพี่ที่น่านับถือ..เขาเป็นผู้ชายที่คิดดี อยู่ในราชการ เล่าใ้ห้ผมฟัง... ว่า" ตู้สินค้าเนี่ย..ตู้คอนเทนเนอร์ เนี่ยนะถ้าไม่สำแดงและไม่อยากให้ถูกเปิดตรวจแบบให้ผ่านฉลุยเลย เสียแปดแสน จบ จบเลยนะ"
       เลยถามต่อไปว่าอ้าว แล้วถ้าจากนั้นถูกจับได้ภายหลังล่ะ ...ก็จบ เจ้าหน้าที่รับใต้โต๊ะ เซ็นต์ให้ผ่าน เด้งเลย ยอมเสี่ยงเข้าแลกกับอาชีพ ..ล่อแหลมมาก 

      วิธีนี้ก็แก้ก็ไม่ยาก..หากจับได้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย เอาเงินราวัลจากงบหน่วยงานไปเลย...ทีนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะตั้งหน้าตั้งตาตรวจ  ดีกว่าจะปล่อยให้อาวุธสงคราม ยาเสพติด หรืออะรัยก็ตาม ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ผลร้ายที่ตามมายิ่งกว่า

       สรุปว่าเรื่องเพาะพันธุ์ปะการังจบประเด็นไป แต่ที่ยากกว่าคือการผลักดันกฎหมายที่ไม่ทันสมัยให้ใช้ได้จริงเหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน
                                 
        ปัญหาที่คน  ใช้คนแก้  ปัญหาที่เงิน  แก้ไม่ได้จริงๆ  ถ้าจะต้องสร้างความลำบากให้คนทำมาหากิน(โดยปิดกั้นกฎหมาย)  ต่อให้คิดดีไปไกลแค่ไหน...ก็ติดอยู่ที่ผู้ใหญ่  ไม่ใช่กฎหมาย 
 
                                  ติดที่คน            ไม่ใช่้สิ             ติดที่เงิน 


                                  

ความเห็นที่ 9

ความเห็นที่ 9.1


 ขอบคุณมากครับ..heart

  ภาพที่เห็น ทะเลฟอกขาว มีนักดำน้ำทำการตัดแฟรกเพื่อขยายพันธุ์ แล้วคืนกลับสู่ท้องทะเล เห็นแล้วรู้สึกประทับใจและคิดว่าเรายังต้องต่อสู้อยู่อีกหรือเปล่า

   ...แต่พอมานั่งทบทวนดู ...เห็นว่าคนลักลอบก็ยังต้องทำอาชีพนี้เพื่อเลี้ยงปากท้องคนเหล่านั้นไม่ได้เรียนแพทย์  ไม่ได้จบวิศวะ ความโชคดีทางฐานะสังคม สิ่งอื่นใดที่เราไม่สามารถช่วยแบ่งปันแบ่งเบาภาระหน้าที่แทนได้ คงไม่มีใครที่อยากทำผิดกฎหมาย ไม่อยากเป็นคนทำลายทรัพยากร 

    ...  นอกจากพวกเราทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและไม่เพียงแก้ปัญหาที่ต้นเหตุหรือปลายเหตุ ...อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการปลุกจิตสำนึกไปพร้อมกับสนับสนุนให้มีการนำขึ้นมาอย่างถูกวิธีโดยไม่ต้องลักลอบ..เพื่อให้ยังมีทรัพยากรที่ทดแทนมากขึ้น และมากขึ้น เพราะหากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องยังอยู่เฉยในบ้าน..นับวันสิ่งที่ท่านคิดว่าไม่เปลี่ยนอะไรเลยปล่อยให้ขบวนการจัดการด้วยกฎหมายซึ่งมันใช้ไม่ได้จริงในการแก้ปัญหาเพราะเจ้าหน้าที่หรือนายทุนบางกลุ่มต่างก็รู้เห็นเป็นใจ เท่ากับยอมให้ทรัพยากรถูกทำลายต่อไปไม่ต่า่งจากละทิ้งหน้าที่และความรับผิดชอบนะครับ

       ...เราได้แสดงเจตนาด้วยตัวหนังสือ..จากวิธีคิด หนึ่งในกลุ่มเพื่อนพี่น้องนักเลี้ยงที่เฝ้าดูแลกันอยู่อย่างรอความหวัง ว่าสักวัน อยากทำให้มันถูกต้อง เป็นจริง เพื่อประโยชน์ของทรัพยากรโลก ไม่ว่าจะเป็น คน พืช และสัตว์  ต่างก็ต้องพึงพาอาศัยกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ


                       

ความเห็นที่ 10


     
     มีเพื่อนสมาชิกนักเลี้ยงท่านหนึ่งกล่าวทิ้งไว้...(ขออนุญาติออกสื่อ)
          ว่า...
           ประเทศเราไม่มีนโยบายพัฒนาคน เน้นแต่สร้างวัตถุ 
           เรื่องไหนทำแล้วไม่ได้หน้าในระยะสั้น หรือได้ประโยชน์แฝง 
           คนออกกม. มันขี้เกียจคิด ขี้เกียจทำครับ 

               

    ผมเห็นด้วยว่ามันเป็นเรื่องจริง และไม่เห็นด้วยกับคนที่ดองกฏหมายเอาไว้  

         ..แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไร

                 

         

 

ความเห็นที่ 10.1

 "เรื่องไหนทำแล้วไม่ได้หน้าในระยะสั้น หรือได้ประโยชน์แฝง คนออกกม. มันขี้เกียจคิด ขี้เกียจทำ"

ตามนั้น เพื่อนผมพึ่งมาบ่นให้ฟัง คณะทำงานของสถาบันการศึกษาร่างแผนส่งไปให้หน่วยงานของรัฐบาล หน่วยงานไม่สนใจ (ทั้งที่เป็นฝ่ายขอวิธีแก้ปัญหามา) เพราะแผนที่ส่งไป ไม่ได้เน้นแก้ปัญหาระยะสั้นและไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากนัก (แต่มันสำคัญมาก)

ความเห็นที่ 11

ตอนนี้ ทางกรมประมง ก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วล่ะครับ ถ้าเราสามารถเลี้ยงได้ ให้โตได้  อันนี้ไปอ่านเจอในหนังสือมาอ่ะครับ เล่มล่าสุด

ความเห็นที่ 11.1

ปัญหาคือ กรมประมงไม่ว่า แต่หน่วยงานที่ไปรบกวนไม่ได้มาจากกรมประมง แต่ถือกฎหมายฉบับเดียวกันนี่สิครับ