น้ำในบ่อหลังฝนตก มีออกซิเจนมากหรือน้อยกว่าปกติ?

ถ้ามองในมุมมองผม น่าจะมีออกซิเจน"มากขึ้น"นะครับ...
เพราะน้ำได้รับแรงสะเทือนจนกระเพื่อม ยิ่งน้ำมีการกระเพื่อมมากเท่าไหร่ ออกซิเจนน่าจะมีโอกาสละลายลงไปในน้ำได้มากขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆก็เช่น น้ำในแหล่งน้ำตกมี O2 มากกว่าน้ำในแม่น้ำ หรือน้ำในแม่น้ำก็จะมี O2 มากกว่าหนองบึง...รวมทั้งการปั๊มน้ำพุเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แหล่งน้ำที่มีแนวโน้มจะเน่าเสียด้วย

แต่ทำไมพอหลังฝนตกหนักๆ พวกปลาจะชอบขึ้นมาลอยคอบนผิวน้ำบ่อยๆ? มันทำเพื่อหายใจ หรือว่าเพราะสภาพบางอย่างของน้ำเปลี่ยนไปชั่วขณะครับ? แต่สมมติฐานที่ว่าน้ำฝนชะเอาคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศลงมา ทำให้ O2 ในน้ำต่ำลง จนปลาต้องขึ้นมาสูดหายใจนั้น ผมไม่ค่อยเชื่อครับ เพราะสัดส่วนอากาศปกติย่อมมี O2 สูงกว่า CO2 อยู่แล้ว

Comments

ความเห็นที่ 1

ความจริงที่1 - น้ำเย็นมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำร้อน น้ำเย็นจึงหนักกว่าน้ำร้อน
ความจริงที่2 - น้ำฝนมักจะมีความเย็นกว่าน้ำในบ่อ (โดยเฉพาะในเขตร้อนอย่างประเทศไทย)
ความจริงที่3 - น้ำในบ่อ(น้ำนิ่ง)ที่อยู่ก้นบ่อมี ออกซิเจนน้อยกว่าน้ำในบ่อที่อยู่บนผิวน้ำ

ทีนี้เวลาฝนตก น้ำฝนที่เย็นกว่าจะจมลงด้านล่างที่ก้นบ่อ ดันเอาน้ำจากก้นบ่อที่มีออกซิเจนน้อยขึ้นมาด้านบน ทำให้ปลาที่อยู่ด้านบนหายใจไม่ออกครับผม 

ต่ออีกหน่อย ตามสภาพปกติ น้ำในบ่อที่นิ่งเลย ก็จะมีการหมุนเวียนอยู่บ้าง จากการระเหยของน้ำเนื่องจากแสงแดดแผดเผา การระเหยของน้ำที่บริเวณผิวน้ำจะทำให้น้ำที่ผิวน้ำเย็นลงและจมลงก้นบ่อ เกิดการหมุนเวียนดันน้ำก้นบ่อขึ้นมาบ้าง แต่ในหน้าฝนถ้าหากอากาศคลึ้มฟ้าคลึ้มฝนมาหลายๆวัน น้ำเกิดการหมุนเวียนน้อย น้ำบริเวณก้นบ่อซึ่งมักจะมีการหมักหมมของของเสียและมีแบคทีเรียใช้ออกซิเจนเป็นจำนวนมากจะยิ่งมีออกซิเจนน้อยลง ถ้าฝนตกลงมาห่าใหญ่ๆ ก็มีโอกาสที่ปลาจะขาดออกซิเจนมากกว่าปกติครับ 

ความเห็นที่ 1.1

แปลว่า หลังฝนตก น้ำที่อยู่ข้างล่าง(ซึ่งเป็นน้ำฝน)น่าจะมีออกซิเจนสูงกว่า ใช่ไหมครับ?
แต่ด้วยสัญชาติญาณของปลาบางชนิด พอรู้สึกว่าขาดอากาศ ก็จะโผล่ขึ้นมาหายใจที่ผิวน้ำไว้ก่อน ทั้งๆที่ถ้ามันดำลึกลงไป มันน่าจะเจอน้ำที่มีออกซิเจนละลายอยู่มากกว่าที่กลางน้ำหรือผิวน้ำเสียอีก...ใช่ไหมครับ? blush

ความเห็นที่ 1.1.1

น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ

ความเห็นที่ 2

ผมมองอีกมุมนึง อาจไม่ตรงนัก คือกรณีค่า ph ของน้ำเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากการที่น้ำที่ตกลมามีความเป็น กรด สูง หรือ ฝนกรด เกิดจาก ควันพิษ ในอากาศ ละลายเข้าไปครับ เมื่อ คุณภาพน้ำในบ่อเปลี่ยนแปลงฉันพลัน ปลาเลยลอยหัว

ความเห็นที่ 3

เสริมพี่ๆ ด้านบนครับ...
หลายๆ พารามิเตอร์รวมๆ กันเข้า ก็ทำให้ปลาแพ้น้ำใหม่แล้วครับ
ทั้งอุณหภูมิ ความเป็นกรดด่าง อาคาไลด์นิตี้ ต่างๆ นาๆ ก็ส่งผลต่อการมีออกซิเจนในน้ำทั้งนั้นครับ

ความเห็นที่ 4

น้ำในคลองที่บ้านผมก็เป็นเหมือนกัน คือถ้าน้ำสีเข้ม แล้วอากาศร้อนติดกันหลายวัน แล้วเกิดฝนตกหนัก
พอฝนหยุดไม่นาน ปลาจะขึ้นลอย (ปลาอืด) หาอากาศ 

ความเห็นที่ 5

ถามเพิ่มครับ อุณภูมิของน้ำที่เย็นลงมีผลทำให้ปริมาณ O2 ในน้ำลดลงด้วยหรือเปล่าครับ

ความเห็นที่ 6

โดยปกติแล้วน้ำเย็นจะมีออกซิเจนละลายอยู่ได้มากกว่าน้ำอุ่นครับ

ความเห็นที่ 6.1

น้ำร้อนปริมาณออกซิเจนละลายได้น้อยกว่าน้ำเย็นหลายเท่า  ปลาหน้าร้อนจะตายเยอะกว่าหน้าหนาว
ฝนตกน้ำฝนเย็น..แต่มันอยู่ด้านบนไง ปลาถึงลอยขึ้นมาหาอากาศด้านบน ด้านใต้จะอุ่นกว่าแต่ออกซิเจนน้อยกว่าไงครับ ถ้าคิดถึงปริมาณออกซิเจน
แต่..ฝนตกมัันได้มาแค่น้ำนะครับ และตกลงมาแล้วใช่จะลงน้ำหมด ส่วนใหญ่ลงดินและชะล้างตะกอนปนเปื้อนต่างๆตามลงไปด้วย ซึ่งคิดว่าน้ำพวกนี้มีปริมาณออกซิเจนต่ำเอามากๆ ปลาเลยมีโอกาศตายครับ

ความเห็นที่ 7

ซับซ้อนๆ ทุกความเห็นเป็นจริงทั้งหมด เพียงแต่ปัจจัยไหนส่งผลมากที่สุด

สรุปว่าใครมี DO meter ลองจิ้มเลยดีกว่า หุหุ อยากรู้เหมือนกัน

ความเห็นที่ 8

ในความคิดของผม เอาแค่เรื่อง DO อย่างเดียวนะครับ
แหล่งของDO ส่วนใหญ่มาจากการสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอนพืชในน้ำ
บางส่วนจะละลายจากอากาศบริเวณที่ผิวน้ำ
ตอนฝนตกมีแสงน้อยไม่เพียงพอต่อการสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอนพืช
ขณะที่การหายใจ(ใช้ออกซิเจน) ยังคงดำเนินอยู่
ออกซิเจนในน้ำไม่พอ ปลาจึงต้องขึ้นฮุบน้ำซึ่งมีออกซิเจนมากกว่าบริเวณอื่นๆ ของบ่อครับ

ความเห็นที่ 8.1

ผมก็เคยคิดแบบนี้นะ แต่พอไปอ่าน Ecology of planted tank เขาว่า ออกซิเจนส่วนมากที่ลงไปในน้ำมาจากการละลายจากอากาศ (จากพืชน้ำและแพลงก์ตอน เป็นส่วนน้อย)

ความเห็นที่ 8.1.1

แล้วมุมกลับเกี่ยวกับคนใช้เล่าครับ คนใช้ออกซิเจนหลักในบ่อคือใคร ใช่แพลงก์ตอนพืช พืชน้ำ สัตว์น้ำ ด้วยหรือเปล่า สมมติว่าบ่อเป็นบ้านใหญ่บ้านหนึ่งที่มี ผู้อาศัยอยู่สี่คน และออกซิเจนเป็นรายได้รวมที่ทุกคนต้องใช้ร่วมกัน สมมติว่าเป็นเงินเท่ากับ 100 บาท ปกติรายได้หลักมาจากการหารายได้ของนาย A (แทนการละลาย) มีจำนวน 50 บาท ที่เหลือมาจากการผลิตและใช้แบบพอเพียงของลูกบ้านที่เหลือ( ตกรายละ 16.66 บาท) ซึ่งปกติบ้านนี้มีรายจ่ายเท่ากับรายรับ บ้านก็ปกติไม่มีปัญหา แต่ว่าวันดีคืนร้าย (วันที่ฝนตก) นาย A โชคดีหาเงินเข้าบ้านได้ 60 บาท แต่ว่าลูกบ้านกลับหาไม่ได้เลย แต่ทุกคนยังต้องมีรายจ่าย เดิม 100/4 คนหนึ่งใช้เฉลี่ย 25 บาท แต่ว่าวันฝนตกมีรายได้รวม 60 บาทแต่คนใช้ 4 คนเท่าเดิมและทุกคนต้องใช้เงินเฉลี่ย 25 บาทเหมือนทุกวัน ทีนี้ก็ต้องหาเงินนอกระบบมาสนุบสนุนสิครับ อันนี้เปรียบเทียบภาพให้ดูเฉยๆ ว่าอย่าไปมองว่ามีออกซิเจนเข้า เพราะหลักนิเวศวิทยาต้องมองที่ระบบออกด้วย

ปกติแล้วเรื่องออกซิเจนลดลงหลังฝนตกมันเป็นเรื่องที่เกิดจากปัจจัยหลายประการเหมือนความเห็นบนๆ บอก มันเกิดความผันแปรขึ้นอยู่กับ สถานที่ตั้งของบ่อ เวลา และฤดูกาล

ความเห็นที่ 9


พอดีไป search แล้วเจออันนี้มา เลยยกมาทั้งกระบิ เลยครับ


ฝนตกปลาตาย..ช่วยหน่อยครับ
 1.gif  adirek-nk
 วัน / เวลา : 2009-09-28 08:32:05
del.gif
Administrator

 Sex : boy.gif
 สมาชิกลำดับที่ : 3526
 
ช่วงนี้ปลานิลที่บ่อ ตายครับ ลอยตายขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ ดูแล้ว ไม่มีลอยของโรคนะครับ เลย คิดเอาว่า ช่วงนี้ฝนตกหนักติดกันมาหลายวันแล้ว อาจทำให้ปลาตายได้ ผมเลยคิดว่าจะเอา ปูนขาวโรยที่ขอบบ่อ เพื่อจะให้ฝนชะลงไปในบ่อด้วย เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่เกิดขึ้นเมื่อปลาตาย แล้วก็ปล่อยน้ำออก เพื่อเอาน้ำใหม่ ก็คือ ฝนที่จะตกลงมา
เพื่อนพี่น้อง คิดว่ายังงัยครับ ผมแก้ปัญหาถูกไหมครับ หรือถ้ามีวีธี อื่น ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ
 
 
  
BeebEeguN
  
 
 
ข้อควรระวังในการเลี้ยงปลาช่วงฤดูฝน
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรมักจะประสบปัญหามากมายเกี่ยวกับการเลี้ยงปลา ทำให้ได้รับผลกระทบไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. อากาศร้อนมาก ๆ ก่อนฝนจะตก ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ความเป็นกรด-ด่าง และความขุ่นของน้ำอย่างรวดเร็วหลังฝนตก จึงมีผลต่อลูกปลาและปลาที่ปล่อยใหม่ ตลอดจนปลาที่เลี้ยงกันแบบหนาแน่นมาก จะมีผลให้ปลาน๊อคหรือปลาตาย เนื่องจากปลาปรับตัวไม่ทัน
2. เมื่อฝนตกหนัก จะพัดพาพวกปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ขี้เถ้าแกลบจากการเผาป่า ล้วนเป็นพิษต่อปลา ซึ่งอาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงที่ฝนตกใหม่ ๆ
3. ตะกอนแขวนลอยซึ่งเกิดจากการชะดินของน้ำฝนในช่วงหน้าฝน ตะกอนจะฟุ้งกระจาย ซึ่งสร้างปัญหาเกี่ยวกับเหงือกสัตว์น้ำในการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สัตว์น้ำจะกินอาหารลดลง เครียด และตาย
4. ถ้าหากฝนตกทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันหลายวัน จนเกิดปัญหาน้ำท่วมบ่อ อาจทำให้คันดินพังหรือน้ำท่วมมิดคันบ่อ ทำให้เกิดความเสียหายได้
5. น้ำฝนจะชะล้างความเป็นกรดจากอากาศและดินลงสู่บ่อ ทำให้ pH ของน้ำในบ่อต่ำลง ความเป็นพิษของก๊าซไข่เน่า และแอมโมเนียจะมากขึ้น ทำให้ปลาลอยหัวขึ้นมาหาอากาศหายใจ ซึ่งอาจทำให้ปลาเครียด ป่วย และตายได้
6. สภาพอากาศมืดครึ้ม ฝนไม่ตก หรือสภาพอากาศอบอ้าวเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งมีผลต่อการแลกเปลี่ยนออกซิเจนระหว่างชั้นบรรยากาศกับผิวน้ำได้ลำบาก ทำให้ปลาเกิดสภาพขาดออกซิเจน ปลาจะขึ้นมาลอยหัวหาอากาศบนผิวน้ำจำนวนมาก
7. เมื่อฝนหยุดตก ควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อเพิ่มออกซิเจน และคลุกเคล้าน้ำฝนกับน้ำในบ่อให้เข้ากัน เพื่อป้องกันการแบ่งชั้นน้ำ และลดปัญหาปลาตาย
8. เมื่อฝนตกหนัก ทำให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลง ปลาจะลดการกินอาหาร ดังนั้น การให้อาหารปลา ควรลดปริมาณอาหารให้น้อยลง หรืองดอาหารในวันที่ฝนตกหนัก

ความเห็นที่ 9.1

"ทำให้ pH ของน้ำในบ่อต่ำลง ความเป็นพิษของก๊าซไข่เน่า และแอมโมเนียจะมากขึ้น"

ผิดนิดนึง
เมื่อพีเอชต่ำกว่า 7

ก๊าซไข่เน่าจะอยู่ในรูป H2S (pKa = 6.99) เป็นอันตรายมากกว่ารูปอื่น
แอมโมเนียอยู่ในรูป NH4+ (pKa = 9.25) เป็นอันตรายน้อยลง รูป NH3 อันตรายกว่ามาก

หมายเหตุรูป H2S กับ NH3 เป็นพิษกว่ารูปที่เป็นไอออน เพราะเป็นรูปที่สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังสัตว์และพืชได้ทันที

ความเห็นที่ 10

ชอบกระทู้นี้มาก!

ความเห็นที่ 11

เท่าที่สังเกต ปลาที่ชอบลอยคอหลังฝนตก มักจะเป็นปลานิลครับ กระดี่ก็เจอบ้าง
กลุ่มตะเพียนนี่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่...
แต่ปลาช่อน ปลาดุก หรือแม้แต่ปลาหมอ ไม่ค่อยพบพฤติกรรมแบบนี้ครับ

จากที่ผมเคยสังเกต ขนาดบ่อที่อยู่ในที่ดอน ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะถูกน้ำฝนชะเอาสารจากพื้นดินรอบข้างมาลงบ่อ เวลาหลังฝนตกปลานิลมันยังลอยคอเลย(แต่ยังไม่มีตัวไหนตายจากฝนตกครับ)

ความเห็นที่ 12

ไปได้อันนี้มาอีกอัน

why did my fish die after it rained?

  • Rain often alters the water chemistry. Rain water is almost distilled and has no buffering capacity or hardness. Sometimes it is even acidic in pH. Adding a lot of rain to a pond will often lower the pH, alkalinity, and hardness. When the alkalinity goes down, the pH changes faster. If the change is drastic enough, the fish can suffer and even die. Test the pH, alkalinity, and hardness of the pond water and compare it to your normal readings to verify if this is the cause. If so, pond chemicals can be added to buffer the water (such as sodium bicarbonate which is baking soda) and/or raise the pH if needed.
  • Rain is also low in oxygen. If there is a lot of rain, the oxygen levels in the pond may plummet. Fish can be seen gasping at the surface and hanging around near waterfalls. For this reason, it is a good idea to provide aeration at all times in a pond but especially when it is hot out as warm water holds even less oxygen. A single waterfall may not be enough. You can buy air pumps with an air stone for more oxygen. Unfortunately, when a storm comes through, the electricity often goes out. See this section for more on power outages.
  • Rain will flush things in to the pond from surrounding ground. That may include mulch (bring in lignins and tannins and sometimes lowering the pH), dirt (clouding the water), and chemicals. If there are pesticides, herbicides, or fungicides used in the area, those may end up in the pond and kill fish. You can control what is used on your land but not necessarily the neighbor's land. If a neighbor uphill from you uses chemicals, make sure to divert rain water away from the pond. See this section for more on that. If chemicals (natural ones or human made) end up in the pond, add a fresh mesh bag of activated carbon to the filter or in moving water to remove them.

ความเห็นที่ 12.1

"Rain is also low in oxygen." จริงหรือนี่ พึ่งรู้นะเนี่ย ไอ้เราชอบเอาน้ำฝนไปเติมบ่อปลาด้วยสิ

ความเห็นที่ 12.1.1

นั่นสิ ผมก็ว่ามันแปลกๆอยู่นะ

ความเห็นที่ 12.1.1.1

คุณภาพด้านต่างของน้ำฝนนั้นพอๆ กับน้ำกลั่นเลยนะครับเพราะว่า่ขณะที่เม็ดฝนตกลงมามีเพียงแก้สที่ละลายผ่านเข้ามาเท่านั้น ส่วนแร่ธาตุอื่นๆ แทบจะไม่มีเลย พวกแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นค่่าเกี่ยวกับ hardness, alkalinity, การนำไฟฟ้า ฯลฯ ส่วนมากได้มาจากการละลายผ่านพื้นดินที่น้ำไหลผ่าน ดังนั้นน้ำฝนที่เรารองไว้มันไหลผ่านแค่รางรับน้ำฝนหรือหลังคาที่แทบจะไม่มีอะไรละลายเข้ามาเลย น้ำฝนจึงถือว่าเป็นน้ำที่อ่อนที่สุด จำได้ว่าตอนเด็กๆ เวลาฝนตกที่บ้านจะมีรางระบายน้ำฝนที่ไหลแรงมาก เด็กๆ ก็เลยไปอาบน้ำฝนเอาสบู่ถูตัว แล้วฟองสบู่จะล้างออกยากมากกว่าจะหมด ตอนเด็กก็สงสัยว่าเพราะอะไร ต่อมาจึงทราบว่าเพราะว่าน้ำฝนมีความกระด้างน้อยมากทำให้เกิดฟองได้ดีกว่าน้ำปะปา
น้ำฝนนั้นไม่เหมาะกับการนำไปเลี้ยงปลานะครับ เพราะเจ้า alkalinity ที่ต่ำ ทำให้ระบบ buffering system ในตู้เลี้ยงไม่ดีนัก ตู้จะมีการเปลี่ยนแแปลงระดับพีเอชที่รวดเร็วกว่าในตู้ที่ใช้น้ำปะปา
ส่วนเรื่องดีโอน้ำฝน ตอนนี้ยังนึกไ่ม่ออกว่าทำไมมันถึงต่ำ จำได้ว่าตอนเข้าปีหนึ่งประมง อาจารย์ก็สอนเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ว่า นั่นมันมากกว่า ๒๐ ปีแล้ว......ถวายความรู้คืนอาจารย์ไปนานแล้วครับ 

ความเห็นที่ 13

ฝากถามหน่อย? ผมเคยได้ยินว่ามาปลาชอบน้ำใหม่ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ มาเจอที่บริษัทฯ พอฝนตกน้ำจากสนามหญ้า ไหลลงไปในร่องข้างสนาม สนุกเลยครับ ทั้งปลาดุก ปลาหมอ ปลาช่อน ว่ายทวนน้ำมานอนอยู่บนสนามเพียบเลย สบายเด็กไป(ไม่ต้องลงไปจับ) มันคือการที่เขาจะไปหาแหล่งต้นน้ำเพื่อวางไขใช่ไหมครับ

ความเห็นที่ 13.1

กุ้งผมก็ปีนทวนน้ำขึ้นมาบนกรองแขวน งงเหมือนกันครับ

ความเห็นที่ 13.2

ปลากลุ่่มที่ว่านี้มันเป็นปลาที่ชอบอพยพหาบ้านใหม่โดยนิสัยอยู่แล้วนี่ครับ ที่เกษตรฯ บางเขน ในบางปีน้ำท่วมใหญ่ ไปเดินบนถนน จะเจอปลากระดี่ ปลาหมอ ปลาช่อน ว่ายสวนน้ำออกมาอยู่บนถนนเหมือนกับที่ทำงานของคุณเลย มีเรื่องเล่าว่า ไอ้การที่ปลามันชอบว่ายทวนน้ำไปยังต้นน้ำเพื่อหาที่อยู่อาศัยใหม่นั้น ทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดคือพบปลาหมอบนยอดมะพร้าว โดยสันนิษฐานว่าน้ำฝนที่ค้างอยู่บนยอดมะพร้าวจะค่อยๆ ไหลลงมาที่ต้นปลาหมอคิดว่าข้างบนนั้นน่าจะเป็นบ้านใหม่ที่ดี ก็เลยพยายามปีนขึ้นไปอยู่บนยอดมะพร้าวนั้น

การที่ปลาชอบน้ำใหม่เนื่องจากสัญชาตญานหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหาแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ การมีโอกาสได้พบกับปลาเพศตรงข้ามเืพื่อการผสมพันธุ์ และการหาแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์กว่าแหล่งเดิม เป็นต้น

ความเห็นที่ 14

เข้ามาเก็บความรู้ครับ 
กระทู้นี้.....ความรู้ดีนักแล ^^