วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:00:38 น.
ติ๊ก ยอมรับทีม เนวิเกเตอร์ เข้าเขตหวงห้ามภู คิ้ง ไม่มีเจตนาทำลายผืนป่า หวังนำภาพให้คนไทยได้เห็นและสอนเด็กรักธรรมชาติ ยันติดต่อ หน.เขตฯแต่ปิดมือถือ พร้อมถูกดำเนินคดี เผยผู้ใหญ่กรมอุทยานฯดูเทปแล้วเห็นชอบเป็นมุมบวก เตรียมออกอากาศ 12 สิงหาหลังตัดบางส่วน
ความคืบหน้ากรณีพระเอกชื่อดัง "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี" ซึ่งรับบทเป็นพิธีกรรายการ "เนวิเกเตอร์" พร้อมทีมงานถูกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกหลังจากเข้าไปถ่ายทำรายการ "เนวิเกเตอร์" ซึ่งจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ บริเวณ "ภูคิ้ง" ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม โดยเทปรายการนี้มีกำหนดออกอากาศในวันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ล่าสุด น.ส.กาญจนา นิตยะ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ขอให้ระงับออกอากาศแล้วเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม น.ส.กาญจนาเปิดเผยว่า ทางรายการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่กำหนดไว้ โดยลักลอบเข้าไปถ่ายทำในโซนที่ไม่รับอนุญาต ซึ่งตามกฎหมาย พ.ร.บ.ไม่สามารถให้ใครเข้าไปได้ เพราะจะเข้าข่ายทำผิดกฎหมายได้ ซึ่งจะอ้างว่าไม่รู้ ไม่ได้ ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์ แบบนี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาติดต่อไปยังทีมงานรายการแล้ว โดยยื่นคำขาดว่าเทปที่จะออกอากาศในวันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ให้ออกอากาศได้แค่ในส่วนของพื้นที่เปิดให้ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่พื้นที่ส่วนที่ห้ามไว้ไม่อนุญาตให้ออกอากาศได้ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งทางทีมงานรายการตกลงจะกลับไปปรับปรุงแล้วด้านนายเจษฎาภรณ์ ผลดี หรือติ๊ก พิธีกรรายการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ทางทีวีช่อง 3 ถึงกรณีถูกแจ้งความดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเข้าไปถ่ายทำรายการในพื้นที่ หวงห้ามบริเวณภูคิ้ง ว่า พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางเดินเท้าประจำ รวมถึงนักท่องเที่ยว เว็บไซต์ต่างๆ เมื่อสำรวจดูก็จะขึ้นไปถ่ายรูป ยืนบนก้อนหิน พักกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งพื้นที่นั้นเป็นภูเขา ทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ส่วนที่หัวหน้าเขตฯ (น.ส. กาญจนา นิตยะ) อ้างว่าเป็นพื้นที่เปราะบางนั้น เราไม่ได้รู้สึกว่าเปราะบาง เพราะเป็นพื้นที่บนภูเขา ด้านล่างเป็นพื้นที่เกษตรกรรมล้อมรอบทั้งหมด ร่องรอยสัตว์ป่าแทบไม่มี มีเพียงต้นไม้ใบหญ้าพืชพันธุ์ต่างๆนายเจษฎาภรณ์กล่าวยืนยันว่า มีเจตนาดีและการเข้าไปในพื้นที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่ การเข้าพื้นที่หัวหน้าเขตฯไม่อยู่ ไม่ได้เจอกัน จนใกล้จะหมดวัน จะขอขึ้นภูคิ้ง ตนได้ให้น้องชาย (ตั้น-พิเชษฐ์ไชย ผลดี) ประสานงาน แต่หัวหน้าไม่รับโทรศัพท์ ปิดเครื่อง และพยายามจะอธิบายว่าเราขึ้นไปเก็บภาพธรรมดา ไม่มีอาวุธขึ้นไป อาวุธที่มีคือกล้องถ่ายภาพ ไม่ได้ไปล่าสัตว์ เผาป่า ทำลายธรรมชาติ "ตัว ผมเองไม่ใช่คนทำลายธรรมชาติ จากงานต่างๆ ที่เคยนำเสนอมา พยายามจะอธิบายกับหัวหน้าเขตฯ อย่างนี้ หากหัวหน้าเขตฯไม่สบายใจ ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปพร้อมกับพวกเราก็ได้ ผมแค่อยากให้คนไทยได้มีโอกาสเห็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ที่เขาควรจะได้เห็นว่ามีแบบนี้ ส่งเสริมเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติ เขาเองได้มีส่วนเป็นเจ้าของเหมือนกัน เพียงแต่การเป็นเจ้าของเขาเอาไปไม่ได้ เป็นอย่างนี้" พิธีกร ชื่อดังกล่าวนายเจษฎาภรณ์ กล่าวว่า ตนพูดในบทสรุปท้ายว่าพื้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว เป็นพื้นที่เรียนรู้ ถ้าจะเข้ามาต้องขออนุญาตกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก่อน ซึ่งไม่มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวแต่อย่างใด ทำงานตรงนี้มา 7 ปี ทราบดีในกฎระเบียบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเลย และไม่เคยมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ที่ประสานงาน และหัวหน้าเขตฯ เนื่องจากไม่เคยคุยกับหัวหน้าเขตฯ เพราะไม่มีโอกาส เพราะปิดการสื่อสาร คนที่ประสานงานมาตลอดคือน้องชาย "อย่าง ไรก็ตาม เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ทางหัวหน้าเขตฯได้แจ้งมายังบริษัท เรื่องการระงับการออกอากาศ ซึ่งเรารู้สึกสะเทือนใจในสิ่งที่เราตั้งใจทำมา เพราะมันคือประโยชน์ของพี่น้องคนไทยทุกคน ด้วยเจตนาอันดี เพราะตนก็สอนเด็กๆ ให้รู้จักรักธรรมชาติ หันมองสิ่งที่มีอยู่ในเมืองไทย รู้จักค่าของตรงนี้ พาไปเห็นในมุมมองที่ไม่มีใครมีโอกาสเคยเห็น" พิธีกรดังกล่าวนาย เจษฎาภรณ์กล่าวว่า ได้นำรายการตอนนี้ไปให้ผู้ใหญ่กรมอุทยานฯได้ดูกัน เพื่ออยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในการเข้าไปชี้แจง มีผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ป่า และคณะกรรมการหลายท่าน ซึ่งก็เห็นชอบ และเห็นว่าเป็นมุมบวกของอุทยานฯมาก มีสิ่งที่ขอให้แก้ 2 จุด คือ ที่ตนหยิบต้นไม้ใบหญ้าขึ้นมา แล้วบอกว่านี่คือกระชายดำให้ตัดทิ้ง และให้มีบรรยายเล็กน้อยว่า ภูคิ้งไม่มีนโยบายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ถ้าจะเข้ามาต้องทำหนังสือถึงกรมอุทยานฯตนก็ทำ แล้วส่งกลับไป"สำหรับ การดำเนินคดีความนั้น ขอให้อยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ และยอมรับผิดที่เข้าไปในพื้นที่ แต่ไม่มีเจตนาเข้าไปทำลายผืนป่าแต่อย่างใด" ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ระบุ
พกกล้องเข้าไปกลายเป็นคนผิด พกปืนกับเลื่อยยนต์เข้าไป ไม่รู้ ไม่เห็น
Comments
ความเห็นที่ 1
แต่เท่าที่ฟังๆเสียงคนทั่วไปเข้าข้างดาราอยู่แล้วครับ
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 3
....เห็นด้วยกับคุณ นกกินเปี้ยวว่า อย่าเลือกปฏิับัติ เพราะเห็นมากับตาหลายที่แล้ว ถ้า ป้องกันอย่างจริงจังกับทุกคน ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย แต่ถ้าไม่ สักวันความจริงมันก็ปรากฏ ( ยังอดตะหงิด ๆ ใจกับ ฝายถาวรที่แก่งกระจานไม่ได้ นั่นก็ป่าอนุรักษ์ระดับสุดยอด ยังปล่อยให้หลุดเข้าไปได้ไง )
ความเห็นที่ 4
"ติ๊ก เจษฎาภรณ์"ลั่นไม่ใช่คนทำลายธรรมชาติ อยากให้คนไทยเห็น"ภูคิ้ง"เพราะเป็นเจ้าของเหมือนกัน
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:00:38 น.
ติ๊ก ยอมรับทีม เนวิเกเตอร์ เข้าเขตหวงห้ามภู คิ้ง ไม่มีเจตนาทำลายผืนป่า หวังนำภาพให้คนไทยได้เห็นและสอนเด็กรักธรรมชาติ ยันติดต่อ หน.เขตฯแต่ปิดมือถือ พร้อมถูกดำเนินคดี เผยผู้ใหญ่กรมอุทยานฯดูเทปแล้วเห็นชอบเป็นมุมบวก เตรียมออกอากาศ 12 สิงหาหลังตัดบางส่วน
ความคืบหน้ากรณีพระเอกชื่อดัง "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี" ซึ่งรับบทเป็นพิธีกรรายการ "เนวิเกเตอร์" พร้อมทีมงานถูกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกหลังจากเข้าไปถ่ายทำรายการ "เนวิเกเตอร์" ซึ่งจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ บริเวณ "ภูคิ้ง" ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม โดยเทปรายการนี้มีกำหนดออกอากาศในวันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ล่าสุด น.ส.กาญจนา นิตยะ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ขอให้ระงับออกอากาศแล้ว
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม น.ส.กาญจนาเปิดเผยว่า ทางรายการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่กำหนดไว้ โดยลักลอบเข้าไปถ่ายทำในโซนที่ไม่รับอนุญาต ซึ่งตามกฎหมาย พ.ร.บ.ไม่สามารถให้ใครเข้าไปได้ เพราะจะเข้าข่ายทำผิดกฎหมายได้ ซึ่งจะอ้างว่าไม่รู้ ไม่ได้ ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์ แบบนี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาติดต่อไปยังทีมงานรายการแล้ว โดยยื่นคำขาดว่าเทปที่จะออกอากาศในวันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ให้ออกอากาศได้แค่ในส่วนของพื้นที่เปิดให้ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่พื้นที่ส่วนที่ห้ามไว้ไม่อนุญาตให้ออกอากาศได้ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งทางทีมงานรายการตกลงจะกลับไปปรับปรุงแล้ว
ด้านนายเจษฎาภรณ์ ผลดี หรือติ๊ก พิธีกรรายการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ทางทีวีช่อง 3 ถึงกรณีถูกแจ้งความดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเข้าไปถ่ายทำรายการในพื้นที่ หวงห้ามบริเวณภูคิ้ง ว่า พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางเดินเท้าประจำ รวมถึงนักท่องเที่ยว เว็บไซต์ต่างๆ เมื่อสำรวจดูก็จะขึ้นไปถ่ายรูป ยืนบนก้อนหิน พักกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งพื้นที่นั้นเป็นภูเขา ทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ส่วนที่หัวหน้าเขตฯ (น.ส. กาญจนา นิตยะ) อ้างว่าเป็นพื้นที่เปราะบางนั้น เราไม่ได้รู้สึกว่าเปราะบาง เพราะเป็นพื้นที่บนภูเขา ด้านล่างเป็นพื้นที่เกษตรกรรมล้อมรอบทั้งหมด ร่องรอยสัตว์ป่าแทบไม่มี มีเพียงต้นไม้ใบหญ้าพืชพันธุ์ต่างๆ
นายเจษฎาภรณ์กล่าวยืนยันว่า มีเจตนาดีและการเข้าไปในพื้นที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่ การเข้าพื้นที่หัวหน้าเขตฯไม่อยู่ ไม่ได้เจอกัน จนใกล้จะหมดวัน จะขอขึ้นภูคิ้ง ตนได้ให้น้องชาย (ตั้น-พิเชษฐ์ไชย ผลดี) ประสานงาน แต่หัวหน้าไม่รับโทรศัพท์ ปิดเครื่อง และพยายามจะอธิบายว่าเราขึ้นไปเก็บภาพธรรมดา ไม่มีอาวุธขึ้นไป อาวุธที่มีคือกล้องถ่ายภาพ ไม่ได้ไปล่าสัตว์ เผาป่า ทำลายธรรมชาติ
"ตัว ผมเองไม่ใช่คนทำลายธรรมชาติ จากงานต่างๆ ที่เคยนำเสนอมา พยายามจะอธิบายกับหัวหน้าเขตฯ อย่างนี้ หากหัวหน้าเขตฯไม่สบายใจ ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปพร้อมกับพวกเราก็ได้ ผมแค่อยากให้คนไทยได้มีโอกาสเห็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ที่เขาควรจะได้เห็นว่ามีแบบนี้ ส่งเสริมเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติ เขาเองได้มีส่วนเป็นเจ้าของเหมือนกัน เพียงแต่การเป็นเจ้าของเขาเอาไปไม่ได้ เป็นอย่างนี้" พิธีกร ชื่อดังกล่าว
นายเจษฎาภรณ์ กล่าวว่า ตนพูดในบทสรุปท้ายว่าพื้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว เป็นพื้นที่เรียนรู้ ถ้าจะเข้ามาต้องขออนุญาตกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก่อน ซึ่งไม่มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวแต่อย่างใด ทำงานตรงนี้มา 7 ปี ทราบดีในกฎระเบียบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเลย และไม่เคยมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ที่ประสานงาน และหัวหน้าเขตฯ เนื่องจากไม่เคยคุยกับหัวหน้าเขตฯ เพราะไม่มีโอกาส เพราะปิดการสื่อสาร คนที่ประสานงานมาตลอดคือน้องชาย
"อย่าง ไรก็ตาม เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ทางหัวหน้าเขตฯได้แจ้งมายังบริษัท เรื่องการระงับการออกอากาศ ซึ่งเรารู้สึกสะเทือนใจในสิ่งที่เราตั้งใจทำมา เพราะมันคือประโยชน์ของพี่น้องคนไทยทุกคน ด้วยเจตนาอันดี เพราะตนก็สอนเด็กๆ ให้รู้จักรักธรรมชาติ หันมองสิ่งที่มีอยู่ในเมืองไทย รู้จักค่าของตรงนี้ พาไปเห็นในมุมมองที่ไม่มีใครมีโอกาสเคยเห็น" พิธีกรดังกล่าว
นาย เจษฎาภรณ์กล่าวว่า ได้นำรายการตอนนี้ไปให้ผู้ใหญ่กรมอุทยานฯได้ดูกัน เพื่ออยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในการเข้าไปชี้แจง มีผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ป่า และคณะกรรมการหลายท่าน ซึ่งก็เห็นชอบ และเห็นว่าเป็นมุมบวกของอุทยานฯมาก มีสิ่งที่ขอให้แก้ 2 จุด คือ ที่ตนหยิบต้นไม้ใบหญ้าขึ้นมา แล้วบอกว่านี่คือกระชายดำให้ตัดทิ้ง และให้มีบรรยายเล็กน้อยว่า ภูคิ้งไม่มีนโยบายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ถ้าจะเข้ามาต้องทำหนังสือถึงกรมอุทยานฯตนก็ทำ แล้วส่งกลับไป
"สำหรับ การดำเนินคดีความนั้น ขอให้อยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ และยอมรับผิดที่เข้าไปในพื้นที่ แต่ไม่มีเจตนาเข้าไปทำลายผืนป่าแต่อย่างใด" ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ระบุ
ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312084418_decode_entit...
ความเห็นที่ 5
เท่าที่ผมรู้ก็เหมือนในข่าวนี้ครับ
แปลกดี ชาวบ้านเดินประจำ มีไกด์นำทาง นักท่องเที่ยวก็ไปเที่ยวถ่ายภาพกันเป็นปกติ
แต่เข้าไปถ่ายทำรายการ เป็นเรื่องซะงั้น
มีเบื้องหลังอีกนิดหน่อยที่ไม่เกีย่วกับคุณติ๊ก หาได้ใน pantip
ความเห็นที่ 6
เห็นว่า ขอนุญาติส่วนกลางแล้ว แล้วพอถึงเวลาจะไปจริงๆ ขออีกทีแล้วไม่ให้เข้า ก็เลยไม่ได้เข้าไป แต่ถ่ายเป็นฉากหลัง ให้เห็นไกลๆ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A10871452/A10871452.html
อธิบดี อนุญาติให้ออกอากาศได้แล้ว ให้ขึ้นตัวหนังสือว่าเป็นเขตรักษาพันธุ์ฯ
คลิป จากข่าวสามมิติ
http://www.youtube.com/watch?v=wWsVjeLSQmU&feature=player_embedded
เรื่องนี้บอกตรงๆว่า ส่วนตัวไม่ชอบมากๆ แม้ว่าติ๊กจะเข้าไปจริงหรือไม่
เพราะรู้สึกว่า
ทีมงานหนึ่งที่พยายามช่วยให้เกิดการอนุรักษ์กลับถูกแ้จ้งจับ จนท้อแท้กันไปตามๆกัน
ในขณะอีกหลายกลุ่มเข้าป่าไปจับสัตว์มา ไม่โดนอะไร ตอนนี้นั่งขายนกอยู่ที่ JJ ได้กำไรอีกตะหาก
ความเห็นที่ 6.1
แต่กับพวกผู้มีอิทธิ์ฯตัวจริง เค้าจะไม่กล้า เพราะทำแล้วไม่คุ้ม กลัวลูกกระสุน หรือไม่ก็มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่
ความเห็นที่ 7
ถึงแม้ว่าจะขอไป ในตอนนี้ก็ไม่อนุญาติอยู่แล้ว ไม่เฉพาะคุณติ๊ก กับรายการ
ส่วนในอดีต หัวหน้าคนอื่น เคยมีการอนุญาติให้เข้าไปได้บ้าง บางกลุ่ม
ในส่วนที่ ทาง อบต. จะนำเข้าไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องของชาวบ้าน ที่คุ้นเคยกับสถานที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่คงต้องไปชี้แจงกับชาวบ้านเองว่าเป้นพื้นที่เปราะบาง แต่ชาวบ้านจะเชื่อหรือทำตามรึเปล่า เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
รู้แต่ว่า หลังจากเรื่องนี้เป็นข่าว และออกอากาศ เชื่อว่าจะมีคนรู้จักภูคิ้ง และอยากไปอีกมาก ถ้าหัวหน้าไม่อนุญาติ อาจจะไปหาชาวบ้านให้นำขึ้นไปก็ได้
ความเห็นที่ 8
ความเห็นที่ 9
มันภูเดียวกับลิ้งค์นี้หรือเปล่าเหนอ...เปราะบางมาก...ถึงขนาดอุตริไปยืนขาเดียวบนหินก้อนนั้นได้
http://www.chomthai.com/forum/view.php?qID=2015
ความเห็นที่ 9.1
ความเห็นที่ 10
ความเห็นที่ 11
ดูจากพวกที่ไปทริปแล้วจะงง
ความเห็นที่ 12
พกกล้องเข้าไปกลายเป็นคนผิด พกปืนกับเลื่อยยนต์เข้าไป ไม่รู้ ไม่เห็น