บุรุษไพร
ใต้เงาพายุ
ลมเย็นบวกกับไอฝนระหว่างการเดินทางอันยาวนานในผืนป่าตะวันตกโซนใต้ใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งที่ยังคงกำความลับไว้ ในหนึ่งของการรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไว้ อุปสรรคย่อมเกิดขึ้นได้ทุกหัวระแหงที่เราเดินทางไปไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูงที่ราบก็ตามพายุฝนมักเกิดขึ้นได้เสมอ ในหน้าแล้งยามบ่ายแก่แก่แดดเปรี้ยงร้อนจนแทบจะบ้า เพราะความเหนื่อยร้ารวมกันหลายคนเหนื่อยอ่อน แต่ไม่นานราวสัก 4 โมงเย็นขณะยังไม่ถึงที่พัก เมฆฝนก้อนมหึมาลมแรงสาดเข้ามากระทบผิวกายที่ชุ่มเหงื่อย ทำให้รู้สึกคลายร้อนลงไปบ้างแต่ก็ต้องเพิ่มอุปสรรคในการเดินเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย จึงทำให้เราต้องหาร่มไม้ให้แล้วกางผ้ากันฝนเพื่อหยุดพักแรมกันตรงนั้น เมื่อฝนตกเราไม่สามารถเดินต่อกันได้ แต่ในป่าเราไม่สามารถล่วงรู้ว่าเหตุที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นได้ เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ใต้สันเขาที่มียอดสูงกว่า 1000 เมตร ที่เรานอนพักกันบรรยากาศฝนตกหนัก จึงทำให้เราหลับกันอย่างสบายแต่ว่าเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ช้างโขลงใหญ่มุ่งตรงมาหาเรา แต่เราคงไม่รู้ตัว ไม่นานนักเสียงเคี้ยวไม้ไผ่ดังกร้วม ๆ ข้างเปลที่ผูกนอนทำให้ผมตกใจตื่นแล้วคว้าปืนคู่กายออกมา เรียกเพื่อนให้ตื่นเพราะว่าช้างอยู่ไม่ไกลจากเรานัก ทุกคนได้ยินเสียงที่ผมเรียกจึงมารวมตัวกันหลังต้นไม้ใหญ่แต่ช้างคงไม่ได้มีอาการตกใจอะไรกับเรานัก
เราจึงเปิดไฟไฟฉายซึ่งมีกันอยู่ทุกคนด้วยความชะล่าใจทันใดนั้นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น เสียงเพื่อนคนนึงตะโกนบอกท่ามกลางสายฝนที่สาดซัดพวกเราจนเปียกชุ่ม ลูกช้างครับลูกช้างมันวิ่งมาหาเราพวกเราห้าคนจึงวิ่งหนีไปทางใครทางมันโดยมีช้างพี่เลี้ยงไล่พวกเราให้ออกห่างจากที่พัก เราต้องวิ่งหนีช้างในขณะที่ต้องปิดไฟกลางพายุฝนทั้งหนามไผ่ ตอไม้ต่างๆ สามารถทำอันตรายเราได้ในเวลากลางคืน แต่เราก็หนีพ้น
แทน เพื่อนร่วมทีมโดนตอไม้แหลมเสียบเลือดออกไปเยอะเรารวมตัวกันอีกครั้งจะทำยังไงดี พี่หนุ่ยถามพี่อาจินต์ หัวหน้าชุดเราจะเก็บของแล้วออกกันคืนนี้เลยไหม แต่ฟ้าฝนคงไม่เป็นใจให้เรานักเลือดออกเยอะเลยครับแทนหน้าซีด พี่อาจินต์บอกยังไงก็ต้องรอให้ถึงเช้าเพราะช้างโขลงนั้นยังคงไปไม่ใกลจากที่พักเรานัก จะเกิดเรื่องอีก อีกมันจะทำให้เราเสียมากกว่าจะสำเร็จ ผมจะฉีกเสื้อยืดออกมาพันปิดทับแผลบริเวณเท้าของแทนและใช้ใบสาบเสือโปะตรงแผลทำให้เลือดที่ไหลออกมาเบาบางลงบ้างแต่ก็ยังซึมอยู่ทั้งคืน สักพักฝนจึงโปรยเม็ดเบาลง ได้ยินเสียงหักลำไผ่โดยช้างดังไกลออกไปจึงทำให้ผมและเพื่อนนอนหลับต่อได้
เวลาประมาณตี 5 ครึ่งผมกับเพื่อนสองคน ตื่นขึ้นมาหาฟืนเพื่อทำอาหารและชงกาแฟให้เสร็จก่อนออกเดินทางในตอนเช้า "แทนเลือดยังไหลอยู่ไหม?" ผมถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ยังไหลอยู่เลยแทนตอบภาระกิจลาดตระเวนครั้งนั้นถูกยกเลิก เราตัดไม้ไผ่ขนาดพอเหมาะเพื่อทำเปลแบกแทนโดยใช้ผ้าห่มของเขา เวลาประมาณ 2 โมงเช้าเราออกมาถึงทางรถจึงใช้วิทยุไอคอมเรียกรถที่หน่วยของเรามาเพื่อรับแทนไปโรงพยาบาล หนทางอันยากลำบาก กว่าจะขับรถไปถึงโรงพยาบาลใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพราะฝนตกหนัก เมื่อถึงโรงพยาบาล หมอบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้อีกครึ่งชั่วโมงเขาตายแน่เพราะอาการขาดเลือด
ความตอนหนึ่งในหนังสือ
บุรุษไพร
เขียนโดย
วิรัช พรมยา