คนกับนกเงือก
ท้องฟ้าของคืนเดือนหงายไม่สว่างนวลอย่างเคย ด้วยม่านเมฆดำไหลเคลื่อนบัง เผยให้เห็นดวงจันทร์เพียงบางครา ผมนอนแช่ให้สายน้ำไหลอาบร่าง หนุนหัวกับกองหินที่โผล่พ้นกลางธาร หูแนบฟังเสียงการเดินทางของตะกอนดิน ใบไม้ ที่ไหลมาตามกระแสน้ำ จากเนินชันสูงสู่ที่ราบปลายทาง เสียงกบอ๋องเล็กหลายตัว ร้อง “อ๋องๆ” บอกชื่อตัวเอง อยู่ในความมืด บนก้อนหินริมห้วย รอคอยแมลงโชคร้ายบินมาเป็นอาหารของมัน หลังอาหารมื้อเย็นกลางไพร ลงอาบน้ำในลำห้วย เหมือนจะล้างความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินป่ามาที่แคมป์พักนักวิจัยนกเงือกนี้ ปล่อยไปตามน้ำได้บ้าง สายน้ำชุ่มเย็น นำพาความคิดไหลตาม ผมคิดถึงเสียงร้อง “กก กก กก” ของนกกก นกเงือกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ ที่ร้องเมื่อช่วงเย็นชนค่ำที่ผ่านมา
บนโต๊ะแคร่ไม้หมากอเนกประสงค์ ที่พี่กมล กับพี่หมีน้อย ทำขึ้นจากไม้ต้นหมากขนาดเท่าลำแขนสาวรุ่นหลายลำ มันเป็นได้ทั้งโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน หรือโต๊ะรับแขกคุยกันหลังอาหาร ตามแต่คนนั่งจะให้มันเป็น
“มาช่วยกันวัดลูกไม้หน่อย” พี่กมลบอกผม แอม และพี่ยุทธ ที่มาด้วยกัน พร้อมหยิบลูกไทรในถุงพลาสติกที่เราแวะเก็บกันระหว่างทางที่เดินเข้ามา ซึ่งมีต้นไทรใหญ่กำลังออกลูกดกสะพรั่ง ฝูงนกป่าบินเข้าบินออกกินอาหาร แล้วหยิบอุปกรณ์อย่าง เวอร์เนียคาลิปเปอร์ เครื่องวัดขนาดที่มีความละเอียดระดับมิลลิเมตร กับเครื่องชั่งน้ำหนักแบบดิจิตอลขนาดเล็ก ที่ชั่งน้ำหนักได้ในหน่วยกรัม ทำการวัดขนาดของลูกไทร พร้อมชั่งน้ำหนักของเนื้อผลไทร เพื่อเก็บเป็นข้อมูลพืชอาหารที่นกเงือกกิน
เลยเวลาหัวค่ำมามาก ห่างออกจากโต๊ะไม้หมากไม่กี่ก้าว งูเขียวหางไหม้ตัวหนึ่ง พาดตัวกับกิ่งไม้ ห้อยหัวลง รอเหยื่ออย่างปาดหรือหนูสักตัวที่อาจผ่านมาทางนี้ หลังทำความเข้าใจกับแบบบันทึกข้อมูลชีพลักษณ์ของพืชอาหารนกเงือก ที่เราต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ กับพี่กมลแล้ว ทว่าแสงเทียนยังส่องสว่างอยู่ บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป
“ในช่วงหน้าฝนนี้ ก็มีงานเก็บข้อมูลพืชอาหารแล้วก็มีงานนับนกร่วมฝูง อันหลัง เป็นงานของอีกทีมที่อยู่บนอุทยานฯ พอถึงช่วงพฤศจิกา ก็ต้องซ่อมโพรงรังทั้งที่เขาใหญ่นี่ แล้วก็ไปซ่อมที่ห้วยขาแข้งด้วย” คือคำตอบของพี่กมล เมื่อผมถามถึง “งานที่ทำตอนนี้ มีอะไรบ้าง”
ถึงวันเวลานี้ มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก ซึ่งเริ่มโดย อาจารย์พิไล พูลสวัสดิ์ มีทีมนักวิจัยประจำ อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต่างๆ ซึ่งมีนกเงือกอาศัยอยู่ เพื่อทำงานอย่างต่อเนื่อง อย่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ที่นี่ เป็นบ้านของนกเงือกถึง 4 ชนิด คือ นกกก นกเงือกกรามช้าง นกเงือกสีน้ำตาลคอขาว และนกแก๊ก ลงไปยังป่าทางภาคใต้ ที่อุทยานแห่งชาติบูโด สุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส มีทีมนักวิจัยปักหลักทำงานอยู่ในพื้นที่เช่นกัน ที่นั่น เป็นบ้านของนกเงือกถึง 6 ชนิด คือ นกกก นกเงือกหัวหงอก นกกาเขาหรือนกเงือกปากดำ นกชนหิน นกเงือกกรามช้าง และนกเงือกหัวแรด
“แล้วซ่อมโพรงรัง ทำยังไง” ผมถามต่อ
“พอช่วงเดือนพฤศจิกา เราต้องเริ่มปีนดูว่า โพรงรัง มีขนาดเหมาะสมไหม ชำรุด พื้นรังทรุดหรือเปล่า หากพื้นโพรงทรุด เราก็ขนดินขึ้นไปใส่ เพราะแม่นกและลูกต้องยกก้น ขี้ออกมาข้างนอก เพื่อไม่ให้รังสกปรก หากพื้นโพรงทรุด มันก็จะไม่เข้ารังในปีนี้ เรามีข้อมูลอยู่แล้ว ว่านกชนิดไหน เป็นเจ้าของโพรง จึงรู้ถึงขนาดของรังที่ควรเป็นด้วย” พี่กมลตอบถึงงานที่ต้องทำในเดือนหน้า
“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเสร็จก่อนที่นกจะเข้าโพรง” พี่กมลพยักหน้า หมายความตามที่ผมพูด
ไม่ใช่เรื่องง่าย กับการขนดินขึ้นซ่อมรัง บนต้นไม้ที่เป็นต้นโพรงรัง ซึ่งอาจสูงถึง 30 เมตร โหนตัวเองไว้กับงานบนเส้นเชือก แล้วอีกคนคอยชักรอกกระสอบดินขึ้นไปให้ แล้วเทดินเข้าโพรงที่ทรุด ด้วยกำลังของตัวเองคนเดียวบนนั้น บางรังต้องขนดินไปถม เกือบร้อยกิโลกรัมก็มี ก่อนเดือนมกราคม ซึ่งนกเงือกจะเริ่มเข้าโพรงรัง เพื่อวางไข่ เลี้ยงลูก งานซ่อมโพรงรัง ต้องเร่งให้เสร็จทันเวลา เสร็จจากซ่อมรังที่เขาใหญ่ ต้องย้ายไปที่ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานีด้วย ที่นั่น มีนกเงือกอาศัยอยู่เช่นกัน
ในช่วงที่นกเงือกเข้ารังเลี้ยงลูก ทีมวิจัย ก็ต้องคอยจดบันทึกว่า พ่อนกนำอาหารอะไรมาเลี้ยงลูกบ้างรวมถึงรังนั้น ประสบความสำเร็จ ลูกนกรอด ได้โบยบินไปเป็นสมาชิกของป่าหรือไม่ ข้อมูลที่ได้ จะนำไปช่วยในการจัดการดูแลความคงอยู่ของนกเงือกต่อไป
แสงเทียนวูบไหวตามสายลมป่า ที่คงหอบฝนมาทักทายเราในอีกไม่ช้า ใจผมพาลคิดไป กับงานภาคสนามที่ต้องใช้กำลังกาย และกำลังใจอย่างมากขนาดนี้ ฤดูฝนผจญกับฝูงทาก กับฝนในป่าที่พร้อมจะตกได้ทุกเวลา และเห็บที่ฝากความคันเขย่อไว้ทั่วตัว ฝูงเห็บเหมือนมีอยู่ทุกหนแห่งในป่า เรื่องอาหารการกิน ที่หลับที่นอน จะให้สบายอย่างกินนอนอยู่กับบ้าน คงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้ง ทำงานในป่า เวลาเดินยังต้องกวาดสายตา ระวังทางข้างหน้าให้ดีเสียก่อน เพราะอาจมี ‘ปืนผูก’ ที่พรานผูกไว้สำหรับล่าสัตว์ป่าตามด่านทางเดินของสัตว์ ก็เป็นได้ งานที่มีความเสี่ยง ซึ่งบางครั้ง หมายถึง ‘ชีวิต’ทำไม? พวกเขายังเลือกที่จะทำ
“เดี๋ยวนี้ปตท.สผ. เข้ามาสนับสนุนด้วย เขาก็พากลุ่มคนของเขา มาให้เราพาดู มารู้จักนกเงือก”
บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเข้ามาสนับสนุนโครงการศึกษานิเวศวิทยานกเงือกของมูลนิธิ ไม่นานมานี้ ได้สนับสนุนวิทยุสำหรับติดตามนกเงือก โดยรับสัญญาณจากดาวเทียม เราสามารถตรวจสอบได้จากคอมพิวเตอร์ ว่านกเงือกที่เราติดวิทยุ ตามศึกษามันว่า ไปยังที่แห่งใด บริเวณหากินของมันครอบคลุมไปถึงไหน
“นกเงือกบินหากินได้ไกล ข้อมูลที่ได้จากวิทยุที่ติดไว้กับนกเงือกกรามช้างบางตัว แสดงให้เห็นว่า มันบินไปถึงป่าทับลาน ที่ต่อกับป่าเขาใหญ่” พี่ยุทธ ซึ่งกำลังศึกษาทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโท เกี่ยวกับนกเงือกที่ป่าเขาใหญ่ เอ่ยขึ้นบ้าง ทำให้ภาพที่เราต้องช่วยกัน ไม่ให้ป่าถูกแบ่งแยกเป็นหย่อมเล็กหย่อมน้อย กระจ่างชัด
“จะให้เราทำยังไงก็ได้ ขอให้มีเงิน ให้เราได้ทำงานช่วยนกเงือกเถอะ เรายอมทำหมด” คำพูดของพี่กมล ดูจะตอบคำถาม ที่เกิดขึ้นในใจผมได้ อย่างหมดสิ้น
ล่วงเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ฝนพรำกระทบผ้ายางที่เราขึงเหนือเปลนอนเกือบตลอดคืน เสียงน้ำในลำห้วยไหลครืนผสมเสียงร้องของกบ เขียดคะนองฝน ราวกับดนตรีแห่งธรรมชาติที่ขับกล่อมจนทุกคนหลับไป
ควันไฟลอยสูง พี่หมีน้อยตื่นแต่เช้าก่อนเรา เริ่มก่อไฟหุงข้าว ผมเดินไปวักน้ำในลำธารล้างหน้าล้างตา สายน้ำใสเย็นเรียกความกระปรี้กระเปร่ารับเช้าวันใหม่ ตอลดช่วงสองวันที่อยู่ในป่า เรากินน้ำในลำห้วยสายนี้ เมื่ออยู่ในป่า เรากับสัตว์ป่า ต่างก็ใช้น้ำ อากาศ ร่วมกัน แมงมุมหลายตัวบรรจงทักทอใยเป็นกับดักคอยอาหารของมัน ขึงไว้กับต้นพืชน้ำขวางลำธาร ผีเสื้อเกือบโชคร้ายตัวหนึ่ง บินเข้ามาติดกับดักนั้น ทว่าด้วยแรงกระพือปีกแห่งสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด ใยกับดักนั้นขาด แล้วมันก็รอดไปได้ ก่อนที่แมงมุมจะไต่ตามสายใยมาจับกิน
หลังเก็บข้อมูลชีพลักษณ์ของต้นพืชที่เป็นอาหารของนกเงือก คือ ดูลักษณะภายนอกของต้นพืชที่แสดงออกมา เช่น มีดอก มีผล ในช่วงนี้ไหม ผลสุกหรือยัง แตกใบอ่อนใหม่หรือไม่ ในบริเวณแปลงขนาด 100100 เมตร จำนวน 10 แปลงตัวอย่าง ป่าบริเวณนี้ เป็นสังคมพืชป่าดิบเขา กับป่าดิบแล้ง ซึ่งเป็นสังคมป่าไม่ผลัดใบ เรือนยอดชั้นบนอาจสูงถึง 30 เมตร มีไม้ชั้นล่างหนาแน่น พืชอาหารอย่างตาเสือ ไทร มะเดื่อและอีกหลายชนิด กระจายอยู่ทั่วแปลงสำรวจ นกเงือกกินพืชอาหารหลากชนิด มันจึงเป็นนักปลูกป่ามือดี โดยเฉพาะกับเมล็ดไม้ลูกโตๆ ที่สัตว์กินพืชชนิดอื่นหรือนกตัวเล็กๆ กินไม่ได้
เสร็จงาน เราแบกเป้เดินออกมาจากป่าคลองทราย หันหลังกลับไปมอง ในเวลานี้ พื้นที่ป่าเหลือเพียงเฉพาะบนภูเขาเท่านั้น พื้นที่ราบของอำเภอวังน้ำเขียวที่เคยเป็นป่ามาก่อน ถูกแปลงสภาพเป็นไร่ข้าวโพด เขียวสดกว้างไกลสุดสายตาบางพื้นที่รถไถกำลังไถแปลง เตรียมดินรอหว่านเมล็ดพืชเกษตรในอีกไม่ช้า นานวันเข้า เมื่อความอุดมของหน้าดินหมดลง พื้นที่เหล่านี้ ก็จะเปลี่ยนมือเป็นของนายทุน เปลี่ยนหน้าตาจากต้นข้าวโพด เป็นดอกเห็ด ที่หมายถึงรีสอร์ตที่จะผุดขึ้นมา รองรับนักท่องเที่ยวและความเจริญที่พร้อมไหลมาประชิดชายป่า
นึกในใจ เข้าป่าคลองทราย ครั้งหน้า หากอยากได้ยินเสียงนกกกร้อง ผมอาจต้องเดินเข้าป่าไปไกลกว่าที่เคยเดินในครั้งนี้ เดินเข้าไปไกล โดยที่บางที อาจไม่มีเสียงอะไรให้ได้ยินอีกเลย
Comments
ความคิดเห็น
ความเห็นที่ 1
บทความละมุนละไมและข้อมูลแน่นเหมือนเคยครับ
ความเห็นที่ 2
อยากเห็นโต๊ะไม้ต้นหมากขนาดเท่าลำแขนสาวรุ่นจังค่ะ
ความเห็นที่ 3
เขียนได้ลื่นไหลน่าอ่านยิ่งนักครับ
ความเห็นที่ 4
ขอบคุณครับ พี่นนณ์ สำหรับความรู้จากบ้านหลังนี้ และบทความของพี่ทั้งหลายที่ปรากฎตามสื่อต่างๆ มันช่วยหล่อหลอมผมสำหรับการเขียนเช่นกัน
คุณ viang ครับ ลองนึกถึงจำพวกหมากที่ปลูกไว้ในกระถางใหญ่ๆ ตามบ้านที่ไว้ประดับ คือลำประมาณนั้น ในป่าคลองทราย อช.เขาใหญ่มีไม้หมากนี้อยู่มาก แล้วแข็งมากทีเดียว เมื่อนำมาทำเป็นโต๊ะ รับนำหนักคนตัวโตๆ ร่างอวบๆ ได้สบายเลยล่ะครับ ต่อให้นั่งฝั่งละสองคนก็ตาม
ขอบคุณครับ พี่ coneman
ความเห็นที่ 5
อ่านบทความของคุณ forest72 แล้วเหมือนอ่านเรื่องเล่าชีวิตป่าของนักเขียนเรื่องแนวนี้หลายๆ ท่าน อ่านแล้วน่าติดตาม น่ารวมเล่มนะครับ
ความเห็นที่ 6
ถ้ามีโอกาส อยากขอร่วมทำงานในทีมพี่ๆด้วยนะค่ะ
กำลังทำค่ายเชิงสำรวจชมธรรมชาติ อยากให้พี่ๆมาช่วยแนะนำหน่อยค่ะ