“สร้างรังวางไข่”

ใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ลมร้อนยังโชยอ้าว แม้เวลาจะล่วงเลยเกือบห้าโมงเย็นแล้วก็ตาม ผมนั่งอยู่ใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ที่เหลือดอกสีชมพูประดับบนต้นไม่มาก เพราะร่วงหล่นลงมาเต็มพื้นและทางเดิน เมล็ดของต้นนี้ มีปีกบางสีขาวทั้งสองด้าน ลอยปลิวคว้างตามลมร้อนสู่ดิน

                ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราวเดือนกุมภาพันธ์ หากเป็นคน เราคงนึกถึงดอกไม้หอมสด ชอคโกแลตเข้มหวาน ในเดือนวันแห่งความรัก ไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้น ช่วงนี้สัตว์ป่า อย่างเช่น นก ก็อยู่ในช่วง ‘จับคู่’เช่นกัน

                นกกินปลีอกเหลืองคู่หนึ่ง ที่ตัวเมียขมักเขม่นขนวัสดุ อย่างเศษหญ้า มาสร้างรังรูปบวบแขวนไว้กับสายสลึงยึดเสารับคลื่นวิทยุ ในขณะที่สามีของเธอ เกาะอยู่ใกล้ ร้อง“วี้ด…วี้ด”คล้ายคอยระวังภัยให้คู่ชีวิต

                ดวงอาทิตย์เลิกงานไปแล้ว พระจันทร์เริ่มส่องสว่างรับช่วงต่อ เสียงร้องแหลมดัง “ชีเออ ชีเออ ชีเออ”แว่วมาในยามนี้ เจ้าของเสียง คือ นกเค้าจุด นกนักล่ายามรัตติกาลพวกเดียวกับนกฮูกตาโต ช่วงเดือนนี้ หากเฝ้าดู เรามักได้เห็น ‘ฉากรัก’ของทั้งคู่ หลังจากผสมพันธุ์ เจ้าตัวผู้ จะบินหายลับไปในความมืดสลัวของแนวพุ่มไม้ เพียงครู่เดียว เขาก็บินกลับมาพร้อมคาบอาหารมาด้วย อาหารที่คาบมา เป็นแมลงจำพวกจักจั่น แล้วเขาก็ป้อนให้เธอกิน

                ช่วงเดือนกุมภานี้ นกหลายชนิด จับคู่ผสมพันธุ์ พฤติกรรมน่ามอง อย่าง การป้อนอาหารให้กัน ซึ่งเป็นการเกี้ยวพาราสีหรือ ‘จีบ’กันก็แสดงในช่วงนี้เช่นกัน

                แล้วที่อยากบอก ก็คือ นกทั้งสองตัวที่พูดถึง พบได้ไม่ยาก แม้ในเมือง อย่างกรุงเทพฯ ก็ตาม

                อ้าว!แล้วไหนบอกว่า นกเป็นสัตว์ป่า ใช่ครับ,สัตว์ป่า ถ้าอยากพบเจอไม่ได้หมายความว่า เราต้องพาร่างกายขึ้นเขาลงห้วยไปหาสักหน่อย ก็สัตว์ป่า ไม่ได้จำกัดไว้ว่า ต้องเป็น ช้าง กระทิง หรือเสือ ฯลฯ เท่านั้น สัตว์ป่า ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในป่าเสมอไป สัตว์ที่อยู่อาศัยอยู่ได้เอง ดำรงชีวิตตามวิถีได้ในธรรมชาติ ดังนั้น นกกระจอกบ้าน นกพิราบ รอบๆ บ้าน ก็ใช่สัตว์ป่าทั้งนั้น

                ยังมีนกอีกหลายชนิด ที่อยากให้คุณรู้จักกัน เช่น นกอีแพรดแถบอกดำ นกกางเขนบ้าน นกขมิ้นน้อยธรรมดา นกตีทอง เป็นต้น นกเหล่านี้ พบได้ไม่ยากเลย ลองมองหารอบบ้านคุณดูสิครับ

                เดือนมีนาคม หนุ่มสาว (นก)หลายคู่เริ่มลงมือสร้างเรือนหอ เป็นรวงรังไว้เลี้ยงลูกน้อย นกขมิ้นน้อยธรรมดา สีลำตัวเหลืองเป็นสีหลักสมชื่อ บินเสาะหาใยแมงมุมมาเป็นวัสดุทำรังด้วย โดยสร้างรัง รูปร่างคล้ายถ้วยอยู่บนต้นไม้ ใยแมงมุม ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับรัง

                นกกางเขนบ้าน นกลำตัวสีขาวตัดดำเป็นสีหลัก กระดกหางขึ้นลง มักกระโดดหากินตามพื้นดิน คอยหากินหนอนและแมลง นกกางเขนบ้าน ทำรังไม่ค่อยเลือกหรอก อย่างกล่องรับไปรษณีย์หน้าบ้าน ก็อาจถูกยึดเป็นที่ฟูมฟักลูกน้อยได้ แม้แต่ศาลพระภูมิ เจ้าที่อารักษ์เจ้าของศาลอาจต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราว ถ้าถูกเจ้านกกางเขน ยึดทำรัง

นกตีทอง นกลำตัวสีเขียว มีหน้าผากสีแดง และรอบคอสีเหลือง กินลูกไม้เป็นอาหารหลัก เป็นพวกเดียวกับนกโพระดกที่มีปากขนาดใหญ่และหนา ใช้ในการเจาะกิ่งไม้ที่แห้งตายคาต้น เป็นโพรงขนาดพอตัว ไว้เป็นรังเลี้ยงลูก

ส่วนนกอีแพรดแถบอกดำ ซึ่งผมชอบเรียกมันว่า “นกหางพัด” เพราะหางของนกนี้ คลี่บานได้คล้ายกับพัดจีน เขาและเธอ ห่วงรังและลูกน้อยอย่างมาก หากมีสัตว์หรือคนเผลอเดินผ่านเข้าไปใกล้ จะบินมาโฉบตี พร้อมร้องเสียงดังทันที

สิ่งที่เหมือนกัน สำหรับรังของนกทุกตัว คือ การเลือกพื้นที่ สร้างอย่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม พูดได้ว่า หากไม่สังเกต ไม่ง่ายหรอกที่จะหารังของเธอเจอ

อย่างรังนกอีแพรดแถบอกดำรังหนึ่ง ที่สวนรถไฟ (สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ)สร้างรังไว้ปลายกิ่งของต้นมะขามเทศ ที่ยื่นกิ่งล้ำไปในบึงน้ำ เพื่อทำทุกหนทางให้ลูกน้อยมีชีวิตรอด การสร้างรังยื่นห้อยอยู่กลางน้ำ ช่วยป้องกันสัตว์ผู้ล่าที่ไม่สามารถมาทางน้ำได้ทางหนึ่ง ส่วนรังที่สร้างอยู่ปลายกิ่งนั้น หากมีผู้ล่า อย่างเช่น งูเข้ามา กิ่งไม้ย่อมสั่นไหว ส่งผลให้พ่อแม่ รู้ตัวก่อนที่สัตว์ผู้ล่าจะถึงรัง

หลังจากแม่นกวางไข่ ฟูมฟักดูแลราว 2-3สัปดาห์ (ช่วงเวลาฟักไข่ก่อนลูกออกมาเป็นตัวต่างกันไปในนกแต่ละชนิด)ไข่เริ่มมีการเคลื่อนไหว เปลือกไข่ด้านรีแหลม เริ่มมีรอยร้าว เศษเปลือกไข่แยกออก ร่วงออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลูกน้อยใช้ปาก ซึ่งที่ปลายจงอยปาก มีฟันเจาะไข่ เจาะหาทางออก เมื่อออกจากไข่แล้ว ต้องรออีกหลายชั่วโมงทีเดียว กว่าขนจะแห้ง ลูกอ่อนของนก มีสองประเภท คือ ลูกอ่อนเดินได้ คือออกจากไข่ ไม่นานก็สามารถเดินตามพ่อแม่ได้เลย ตัวอย่าง เช่น นกไก่ฟ้า ไก่ป่า เพราะ นกพวกนี้ วางไข่บนพื้นดิน จึงไม่สามารถนอนอยู่บนพื้นดินได้ เพราะ นั่นหมายถึง โอกาสที่จะรอดจากผู้ล่ามีน้อยเต็มที ส่วนอย่าง นกอีแพรดแถบอกดำ นกกางเขนบ้าน ฯลฯ ลูกอ่อน เป็นลูกอ่อนที่แรกเกิด ยังไม่มีขนคลุมตัว ตายังไม่ลืม จึงยังต้องอยู่ในรังก่อน

ประมาณสองสัปดาห์ หลังจากพ่อแม่คอยหาอาหารมาป้อน ตอนนี้ ลูกนกทั้งสองตัวในรัง โตจนรังที่นอนอยู่ตอนเล็ก ดูแคบเสียแล้ว ใกล้ถึงเวลาที่พ่อแม่ต้องพาลูกออกจากรัง พร้อมสอนบทเรียนต่างๆ ให้ลูกสามารถใช้ชีวิตในธรรมชาติได้รอด

ต้นเดือนเมษายน นกปรอดสวน 4 ตัว เกาะอยู่บนต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ด้วยกัน มีตัวหนึ่งในจำนวนนั้น คาบลูกไม้ของต้นอะไรสักอย่างไว้ในปาก ร้องส่งเสียงพร้อมกับนกอีกตัวข้างๆ ส่วนนกสองตัวตรงกลาง ตัวเล็กกว่า คงเป็นลูกของทั้งคู่ที่พึ่งออกจากรัง พ่อและแม่ จะเกาะห่างออกไป แล้วร้องเรียกลูกให้บินมาหา โดยใช้อาหารที่คาบไว้ เป็นสิ่งล่อ เมื่อเจ้าสองตัวน้อย บินมาใกล้ ก็บินออกห่าง เปลี่ยนไปเกาะยังต้นไม้อีกต้น พร้อมร้องเรียกให้ลูกไปหาอีก

ช่วงนี้ พ่อแม่นก สอนให้ลูกหัดบิน การมีชีวิตรอดของลูกสัตว์ ได้เรียนรู้ ถ่ายทอดจากพ่อแม่ เพราะเมื่อถึงเวลา ลูกนกทุกตัวก็ต้องบิน หากิน ทำหน้าที่ในธรรมชาติ ด้วยลมแรงปีกของตัวเอง แต่ไม่ใช่นกทุกตัวหรอก ที่มีโอกาสได้ใช้ปีกของตน

ตัดฉาก หมุนกล้องตามมาที่ตลาดนัดจตุจักร พลาซ่า ตลาดนัดวันเสาร์อาทิตย์ ที่ผู้คนพากันเลือกชมสัตว์เลี้ยง ที่นี่ มีสัตว์ทุกอย่างให้เลือกซื้อหา เริ่มตั้งแต่พื้นๆ อย่างหมา แมว ไล่ไปจนกิ้งก่าทะเลทรายคนละซีกโลก ก็ยังมีขาย แล้วที่มีวางขายเป็นกลุ่มกรง เรียงรายใกล้ทางเดิน คือ นกในธรรมชาติ ช่วงเดือนนี้ ลูกนกถูกล้วงออกจากรัง เท่าที่ผมเดินดูและนับคร่าวๆ ยอดจำนวนลูกนกเค้าจุดที่วางขาย ไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัว ยังไม่นับรวมลูกนกชนิดอื่นๆ ที่มักถูกนำมาขาย เป็นลูกป้อน โดยคนขายโน้มน้าวให้ลูกค้าเชื่อว่า “หากซื้อไปเลี้ยงตั้งแต่ตอนเล็กจะฝึกให้เชื่องได้ง่าย”

นี่คือ ภาพส่วนหนึ่งของการลักลอบค้าชีวิตนกในธรรมชาติ นกหลายชนิดถูกจับออกจากป่า ธุรกิจนี้ ยังดำเนินบั่นทอนจำนวนนกในธรรมชาติ ที่บางชนิดอาจมีเหลืออยู่ไม่มาก อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรา ในขณะที่ผู้ซื้อ อาจไม่รู้เลยว่า การซื้อนกที่หน้าตาแปลกๆ เสียงร้องเพราะๆ สักตัวหนึ่งไปเลี้ยง นกตัวนั้นอาจเป็นนกตัวสุดท้ายของชนิด ในประเทศไทยก็ได้

ไม่ได้พูดเกินความจริง เมื่อการลักลอบมาขาย ไม่ใช่การควบคุมประชากรกันเอง ระหว่างนกกับสัตว์ผู้ล่า ที่มีสมดุลอยู่แล้วในระบบนิเวศ เมื่อมนุษย์ไปทำให้มันน้อยกว่า ฝันร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คงอยู่ไม่ไกล ลองจำลองฝันร้ายนั่นดูก็ได้ หลับตา แล้วนึกถึงภาพนี้สิครับ

ภาพที่โลกนี้ ไม่มีนกอาศัยอยู่ในธรรมชาติเลย 

Comments

ความคิดเห็น

ความเห็นที่ 1

รังนกเปิดประทุน... cheeky

ไม่มีหลังคาแบบนี้ฝนตกไม่เปียกแย่เหรอคะ
 

ความเห็นที่ 2

เท่าที่สังเกตนะครับ รังนกในภาพถึงจะเปิดประทุน แต่ภาพถ่ายเน้นให้เห็นเฉพาะตรงตัวรังเท่านั้น จริงๆ แล้ว รังส่วนใหญ่อยู่ตรงกลางพุ่ม หมายถึง ด้านบนยังมีใบไม้ของต้นปกคลุมอยู่อีกชั้นหนึ่ง ลดความแรงของฝนได้ในช่วงแรกระดับหนึ่ง ทั้งนี้ แม่ก็กกด้วยเวลาฝนลง ถึงเวลาแดดร้อนก็ด้วย ถ้าไปเจอนกทำรังบนต้นไม้ในป่าเต็งรัง ช่วงที่เขาเลี้ยงลูกจะเป็นช่วงฤดูแล้งที่ต้นไม้ในป่านี้ผลัดใบ ท่ามกลางแดดร้อน เขาจะนอนกกลูกอยู่อย่างนั้น

แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดครับ ฝนลมก็เป็นปัจจัยในการลดอัตราการรอดตายของลูกนกเหมือนกัน แต่เป็นธรรมชาติของลูกสัตว์ อัตราการรอดตายจะสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นครับ

ความเห็นที่ 3

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ ผมก็ตามสังเกตเจ้านกกินปลีแถวบ้านครับเห็นมาทำรังไว้ เคยถ่ายรูปมาลงด้วย เฝ้าไปเฝ้ามาปรากฏว่า พ่อแม่นกหายไปซะแล้ว เหลือแต่รังไว้ไม่รู้ข้างในมีไข่หรือเปล่าผมก็ไม่ได้ปีนขึ้นไปดูเพราะตำแหน่งที่เค้าทำรังปีนขึ้นไปเอายาก ถ้าขะเอาลงมาดูก็ต้องใช้ไม้สอยก็เลยป่อยไว้อย่างนั้น เลยสงสัยว่าเป็นไปได้มั้ยที่พ่อแม่นก พาลูกที่ออกจากไข่แล้วย้ายรัง เพราะผมเองก็ไม่รู้ข้อมูลระยะเวลาในการฟักของนกกินปลี แต่เท่าที่สังเกตตอนนี้มี นกมาอยู่แถวบ้านหน้าตาแปลกเยอะมาก รวมทั้งสมาชิกเ อย่างพวกนกกินปลี นกกางเขน นกแอ่น นกกระจอก นกเขา นกเขาไฟ และอื่นๆ ที่ไม่รู้จัก

ความเห็นที่ 4

อ้อ ลืมไปเรื่องนึงครับช่วงนี้ได้ยินเสียงนกชนิดหนึ่งจะร้องตอนช่วงกลางวัน เสียงร้อง "อูด...อูด..." เด็กที่ร้านบอกว่านกกระปูด จะใช่นกระปูดหรือครับ แฟนผมอยู่ที่บ้านก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

ความเห็นที่ 5

ครับ คุณตะขาบยักษ์ ถ้าช่วงเวลาที่เขาเลี้ยงลูกนั้น ประมาณสองอาทิตย์ ราว 15 วัน นับตั้งแต่หลังจากที่ลูกนกออกจากไข่ จนพ่อแม่พาบินอกจากรังน่ะครับ เป็นไปได้ที่นกกินปลีอกเหลือง ครอบครัวนี้อาจออกไปแล้ว เอาเวปนี้มาฝากครับ เป็นกลุ่มศึกษษนิเวศวิทยาของนกจากสิงคโปร์ กับภาพอาหารที่นกกินปลีอกเหลืองนำมาป้อนลูกครับ จากเวปนี้อีกเช่นกันhttp://besgroup.talfrynature.com/2009/03/01/nesting-of-olive-backed-sunbird-in-the-hdb-heartland/ 

ความเห็นที่ 6

เช่นกันครับ ผมก็ลืมตอบรวมกับกระทู้บน น่าจะใช่ ถ้าเสียงร้อง "ปูดๆๆ" ถ้านึกไม่ออก คุณตะขาบยักษ์นึกถึงเพลงลูกทุ่งคลาสสิก อย่างที่ร้องว่า นกกระปูดตาแดงน้ำแห้งก็ตาย แล้วจะมีเสียงร้องต่อว่า ปูดๆๆๆ ถ้าเสียงเดียวใช่เลยครับ น้ำลงๆ เมื่อเดือนยี่ หัวใจพี่นี้ แห้งเหมือนดังผุยผง