โพรงรังอันว่างเปล่า

งานมงคลสมรส อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ห้วงยามที่บรรยากาศแห่งความสุขของเจ้าบ่าว เจ้าสาว กำลังดำเนินไปตามจังหวะบทเพลงจากวงดนตรีคณะใหญ่ บนท้องฟ้ากลับปรากฏเพียงจันทร์เสี้ยวอันพร่าเลือน...
เมฆฝนซึ่งตั้งเค้ามาแต่ไกลเริ่มเข้าปกคลุม ปกคลุมกระทั่งจันทร์เสี้ยวสิ้นแสงงาม...
พลันที่ฟ้าไร้ดาว สายลมหอบเอาละอองฝนไอชื้น กระเซ็นสายมาพอให้แขกเหรื่อสัมผัสถึงความชุ่มเย็น...
“เทือกเขาบูโดทาบทะมึนไกลมากมายความลับ กี่ดวงชีวิตที่มอดดับ สังเวยความเชื่อแยกดินแบ่งฟ้า...”
ท่ามสภาพอากาศขมุกขมัว ผมกลับได้ยินถ้อยประโยคดังกล่าวจากเพลงลูกทุ่งยอดนิยมอย่างชัดเจน ชัดเจนจนต้องนึกถึงบางเรื่องราวในดินแดนแห่งเดียวกันนั้น...
. . .
 
แคมป์ริมลำห้วยเล็กๆ
เทือกเขาบูโด อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี

“เป็นไงบ้างครับพี่ทศ...” พี่ปรีดา เทียนส่งรัศมี จากโครงการศึกษาและวิจัยนกเงือก เอ่ยถาม พี่ทศ ช่างภาพอิสระที่อาสาเข้ามาช่วยงานของโครงการฯทันทีที่กลับมาถึงแคมป์...
“รออยู่สามชั่วโมง ทั้งสองตัวบินวนเวียนมาใกล้ๆ บางทีก็เข้าไปส่องดูในโพรงบ้างแต่ไม่เห็นเข้าป้อน เหมือนกำลังจีบกันใหม่ๆมากกว่า...” พี่ทศ พูดก่อนปลดเป้หลังและนั่งลงบนก้อนหินใกล้ตัว...
“แบดิงมาเช็คโพรงล่าสุดตอนไหน แน่ใจนะว่ามันเข้าโพรงแล้ว...” พี่ปรีดา ถาม แบดิง ผู้อาวุโสแห่งหมู่บ้านอนุรักษ์นกเงือกใน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเรี่ยวแรงสำคัญของโครงการฯ...
“...เข้านานแล้ว มาดูกับมาโซสองสามอาทิตย์ที่แล้วยังเห็นป้อนอยู่เลย...” แบดิงหยุดคิดชั่วขณะ และตอบกลับด้วยภาษาไทยในสำเนียงมลายู...
“ถ้านับตามข้อมูล ตอนนี้ถึงเวลาที่ตัวเมียจะออกจากโพรงมาช่วยตัวผู้หาอาหารแล้ว แต่จากที่ฟังมามันมีอะไรผิดปกติอยู่นะ ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะย้อนกลับไปดูอีกที...” การทำงานกับนกเงือกทั้งหกชนิดบนเทือกเขาบูโดมานานนับสิบปี พี่ปรีดา จึงรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง...
ความเงียบเข้าครอบคลุมบริเวณแคมป์เล็กๆ กระทั่งได้ยินเสียงจากธารน้ำใกล้ๆอย่างชัดเจน แววตาเป็นกังวลของทุกคนในทีมสำรวจบอกให้รู้ว่า “คนเล็กๆเหล่านี้จริงจังกับงานของพวกเขาเพียงใด” ...

“นกกก จะเหมือน นกเงือกหัวแรด ตอนอยู่ในโพรงรังช่วงฟักไข่จะผลัดขนไปด้วย พอขนชุดใหม่ขึ้นสมบูรณ์เต็มตัวจึงจะออกจากโพรงมาช่วยตัวผู้หาอาหาร...” พี่ปรีดา เล่าถึงพฤติกรรมของ นกกก ขณะล้อมวงกินข้าวเย็น ช่วงเวลาเดียวกันนั้น นกกกตัวผู้ บินผ่านเหนือวงข้าวไปเกาะอยู่บนกิ่งต้นยางไม่ไกลจากเรานัก
“ท่าจะมาแอบดูพวกเรา ตัวนี้ขยันน่าดู ใกล้ค่ำแล้วยังไม่เลิกป้อนอีก สงสัยเป็นพวกชอบงานหนัก...” พี่จอย เจ้าหน้าที่โครงการฯ เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ...
ไม่เพียงนกกกตัวนี้เท่านั้น ที่กรำงานเพื่อหมายให้ครอบครัวของตนอยู่รอด หากเจ้าหน้าที่ของโครงการฯก็เช่นกัน พวกเขาลงแรงทำงานหนักไม่ต่างไปจากชีวิตที่กำลังดูแล ดูแลเพื่อจะได้เห็นชีวิตเหล่านั้นโบยบินอย่างเสรี...

เราแยกย้ายขึ้นเปลนอน หลังกินข้าวเย็นไม่นาน แม้ดาวจะเต็มฟ้า หากความเงียบเหงาภายในแคมป์ การพูดคุย แหย่เย้าที่น้อยลงได้แสดงออกถึงความห่วงใยของทุกคนต่อโพรงรังที่พี่ปรีดาจะไปตรวจสอบวันพรุ่งนี้...

“มาโซไปกับผม อ๊อบไปโพรงสามกับแบดิง พี่ทศ จอยและอาบัส ไปโพรงสุดท้ายริมลำธารชายเขา แล้วเจอกันที่รถข้างล่างเลยนะครับ...” พี่ปรีดา แบ่งหน้าที่ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามตำแหน่งของตนเอง...

กว่าสามสิบนาทีในการไต่ไปตามทางชัน ในที่สุดก็มาถึงซุ้มบังไพรถาวรที่ทางโครงการฯสร้างไว้สำหรับศึกษาพฤติกรรมนกเงือกโดยเฉพาะ หลังจากตรวจตราดูความปลอดภัยภายในซุ้มและจัดวางอุปกรณ์ถ่ายภาพเป็นที่เรียบร้อย
ครั้นได้มองผ่านช่องภาพ เพื่อหาระยะโฟกัสและวัดแสงไว้รอ ภาพที่ปรากฏภายในช่องมองภาพทำให้ผมต้องตะโกนเรียก แบดิง ที่ยังไปไม่ไกลให้กลับมา ด้วยปากโพรงที่เปิดกว้างเป็นตัวบอกว่านกกกทิ้งโพรงรังแห่งนี้ไปแล้ว...
“น้ำเข้าโพรงไปขังอยู่ข้างในทำให้มันต้องออกมาก่อนเวลากำหนด...” พี่จอย บอกสาเหตุการทิ้งรัง หลังจากเดินสำรวจรอบๆพื้นที่...
“เฮ้อ มาสำรวจห้าโพรง ได้รู้ข้อมูลแน่ๆแค่หนึ่งอยู่เลย ปีนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วงเหมือนกันนะ...” พี่จอย ตัดพ้อก่อนออกนำทางไปยังโพรงรังสุดท้ายที่เราหวังว่ามันจะไม่ใช่ “โพรงรังอันว่างเปล่า”...

ทางเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขา บางคราวไต่ขึ้นเนินชันสลับกับดิ่งลงหุบลึก หรือบางครั้งต้องตัดเส้นทางสายใหม่ ความลำบากเช่นนี้หาได้ทำให้ทุกคนท้อถอยหรือล้มเลิกภารกิจ เราใช้เวลาราวสามชั่วโมงก็มาถึงยังโพรงรังสุดท้าย พี่ทศเก็บภาพได้ตามตั้งใจ รอยยิ้มกลับมาสู่ใบหน้าของคนทำงานเล็กๆกลุ่มนี้อีกครั้ง...

“มีคนไปกวนรังมันรึเปล่า...” พี่ปรีดาถามแบดิงทันทีที่เรามาถึงจุดนัดพบสุดท้าย พร้อมกับยื่นเสื้อยืดที่ตกอยู่ใต้โพรงรัง อันเป็นหลักฐานสำคัญให้รู้ว่ามีคนบุกรุกเข้าไป...
แบดิง เอื้อมมือหยิบเสื้อไปตรวจดูก่อนส่ายหน้าแทนคำตอบ...
“ลูกนกน่าจะถูกล้วงเอาไปแล้ว...” พี่ปรีดา เอ่ยขึ้นเพียงแผ่วเบา แม้จะทำงานกันอย่างหนักและต่อเนื่องเพียงใด หากนั่นก็หาได้หมายความว่า นกเงือกทุกตัวที่อาศัยอยู่ในเทิอกเขาบูโดจะได้รับความปลอดภัย ตราบใดที่พวกมันยังอยู่ในความต้องการของคนบางกลุ่ม...

จากความจริงที่เกิดขึ้น ส่งให้ “งาน” ของคนเล็กๆกลุ่มนี้ดูจะหนักหนาสาหัสมากขึ้นกว่าเดิม...
หลายคนมองไปที่เสื้อยืดตัวนั้น ก่อนจะหันหน้าไปยังทิศทางของโพรงรังอันว่างเปล่า บางคนหลบตาลง บางคนหยุดนิ่งเนิ่นนาน ในท่ามความผิดหวัง เสียใจ ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน คนเล็กๆเหล่านี้จะกลับมามุ่งมั่นทำงานหนักของตนเองต่อไป ด้วยพวกเขายังมีความหวังอยู่เสมอว่า “งาน” ที่ทำจะช่วยให้ “ชีวิต” บนเทือกเขาบูโดดำรงอยู่ได้โดยปลอดภัย...
. . .
 
“ในวันดีๆ ที่ไม่มีสถานการณ์ สาวเว้ายาวีกับบ่าวอิสานเคยยิ้มให้กันแบ่งปันน้ำใจ ต่างภูมิลำเนาแต่ว่าเฮาก็เป็นคนไทย...” เนื้อเพลงดังกล่าวเรียกสติผมให้คืนสู่ความจริงตรงหน้า...
สายลมหอบเอาเมฆฝนผ่านพ้นไปแล้ว จันทร์เสี้ยวกลับมาฉายแสงงามเช่นเคย และแม้ค่ำคืนนี้ ณ อ.ปากช่อง จะถูกแต้มเติมด้วยแสงระยับของดวงดาวที่อวลรับกับความสุขจากงานวิวาร์มากมายเพียงใด หากสำหรับค่ำคืนเหนือขุนเขาไกลๆก็ยังคงความมืดมิดอยู่เช่นเดิม...
พลันที่ละสายตาจากท้องฟ้า ผมตั้งใจหันกลับมามองดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาที่อยู่เคียงข้างผมตลอดระยะเวลาสี่เดือนในผืนป่า ไม่สั้นไม่ยาวเกินไปนักสำหรับกาลเวลาเช่นนี้ แต่ในหลายๆสถานการณ์ที่ผ่านพบ ดวงตาคู่นี้ได้ทำให้ผมรู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีที่ทางอันปลอดภัยสำหรับ “เรา” อยู่จริง... 
 
. . .

Comments

ความคิดเห็น

ความเห็นที่ 1

คารวะทุกท่านที่เสียสละทำงานอนุรักษ์อยู่ในป่าเขาที่ลำบากและเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ทุกท่านครับ

ความเห็นที่ 2

อ่านแล้วเครียด อยากตามพี่ทศ ไปลุยบูโดบ้างจัง

ความเห็นที่ 3

สู้สู้ค่ะ ให้กำลังใจทุกท่านที่ต่อสู่เพื่อผืนป่าและสัตว์ป่าด้วยใจจริง